แชร์

ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น

บทที่ 1

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ตำหนักอ๋อง

ในห้องฝั่งปีกตะวันออก ถัดจากเตียงแกะสลักขาดใหญ่ มีเสื้อผ้าเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้อง

ลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง นางมองดูรอยยุ่งเหยิงบนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว

แสงแดดส่องกระทบรอยสีแดง ทำให้นึกไปถึงชายห้าหกคนที่บุกเข้ามาในห้องหอเมื่อคืนนี้ ความอัปยศอดสู และความโกรธค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาโจมตีนางอย่างหนักหน่วง

น้ำตาแห่งความรู้สึกอัปยศเอ่อล้นในดวงตา

“จะร้องไห้ทำไม ในเมื่อเจ้าได้แต่งงานกับท่านอ๋องอย่างที่หวังไว้ ก็ควรจะดีใจมิใช่รึ?”

เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้น ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปที่กระดูกสันหลังของลั่วชิงยวน นางหันกลับไปด้วยความตกใจ

เห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ รูปร่างสง่างามและน่าเกรงขาม สายตาเย็นชา และไม่แยแสนั้นจับจ้องมา ราวกับมีดที่กำลังกรีดเลือดของนาง

บางสิ่งกำลังระเบิดในหัว ลั่วชิงยวนรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ “ท่านอ๋อง… ท่านอยู่ตรงนี้มาตลอดเลยหรือเพคะ?”

น้ำเสียงไม่แยแสกล่าวขึ้น “วันอภิเษกสมรสของข้ากับเจ้า ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วข้าควรจะอยู่ที่ใดเล่า?”

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เลือดทั่วร่างพลันแข็ง

มองดูรอยยับบนเตียง นึกถึงคนที่บุกเข้ามาในห้องหอเมื่อคืนนี้ นางรู้สึกละอายใจ และโกรธเป็นอย่างมาก ชายผู้ที่ควรจะร่วมหอด้วย กลับนั่งอยู่ในห้องนี้ทั้งคืนและมองดูชายเหล่านั้นฉีกเสื้อผ้าของนาง…

“เหตุใดท่านถึงทรงเกลียดชังหม่อมฉันได้มากเพียงนี้เพคะ!” นางทรุดตัวลงกรีดร้อง น้ำตาไหลริน

ชายที่รักมากที่สุด สั่งให้คนรับใช้มาพรากพรหมจรรย์ของนาง ทำลายนางทั้งกายและใจในคืนวันแต่งงาน

หัวใจราวกับถูกเขาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ มันเจ็บปวดจนยากที่จะหายใจ

นางชื่นชมเขาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่อก่อนฮองไทเฮาเคยชื่นชมทั้งสองว่าช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก สมบูรณ์แบบดั่งสวรรค์สร้าง และยังบอกว่าจะให้ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อโตขึ้น

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดลอยลม แต่นางก็จำไม่เคยลืม

แต่เมื่ออายุได้สิบสามปีนางก็เกิดป่วย ทำให้นางมีรูปร่างอ้วนท้วม และหน้าตาน่าเกลียด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สิ่งที่นางพบเจอคือสายตาที่เย็นชา และน้ำเสียงเยาะเย้ย มีเพียงสายตาจากเขาเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง นางจึงสาบานว่า ถ้าหากไม่ใช่เขา นางก็จะไม่แต่งงานเป็นอันขาด

แต่หลังจากที่รอแล้วรอเล่า สิ่งที่รอกลับเป็นการแต่งงานระหว่างเขากับน้องสาวต่างมารดาของนาง

นางไม่เต็มใจที่จะเป็นได้เพียงคนแปลกหน้ากับเขา ดังนั้นเมื่อน้องสาวขอให้นางแต่งงานแทน นางจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

นางคิดเพียงว่า ขอแค่ได้แต่งงานกับเขา สักวันหนึ่ง นางคงจะสามารถเอาชนะใจเขาได้

คืนวันแต่งงานที่เฝ้ารอ กลับกลายเป็นคืนแห่งความอัปยศที่แสนเจ็บปวด

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาทำเสียงขันเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ และมองลงไปที่นาง

“เกลียดงั้นรึ? เจ้ามองตัวเองสูงส่งเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ขยะแขยง และรังเกียจเจ้าก็เท่านั้น!”

ไส้ศึกอย่างนางกล้าดีอย่างไรมาแต่งงานแทน และหวังที่จะเป็นชายาของเขา? แถมยังกล้าคิดร้ายต่อเขาอีก!

เมื่อฟังคำพูดของเขา เสียงของลั่วชิงยวนก็เสียงแหบแห้ง “เช่นนั้น ท่านก็เลยสั่งให้คนมาทำร้าย และทำลายชื่อเสียงของหม่อมฉัน…”

นางคว้าแขนเสื้อของเขาอย่างไม่พอใจ และถามต่อด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ถ้าหากว่า หม่อมฉันไม่ได้น่าเกลียดเพียงนี้ ท่านจะชอบหม่อมฉันบ้างหรือไม่?”

ท่าทางที่บ้าคลั่งของนาง ยิ่งทำให้นางดูน่ารังเกียจในสายตาของฟู่เฉินหวน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาจับคางของนางอย่างแรง ราวกับอยากจะบีบให้แตกคามืออย่างไรอย่างนั้น “ถึงแม้ว่าเจ้าจะหน้าตาราวกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่ข้าก็ยังคงคลื่นไส้อยู่ดี!”

หลังจากพูดจบ มือที่บีบคางนางอยู่ก็สะบัดออกอย่างแรง

ลั่วชิงยวนถูกผลักลงนอนบนเตียง ผ้าห่มหลุดออกเผยให้เห็นรอยฟกช้ำตามร่างกาย ดวงตาเย็นชาของชายคนนั้นกวาดมองนาง ซึ่งทำให้นางรู้สึกอับอายยิ่งนัก

ฟู่เฉินหวนเดินจากไปด้วยความขยะแขยง

ลั่วชิงยวนมองภาพที่เขาเดินจากไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง นางสะอึกสะอื้นออกมาด้วยความว่างเปล่า “หม่อมฉัน… หม่อมฉันผิดไปแล้ว…”

เมื่อเดินไปถึงประตู เขาชะงักเล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนจะเดินจากไป

มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะขอให้จักรพรรดิออกสารแต่งงานระหว่างเขากับลั่วเยวี่ยอิง แต่กลับถูกผู้หญิงที่น่าขยะแขยงคนนี้ทำให้ยุ่งเหยิงไปหมด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ นัยน์ตาเขาก็แข็งกร้าวขึ้น พลางกำมือแน่น

หลังจากนั้นไม่นาน นางรับใช้สองคนก็เข้ามาในห้องพร้อมกับถังน้ำ ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็ย่อตัวลงไปที่มุมเตียง นางกำผ้าห่มแน่นเพื่อปกปิดร่างกาย แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดร่องรอยได้ทุกที่

สายตาแปลก ๆ นั้นทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง

ถัดจากผนังกั้น เสียงของนางรับใช้คุยกันดังเข้ามา

“แย่กว่าที่ได้ยินมาเสียอีก เมื่อคืนนี้นางแต่งงานแทนได้อย่างไรกัน คุณหนูรองผอมกว่ามากนัก เกี้ยวที่ส่งไปรับเจ้าสาวมองไม่ออกกันหรืออย่างไร?”

นางรับใช้เอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนางข้ามาในตำหนักได้อย่างไร นางทำร้ายคุณหนูรองจนหมดสติ ก่อนที่ตัวนางจะเข้าไปในห้องหอ เมื่อคืนนี้ท่านอ๋องทรงดื่มหนัก พอเข้าไปในห้องหอก็เกือบจะโดนนางจัดการ! โชคดีที่ท่านอ๋องของเรารู้สึกตัวเร็ว ไม่อย่างนั้นได้โดนหมูตัวนี้ทำให้เป็นมลทินแน่ ๆ !”

"สวรรค์ ไม่ละอายใจเอาซะเลย! เป็นคางคกยังอยากจะกินเนื้อหงส์!"

เสียงเหล่านั้นชั่งแหลมคม นางสัมผัสได้ถึงความดูถูกและความขยะแขยงผ่านกำแพงนั้น

แม้แต่คนใช้เหล่านี้ยังรู้สึกเช่นนั้น ในใจของฟู่เฉินหวนคงจะต้องเกลียดนางมากเป็นแน่…

ไม่สิ แม้แต่คำว่าเกลียดนางก็ยังไม่คู่ควรด้วยซ้ำไป

ลั่วชิงยวนกำผ้านวมแน่น ใบหน้าของนางซีดเผือด ทั้งอับอายและว้าวุ่น ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมา นางสะอึกสะอื้น “หากย้อนเวลาได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านโกรธ เกลียด…”

นางรับใช้สองคนที่ยังไม่ได้เดินออกไป จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงโครมครามในห้องดังขึ้น พากันตกใจรีบหันหลังวิ่งกลับเข้ามาในห้องทันที

ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้นจากในห้อง "ช่วยด้วย! พระชายาปลิดชีพตัวเอง!"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
prapa
ยังไม่เข้าใจเนื้อเรื่อง
goodnovel comment avatar
ภาณุพัฒน์ เงียบสดับ
เติมเงินไม่ได้ครับ
goodnovel comment avatar
บุญมี ศรีสุพัน
เรื่องนี้ พระเอกโง่มาก นิยายแอพนี้ ไม่พระเอกโง่จัด ก้อนางเอกโง่จัด เรื่องที่พอดีๆ ก้อไม่อัพอีก เซ็งงงงง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1540

    “เจ้าอยู่ในตระกูลฉีนานเท่าใดแล้ว คุ้นเคยกับตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลฉีหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามจูลั่วตอบว่า “คุ้นเคย”จากนั้นจูลั่วก็วาดแผนที่เมืองอวิ๋นโจวแบบง่าย ๆ และแผนที่ของจวนตระกูลฉีแบบละเอียด แล้วมอบให้ลั่วชิงยวนหลังจากลั่วชิงยวนจดจำแผนที่ได้แล้วก็มอบแผนที่ให้โฉวสือชี“วันพรุ่งเมื่อเข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว จงติดต่อคนของเราให้พร้อมก่อน สือโท่วเป็นคนในเมืองอวิ๋นโจว เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาพลิกแพลงตามสถานการณ์”“ต้องช่วยฉีอวี้ออกมาให้ได้”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นทั้งสามก็รอจนฟ้าสาง แล้วจึงตามขบวนคาราวานของเถ้าแก่จี้เข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวคืนนั้นอวิ๋นเฟิงก็มิกลับมา การที่ฉีอวี้ถูกจับตัวไปย่อมเป็นฝีมือเขาแน่นอนคณะเดินทางเข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวได้อย่างราบรื่นบนถนนคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นและมีขบวนเจ้าสาวกำลังเดินสวนมาท่าทางโอ่อ่าสง่างาม ผู้คนตามท้องถนนต่างหลีกทางไปสองข้างกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ขบวนทั้งหมดมีคนนับร้อยเกี้ยวเจ้าสาวหรูหราอลังการ ผ้าคลุมหน้าประดับลูกปัดระยิบระยับแกว่งไกวส่งเสียงกังวานเพียงแต่มองเห็นเงาร่างในเกี้ยวได้มิชัดเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1539

    โฉวสือชีพลันตื่นตระหนกขึ้นมา “นางมิได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ?”“นางมาช่วยดับไฟ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วหลายคนรีบออกค้นหาคนในขบวนคาราวานปลอดภัยแล้ว สินค้าก็มิเสียหาย เถ้าแก่จี้จึงให้ทุกคนล้มเลิกการดับไฟ แล้วถอยห่างจากเปลวเพลิงลั่วชิงยวนถามเถ้าแก่จี้ “ท่านเห็นเด็กสาวอีกคนในคณะของเราหรือไม่?”เถ้าแก่จี้ส่ายหน้า “มิเห็นเลยขอรับ”จากนั้นลั่วชิงยวนและโฉวสือชีก็แยกกันค้นหา แทบจะพลิกค้นไปทั่วทั้งลานบ้านมิพบฉีอวี้!เพียงชั่วพริบตาเดียว ฉีอวี้ก็หายตัวไปแล้ว!โฉวสือชีกระวนกระวายใจยิ่งนัก “นางคงมิได้กระโจนเข้าไปในกองไฟเพื่อช่วยข้ากระมัง?”เมื่อกล่าวจบ โฉวสือชีก็แบกผ้าห่มที่เปียกชุ่มผืนหนึ่ง แล้วกระโดดเข้าไปในกองไฟทันทีเขามิได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยคนที่อยู่ภายนอกยังคงสาดน้ำช่วยดับไฟลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด “ไม่สิ หากฉีอวี้หาคนมิเจอ นางคงมิอยู่ข้างในนานถึงเพียงนั้น”เมื่อนึกถึงสตรีในกำแพงที่เคยตรึงนางไว้ในคืนนี้ ลั่วชิงยวนก็ใจหายวาบมิได้มาเพราะนางแต่มาเพราะฉีอวี้!เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสำนักเทียนฉยงก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย“ออกไปค้นหา!”ลั่วชิงยวนและจูลั่วรีบวิ่งออกจากเรือน ไล่ตาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1538

    ลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เมื่อพลิกกายลุกขึ้นก็เห็นฉีอวี้กลิ้งตกจากเตียงนางรีบก้าวเข้าไปถาม “เจ้าเป็นกระไรไป?”ใครเล่าจะรู้ว่าฉีอวี้กลับแสดงท่าทีตอบโต้รุนแรง “อย่าแตะต้องข้า! อย่าแตะต้องข้า!”ฉีอวี้คว้าเก้าอี้แล้วลุกขึ้นเตรียมจะทุ่มใส่ลั่วชิงยวนแต่เมื่อเห็นใบหน้าของลั่วชิงยวน ฉีอวี้ก็หยุดมือใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวพร้อมหายใจถี่ และมองซ้ายมองขวาท่าทางหวาดระแวงอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นว่าฉีอวี้หวาดกลัวมาก แสดงว่าคงถูกอะไรบางอย่างทำให้ตกใจทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงพลังหยินแต่มิได้ปรากฏอยู่ในห้องแล้วลั่วชิงยวนก้าวไปเปิดประตูหมายจะออกไป แต่ฉีอวี้ก็รีบคว้ามือของนางไว้ด้วยความหวาดกลัวลั่วชิงยวนหยิบยันต์แผ่นหนึ่งแปะลงบนตัวฉีอวี้ “เจ้าจงอยู่ในห้องนี้”“ข้าจะไปดูว่าเกิดกระไรขึ้น”ฉีอวี้พยักหน้า แล้วกำชับว่า “เช่นนั้นท่านระวังตัวด้วย”ลั่วชิงยวนเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตูอย่างระมัดระวังในลานบ้านยังคงเงียบสงัด มิรู้ว่าคนอื่น ๆ เหนื่อยเกินไปจนมิตื่นเพราะเสียงร้องของฉีอวี้ หรือว่าถูกอะไรบางอย่างทำให้หมดสติไปแล้วลั่วชิงยวนเดินออกจากห้อง แล้วหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1537

    แต่หากพวกเขาต้องการที่จะพบเจอของดีในตลาดมืด ส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยการแย่งชิงและโชคชะตาไม่มีผู้ประกอบการคนใดมิปรารถนาที่จะร่วมมือกับตลาดมืดเมื่อเถ้าแก่จี้ได้ยินดังนั้นก็ยินดียิ่งนัก รีบตอบรับ “คุณหนูใหญ่กล่าวมาถึงเพียงนี้ หากข้ามิรับปาก ก็จะเป็นผู้มิรู้จักความดีงามแล้ว!”“มิขอปิดบัง คราวนี้พวกเรามาตลาดมืดเพื่อตามหาสมบัติโบราณบางอย่าง แต่… สุดท้ายก็มิได้สิ่งใดกลับมาเลย”“คนในตลาดมืดชอบทำการค้ากับคนรู้จัก เพราะคนรู้จักเชื่อถือได้มากกว่า พวกเราเพิ่งเคยมาตลาดมืดเป็นครั้งแรก การซื้อของจึงไม่มีข้อได้เปรียบมากนัก”“ข้าเดินทางไปมาระหว่างแคว้นเทียนเชวียและแคว้นหลี คราวนี้ก็ตั้งใจจะขยายกิจการให้กว้างไกลกว่าเดิม หากคุณหนูใหญ่ยินดีร่วมมือกับขบวนคาราวานของพวกเรา ข้ารับรองว่าจะมิทำให้คุณหนูใหญ่ผิดหวัง!”“จะมิทำให้พวกท่านขาดทุนแน่นอน!”เถ้าแก่จี้ก็แสดงท่าทีและความตั้งใจของตนเองออกมาอย่างชัดเจนเรื่องนี้ทำให้ลั่วชิงยวนวางใจยิ่งขึ้น เถ้าแก่จี้ผู้นี้ดูแล้วเป็นคนไว้ใจได้“ดี เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้เถิด”“คนของข้าจะติดตามขบวนคาราวานไปยังเมืองอวิ๋นโจวในอีกสองสามวันนี้”เถ้าแก่จี้เห็นว่าพวกนางรีบร้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1536

    เฉินชีเหาะวูบเดียวก็ลงสู่พื้นอย่างมั่นคงลั่วชิงยวนจึงควบม้าเร่งความเร็ว มินานก็ไล่ตามฉีอวี้และโฉวสือชีทันฉีอวี้แทบจะต้องเช็ดน้ำตาขณะควบม้าวิ่งไปข้างหน้าไปด้วย มิอยากหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว นางร้อนใจยิ่งนักพวกเขารีบเดินทางทั้งวันทั้งคืน เปลี่ยนม้าสี่ครั้งกลางทาง ใช้เวลาหกวัน จึงมาถึงนอกเมืองอวิ๋นโจวแต่ที่ด่านตรวจป้องกันเมืองนั้นเข้มงวดเป็นพิเศษ ทุกคนต้องได้รับการตรวจค้น สินค้าก็ต้องได้รับการตรวจค้น มิให้เข้าเมืองโดยง่ายลั่วชิงยวนและพรรคพวกยิ่งมิอาจเข้าเมืองได้จากนั้นลั่วชิงยวนจึงพาทุกคนไปหลบในป่าก่อนนางสั่งการว่า “ไปซื้ออาภรณ์ชาวบ้านมาเปลี่ยน แล้วแบ่งกลุ่มติดตามผู้อื่นเข้าเมือง”“เมื่อเข้าเมืองแล้วค่อยรวมตัวกัน!”จากนั้นโฉวสือชีก็รีบพาคนไปหาอาภรณ์จำนวนมากมาพวกเขาสวมทับอาภรณ์เดิมเพื่อปลอมตัวเมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จแล้ว ลั่วชิงยวนและโฉวสือชีก็พาฉีอวี้และจูลั่วปะปนอยู่ในขบวนคาราวานเข้าเมืองไปได้อย่างราบรื่นลั่วชิงยวนพบว่าทหารที่ด่านตรวจเกือบทั้งหมดมุ่งเน้นการตรวจค้นรถม้าและเกี้ยว ดูเหมือนจะเน้นตรวจค้นครอบครัวของเศรษฐีเมื่อเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย จูลั่วนำกระดาษแผ่นห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1535

    ขณะนี้ฉีอวี้ยังคงห่วงใยลั่วชิงยวน“เจ้าควรกลับไปอวิ๋นโจว”“หา? เหตุใดหรือเจ้าคะ?”เมื่อสิ้นคำนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่!”มองไปตามเสียงจึงเห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา แต่ถูกผู้คุ้มกันคนหนึ่งขวางไว้ มิให้เข้าใกล้ลั่วชิงยวนเมื่อฉีอวี้เห็นผู้มาเยือนก็ตกใจ “สือโท่ว เจ้ามาได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนสั่งว่า “ให้เขาเข้ามาเถิด”จากนั้นชายที่ชื่อสือโท่วก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา“คุณหนูใหญ่ เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”ฉีอวี้พลันเกิดความรู้สึกมิดี “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”สือโท่วมีสีหน้าเศร้าโศก น้ำเสียงแฝงด้วยการร่ำไห้ “คุณหนูใหญ่ บ้านเราสิ้นแล้ว…”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉีอวี้ก็ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง“ว่ากระไรนะ? เจ้าพูดอะไร?!” ฉีอวี้มองเขาด้วยความเหลือเชื่อสือโท่วปาดน้ำตา “ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยิน…”“จวนเจ้าเมืองถูกสังหารสิ้นในชั่วข้ามคืน…”ฉีอวี้ได้ยินดังนั้นก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทรุดตัวถอยหลังไปสองก้าวเมื่อโฉวสือชีได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเช่นกันกระไรนะ? จวนเจ้าเมืองหรือ?เพียงแต่เขายังมิทันได้ถามมาก ก็รีบประคองฉีอวี้โดยสัญชาตญาณลั่วชิงยวนใจหายวาบ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เกิดเรื

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status