LOGINใบหน้างามของหลินเยว่ซินหันโดยไม่ทันตั้งตัว นางหันมามองที่ถิงถิงที่กำลังง้างมือขึ้นตบนางและทำหน้าประหลาดใจ นางยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยเพียงแค่ยกมือขู่เท่านั้น
“ถิงถิง นี่เจ้ากล้าตบข้างั้นหรือ”
“เจ้าดูมือข้า ยังอยู่ท่าเดิม ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลย”
“ข้าไม่เชื่อ เจ้ามันนังจิ้งจอก ต้องเป็นเจ้าแน่”
“เพี๊ยะ”
“โอ๊ยย ช่วยด้วย”
“คุณหนูเจ้าคะ”
“ผู้ใดกัน มาจากไหน ข้าโดนอะไร หน้าข้าทำไมมีเลือดออก”
“คุณหนู นี่มัน…”
ถิงถิงก้มลงมองที่พื้น ลูกเกาลัดสองลูกที่กระเด็นมาใส่หน้าของหลินเยว่ซินจนทำให้นางเป็นแผล ตอนนี้เลือดเริ่มไหลออกมาเพราะเปลือกเกาลัดน่าจะบาดเข้าผิวหน้านาง
“กรี๊ด หน้าข้า เลือด ใครกัน ใครมันเป็นคนทำ ฮือ ถิงถิง นี่เจ้าใช้วิชาลับงั้นหรือ”
“ข้าก็ยืนอยู่กับเจ้า ไหนให้ข้าดูแผลเจ้าหน่อยจะได้ช่วยได้”
“ไม่ต้อง พวกเรากลับ”
หลินเยว่ซินเดินกลับไปแล้วพร้อมกับแผลลึกบนใบหน้า ชาวบ้านที่มามุงดูต่างนึกสนใจว่าบุตรท่านเจ้าเมืองถูกอะไรเข้าจึงได้ถูกตบจนหน้าเสียโฉม แต่พวกเขาก็เห็นว่าถิงถิงนั้นยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้แตะต้องหลินเยว่ซินเลยแม้แต่น้อย
“แม่หนู เทวดาอารักษ์คงจะคุ้มครองเจ้าสินะ โชคดีจริงๆ แต่งงานใหม่แล้วยังโชคดีด้วย”
“ท่านป้า คือข้า..”
“ถิงถิง ซื้อขนมเสร็จแล้วหรือ”
“ท่านไปไหนมาเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านเห็น....”
“เห็นอะไร เจ้าพบใครงั้นหรือ มีใครมีพิรุธงั้นหรือ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก เรากลับกันเถิดเจ้าค่ะ”
“อ้าว แล้วไหนขนมเจ้าล่ะ”
“คือว่าข้าไม่ทันระวัง ก็เลยทำหล่นพื้นไปแล้ว จะรออีกก็คงนาน ช่างเถอะ เอาไว้วันหลังค่อยซื้อใหม่กลับกันเถอะเจ้าค่ะ”
“ตามใจเจ้า ไปกันเถอะ”
ถิงถิงมองไปที่น้ำตาลปั้นที่นางอุตส่าห์ไปยืนเฝ้ารอ กลับตกพื้นไปอย่างน่าเสียดายก่อนจะเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด ท่านอ๋องเห็นอาการและสายตานั้นได้ชัดเจน
“ลี่หยาง กลับบ้านได้แล้ว”
“ได้ๆ มาแล้ว”
เขาเดินตามนางกลับไปพร้อมกับทิ้งลูกเกาลัดที่เหลือในมืออีกสองลูกลงพื้นไปโดยที่ถิงถิงไม่รู้
ก่อนกลับถึงร้าน นางแวะที่ร้านขายอุปกรณ์ตัดเย็บเพื่อจะสั่งกรอบไม้ที่ร้านเดียวกันนี้หลายอันเพื่อให้เขานำไปส่งที่ร้านร้อยบุปผา เมื่อเสร็จธุระนางจึงเดินออกจากร้านมา ลี่หยางยื่นไม้น้ำตาลปั้นมาให้นางพร้อมกับยิ้มให้
“นี่มัน…ท่านไปซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน”
“ก็ตอนที่เจ้าเดินไปสั่งของ ได้ครบหรือไม่”
“น้ำตาลปั้น ดีใจจัง ได้กินเสียที อื้มมม อร่อย ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ภาพของนางทำให้เขาพลันนึกไปถึงเด็กหญิงคนหนึ่งที่ชอบกินน้ำตาลปั้นแบบนี้เช่นกัน จำได้ว่าตอนนั้นอาจารย์ของนางลงเขาเพื่อไปซื้อของ ขากลับจึงได้ซื้อน้ำตาลปั้นมาให้พวกเขา
นางกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความที่ไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อนเนื่องจากอยู่บนเขา นานๆ จะได้กินขนมแปลกๆ ที
เขาจึงยกขนมน้ำตาลปั้นของเขาให้นางด้วย สีหน้าที่ดีใจของนางตอนนั้น เขาจำได้ไม่มีวันลืม หากนางยังมีชีวิตอยู่ ก็คงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับถิงถิงกระมั้ง
“ท่านยิ้มอะไรเจ้าคะ ไปกันเถอะ”
“ไปสิ”
“เถ้าแก่ นี่ค่าน้ำตาลปั้น ที่เหลือท่านก็ทำแจกเด็กๆ ที่ต่อแถวไปนะ ข้าไปก่อน”
“ขอบคุณคุณชายขอรับไม่ต้องห่วง ท่านเหมาแล้ว ของที่จะทำวันนี้ข้าจะทำแจกให้หมดขอรับ”
เป่าอี้เดินตามท่านอ๋องกับถิงถิงไปห่างๆ ท่านอ๋องสั่งให้เขาไปเหมาร้านน้ำตาลปั้นแต่ขอให้นำมาให้เขาก่อนสองไม้ที่เหลือให้ทำแจกให้หมด เขาเลยได้น้ำตาลปั้นสองอันนี้มาอย่างรวดเร็ว ทันทีนางเดินออกจากร้านตัดเย็บพอดี
“เจ้าชอบกินของหวานนี่ขนาดนี้เลยหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ มันอร่อยมากเจ้าค่ะ หืม เหตุใดท่านไม่กินมันล่ะ เดี๋ยวจะละลายเอานะเจ้าคะ”
“ข้า..ไม่ชอบของหวานน่ะ ให้เจ้า”
“พูดจริงหรือเจ้าคะ งั้นข้าไม่เกรงใจนะ”
เขายื่นน้ำตาลปั้นของเขาให้นาง ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผู้คนก็เริ่มกลับบ้านแล้ว ทางเดินกลับร้านก็แทบจะไม่มีคนเลยทั้งถนนจึงเหลือพวกเขาสองคน
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ ถึงกับไปแย่งต่อแถวกับเด็กๆ เชียวนะเจ้าน่ะ”
“อร่อยมากเจ้าค่ะ กินแล้วทำให้นึกถึงความหลัง”
“หืม ความหลังอะไรงั้นหรือ หรือว่า มีคนเคยซื้อน้ำตาลปั้นให้เจ้าแบบนี้”
“ไม่ได้ซื้อ แต่เขามอบให้ข้าเจ้าค่ะ”
สีหน้าของนางตอนพูดเรื่องนี้ดูมีความสุขมากกับความทรงจำที่นางเล่าให้ฟังจนท่านอ๋องนึกโมโหหงุดหงิดอยู่ในใจ เขาไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้เขาอยากจะทำบางอย่าง เขาจึงดึงแขนนางที่ถือน้ำตาลปั้นอยู่และโอบรัดเอวนางเข้ามาใกล้
“ลี่หยาง นี่ท่าน..”
เขาก้มลงจูบนางอีกครั้ง ครั้งนี้มีรสน้ำตาลปั้นด้วย มือของนางเริ่มลดลงเมื่อเขาเริ่มกอดรัดตัวนางเข้ามาจนชิดตัวเขา
บนถนนว่างเปล่าไร้ผู้คน หมิงลี่หยางเริ่มส่งลิ้นเข้าไปพร้อมกับชิมน้ำตาลปั้นในปากนาง ถิงถิงเองก็ต่อต้านเขาไม่ไหว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบนาง
“อื้ออ อย่าเจ้าค่ะ นี่มันกลางถนนข้างนอกนะปล่อยข้านะท่านอ๋อง”
“ถ้าเช่นนั้น หากไม่ใช่ข้างนอกก็ได้ใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่นะ คนบ้า ไปห่างๆ ข้านะ อย่าตามมานะ”
“เดี๋ยวสิ ถิงถิง รอข้าก่อน ไม่ให้ตามแล้วจะเข้าบ้านอย่างไรเล่า”
เขาเดินตามนางที่เดินก้มหน้ากลับบ้านไปไกลแล้ว เป่าอี้และองครักษ์อีกสองคนจึงอนุญาตให้ผู้คนสัญจรได้เช่นเดิม เขาอ้างว่าข้างหน้ามีคนร้ายและกำลังจัดการ ตอนนี้จึงได้ปล่อยคนเดินเข้าไปถนนสายนี้ปกติ
“เป่าอี้ ข้าว่ากว่าท่านอ๋องจะลงเอยกับแม่นางฟาง พวกเราคงต้องมีศัตรูเพิ่มอีกมากเลยล่ะ”
“ทำเช่นไรได้เล่า ท่านอ๋องไม่เคยเป็นแบบนี้ ใครจะคิดว่าเวลามีความรัก ท่านอ๋องจะคลั่งรักมากขนาดนี้ เจ้าดูขบวนที่รอส่งของไปที่ร้านร้อยบุปผาสิ ข้ายังไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะเก็บของพวกนี้หมดได้เช่นไร เอาล่ะ ไปบอกให้พวกเขาทยอยเอาไปส่งได้แล้ว ค่อยๆ ไปล่ะ อย่าให้พวกในร้านสงสัย”
“ใครบ้างจะไม่สงสัย ซื้อของทั้งตลาดขนาดนี้ อย่างกับจะจัดงานเลี้ยงทั้งเมือง”
“อย่าบ่น รีบตามไปเถอะ”
ร้านร้อยบุปผา
“คุณหนูเจ้าคะ นี่ท่านไปขนภูเขาผักมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“คือว่า เอ่อ ป้าช่วยเก็บบางส่วนเอาไว้ทำอาหาร และจัดสรรไว้ในห้องแช่ ที่เหลือพวกท่านก็แจกให้เด็กๆ นำกลับบ้านกันนะ”
“มากมายขนาดนี้ แจกทั้งหมดก็ยังเหลือนะเจ้าคะ”
“ถิงถิง ไปพักเถอะ วันนี้เจ้าเหนื่อยแล้ว”
“ท่านบอกว่า…”
“ให้พวกเขาทำเถอะ”
“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู เดี๋ยวป้าทำให้เอง เชิญคุณหนูกับคุณชายหมิงไปรอที่ห้องก่อน อาบน้ำเสียก่อนข้าก็ทำเสร็จพอดีเจ้าค่ะ”
“อาหลิน”
อาหลินที่ถูกท่านอ๋องเรียกสะดุ้งโหยง อาหลานจับไหล่นางพร้อมกับพานางเดินมาหาเขาพลางปลอบว่าไม่ต้องกลัว
ท่านอ๋องเองเห็นพวกนางเดินมาพร้อมกัน หากเขาไม่รู้จักพวกนางมาก่อนคงแยกไม่ออก แต่ว่าสองสามวันนี้คลุกคลีกับพวกนาง มาวันนี้จึงมองออกเพราะบุคลิกของพวกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
“อาหลิน นี่ให้เจ้า”
“ขอบพระ..ขอบคุณ คุณชายหมิงเจ้าค่ะ”
อาหลินรับกล่องไม้นั้นไปพร้อมกับเปิดฝาออก ในนั้นคืออุปกรณ์ตัดเย็บชุดใหญ่ที่เขาซื้อมามอบให้นางเพราะเห็นถิงถิงบอกว่าอาหลินชอบการตัดเย็บเสื้อผ้าและชอบตัดเย็บชุดสวมใส่เอง นางยิ้มแก้มปริเพราะถูกใจของสิ่งนี้มาก
“ขอบคุณคุณชายหมิงเจ้าค่ะ”
อาหลันยิ้มให้อาหลินที่ได้ของฝากถูกใจพร้อมกับลูบหัวน้องสาวฝาแฝดเบาๆ แต่ก็ต้องตกใจที่ท่านอ๋องเรียกนางออกมาซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะเรียกนาง
“อาหลาน เจ้าตามข้ามาทางนี้”
“คุณชายหากท่านมีอะไรจะใช้งานข้าก็…”
“ถิงถิง เจ้ามากับนางด้วยสิ”
“ไปเถอะอาหลาน ข้าไปกับเจ้าด้วย”
เขาเอื้อมมือมาจับถิงถิงและจูงนางออกไป ที่หน้าจวนพร้อมกับหันมามองหน้านาง กล่องไม้กล่องใหญ่ถูกยกมาวางตรงหน้าอาหลานกับถิงถิง
“นี่คือสิ่งใดเจ้าคะ”
“อาหลาน กล่องนี้ข้าให้เจ้า ลองเปิดดูสิ”
“ของข้างั้นหรือเพคะท่านอ๋อง”
“ใช่ ของเจ้าทั้งหมด ลองเปิดดูสิ ที่ข้าเรียกให้ออกมาเพราะไม่อยากให้ด้านในแตกตื่น”
เขาเดินมายืนข้างๆ ถิงถิงและรอให้อาหลานเปิดกล่องนั้นดู นางเดินเข้าไปพร้อมกับลูปฝากล่องอย่างระวัง เมื่อเปิดออกมานางถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลออกมา
“ทะ..ท่าน..ท่านอ๋องเพคะ นะ..นี่คือ…”
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







