Share

บทที่ 10

last update Last Updated: 2025-06-18 02:02:25

บทที่ 10

คำพูดของโจวอี้หลงทำให้แม่ของเขาเงียบไปชั่วครู่ นางมองลูกชายคนเล็กด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ทั้งภูมิใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน

“เจ้าโตขึ้นมากจริง ๆ อี้หลง...” รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้า ไม่รู้ว่าหากต้องให้นางเลือกอีกครั้งนางจะทำเช่นนี้หรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครบอกได้ว่าที่อี้หลงยังคงมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ตอนนี้เป็นเพราะเรื่องก่อนหน้าที่ได้ทำไปหรือเปล่า

“แม่รู้ว่าเจ้าไม่สบายใจ...แม่ไม่ควรบังคับเจ้าเรื่องหว่านเอ๋อร์ตั้งแต่แรก แต่เพราะแม่เป็นห่วงจริง ๆ ยามนี้เจ้ากลับมาสุขภาพแข็งแรงไม่ได้บาดเจ็บหากเจ้าไม่ต้องการ...”

“แม่ก็จะจัดการยกเลิกให้ แม่คิดว่าทางตระกูลหลี่ก็คงจะเข้าใจ” บิดาและพี่ชายทั้งสองที่ยืนเงียบอยู่นานเพราะอยากให้ทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกันก็ยิ้มออกมา

“ข้ารู้ว่าท่านหวังดี...แต่ท่านแม่หากข้าจะแต่งงานหรือใช้ชีวิตอยู่กับใคร ข้าก็อยากอยู่กับคนที่ข้ารัก เหมือนกับท่านและท่านพ่อที่รักกันและเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน”

ซ่งอวี้หลินพยักหน้า

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักเถอะ” โจวหยางเฉิงพูดออกมาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว “เรื่องอื่นค่อยคุยกันวันหลังได้ เจ้าก็ไปใช้ชีวิตแบบที่คุณช
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 11

    บทที่ 11เมื่อข่าวยกเลิกงานหมั้นไปถึงหูโจวอี้หลง เขาไม่ได้แสดงความยินดีอย่างชัดเจน แต่กลับมีรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า “ท่านแม่ไปพูดเรื่องนี้แล้วรึ” เขาถามพี่ชายอย่างอี้เทียนโจวอี้เทียนพยักหน้า “ใช่ ท่านแม่พูดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนทางนั้นจะกังวลเรื่องชื่อเสียงของหว่านเอ๋อร์มากกว่าเรื่องยกเลิกการหมั้น ที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้อยากหมั้นกับทางตระกูลเราตั้งแต่ต้น”“ท่านพี่พูดอย่างนี้ท่านแม่มาได้ยินจะเสียใจนะ” อี้เทียนฟังคำน้องชายก็ยิ้ม“เจ้านึกว่าท่านไม่รู้หรือ แต่ถ้าข่าวการถอนหมั้นของเจ้าทั้งสองถูกประกาศออกไป ทั้งเจ้าและหว่านเอ๋อร์ก็คงกลายเป็นคนที่เนื้อหอมที่สุดในเมือง นางเพิ่งมีพิธีปักปิ่นไปไม่นานด้วย”“ท่านพี่พูดเหมือนรู้จักกับนางดี” อี้หลงอดไม่ได้ที่จะถาม “ต้องโทษท่านแม่ของเจ้า ที่จริงระหว่างที่เจ้าไม่อยู่พวกเขาก็สานสัมพันธ์กับท่านแม่ไประดับหนึ่ง พอท่านพ่อกลับมารักษาตัวพร้อมกับพี่ ตระกูลหลี่ก็ช่วยดูและหายาที่หายากมาให้พวกเรา ท่านพ่อก็ช่วยสนับสนุนการค้าของพวกเขา”“อย่างนี้ข้าก็เป็นคนที่ทำให้ทุกอย่างพังอย่างนั้นหรือ” อี้เทียนส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก หว่านเอ๋อร์เองนางก็ดูไม่ได้อยากจะหมั้น

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 10

    บทที่ 10คำพูดของโจวอี้หลงทำให้แม่ของเขาเงียบไปชั่วครู่ นางมองลูกชายคนเล็กด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ทั้งภูมิใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน“เจ้าโตขึ้นมากจริง ๆ อี้หลง...” รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้า ไม่รู้ว่าหากต้องให้นางเลือกอีกครั้งนางจะทำเช่นนี้หรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครบอกได้ว่าที่อี้หลงยังคงมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ตอนนี้เป็นเพราะเรื่องก่อนหน้าที่ได้ทำไปหรือเปล่า “แม่รู้ว่าเจ้าไม่สบายใจ...แม่ไม่ควรบังคับเจ้าเรื่องหว่านเอ๋อร์ตั้งแต่แรก แต่เพราะแม่เป็นห่วงจริง ๆ ยามนี้เจ้ากลับมาสุขภาพแข็งแรงไม่ได้บาดเจ็บหากเจ้าไม่ต้องการ...” “แม่ก็จะจัดการยกเลิกให้ แม่คิดว่าทางตระกูลหลี่ก็คงจะเข้าใจ” บิดาและพี่ชายทั้งสองที่ยืนเงียบอยู่นานเพราะอยากให้ทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกันก็ยิ้มออกมา “ข้ารู้ว่าท่านหวังดี...แต่ท่านแม่หากข้าจะแต่งงานหรือใช้ชีวิตอยู่กับใคร ข้าก็อยากอยู่กับคนที่ข้ารัก เหมือนกับท่านและท่านพ่อที่รักกันและเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน” ซ่งอวี้หลินพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักเถอะ” โจวหยางเฉิงพูดออกมาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว “เรื่องอื่นค่อยคุยกันวันหลังได้ เจ้าก็ไปใช้ชีวิตแบบที่คุณช

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 9

    บทที่ 9ฝูงชนต่างหลั่งไหลมารอดูและต้อนรับแม่ทัพโจวอี้หลงกลับเมือง แม้ว่าจะเคยมีข่าวว่าเขาดูน่ากลัวมากแค่ไหน แต่เมื่อชาวเมืองรับรู้วีรกรรมของเขา ทุกคนก็ต่างคิดไปในทิศทางเดียวกันว่านี่คือวีรบุรุษโดยแท้สองฝั่งถนนแน่นขนัดไปด้วยผู้คน หว่านเอ๋อร์และจูหลิงก็อยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นเหมือนกัน แม้จูหลิงจะเป็นบุตรีของขุนนางที่ปกติคนมักจะหลบทางให้นาง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ ทุกคนต่างพยายามเข้าไปให้ใกล้จุดที่แม่ทัพโจวจะผ่านมากที่สุดเพื่อให้ได้เห็นใบหน้าของคนที่เรียกได้ว่าเก่งที่สุดในแคว้นตอนนี้“หว่านเอ๋อร์” จูหลิงเอ่ยเรียกเพื่อนของตน ในน้ำเสียงมีแววกระตือรือร้นอย่างชัดเจน จูงหลิงแทรกคนมากมายเข้าไปด้านหน้าพลางดึงหว่านเอ๋อร์ให้เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม“เดี๋ยวก็หลงหรอก” นางเอ่ยเตือนและจับมือของหว่านเอ๋อร์เอาไว้ราวกับกลัวว่าสหายของนางจะพลัดหลงหายไปกับคนมากมาย“ข้าได้ข่าวว่าเขามีคู่หมายอยู่แล้วนะ” ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นทำให้หญิงสาวชะงักและอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง“บุตรีของคหบดีหลี่ใช่ไหม ไม่รู้จะบอกว่าเป็นบุญหรืออะไร คนบางคนก็เก่งสำหรับคนหมู่มากดี แต่ข้าว่าไม่ใช่สำหรับครอบครั

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 8

    บทที่ 8“เจ้ามาช้าเสียจริงหว่านเอ๋อร์ รู้หรือไม่วันนี้มีแต่คนเอ่ยถึงคู่หมายของเจ้า” หว่านเอ๋อร์ที่ยิ้มทักทายองค์หญิงหกหุบยิ้มในทันทีที่ได้ยิน เพราะแม้แต่องค์หญิงหกก็เอ่ยเย้านาง“หม่อมฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรกันเล่าเพคะตั้งแต่ออกจากจวนก็มีแต่คนพูดถึงเขา” “แล้วเขามิได้ไปเยี่ยมเยียนเจ้าที่จวนหรอกหรือ” หว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า“จะไปได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ท่านพ่อของข้าบอกว่าแม้แต่จวนตัวเองคงไม่ได้กลับเลยกระมัง เห็นว่าจะเดินทางกลับไปชายแดนอีกแล้ว” หว่านเอ๋อร์มองสหายอีกคนของนาง เพราะเจ้าตัวมีพ่อเป็นขุนนางถึงได้รู้เรื่องราวดีกว่าคนอื่น “ถึงเขาจะมีเวลาอยู่นานก็คงไม่มาหรอก องค์หญิงก็รู้ว่าหม่อมฉันกับเขามิได้หมั้นหมายกันเพราะรัก” “แหม ๆ หว่านเอ๋อร์ของเราพูดถึงเรื่องความรักแล้วหรือนี่” สามสาวหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่ในใจของหว่านเอ๋อร์ก็ยังกังวล สำหรับนางแล้วการได้หมั้นกับขุนนางตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจว ไม่ได้ทำให้นางมีความสุขเลยแม้แต่นิด ไม่ใช่เพราะโดนบังคับหรืออะไร แต่เป็นเพราะนางกังวล ชายที่โตมาในสนามรบและคลั่งการรบขนาดจบศึกชนะแล้วก็ยังขอกลับไปอยู่ชายแดนจะต้องเป็นคนอย่างไรกัน หากมีหนทางที่จะทำให้น

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 7

    บทที่ 7โจวอี้หลงในชุดเกราะดำสนิทปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูวังหลวง เกราะที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน มีร่องรอยของการขูดขีดและคราบเลือดเกาะติดอยู่อย่างชัดเจน แม้จะได้รับการขัดเช็ดจนสะอาดแต่ก็ยังสามารถมองเห็นประสบการณ์สุดสยองในสนามรบได้แต่ละย่างก้าวหนักแน่นและมั่นคง ชายหนุ่มก้าวเดินไปตามทางเดินในวังหลวง ไปยังท้องพระโรงเขาเข้ามาที่นี่ตามพระราชโองการแต่ก็ไม่ได้อยากอยู่นานนัก ทุกย่างก้าวของเขาทำให้ผู้คนรอบข้างต่างหวาดหวั่นและถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะหน้าตาดีแต่ก็ไม่มีใครเงยหน้าขึ้นสบตาเขา "นั่นหรือแม่ทัพโจวอี้หลงหรือ เขาดูน่ากลัวอย่างกับปีศาจ สนามรบคงทำให้เขาไร้หัวใจไปแล้ว" เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าข้าราชบริพารไม่ได้ทำให้อี้หลงกังวลหรือสนใจ เพราะวันนี้เขาขี่ม้าเข้ามาเมืองหลวงเพื่อเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือการขอย้อนกลับไปอยู่ที่นั่น อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวุ่นวายที่แม่ของเขาสร้างเอาไว้เมื่อห้าปีที่แล้วเขาไม่ได้โทษมารดาเรื่องนี้ แต่หากไม่มีข้อต่อรองดี ๆ ให้แม่ของเขายกเลิกการหมั้น เขาก็คงอยู่เมืองหลวงอย่างไม่เป็นสุขแน่ ๆ “ถวายบังคมฝ่าบาท กระหม่อมกลับมาเมืองหลวงตามพระบัญชา แต่ชัยชนะครั้ง

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 6

    บทที่ 6ผ่านไปห้าปีเต็ม ตั้งแต่โจวอี้หลงเข้าร่วมกองทัพในฐานะลูกชายของแม่ทัพใหญ่โจวหยางเฉิง เด็กหนุ่มผู้เคยอยู่ใต้เงาของบิดา วันนี้กลายเป็นนักรบที่บรรดาทหารทั้งกองทัพให้ความเชื่อมั่นและเชื่อใจภายหลังจากที่บิดาของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในศึกใหญ่เมื่อปีก่อน โจวอี้เทียน และโจวอี้เหวินที่เป็นรองแม่ทัพก็อารักขาพาบิดากลับไปรักษาตัวที่เมืองหลวงโจวอี้หลงได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพแทนชั่วคราว แม้จะอายุน้อยแต่ชื่อเสียงจากชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วนของเขาทำให้ทหารทั้งหลายไม่มีใครกังขาทั้งยังยินดีที่เป็นเขาอีกด้วยความเก่งกาจของโจวอี้หลงพูดถึงไปทั่วทั้งแคว้น ทุกคนล้วนยินดี อาจจะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะไม่พอใจ“ว่าที่คู่หมายของเจ้าได้ข่าวว่าขึ้นเป็นแม่ทัพแล้วนี่” “ใครสนกัน เขากับข้าไม่เคยเจอกันสักครั้ง” หลี่หว่านเอ๋อร์ในวัยสิบสามปีคุยกับเพื่อนสนิทอย่างจูหลิงแม้นางจะชอบมารดาของอีกฝ่าย ที่มักจะนำของมาฝากบ่อย ๆ แต่กับตัวคู่หมั้นนามว่าโจวอี้หลงนั้นหญิงสาวไม่ได้อยากเจอหน้าแม้เพียงนิด ตอนนั้นที่มีการหมั้นหมายเป็นเพราะนางยังเด็กนักจึงไม่เข้าใจ แต่ยามนี้นางโตพอจะรับรู้ได้แล้วว่าการหมั้นหมายคืออะไร หากเป็นไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status