แสงไฟระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์คริสตัลส่องประกายไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง กลิ่นอาหารชั้นเลิศและเสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศที่หรูหราและผ่อนคลาย แต่สำหรับ คิมหันต์ บรรยากาศเหล่านี้กลับเป็นเหมือนกองไฟที่กำลังเผาไหม้หัวใจของเขา เขาหลบมุมอยู่ในเงามืดของเสาต้นหนึ่ง ดวงตาคมกริบไม่เคยวางไปจากคู่หมั้นข้าวใหม่ปลามันอย่าง ณลิน และ ปอร์เช่ ที่กำลังยืนพูดคุยอยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการธุรกิจด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข
ความเจ็บปวดและความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอกทำให้เขาแทบจะคลั่ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปหา สมบัติ ลูกน้องของเขา "แกไปเอาของมาให้ฉันได้หรือยัง?" คิมหันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำ "ได้แล้วครับคุณคิมหันต์... ผมกำลังจะเข้าไปในงาน... คุณต้องการอะไรอีกหรือเปล่าครับ?" สมบัติถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน "ไม่... แค่นี้พอแล้ว... รีบมาหาฉันที่ห้องน้ำชายเดี๋ยวนี้!" คิมหันต์สั่งการ ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำชายทันที เพียงไม่นานนัก สมบัติก็เดินเข้ามาในห้องน้ำด้วยท่าทางที่ดูร้อนรน เขายื่นถุงพลาสติกสีดำขนาดเล็กให้กับคิมหันต์ "นี่ครับคุณคิมหันต์..." คิมหันต์รับถุงนั้นมาเปิดดู ภายในถุงมีขวดเล็กๆ บรรจุของเหลวสีใสที่ไม่มีกลิ่น เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหยิบธนบัตรปึกหนึ่งยื่นให้สมบัติ "แกเอาไป... แล้วรีบไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด!" คิมหันต์สั่งเสียงกร้าว "ครับคุณคิมหันต์..." สมบัติรับเงินมาด้วยท่าทางที่นอบน้อม ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว คิมหันต์เก็บขวดเล็กๆ นั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทของเขา ก่อนจะมองตัวเองในกระจกและยิ้มอย่างชั่วร้าย "ณลิน... แกจะต้องเป็นของฉัน... ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่า... การทรยศฉัน... มันต้องชดใช้ด้วยอะไรบ้าง" คิมหันต์เดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยง เขากวาดสายตามองหาจังหวะที่เหมาะสม และในที่สุดโอกาสก็มาถึง เมื่อปอร์เช่ถูกผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเรียกตัวออกไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ ณลินจึงยืนอยู่ตามลำพังด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม คิมหันต์ไม่รอช้า เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอทันที ในมือของเขาถือแก้วน้ำส้มที่แอบหยอดของเหลวสีใสที่ไม่มีกลิ่นลงไปแล้ว "ณลิน... ฉันอยากจะขอคุยกับเธอหน่อยได้ไหม?" คิมหันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและนอบน้อมที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ณลินหันไปมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวงและไม่เชื่อใจ เธอจำได้ดีว่าคำพูดที่สุภาพของเขาในอดีตนั้นนำพาความเจ็บปวดมาสู่เธอมากมายแค่ไหน "ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ... คิมหันต์" ณลินตอบเสียงห้วน "ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อใจฉัน... แต่ฉันแค่อยากจะแสดงความยินดีกับเธอและปอร์เช่" คิมหันต์พูดด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังและสำนึกผิด "ฉันขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ฉันเคยทำกับเธอ... ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตไปแล้ว" คำพูดของคิมหันต์ทำให้ณลินรู้สึกแปลกใจ แต่เธอก็ยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด "ฉันไม่เชื่อเธอ... คิมหันต์" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด คิมหันต์ยิ้มบางๆ "ฉันรู้... ดังนั้นฉันจึงอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันไม่ได้คิดร้ายกับเธอแล้ว... ฉันอยากจะจบเรื่องทุกอย่างระหว่างเรา... และอยากจะเริ่มต้นเป็นเพื่อนกันใหม่ได้ไหม?" ณลินมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ "เธอจะให้ฉันเชื่อเธอได้ยังไง?" "ถ้าเธอไม่เชื่อใจฉัน... งั้นฉันจะดื่มให้เธอดู" คิมหันต์พูดพร้อมกับยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาทำท่าจะดื่ม ทันทีที่คิมหันต์ทำท่าจะดื่ม ณลินก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่เตือนเธอ เธอนึกถึงความร้ายกาจของคิมหันต์ที่เธอเคยเจอมาในชาติที่แล้ว และรู้ดีว่าเขาไม่มีทางที่จะยอมแพ้ง่ายๆ อย่างแน่นอน "ไม่ต้อง!" ณลินรีบคว้าแก้วน้ำส้มจากมือของเขามาถือไว้ "ฉันจะดื่มเอง!" คิมหันต์ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เขารู้ดีว่าณลินจะต้องทำแบบนี้แน่นอน และนั่นก็คือสิ่งที่เขาต้องการ ณลินยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว "คราวนี้... เชื่อฉันได้หรือยัง? ว่าฉันไม่ได้คิดร้ายกับเธอแล้ว" คิมหันต์ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด ณลินวางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วมองหน้าคิมหันต์ด้วยสายตาที่เฉียบขาด "ต่อไปนี้... อย่ามายุ่งกับฉันอีก... และถ้าฉันรู้ว่าเธอคิดร้ายกับฉันอีก... ฉันจะเอาคืนเธออย่างสาสมแน่นอน!" คิมหันต์ยิ้มเยาะในใจ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย "ตกลง... ฉันจะไปจากเธอแล้ว... ขอให้เธอมีความสุขกับปอร์เช่นะ" คิมหันต์เดินจากไปอย่างช้าๆ ณลินมองแผ่นหลังของเขาที่เดินลับหายไปในฝูงชน ความรู้สึกในใจของเธอผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความโล่งใจที่เขาจากไป และความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก เพียงไม่นานนัก ณลินก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ร่างกายของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัด หัวใจของเธอเต้นรัวแรงกว่าปกติ ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับคนเป็นไข้ "อะไรกัน... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน?" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจ เธอยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของตัวเอง ณลินรู้สึกได้ถึงอาการที่ผิดปกติรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว สติของเธอกำลังจะเลือนหายไป เธอพยายามจะเดินออกจากงาน แต่ขากลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะก้าวต่อไปได้ ณลินจึงตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะไปพักผ่อนสักครู่ แต่ในขณะที่เธอกำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำนั้นเอง คิมหันต์ ที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็รีบเดินเข้ามาประคองร่างของเธอเอาไว้ "ณลิน... เธอเป็นอะไรไป? หน้าของเธอแดงก่ำไปหมดแล้วนะ" คิมหันต์ถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความร้อนรน ณลินพยายามสะบัดตัวออก แต่เธอก็ไม่มีแรงพอที่จะทำเช่นนั้นได้ "ปล่อยฉัน... คิมหันต์..." เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ปล่อยเธอได้ยังไงกันล่ะ? ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สบายนะ... ให้ฉันพาเธอไปพักที่ห้องพักของโรงแรมดีกว่า" คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพยายามประคองร่างของเธอเดินออกจากงานไปอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันนั้นเอง ปอร์เช่ ที่เพิ่งเดินคุยกับผู้ใหญ่เสร็จก็หันมามองหาณลิน แต่เขาก็ไม่เห็นเธออยู่ตรงที่เดิมอีกแล้ว ปอร์เช่รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี จึงรีบเดินออกตามหาเธอทันที "ริน! รินอยู่ไหน!?" ปอร์เช่ตะโกนเรียกชื่อเธออย่างร้อนรน สายตาของเขากวาดมองไปทั่วทั้งงานด้วยความร้อนใจ ปอร์เช่เดินหาณลินไปทั่วทั้งงานแต่ก็ไม่เจอเขาจึงตัดสินใจวิ่งออกไปหาข้างนอกเพราะคิดว่าณลินอาจจะไปรับลมอยู่ แต่เขาก็ไม่เจอ ปอร์เช่จึงรีบกลับมาถามคนที่อยู่ในงานว่าเห็นณลินบ้างไหม "คุณครับ... คุณเห็นณลินบ้างไหมครับ?" ปอร์เช่ถามชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "อ๋อ... ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งประคองเธอออกไปข้างนอกนะครับ" ชายคนนั้นตอบ คำตอบของชายคนนั้นทำให้หัวใจของปอร์เช่เต้นรัวด้วยความตกใจ เขาไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งออกไปหาณลินทันที และหวังว่าเขาจะไปช่วยเธอได้ทันเวลาข่าวการจับกุม คิมหันต์ และเครือข่ายมาเฟียที่นำโดย เฮียเกา แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวงการธุรกิจและสังคมออนไลน์ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ทุกหน้าหนังสือพิมพ์และทุกสำนักข่าวต่างพาดหัวข่าวใหญ่ถึงจุดจบของชายผู้บ้าคลั่งที่พยายามทำร้าย ณลินและ ปอร์เช่ ณลินและปอร์เช่ที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ในบ้านของพวกเขามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความโล่งอก ความดีใจ และความเศร้าในสิ่งที่เกิดขึ้น"ในที่สุด...เขาก็ได้รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำลงไปแล้วนะคะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ใช่ครับ...ริน...แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันจบลงแบบนี้เลย"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ณลินมองไปที่ปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย "คุณรู้สึกสงสารเขาเหรอคะ?""ผมไม่ได้สงสารเขาหรอก...ผมแค่รู้สึกเสียใจ...เสียใจที่คนคนหนึ่ง...ต้องจมอยู่กับความแค้นและความอิจฉาริษยาจนชีวิตของเขาต้องพังทลายลงไปแบบนี้" ปอร์เช่พูดพร้อมกับมองไปที่ณลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน "ริน...ผมไม่อยากให้เราเป็นเหมือนเขา...เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะครั
ควันไฟสีดำลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งโกดังร้างที่ตอนนี้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว เสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและร่างของลูกน้องที่นอนจมกองเลือด ปอร์เช่ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือของเขากำปืนไว้แน่น ราวกับจะส่งความแค้นทั้งหมดไปที่ คิมหันต์ และ เฮียเกา"ปอร์เช่! แกยังไม่ตายงั้นเหรอ!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ผมไม่ได้ตายหรอกครับ...คุณคิมหันต์...ผมแค่แกล้งทำเป็นตาย...เพื่อที่จะได้ล่อให้แกออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้คิมหันต์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ปอร์เช่พูดเลยแม้แต่น้อย"โกหก! แกกำลังโกหกฉัน!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงในขณะนั้นเอง เฮียเกา ก็เดินเข้ามาหาปอร์เช่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แกมันเลว! เลวที่สุด!"ปอร์เช่หัวเราะในลำคอ "ผมไม่ได้เลวหรอกครับ...เฮียเกา...ผมแค่ทำให้พวกคุณได้รับผลกรรมในสิ่งที่ทำลงไปเท่านั้นเอง"คำพูดของปอร์เช่ทำให้เฮียเกาถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะสิ่งที่ปอร์เช่พูดคื
ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ ที่โรงพยาบาลจนอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว ในขณะที่ปอร์เช่กำลังวางแผนการที่ซับซ้อนเพื่อที่จะจัดการกับ คิมหันต์ และ เฮียเกา ให้สิ้นซากในค่ำคืนหนึ่ง ปอร์เช่ได้ให้ลูกน้องที่ปลอมตัวเป็นหมอพาเขาไปยังที่ซ่อนของพวกตัวร้าย ลูกน้องของปอร์เช่ได้สลับตัวเขาและปลอมตัวเป็นปอร์เช่ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างแนบเนียน ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้ปอร์เช่กำลังจะไปที่ไหนรถยนต์คันหรูของปอร์เช่ได้ขับมาจอดที่หน้าโกดังร้างแห่งหนึ่ง ชายในชุดสูทสีดำจำนวนหนึ่งได้เดินออกมาจากรถแล้วเปิดประตูรถให้ปอร์เช่ ปอร์เช่เดินออกมาจากรถด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"แกแน่ใจนะว่าพวกมันอยู่ที่นี่?" ปอร์เช่ถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย "แน่ใจครับ...บอส...พวกมันอยู่ที่นี่กันหมดเลย"ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ดี...เราไปจัดการพวกมันกันเถอะ"ปอร์เช่และลูกน้องของเขาเดินเข้าไปในโกดังร้างแห่งนั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาเดินผ่านโกดังไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะไปที่ไหนในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ และ เฮียเกา กำลังนั่งดื่มเบียร
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้
เช้าวันรุ่งขึ้น ณลินตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของปอร์เช่ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ ณลินเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่กำลังหลับอย่างสงบ เธอรู้สึกได้ถึงความรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"คุณตื่นแล้วเหรอคะ?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมตื่นมานานแล้ว...ผมแค่อยากมองหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังหลับ"ณลินกอดเขาไว้แน่น "ฉันมีความสุขมากเลยค่ะปอร์เช่""ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน" ปอร์เช่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก "ริน...ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี "เรื่องอะไรคะ?""ผมจะให้ลูกน้องของผมปล่อยข่าวออกไปว่าอาการของผมแย่ลง...และผมก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน" ปอร์เช่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ผมจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้คิมหันต์กับเฮียเกาออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ได้"ปอร์เช่! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ! มันอันตรายเกินไป!" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ผมรู้ครับ..
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาตลอดทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธ