สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับจะสะท้อนความหดหู่ที่ปกคลุมอยู่ทั่วห้องทำงานของ คิมหันต์ เขาไม่ได้ลุกจากเก้าอี้ตัวเดิมมานานหลายชั่วโมงแล้ว บนโต๊ะทำงานมีเอกสารแจ้งเตือนการล้มละลายของบริษัทวางอยู่เกลื่อนกลาด ภาพจากโทรทัศน์ที่กำลังฉายข่าวความพ่ายแพ้ของ พิม ในชั้นศาลทำให้มือของเขาที่ถือแก้วบรั่นดีสั่นเทาจนของเหลวสีอำพันหกเลอะเทอะ
"ไม่... ไม่จริง!" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ดวงตาแดงก่ำราวกับคนบ้า "พิม... เธอมันไร้ประโยชน์! แม้แต่เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้!"
ความรู้สึกผิดหวังและความโกรธแค้นต่อพิมเข้าครอบงำ คิมหันต์ขว้างแก้วบรั่นดีลงพื้นอย่างแรงจนแตกละเอียด ภาพสะท้อนของเขาในเศษแก้วนั้นดูบิดเบี้ยวและน่าสมเพชยิ่งนัก
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นอีกครั้ง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ "ณลิน" คิมหันต์ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจกดรับสายด้วยความคลุ้มคลั่งที่แทบจะควบคุมไม่ได้
"ณลิน! เธอ... แก... พวกแกทำอะไรกับฉัน!" คิมหันต์ตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างเกรี้ยวกราด
เสียงของณลินที่ปลายสายฟังดูนิ่งและเย็นชา "ฉันไม่ได้ทำอะไรพี่หรอกค่ะ... ฉันแค่ให้พี่ได้รับผลกรรมในสิ่งที่พี่ทำ"
"ผลกรรมงั้นเหรอ?! แกมันก็แค่ผู้หญิงขี้แพ้ที่ไม่มีอะไรเลย! ถ้าไม่มีพ่อของแก...แกกับไอ้ปอร์เช่ก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้!" คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก
ณลินหัวเราะในลำคอ "พี่คิดผิดแล้วค่ะ... พี่คิดว่าอำนาจของฉันมาจากพ่อของฉันเพียงคนเดียวเหรอ?" เธอหยุดไปชั่วครู่ "พี่ลืมไปแล้วหรือไงว่า... ฉันก็มีอำนาจในตัวฉันเอง... และที่สำคัญที่สุด... ฉันมีปอร์เช่อยู่ข้างๆ"
คำพูดของณลินเหมือนคมมีดที่ทิ่มแทงเข้ากลางใจของคิมหันต์ เขานึกถึงภาพของณลินในงานเลี้ยงคืนนั้นที่ยืนเคียงข้างปอร์เช่อย่างสง่างามและความสุขที่ฉายอยู่บนใบหน้าของเธอ ความรู้สึกริษยาที่เคยมีบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นที่รุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ
"แกคิดว่าแกชนะแล้วงั้นเหรอณลิน? อย่าเพิ่งดีใจไปหน่อยเลย! เกมนี้...มันยังไม่จบ!" คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
"พี่จะทำอะไรได้อีกล่ะคะ? บริษัทก็ล้มละลาย... ชื่อเสียงก็ไม่เหลืออะไรแล้ว..." ณลินตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยหน่าย "พี่ควรจะยอมแพ้ได้แล้วนะคะคิมหันต์...ก่อนที่พี่จะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้"
คิมหันต์ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ยอมแพ้เหรอ? คำว่ายอมแพ้...มันไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของฉันหรอกนะณลิน... แกคอยดูเถอะ...ฉันจะทำให้แกกับไอ้ปอร์เช่มันต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!"
คำพูดของคิมหันต์ทำให้ณลินรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเพียงแค่ถอนหายใจยาวๆ แล้ววางสายไป
หลังจากวางสายจากคิมหันต์แล้ว ณลินก็หันไปมอง ปอร์เช่ ที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
"คิมหันต์มันยังไม่ยอมแพ้ค่ะปอร์เช่...มันกำลังวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ไม่ต้องห่วงนะครับ...ผมจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ...เราจะสู้กับมันไปด้วยกัน"
ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยจากอ้อมกอดของเขา แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงความวิตกกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ณลินรู้ดีว่าคิมหันต์ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ และแผนการของเขาก็อาจจะอันตรายกว่าที่พวกเขาคิดไว้
"ปอร์เช่คะ...เราจะทำยังไงต่อไปดี?" ณลินถามอย่างร้อนรน
"เราจะทำในสิ่งที่มันคาดไม่ถึงครับ" ปอร์เช่ตอบด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "เราจะทำให้มันได้เรียนรู้ว่า...อำนาจที่แท้จริง...ไม่ได้มาจากเงินหรือชื่อเสียง...แต่มันมาจากความรักที่แท้จริงต่างหาก"
คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินยิ้มออกมา "คุณพูดถูกค่ะปอร์เช่...เราจะใช้ความรักของเราเป็นอาวุธ...และเราจะใช้มัน...เพื่อทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก"
ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "เรามาเริ่มต้นแผนการของเรากันเลยนะครับ..."
หลายวันผ่านไป ณลินและปอร์เช่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาออกไปทานอาหารค่ำด้วยกัน ออกไปเดินเล่นด้วยกัน และทำทุกอย่างที่คู่รักทั่วไปทำ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ ก็กำลังวางแผนการที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม เขาตัดสินใจที่จะใช้ พิม เป็นหมากตัวสุดท้ายในการทำลายความรักของณลินและปอร์เช่
ในเช้าวันหนึ่ง ณลินและปอร์เช่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของกันและกัน ณลินรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
"คุณตื่นแล้วเหรอคะ?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมตื่นมานานแล้ว...ผมแค่อยากมองหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังหลับ"
ณลินกอดเขาไว้แน่น "ฉันมีความสุขมากเลยค่ะปอร์เช่"
"ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน" ปอร์เช่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก "เรากลับไปใช้ชีวิตตามปกติกันเถอะ...ผมไม่อยากให้เธอต้องมาเครียดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว"
ณลินส่ายหน้า "ไม่ได้หรอกค่ะปอร์เช่...ฉันยังไม่อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในตอนนี้...เพราะถ้าฉันมีความสุข...ฉันก็จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมด...ฉันอยากจะทำให้คิมหันต์ได้เรียนรู้ว่า...การทำร้ายคนอื่นมันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง..."
ปอร์เช่ยิ้มออกมา "ผมเข้าใจครับ...งั้นเรามาทำเรื่องที่ทำให้มันเจ็บปวดที่สุดกันเถอะนะครับ"
ในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ กำลังนั่งอยู่กับ พิม ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พิมมองคิมหันต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไป
"พี่คิมหันต์คะ...พี่มาหาพิมทำไมคะ? หลังจากที่พี่ไล่พิมออกจากห้องไป...แล้วก็พูดจาดูถูกพิมแบบนั้น" พิมถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
คิมหันต์มองหน้าพิมด้วยสายตาที่เย็นชา "ฉันมาหาเธอ...ก็เพราะฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"
"เรื่องอะไรคะ?" พิมถามอย่างสงสัย
"ฉันอยากจะให้เธอช่วยฉันอีกครั้ง..." คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ฉันอยากจะให้เธอช่วยฉัน...ในการทำลายณลินกับปอร์เช่"
คำพูดของคิมหันต์ทำให้พิมถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้กับเธอได้
"พี่คิมหันต์...พี่มันบ้าไปแล้วเหรอคะ!? หลังจากที่พี่พูดจาดูถูกพิมแบบนั้น...พี่ยังจะให้พิมช่วยพี่อีกเหรอ!?" พิมตะโกนอย่างขาดสติ
คิมหันต์ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "แต่ถ้าเธอช่วยฉัน...ฉันจะให้เธอในสิ่งที่เธอต้องการ...ฉันจะให้เธอในสิ่งที่ฉันไม่เคยให้ณลิน...ฉันจะแต่งงานกับเธอ"
คำพูดของคิมหันต์ทำให้พิมถึงกับเงียบไป เธอรู้สึกถึงความสับสนที่ถาโถมเข้ามาในหัวใจ ทั้งความโกรธแค้นที่มีต่อคิมหันต์และความปรารถนาที่จะได้ครอบครองเขา ทำให้เธอแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้
"พี่คิมหันต์กำลังโกหกพิมใช่ไหมคะ?" พิมถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"ฉันไม่ได้โกหก...ฉันพูดความจริงทุกอย่าง...และถ้าเธอไม่เชื่อฉัน...งั้นเรามาทำข้อตกลงกันไหม?" คิมหันต์พูดพร้อมกับยื่นมือออกมาหาพิม "ถ้าเราทำลายณลินกับปอร์เช่ได้...ฉันจะแต่งงานกับเธอ...และเราก็จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกัน...เธอว่าไง?"
พิมมองมือของคิมหันต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา เธอใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปจับมือของเขาไว้แน่น
"ตกลงค่ะพี่คิมหันต์...พิมจะช่วยพี่...แต่พิมก็มีข้อตกลงเหมือนกัน..." พิมพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "พิมจะช่วยพี่...แต่พี่ก็ต้องทำให้พิมได้ทุกอย่าง...ที่พิมเคยฝันเอาไว้...และพี่ก็จะต้องทำให้พิม...ได้เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง...ที่เคยเป็นของพี่ริน!"
คิมหันต์ยิ้มออกมา "ได้สิ...ฉันจะให้เธอได้ทุกอย่าง...แต่ตอนนี้...เรามาเริ่มต้นแผนการของเรากันเลยดีกว่า..."
ข่าวการจับกุม คิมหันต์ และเครือข่ายมาเฟียที่นำโดย เฮียเกา แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวงการธุรกิจและสังคมออนไลน์ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ทุกหน้าหนังสือพิมพ์และทุกสำนักข่าวต่างพาดหัวข่าวใหญ่ถึงจุดจบของชายผู้บ้าคลั่งที่พยายามทำร้าย ณลินและ ปอร์เช่ ณลินและปอร์เช่ที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ในบ้านของพวกเขามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความโล่งอก ความดีใจ และความเศร้าในสิ่งที่เกิดขึ้น"ในที่สุด...เขาก็ได้รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำลงไปแล้วนะคะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ใช่ครับ...ริน...แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันจบลงแบบนี้เลย"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ณลินมองไปที่ปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย "คุณรู้สึกสงสารเขาเหรอคะ?""ผมไม่ได้สงสารเขาหรอก...ผมแค่รู้สึกเสียใจ...เสียใจที่คนคนหนึ่ง...ต้องจมอยู่กับความแค้นและความอิจฉาริษยาจนชีวิตของเขาต้องพังทลายลงไปแบบนี้" ปอร์เช่พูดพร้อมกับมองไปที่ณลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน "ริน...ผมไม่อยากให้เราเป็นเหมือนเขา...เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะครั
ควันไฟสีดำลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งโกดังร้างที่ตอนนี้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว เสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและร่างของลูกน้องที่นอนจมกองเลือด ปอร์เช่ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือของเขากำปืนไว้แน่น ราวกับจะส่งความแค้นทั้งหมดไปที่ คิมหันต์ และ เฮียเกา"ปอร์เช่! แกยังไม่ตายงั้นเหรอ!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ผมไม่ได้ตายหรอกครับ...คุณคิมหันต์...ผมแค่แกล้งทำเป็นตาย...เพื่อที่จะได้ล่อให้แกออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้คิมหันต์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ปอร์เช่พูดเลยแม้แต่น้อย"โกหก! แกกำลังโกหกฉัน!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงในขณะนั้นเอง เฮียเกา ก็เดินเข้ามาหาปอร์เช่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แกมันเลว! เลวที่สุด!"ปอร์เช่หัวเราะในลำคอ "ผมไม่ได้เลวหรอกครับ...เฮียเกา...ผมแค่ทำให้พวกคุณได้รับผลกรรมในสิ่งที่ทำลงไปเท่านั้นเอง"คำพูดของปอร์เช่ทำให้เฮียเกาถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะสิ่งที่ปอร์เช่พูดคื
ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ ที่โรงพยาบาลจนอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว ในขณะที่ปอร์เช่กำลังวางแผนการที่ซับซ้อนเพื่อที่จะจัดการกับ คิมหันต์ และ เฮียเกา ให้สิ้นซากในค่ำคืนหนึ่ง ปอร์เช่ได้ให้ลูกน้องที่ปลอมตัวเป็นหมอพาเขาไปยังที่ซ่อนของพวกตัวร้าย ลูกน้องของปอร์เช่ได้สลับตัวเขาและปลอมตัวเป็นปอร์เช่ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างแนบเนียน ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้ปอร์เช่กำลังจะไปที่ไหนรถยนต์คันหรูของปอร์เช่ได้ขับมาจอดที่หน้าโกดังร้างแห่งหนึ่ง ชายในชุดสูทสีดำจำนวนหนึ่งได้เดินออกมาจากรถแล้วเปิดประตูรถให้ปอร์เช่ ปอร์เช่เดินออกมาจากรถด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"แกแน่ใจนะว่าพวกมันอยู่ที่นี่?" ปอร์เช่ถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย "แน่ใจครับ...บอส...พวกมันอยู่ที่นี่กันหมดเลย"ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ดี...เราไปจัดการพวกมันกันเถอะ"ปอร์เช่และลูกน้องของเขาเดินเข้าไปในโกดังร้างแห่งนั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาเดินผ่านโกดังไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะไปที่ไหนในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ และ เฮียเกา กำลังนั่งดื่มเบียร
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้
เช้าวันรุ่งขึ้น ณลินตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของปอร์เช่ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ ณลินเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่กำลังหลับอย่างสงบ เธอรู้สึกได้ถึงความรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"คุณตื่นแล้วเหรอคะ?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมตื่นมานานแล้ว...ผมแค่อยากมองหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังหลับ"ณลินกอดเขาไว้แน่น "ฉันมีความสุขมากเลยค่ะปอร์เช่""ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน" ปอร์เช่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก "ริน...ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี "เรื่องอะไรคะ?""ผมจะให้ลูกน้องของผมปล่อยข่าวออกไปว่าอาการของผมแย่ลง...และผมก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน" ปอร์เช่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ผมจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้คิมหันต์กับเฮียเกาออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ได้"ปอร์เช่! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ! มันอันตรายเกินไป!" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ผมรู้ครับ..
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาตลอดทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธ