บทที่ 7 ชางซิงเยียน
ปลายหน้าฝนใกล้หน้าหนาวเช่นนี้ ยิ่งทำให้อากาศยามเช้าเย็นยะเยือก ไป๋หลินเอ๋อร์ขยับเปลือกตาทีละน้อยกระทั่งตื่นเต็มตาในวันรุ่งขึ้น นางยกมือจับศีรษะและจับแผ่นหลังเอี้ยวตัวตะแคงลุกแต่ไร้แรง มองห้องเล็กด้วยความสงสัย
“โอ๊ย! เจ็บจัง”
“เจ้าอย่าเพิ่งลุกขึ้น”
เสียงหวานนุ่มทว่าหางเสียงแข็งเอ่ยสั่งอยู่มุมห้อง ไป๋หลินเอ๋อร์เหลียวมองจึงได้เห็นหญิงนางหนึ่งกำลังนั่งริมหน้าต่างรินชา
“ข้า เจ็บ”
“สมควรอยู่ที่เจ้าจะเจ็บ นึกอย่างไรกระโดดขวางรถม้าหากไม่ตายคงพิการ”
“พิการ!”
“โชคยังดีเจ้าไม่เป็นอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าโชคจะเข้าข้างเจ้าได้ถึงเมื่อไร รอนายท่านกลับมาสะสางเจ้าแล้วจะรู้ว่าตายเสียยังดีกว่า”
“ท่านพูด ... ขู่ข้า”
“ฮึ แล้วแต่เจ้าจะคิด อ๋อ ข้าชื่อชางซิงเยียน เรียกข้าว่านายน้อยหญิง เจ้าล่ะ”
“ข้า ไป๋หลินเอ๋อร์”
“ไป๋หลินเอ๋อร์ ข้าจะบอกกฎสำนักเสวี่ยจงให้เจ้าฟัง ฟังแล้วจำให้ขึ้นใจ หากเจ้าทำผิดกฎไม่มีใครช่วยเจ้าได้”
ไป๋หลินเอ๋อร์มองร่างแม่นางตรงหน้าอายุราวยี่สิบกว่าปี ใบหน้างดงามราวนางฟ้าแต่ทว่ากร้าวแกร่ง คำพูดคำจายังคล้ายเด็กแต่เมื่อจ้องเข้าไปในนัยน์ตาพบว่าประสบการณ์โชกโชน นางสวมชุดเช่นเดียวกับคนอื่นในสำนัก เพียงแต่เป็นสีแดง
“ข้อแรก ตอนนี้เจ้าอยู่ชั้นห้า ห้ามผู้ชายขึ้น ฉะนั้นถ้าเจ้าพาผู้ชายขึ้นมาโทษคือเฆี่ยนสิบไม้และตัดมือทิ้ง” นางยกน้ำชาจิบหนึ่งอึก
“ชั้นห้ามีเพียงข้า เจ้าและแม่นางอวี้เจียวที่อาศัยอยู่ ส่วนพวกคนรับใช้จะลงจากหอในยามโหย่ว[1] ขึ้นมาทำงานอีกครั้งวันต่อไปในยามเหม่า[2]”
“แม่นางอวี้เจียว” ไป๋หลินเอ๋อร์ทวนคำเสียงเบา
“เจ้าจงเคารพนางให้มาก นางเป็น เออ... เรียกว่าอะไรดี นางเป็นหญิงใต้อาณัตินายท่าน”
“ถ้าภาษาชาวบ้านอย่างข้าคงเรียกว่าสาวใช้อุ่นเตียง”
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นไป นางมิใช่คนอุ่นเตียงธรรมดา แม้แต่ข้ายังต้องเกรงใจถึงห้าส่วน” ชางซิงเยียนหยิบจอกชาแล้วเดินมาทางเตียงนั่งลงเก้าอี้ด้านข้าง ยกเท้าเหยียบขอบเตียงอย่างเสียมารยาทด้วยรอยยิ้มกริ่ม
“อยู่ไปเจ้าจะรู้เอง กฎระเบียบมากมายค่อยเรียนรู้ไป ข้าเพียงบอกในส่วนสำคัญ ลานฝึกคือที่ต้องห้ามรวมไปถึงห้องใต้ดินหอเสวี่ยจง”
“ห้องใต้ดิน...”
“เป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญ”
“แล้วนักโทษคนอื่นเล่า”
“อยู่เรือนด้านนอกไกลออกไป ไว้ทำงานหนักแบกหาม ก่อสร้าง”
“โหดร้าย” ไป๋หลินเอ๋อร์เผลอบ่นเสียงดัง แต่แม่นางชางซิงเยียนกลับหัวเราะ
“ไม่มีใครโหดร้ายเท่านายท่าน รู้จักอยู่ให้เป็นแล้วเจ้าจะได้ดี ข้าไม่รู้ว่านายท่านคิดอย่างไรถึงได้ให้เจ้ามาอยู่ชั้นห้าแทนที่จะอยู่เรือนเล็ก แต่ในเมื่อเจ้าได้ขึ้นมาถึงนี่ ฉะนั้นน้ำหนักของเจ้าย่อมมีมากแน่นอน”
“แล้วกฎข้ออื่น ข้าสามารถไปไหนมาไหนที่จวนได้หรือไม่ ข้าถามเพราะข้ามีน้องสาวคนรู้จักมาด้วยคนหนึ่ง นางแยกไปอยู่ในเรือนยิ่งตี้ชื่อ จางอวี้”
“ข้าจะสอบถามให้ แต่ช่วงนี้ยิ่งตี้ไม่ต้องทำอันใดจนกว่าฮูหยินของนายน้อยจะตั้งครรภ์”
“มีกฎอื่นอีกไหม”
“ตอนนี้ไม่มี อ๋อ อีกเรื่อง หากวันที่นายท่านเรียกใช้อวี้เจียว เจ้าควรอยู่แต่ในห้อง”
ไป๋หลินเอ๋อร์ขมวดคิ้วแปลกใจไม่ทันได้เอ่ยถาม ชางซิงเยียนชิงพูดเสียก่อน
“เจ้าไม่ต้องถาม ถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง ข้าเตือนเพราะหวังดี เจ้าอย่าได้สอดรู้สอดเห็นจะนำภัยมาสู่ตัว จำไว้!”
“ข้าจะจดจำไว้” ไป๋หลินเอ๋อร์รับคำไปเช่นนั้น อย่างไรภารกิจตามหาคนรักแล้วพาหนีย่อมต้องมาก่อน นางหายดีเมื่อไรควรรีบลงมือก่อนที่นายท่านจะกลับมา
อาการเจ็บป่วยของนางคราแรกเหมือนไม่เป็นอะไร แต่พอนานวันไปกลับเจ็บปวดมากขึ้น นางแทบไม่อาจลุกจากเตียงได้ต้องมีคนช่วยประคองทำธุระส่วนตัว หรือกินข้าว สิ่งที่ทำให้นางหายเบื่อในแต่ละวันคือแม่นางชางซิงเยียน เทียวหมั่นมาหาไม่ได้ขาดเช้าเย็น เล่าเรื่องชวนหัวร่อจนนางคิดไม่ถึงว่าแม่นางคนนี้จะเป็นถึงนายน้อยหญิงของสำนักคุ้มภัย
เสียแค่ว่าเรื่องน่าหัวร่อของนางนั่นช่างเป็นเรื่องน่าขนลุกยิ่งสำหรับนาง
“หลินเอ๋อร์” ชางซิงเยียนเอ่ยเรียกตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาจนไป๋หลินเอ๋อร์อมยิ้ม นี่พวกนางสนิทกันตั้งแต่เมื่อไรถึงขนาดเรียกชื่อกันแล้ว
“ซิงเยียน”
“วันนี้เจ้าดูดีนะ”
ชางซิงเยียนเข้ามาได้นั่งเก้าอี้ริมหน้าต่างแล้วผลักออกกว้างก่อนหยิบขนมของว่างเข้าปาก
“ข้าดีขึ้นมาก อยากออกไปเดินเล่นบ้าง”
“ท่านหมอว่ายังไงล่ะ เจ้าลองขอหรือยัง”
“ท่านหมอสุยฉวูบอกว่าข้าออกไปเดินได้แล้ว แต่อย่าให้นานนัก”
“งั้นข้าพาไปเอง ช่วงเย็นแล้วกันเพราะเดี๋ยวข้าต้องไปดูนักโทษท้ายจวน”
“อ๋อ ที่เจ้าบอกมีหน้าที่แบกหามก่อสร้าง”
“อือ มีเหตุจลาจล นักโทษแหกคุกวุ่นวายพอสมควร แต่จับได้ทั้งหมดแล้ว ข้าต้องลงไปสั่งลงโทษ”
“ลงโทษ?”
“กฎมีให้เลือกไม่มาก ข้าเลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะลงโทษพวกเขาเช่นไรดี”
“กฎ มีกฎลงโทษด้วยเหรอ”
“หนึ่งฟันคอให้ตายเสียเดียวนั้น สองปล่อยเข้าป่าหลังจวนเป็นอาหารของสุนัขป่า สามโยนให้จระเข้ในทะเลสาบกิน”
ไป๋หลินเอ๋อร์ลอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยิน สีหน้าของชางซิงเยียนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มีแค่แววครุ่นคิดไม่ตกว่าจะจัดการเช่นไร
“ที่สำคัญข้าต้องรายงานนายท่าน เฮ้อ ไม่พ้นโดนลงโทษเช่นกัน”
“เจ้าก็โดนงั้นหรือ”
“ไม่มากหรอก อาจโดนเฆี่ยนไม่กี่ครั้ง ชินเสียแล้ว แต่ข้ากลุ้มใจเรื่องนักโทษมากกว่า เดาใจไม่ถูกเลยว่านายท่านจะให้ลงโทษเช่นไร เฉียน ฟานก็ไม่อยู่”
นางกลืนน้ำลายอีกครั้งกำลังจะเอ่ยถาม ชางซิงเยียนดีดนิ้วหัวเราะออกมาเสียก่อน
เปาะ..
“ข้ารู้แล้ว นายท่านต้องชอบแน่ โยนให้จระเข้มันกินเสียเลย ฮ่า ฮ่า ไปก่อนนะหลินเอ๋อร์ แล้วกลับมาจะเล่าให้ฟังว่ามันน่าสนุกขนาดไหน”
ไป๋หลินเอ๋อร์ตะลึงตาค้าง นางมองร่างแม่นางชางซิงเยียนหัวเราะพลางวิ่งอย่างชอบใจออกไปด้วยจิตใจชื่นบาน ส่วนนางนั่งพะอืดพะอมเพียงคิดภาพนักโทษเหล่านั้นถูกจระเข้กัดกินฉีกเนื้อขาด ช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
ฉะนั้นพอตกเย็นนางจึงแกล้งทำเป็นหลับแต่หัววัน เพื่อไม่ให้ชางซิงเยียนเข้ามาเล่าเรื่องการลงโทษให้ฟังอีก
[1] 17.00 - 18.59 น.
[2] 05.00 - 06.59 น.
บทที่ 29 บทพิเศษยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเองไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”“ท่านพี่”“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต” โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้
บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“
บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ
บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว
บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง
บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้