Share

บทที่ 4

Author: หว่านชิงอิ๋น
ดวงตาของนางแดงก่ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

นางปิดประตู ยกมือขึ้นกดหน้าอกที่ยังปวดอยู่ พลางเดินกลับไปนั่งทำสมาธิบนเตียง

การมาเข้ามาอยู่ในร่างนี้ นางแทบจะไม่มีพละกำลัง

นางคือนักบวชที่ทุกคนต่างเคารพในแคว้นหลี่ นอกเหนือจากทักษะพิเศษด้านฮวงจุ้ย การอ่านโหงวเฮ้ง และการทำนายดวงชะตาแล้ว นางยังมีวรยุทธที่น่าเกรงขาม แบบหนึ่งต่อร้อย

เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็คิดถึงร่างกายของตนเองเป็นอย่างมาก นางฝึกฝนวรยุทธตั้งแต่ยังเด็ก เส้นลมปราณของนางค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ข้ารับใช้เหล่านี้ไม่สามารถจะกลั่นแกล้งนางได้

น่าเสียดาย บัดนี้ร่างกายของนางน่าจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว…

พอกลับมาที่ห้องตำรา ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

ซูโหยวเดินมาเคาะประตู “ท่านอ๋อง คืนนี้ยังจะส่งชายพวกนั้นไปแกล้งขู่คุณหนูลั่วอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

พอได้ยิน ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก “ช่างเถอะ”

เมื่อคืนนี้เขาได้สั่งสอนนางไปแล้ว หากขู่นางอีก นางคงแกล้งปลิดชีพตนไม่จบไม่สิ้นเสียที

และถ้าหากนางตายขึ้นมาจริง ๆ คงจะรายงานกับจวนอัครเสนาบดีได้ยาก

ซูโหยวพยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ”

……

ฟึ่บบ

บานประตูถูกเปิดออก แสงสลัวส่องเข้ามาในห้อง

พระอาทิตย์ตกดินแล้วหรือนี่

นางรับใช้แสนสวยเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางยโส เย้ยหยัน “พระชายา นี่ท่านอยากจะเป็นนางฟ้าอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”

ลั่วชิงยวนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางเย็นชาและเฉียบคม

เพียงสบตา เมิ่งจิ่นอวี่ก็รู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย

นางยกมือขึ้นมาทักทาย พลางถือสำรับเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า “พระชายาไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน คงจะหิวน่าดู นี่คือความเมตตาจากท่านอ๋องที่มีต่อท่านเจ้าค่ะ”

เหล่านางรับใช้ถือถาดเข้ามาทีละคน และในถาดก็เต็มไปด้วยหมั่นโถว

“กินเถิดเพคะ กินเสร็จแล้วยังมีงานที่ต้องทำเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นอวี่มองนางอย่างมีความหมาย ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

หลังจากพูดจบ นางก็ก้าวออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงประตู ไม่วายหันกลับมาจ้องลั่วชิงยวนด้วยสายตาดุร้าย

นางเฝ้ารอมานานหลายปีแล้ว ต้องการที่จะเป็นนางรับใช้ของท่านอ๋อง หากลั่วเยวี่ยอิงได้เป็นพระชายา นางก็จะกลายเป็นสาวรับใช้ท่านอ๋องในคืนนี้!

อีกนิดเดียวความฝันของนางก็จะได้กลายเป็นจริง แต่กับโดนผู้หญิงคนนี้ทำลาย!

น่าเกลียดขนาดนี้ ยังเหมาะจะเป็นพระชายาหรือ? ถุย!

ลั่วชิงยวนได้กลิ่นหอมของหมั่นโถวนึ่งร้อน ๆ ท้องของนางก็ร้องขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ นางหิวมากจริง ๆ

หมั่นโถวก็หมั่นโถวสิ การกินหมั่นโถวสักสองสามคำคงไม่ทำให้นางติดคอตายหรอก

นางลุกขึ้นเดินไปนั่งที่มุมโต๊ะหยิบหมั่นโถวขึ้นมาหนึ่งลูก ก่อนจะกัดและเคี้ยวสองครั้ง ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และคายมันออกมาทันที

นางหยิบหมั่นโถวที่อยู่บนจานใกล้ ๆ ขึ้นมาดมทีละอัน พวกมันถูกใส่ยาทั้งหมด!

​​ผงมหาสุข มันสามารถสร้างภาพหลอนที่รุนแรง และสามารถอยู่ได้นานถึงสี่ชั่วโมง จะทำให้คนที่กินมันเข้าไปเห็นแต่คนที่นึกถึงในใจ โดยไม่แยกแยะรูปร่างหน้าตาว่าเป็นคนหรือสัตว์

เมื่อคืนนี้ใช้กำยาน คืนนี้เปลี่ยนมาใช้ผงมหาสุข

เป็นเพราะว่าวันนี้นางทำร้ายลั่วเยวี่ยอิง ฟู่เฉินหวนถึงได้เกลียดนางเข้าไปอีก ดังนั้นจึงใช้วิธีแก้แค้นที่เลวร้ายแบบนี้อย่างนั้นรึ!

ท่านอ๋องแห่งแคว้นเทียนเชวียนั้นดุร้ายอย่างที่เล่าลือกันจริง ๆ

หมั่นโถวโดนใส่ยาทั้งหมด นางไม่สามารถกินมันเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงอดทนกับความหิวเท่านั้น

มีแสงเย็นวาบเกิดขึ้นมาในดวงตาของนาง ฟู่เฉินหวนต้องการทรมานนาง แต่นางไม่ใช่ลั่วชิงยวนที่ยอมเชื่อฟังทุกอย่าง!

นางซ่อนหมั่นโถวสามลูกไว้ใต้เตียง ทำทีว่ากินหมั่นโถวเข้าไปแล้ว

ในความเงียบ มีเสียงทุบตีและดุด่าจากลานด้านนอก และมีเสียงแผ่ว ๆ ของแม่นมเติ้ง นางสงสัยจึงเดินตามเสียงออกไป

​และเห็นแม่นมเติ้งถูกนางรับใช้หลายคนลุมเตะอย่างทารุณ นางร้องอ้อนวอนด้วยความเจ็บปวด “แม่นางจิ่น แม่ของข้าป่วยหนัก เกรงว่าจะไม่ไหวแล้ว ข้าต้องรีบกลับไปจริง ๆ หากท่านตบตีระบายความโกรธข้าเสร็จแล้ว ได้โปรดอนุญาตให้ข้าออกไปนอกตำหนักด้วยเถิดนะเจ้าคะ?”

เมิ่งจิ่นอวี่กอดอก และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังไม่ทันตายเสียหน่อย! ตายแล้วค่อยว่ากัน!”

แม่นมเติ้งกระวนกระวายมาก นางรีบคว้าแขนเสื้อของเมิ่งจิ่นอวี่ พลางขอร้อง “แม่นางจิ่น ข้าขอร้องล่ะนะ! ข้าขอร้อง…”

“ถอยไป!” ในระหว่างที่ฉุดกระชากกันอยู่นั้น แขนเสื้อของเมิ่งจิ่นอวี่ก็ขาด และนางก็เตะหน้าอกแม่นมเติ้งอย่างรุนแรง พร้อมทั้งด่ากราด “นังหญิงชรา! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสื้อตัวนี้แพงแค่ไหน! เอาเจ้าไปขายยังชดใช้มิได้เลย! ถุย! หญิงชราเช่นนี้ขายให้ใครก็ไม่มีใครเอา!”

ลั่วชิงยวนมองดูด้วยความโกรธ นางรับใช้คนนี้เป็นคนที่ให้หมั่นโถวกับนาง ทำไมถึงได้ทำเยี่ยงนี้?

แถมยังกล้าเตะแม่นมเติ้งอีกด้วย

แม่ของแม่นมเติ้งป่วยหนัก และนางต้องการกลับบ้าน ขัดขวางมิให้กลับก็แล้วไป แต่อายุปูนนี้แล้วยังโดนทำให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้อีก!

นางมิได้มีจิตใจแม่พระ แต่ก็ไม่สามารถมองคนโดนทุบตีจนตายได้

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ลั่วชิงยวนเอ่ยเสียงกร้าว พลางก้าวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นางผลักนางรับใช้สองสามคนที่กำลังเตะแม่นมเติ้งออกไป

เมื่อเห็นนาง เมิ่งจิ่นอวี่ก็เงยหน้าขึ้นทันที แสดงท่าทางเย่อหยิ่งก่อนจะพูดออกมาเสียงเย็น “พระชายานี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเสียจริง ท่านทำร้ายเจ้าสาวตัวจริง แล้วยังมายุ่งเรื่องการสั่งสอนบ่าวไพร่ของข้าอีก ถ้าพระชายาใจดีเยี่ยงนี้ เหตุใดมิทำความสะอาดห้องน้ำทั้งหมดในตำหนัก เพื่อให้คนรับใช้ได้พักผ่อนล่ะเจ้าคะ?”

ลั่วชิงยวนไม่แสดงสีหน้าใด ๆ นางยกฝ่ามือขึ้นมาตวัดลงไป พลางกล่าวเสียงเย็น “ไพร่อย่างเจ้ากล้าดีอย่างไรมาใช้ข้า? ไปเอาความกล้านี้มาจากที่ใดกัน!”

ข้อดีของขนาดร่างกายนาง ตบของลั่วชิงยวนนั้นค่อนข้างทรงพลัง ทำเอาร่างของเมิ่งจิ่นอวี่นั้นลอยออกไปไกล ก่อนจะหมุนอยู่สองสามรอบ กว่าร่างนั้นจะทรงตัวได้ นางรับใช้ต่างอุทานอย่างตกใจ พลางคว้าแขนของนางเอาไว้

นางรับใช้ตกตะลึงกับการกระทำนี้ แม่นมเติ้งเองก็ตกใจเช่นกัน

เมิ่งจิ่นอวี่รู้สึกไม่อยากเชื่อ เมื่อนางทรงตัวได้ก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้านางมีรอยนิ้วมือห้านิ้ว และเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก "ท่านตบข้างั้นรึ?!!"

“ท่านมันผู้หญิงสารเลว! ท่านอ๋องยังมิทรงกล้าตีข้าด้วยซ้ำ ท่านบังอาจตบข้า?” เมิ่งจิ่นอวี่จ้องมอง และก่นด่าด้วยความโกรธ

ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว "โอ้? เจ้าเป็นคนร่ำรวยอะไรขนาดนั้นเชียวรึ แม้แต่ท่านอ๋องยังมิทรงกล้าตบเจ้า?"

เมื่อถูกลั่วชิงยวนจี้ด้วยคำพูด หน้าของนางก็ถอดสี “ข้า…”

เมื่อสติกลับมา เมิ่งจิ่นอวี่ก็จ้องหน้านางด้วยความโกรธ “เจ้ามันผู้หญิงสารเลว แค่ได้ชื่อว่าพระชายา เจ้าก็นึกว่าตัวเองเป็นพระชายาจริง ๆ แล้วรึ? อยู่ในตำหนักนี้ เจ้ามันต่ำกว่าสัตว์เสียอีก! กล้าที่จะรุกรานข้า จงเตรียมตัวไว้เถอะ!”

เมิ่งจิ่นอวี่ยกมือขึ้นปิดแก้ม จ้องมองนางด้วยความโกรธก่อนจะเดินจากไป

กล้าตบนางหรือ? คืนนี้จะต้องทำให้นังผู้หญิงสารเลวคนนี้ได้เห็นดีแน่

ทั้งเมิ่งจิ่นอวี่และนางรับใช้เดินออกไปแล้ว แม่นมเติ้งพยายามลุกขึ้น โดยที่ร่างกายเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ลั่วชิงยวนอยากจะกลับหลังเดินหนีไป แต่เมื่อเห็นแขนที่แกว่งไปมาของแม่นมเติ้ง นางก็แน่ใจว่าแขนของแม่นมเคลื่อน

นางก้าวไปข้างหน้าทันที และกดไหล่ขวาของแม่นมเติ้ง

การกระทำของนางทำให้แม่นมเติ้งตกใจกลัว และพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง “นี่ท่านจะทำอะไร! ปล่อยข้านะ!”

“อย่าขยับ แขนของเจ้าเคลื่อนแล้ว” ลั่วชิงยวนเอ่ยเสียงดุ

แม่นมเติ้งมองนางด้วยความประหลาดใจ นางมิอยากจะเชื่อเลยว่า ลั่วชิงยวนมิได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา

นางใช้โอกาสตอนที่แม่นมเติ้งยังไม่ได้สติดี ลั่วชิงยวนพบตำแหน่งที่ถูกต้อง และดึงแขนกลับอย่างเรียบร้อย

เสียงกระดูกลั่นดังขึ้น ใบหน้าของแม่นมเติ้งซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด นางกัดฟันแน่น

“เรียบร้อยแล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนั้น แม่นมเติ้งรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก นางจึงลองขยับแขนดู กลายเป็นว่ามันหายแล้วจริง ๆ !

แม่นมเติ้งมองลั่วชิงยวนอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่าน…ทำไมท่านถึงช่วยข้า?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pailin
ไม่สมเหตุสมผล พ่อแม่ไม่มาดู ให้ลูกคนลองมา แค่แต่งผิดก็ควรมาพูด ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้ผู้สำเร็จราชการก็ เลวระยำมาก ส่งคนมาขมขื่นเมียตัวเอง ถึงไม่ชอบเขาแต่กราบไหว้ ฟ้าดินใช่มั้ย ...
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1540

    “เจ้าอยู่ในตระกูลฉีนานเท่าใดแล้ว คุ้นเคยกับตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลฉีหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามจูลั่วตอบว่า “คุ้นเคย”จากนั้นจูลั่วก็วาดแผนที่เมืองอวิ๋นโจวแบบง่าย ๆ และแผนที่ของจวนตระกูลฉีแบบละเอียด แล้วมอบให้ลั่วชิงยวนหลังจากลั่วชิงยวนจดจำแผนที่ได้แล้วก็มอบแผนที่ให้โฉวสือชี“วันพรุ่งเมื่อเข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว จงติดต่อคนของเราให้พร้อมก่อน สือโท่วเป็นคนในเมืองอวิ๋นโจว เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาพลิกแพลงตามสถานการณ์”“ต้องช่วยฉีอวี้ออกมาให้ได้”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นทั้งสามก็รอจนฟ้าสาง แล้วจึงตามขบวนคาราวานของเถ้าแก่จี้เข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวคืนนั้นอวิ๋นเฟิงก็มิกลับมา การที่ฉีอวี้ถูกจับตัวไปย่อมเป็นฝีมือเขาแน่นอนคณะเดินทางเข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวได้อย่างราบรื่นบนถนนคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นและมีขบวนเจ้าสาวกำลังเดินสวนมาท่าทางโอ่อ่าสง่างาม ผู้คนตามท้องถนนต่างหลีกทางไปสองข้างกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ขบวนทั้งหมดมีคนนับร้อยเกี้ยวเจ้าสาวหรูหราอลังการ ผ้าคลุมหน้าประดับลูกปัดระยิบระยับแกว่งไกวส่งเสียงกังวานเพียงแต่มองเห็นเงาร่างในเกี้ยวได้มิชัดเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1539

    โฉวสือชีพลันตื่นตระหนกขึ้นมา “นางมิได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ?”“นางมาช่วยดับไฟ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วหลายคนรีบออกค้นหาคนในขบวนคาราวานปลอดภัยแล้ว สินค้าก็มิเสียหาย เถ้าแก่จี้จึงให้ทุกคนล้มเลิกการดับไฟ แล้วถอยห่างจากเปลวเพลิงลั่วชิงยวนถามเถ้าแก่จี้ “ท่านเห็นเด็กสาวอีกคนในคณะของเราหรือไม่?”เถ้าแก่จี้ส่ายหน้า “มิเห็นเลยขอรับ”จากนั้นลั่วชิงยวนและโฉวสือชีก็แยกกันค้นหา แทบจะพลิกค้นไปทั่วทั้งลานบ้านมิพบฉีอวี้!เพียงชั่วพริบตาเดียว ฉีอวี้ก็หายตัวไปแล้ว!โฉวสือชีกระวนกระวายใจยิ่งนัก “นางคงมิได้กระโจนเข้าไปในกองไฟเพื่อช่วยข้ากระมัง?”เมื่อกล่าวจบ โฉวสือชีก็แบกผ้าห่มที่เปียกชุ่มผืนหนึ่ง แล้วกระโดดเข้าไปในกองไฟทันทีเขามิได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยคนที่อยู่ภายนอกยังคงสาดน้ำช่วยดับไฟลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด “ไม่สิ หากฉีอวี้หาคนมิเจอ นางคงมิอยู่ข้างในนานถึงเพียงนั้น”เมื่อนึกถึงสตรีในกำแพงที่เคยตรึงนางไว้ในคืนนี้ ลั่วชิงยวนก็ใจหายวาบมิได้มาเพราะนางแต่มาเพราะฉีอวี้!เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสำนักเทียนฉยงก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย“ออกไปค้นหา!”ลั่วชิงยวนและจูลั่วรีบวิ่งออกจากเรือน ไล่ตาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1538

    ลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เมื่อพลิกกายลุกขึ้นก็เห็นฉีอวี้กลิ้งตกจากเตียงนางรีบก้าวเข้าไปถาม “เจ้าเป็นกระไรไป?”ใครเล่าจะรู้ว่าฉีอวี้กลับแสดงท่าทีตอบโต้รุนแรง “อย่าแตะต้องข้า! อย่าแตะต้องข้า!”ฉีอวี้คว้าเก้าอี้แล้วลุกขึ้นเตรียมจะทุ่มใส่ลั่วชิงยวนแต่เมื่อเห็นใบหน้าของลั่วชิงยวน ฉีอวี้ก็หยุดมือใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวพร้อมหายใจถี่ และมองซ้ายมองขวาท่าทางหวาดระแวงอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นว่าฉีอวี้หวาดกลัวมาก แสดงว่าคงถูกอะไรบางอย่างทำให้ตกใจทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงพลังหยินแต่มิได้ปรากฏอยู่ในห้องแล้วลั่วชิงยวนก้าวไปเปิดประตูหมายจะออกไป แต่ฉีอวี้ก็รีบคว้ามือของนางไว้ด้วยความหวาดกลัวลั่วชิงยวนหยิบยันต์แผ่นหนึ่งแปะลงบนตัวฉีอวี้ “เจ้าจงอยู่ในห้องนี้”“ข้าจะไปดูว่าเกิดกระไรขึ้น”ฉีอวี้พยักหน้า แล้วกำชับว่า “เช่นนั้นท่านระวังตัวด้วย”ลั่วชิงยวนเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตูอย่างระมัดระวังในลานบ้านยังคงเงียบสงัด มิรู้ว่าคนอื่น ๆ เหนื่อยเกินไปจนมิตื่นเพราะเสียงร้องของฉีอวี้ หรือว่าถูกอะไรบางอย่างทำให้หมดสติไปแล้วลั่วชิงยวนเดินออกจากห้อง แล้วหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1537

    แต่หากพวกเขาต้องการที่จะพบเจอของดีในตลาดมืด ส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยการแย่งชิงและโชคชะตาไม่มีผู้ประกอบการคนใดมิปรารถนาที่จะร่วมมือกับตลาดมืดเมื่อเถ้าแก่จี้ได้ยินดังนั้นก็ยินดียิ่งนัก รีบตอบรับ “คุณหนูใหญ่กล่าวมาถึงเพียงนี้ หากข้ามิรับปาก ก็จะเป็นผู้มิรู้จักความดีงามแล้ว!”“มิขอปิดบัง คราวนี้พวกเรามาตลาดมืดเพื่อตามหาสมบัติโบราณบางอย่าง แต่… สุดท้ายก็มิได้สิ่งใดกลับมาเลย”“คนในตลาดมืดชอบทำการค้ากับคนรู้จัก เพราะคนรู้จักเชื่อถือได้มากกว่า พวกเราเพิ่งเคยมาตลาดมืดเป็นครั้งแรก การซื้อของจึงไม่มีข้อได้เปรียบมากนัก”“ข้าเดินทางไปมาระหว่างแคว้นเทียนเชวียและแคว้นหลี คราวนี้ก็ตั้งใจจะขยายกิจการให้กว้างไกลกว่าเดิม หากคุณหนูใหญ่ยินดีร่วมมือกับขบวนคาราวานของพวกเรา ข้ารับรองว่าจะมิทำให้คุณหนูใหญ่ผิดหวัง!”“จะมิทำให้พวกท่านขาดทุนแน่นอน!”เถ้าแก่จี้ก็แสดงท่าทีและความตั้งใจของตนเองออกมาอย่างชัดเจนเรื่องนี้ทำให้ลั่วชิงยวนวางใจยิ่งขึ้น เถ้าแก่จี้ผู้นี้ดูแล้วเป็นคนไว้ใจได้“ดี เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้เถิด”“คนของข้าจะติดตามขบวนคาราวานไปยังเมืองอวิ๋นโจวในอีกสองสามวันนี้”เถ้าแก่จี้เห็นว่าพวกนางรีบร้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1536

    เฉินชีเหาะวูบเดียวก็ลงสู่พื้นอย่างมั่นคงลั่วชิงยวนจึงควบม้าเร่งความเร็ว มินานก็ไล่ตามฉีอวี้และโฉวสือชีทันฉีอวี้แทบจะต้องเช็ดน้ำตาขณะควบม้าวิ่งไปข้างหน้าไปด้วย มิอยากหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว นางร้อนใจยิ่งนักพวกเขารีบเดินทางทั้งวันทั้งคืน เปลี่ยนม้าสี่ครั้งกลางทาง ใช้เวลาหกวัน จึงมาถึงนอกเมืองอวิ๋นโจวแต่ที่ด่านตรวจป้องกันเมืองนั้นเข้มงวดเป็นพิเศษ ทุกคนต้องได้รับการตรวจค้น สินค้าก็ต้องได้รับการตรวจค้น มิให้เข้าเมืองโดยง่ายลั่วชิงยวนและพรรคพวกยิ่งมิอาจเข้าเมืองได้จากนั้นลั่วชิงยวนจึงพาทุกคนไปหลบในป่าก่อนนางสั่งการว่า “ไปซื้ออาภรณ์ชาวบ้านมาเปลี่ยน แล้วแบ่งกลุ่มติดตามผู้อื่นเข้าเมือง”“เมื่อเข้าเมืองแล้วค่อยรวมตัวกัน!”จากนั้นโฉวสือชีก็รีบพาคนไปหาอาภรณ์จำนวนมากมาพวกเขาสวมทับอาภรณ์เดิมเพื่อปลอมตัวเมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จแล้ว ลั่วชิงยวนและโฉวสือชีก็พาฉีอวี้และจูลั่วปะปนอยู่ในขบวนคาราวานเข้าเมืองไปได้อย่างราบรื่นลั่วชิงยวนพบว่าทหารที่ด่านตรวจเกือบทั้งหมดมุ่งเน้นการตรวจค้นรถม้าและเกี้ยว ดูเหมือนจะเน้นตรวจค้นครอบครัวของเศรษฐีเมื่อเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย จูลั่วนำกระดาษแผ่นห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1535

    ขณะนี้ฉีอวี้ยังคงห่วงใยลั่วชิงยวน“เจ้าควรกลับไปอวิ๋นโจว”“หา? เหตุใดหรือเจ้าคะ?”เมื่อสิ้นคำนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่!”มองไปตามเสียงจึงเห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา แต่ถูกผู้คุ้มกันคนหนึ่งขวางไว้ มิให้เข้าใกล้ลั่วชิงยวนเมื่อฉีอวี้เห็นผู้มาเยือนก็ตกใจ “สือโท่ว เจ้ามาได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนสั่งว่า “ให้เขาเข้ามาเถิด”จากนั้นชายที่ชื่อสือโท่วก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา“คุณหนูใหญ่ เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”ฉีอวี้พลันเกิดความรู้สึกมิดี “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”สือโท่วมีสีหน้าเศร้าโศก น้ำเสียงแฝงด้วยการร่ำไห้ “คุณหนูใหญ่ บ้านเราสิ้นแล้ว…”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉีอวี้ก็ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง“ว่ากระไรนะ? เจ้าพูดอะไร?!” ฉีอวี้มองเขาด้วยความเหลือเชื่อสือโท่วปาดน้ำตา “ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยิน…”“จวนเจ้าเมืองถูกสังหารสิ้นในชั่วข้ามคืน…”ฉีอวี้ได้ยินดังนั้นก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทรุดตัวถอยหลังไปสองก้าวเมื่อโฉวสือชีได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเช่นกันกระไรนะ? จวนเจ้าเมืองหรือ?เพียงแต่เขายังมิทันได้ถามมาก ก็รีบประคองฉีอวี้โดยสัญชาตญาณลั่วชิงยวนใจหายวาบ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เกิดเรื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status