ถังชุนเป้ยไม่คิดว่าตัวเองจะเสียหน้าขนาดนี้ เพราะต้องการจะเล่นงานหลี่เหมยให้ฉิบหายย่อยยับเหมือนตัวเอง จึงตัดสินใจหยิบมีดที่พกมาพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย
แต่หลี่เหมยที่ระวังตัวอยู่แล้วหลบหลีกได้ทัน ก่อนจะหันมาเตะสวนกลับจนอีกฝ่ายล้มลงไปกอง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเธอ และไม่รู้ว่าที่หน้าตาของเธอเป็นแบบนี้เพราะอะไร ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้เหมือนกัน การที่เธอจะมาโทษว่าฉันเป็นคนกระทำมันไม่ถูกต้องหรอกนะ และครั้งนี้ฉันคงให้อภัยไม่ได้ เพราะเธอหมายจะเอาชีวิตของฉัน ชีวิตเธอจบแล้วล่ะถังชุนเป้ย”
“ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ว่าฉันจะแพ้เครื่องสำอาง เพราะที่ผ่านมาฉันก็ใช้แต่ยี่ห้อเดิม ๆ ไม่เคยเห็นเป็นอะไร หากไม่ใช่เพราะเธอที่ต้องการแก้แค้นฉัน แล้วมันจะเป็นใครล่ะ”
ถังชุนเป้ยคล้ายกับคนที่เสียสติไปแล้ว จึงได้เผลอพูดเรื่องนี้ออกมา
นี่จึงเข้าทางของหลี่เหมยที่จะหาหลักฐานเอาผิดอีกฝ่ายที่ได้ว่าจ้างคนมาทำร้ายเธอในวันก่อน
“ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหม ทำไมฉันถึงต้องเอาคืนเธอ ทั้งที่พวกเราก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมายนัก เป็นเพียงแค่คนในหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้น เพราะอะไรฉันถึงแค้นเธอ”
“เพราะแกรู้อย่างไรล่ะ เรื่องที่ฉันเป็นคนว่าจ้างนักเลงใต้ดินมาฉุดแล้วไปขืนใจแกให้เสียหาย แต่นับว่าแกโชคดีที่วันนั้นมีคนเข้าไปช่วย แกถึงไม่ถูกพวกมันย่ำยีอย่างไรล่ะ”
คราวนี้ถังชุนเป้ยเสียสติแล้วจริง ๆ ถึงได้พูดออกมาทั้งหมด
ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตกใจ ไม่คิดว่าหลานสาวจากบ้านถังจะมีการกระทำอันชั่วร้ายอย่างนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งเลย
“หล่อนบ้าไปแล้วเหรอถังชุนเป้ย ต่อให้จะเกลียดหลี่เหมยยังไงก็ไม่ควรจะทำอย่างนั้น เพราะถึงยังไงพวกเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน หากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา นั่นเท่ากับทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งตายทั้งเป็น ทำไมเธอถึงมีจิตใจโหดร้ายอย่างนี้”
เมื่อถูกตำหนิจากชาวบ้าน ถังชุนเป้ยก็ไม่มีท่าทีสลดเลยแม้แต่น้อย เธอไม่สนใจหรอกว่าหลี่เหมยจะเป็นอะไร ขอแค่ให้อีกฝ่ายเจอกับหายนะก็พอแล้ว
“แล้วอย่างไร ต่อให้มันจะเป็นตายร้ายดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน นับว่าแกยังโชคดีนะหลี่เหมย แต่ครั้งนี้ไม่มีใครช่วยแกได้หรอก”
แม้จะเจ็บจนจุกที่โดนถีบเมื่อครู่นี้ แต่ก็กัดฟันลุกขึ้นมาแล้วหยิบมีดที่อยู่ด้านข้างพุ่งตรงเข้าหาหลี่เหมยอีกครั้ง
แต่ทว่าครั้งนี้หยางอี้ข่ายพุ่งเข้ามาปกป้องภรรยาไว้ได้พอดี ชายหนุ่มยกขาถีบหล่อนสุดแรง โดยไม่สนใจเลยว่าถังชุนเป้ยจะเป็นผู้หญิงหรือไม่
“เธอกล้ามากเลยนะที่มาทำร้ายภรรยาของฉัน”
ชายหนุ่มพูดเสียงเหี้ยมเกรียม ไม่สนใจเลยว่าการกระทำของตนเองจะเป็นอย่างไร คำว่าลูกผู้ชายไม่มีในสารบบของชายหนุ่ม เนื่องจากผู้หญิงตรงหน้าคิดจะเล่นงานภรรยาของเขา
“ปล่อยฉันนะ พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาจับฉันไว้ ฉันจะฆ่านัง
หลี่เหมย มันเป็นคนทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้”ถังชุนเป้ยกรีดร้องโวยวายอย่างไม่ยินยอม และดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมจากชายทั้งสองคน ซึ่งเป็นคนสนิทของหยางอี้ข่าย
“ซือหยวน นายไปติดต่อสำนักงานตำรวจ บอกให้มาพาผู้หญิงคนนี้ไปสอบสวนถึงเรื่องราวทั้งหมด และย้ำว่าคุณชายหยางเป็นคนสั่งการเรื่องนี้”
“ครับ พี่อี้ข่าย” หลี่ซือหยวนหมุนตัวไปที่สำนักงานกองพลน้อย เพื่อติดต่อไปยังสำนักงานตำรวจในเมือง เพื่อส่งข่าวตามที่
หยางอี้ข่ายบอกมาบทสนทนาของทั้งคู่สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณชายจากตระกูลหยางมีอิทธิพลแค่ไหน แม้กระทั่งหลี่เหมยเองยังมองสามีเพื่อหาคำตอบ
“จบเรื่องนี้แล้วพี่จะสารภาพทั้งหมดนะครับภรรยา”
ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อนวอนให้กับเธอ เพราะรู้ดีว่าตัวเองผิดที่ไม่เปิดเผยความจริงทั้งหมดเรื่องตัวตนของตนเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้ฉันเข้าใจ คนเราย่อมต้องมีความลับเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่เปิดเผยความจริงให้ฉันได้รู้”
หลี่เหมยไม่มีท่าทีโกรธเคืองสามีเลย เธอเข้าใจดีว่าทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตนเอง ซึ่งเธอก็มีเหมือนกัน จึงเข้าใจดีถึงเรื่องที่สามีปิดบังตัวตน
“หมายความว่ายังไง นี่แกไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเหรอ”
ถังชุนเป้ยแทบจะสิ้นสติจริง ๆ แล้ว เมื่อรู้ว่าผู้ชายที่ช่วย
หลี่เหมยนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่กลับเป็นคุณชายจากตระกูลหยางผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนี้ อีกทั้งยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของนายท่านหยางอีกด้วย“ใช่ ฉันคือหยางอี้ข่าย เธอเล่นงานผิดคนเสียแล้วถังชุนเป้ย และอย่าหวังว่าชีวิตนี้เธอจะสามารถเล่นงานใครได้อีก เพราะครั้งนี้เธอได้สารภาพมันออกมาด้วยตนเองแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงเย็นชา สายตาที่มองอีกฝ่าย แทบจะฆ่าเธอได้เลยทีเดียว
คนที่ยืนดูอยู่รีบไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน และเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านมาถึงก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาได้แต่ส่ายหน้าให้กับถังชุนเป้ย
หากว่ากันตามกฎหมายแล้ว เธอก็จะไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากคดีนี้ได้ เพราะสิ่งที่เธอทำนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าอะไร นอกจากเรื่องจ้างวานให้นักเลงใต้ดินมาฉุดหลี่เหมยไปทำมิดีมิร้ายแล้ว
ยังมีเรื่องพยายามฆ่าเมื่อครู่นี้อีก เห็นทีต่อให้บ้านถังมีเงินมากแค่ไหนก็คงไม่สามารถช่วยได้
เพื่อจัดการสถานการณ์ตรงนี้ให้กลับมาสงบ หัวหน้าหมู่บ้านจึงให้คนของหยางอี้ข่ายพาถังชุนเป้ยไปขังไว้ก่อน รอการมาถึงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อเหตุการณ์กลับมาสงบดังเดิม ทุกคนก็แยกย้ายไป
ทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ส่วนหลี่เหมยก็เดินเข้าบ้านเพื่อไปทำอาหารให้กับครอบครัวกิน โดยมีสามีเดินตามไปด้วยหยางอี้ข่ายไม่รู้หรอกว่าภรรยาจะโกรธตนเองหรือเปล่า
ในเรื่องที่ได้ปิดบังตัวตนที่แท้จริงกับเธอ แม้ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าไม่โกรธก็ตาม“อาเหมยพี่ขอโทษที่ปิดบังตัวตนมาตลอด”
“พี่ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะฉันเข้าใจ ตอนนี้พี่ก็สารภาพแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่เป็นใคร”
“น้องไม่โกรธพี่จริง ๆ ใช่ไหม”
“ฉันไม่โกรธพี่ แต่ถ้ายังถามไม่เลิก คืนนี้ก็ไปนอนนอกห้องก็แล้วกัน จบนะ” หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะทำอาหารต่อ เรื่องการปิดบังตัวตนของเขาสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่นนั้นแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธอีกฝ่าย แต่เหมืนอจะนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ จึงได้ขอความช่วยเหลือสามี
“ในเมื่อพี่เป็นคุณชายหยางผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้ ถ้าอย่างนั้นพี่ช่วยทำเรื่องย้ายหร่วนเจินฮ่าวไปอยู่ที่อื่นได้ไหม แต่ช่วยทำเรื่องหักเงินเดือนของเขาไว้ด้วย เพราะเขายังเป็นหนี้ฉันอยู่หลายร้อยหยวน”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ น้องจะได้ยินข่าวดี”
ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่ภรรยาร้องขอเรื่องนี้ แม้ว่าหลังจากแต่งงานแล้วเขาตั้งใจจะพาเธอเข้าไปอยู่ในเมืองก็ตาม ทว่าการที่ไม่มีหร่วนเจินฮ่าวในหมู่บ้านก็นับว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมาทำอาหารต่อ
ส่วนทางด้านบ้านถัง เมื่อรู้เรื่องที่ถังชุนเป้ยได้ทำลงไป
คนเป็นแม่และพ่อก็แทบล้มทั้งยืน ไม่คิดว่าลูกสาวตัวเองจะมีจิตใจที่โหดร้ายแบบนี้ ส่วนคนอื่นในบ้านก็ได้แต่สมน้ำหน้า และไม่มีใครคิดที่จะช่วยเลย นั่นเพราะว่าเกิดจากการกระทำของถังชุนเป้ยเองทั้งนั้น“แม่ช่วยชุนเป้ยหน่อยได้ไหม เธอคือลูกสาวคนเดียวที่ผมมี” พ่อของถังชุนเป้ยพยายามขอร้องแม่ตนเองเพื่อให้ช่วยลูกสาวเพียงคนเดียวที่เขามี แม้จะรู้ดีว่าต่อให้ทำอย่างไรแม่ก็คงไม่ช่วย
“แกใช้สมองส่วนไหนคิด ที่จะให้ฉันไปช่วยมัน มันทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นแล้ว ต่อให้บ้านถังของเรามีเงินเป็นแสนหยวน
ก็ไม่สามารถช่วยมันได้หรอกนะ แกล้มเลิกความคิดนี้ไปเถอะ”หญิงชราพูดออกมาอย่างเหลืออด หากเป็นเพียงแค่เรื่องตบตีกันและเสียค่าปรับนั่นพอจะช่วยได้ แต่นี่ถังชุนเป้ยทำเรื่องที่โหดเหี้ยมกว่านั้น และยังไปมีปัญหากับหลี่เหมย ภรรยาของคุณชายใหญ่ตระกูลหยางอีก คิดหรือว่าฝ่ายนั้นจะยอมรามือง่าย ๆ
เมื่อคนเป็นแม่ไม่ยอมช่วยเหลือ เขาจึงได้ไปขอร้องหัวหน้าหมู่บ้านให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ ซึ่งก็ถูกตอกหน้ากลับมาเหมือนกัน นั่นเพราะว่าเรื่องที่ถังชุนเป้ยได้กระทำมันร้ายแรงเกินไป
เรื่องนี้ไม่มีใครอยากจะช่วย และไม่ว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวด้วย ทำให้เขาต้องเดินออกมาด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยลูกได้
เมื่อเจ้าหน้าที่มาพาตัวถังชุนเป้ยไปที่สำนักงานตำรวจ
ซึ่งหลักฐานและพยานมีพร้อม ทำให้หญิงสาวถูกจับกุมทันที และเมื่อสืบคดีนี้ตามกฎหมาย หลังจากนั้นสามเดือนถังชุนเป้ยจึงถูกยิงเป้า ข้อหาพยายามฆ่าและลักพาตัวหลี่เหมยเรื่องนี้สร้างความเสียใจให้พ่อกับแม่ของถังชุนเป้ยไม่น้อย นั่นเพราะทั้งสองคนมีลูกเพียงคนเดียว
กลับมายังปัจจุบัน หลังจากสัญญาณพักเที่ยงดังขึ้น ครอบครัวบ้านรองหลี่ก็รับรู้ข่าว เรื่องที่ถังชุนเป้ยมาทำร้าย
หลี่เหมยถึงที่บ้าน เฉินรุ่ยเมิ่งจึงพุ่งตัวออกจากบ้านจะไปเล่นงาน ถังชุนเป้ยที่ถูกคุมขังอยู่“แม่ไม่ต้องไปหรอกค่ะ ให้กฎหมายจัดการเธอดีกว่า
เชื่อเถอะว่าถ้าไม่ถูกจำคุกตลอดชีวิตก็คงจะถูกประหารชีวิต เพราะเรื่องที่เธอทำมันร้ายแรงมากสำหรับกฎหมายในยุคนี้”หลี่เหมยคิดแบบนั้น ตอนนี้นางเอกนิยายเรื่องนี้ก็ควรจะถึงจุดจบเสียที และเธอเองก็ไม่อยากให้มือเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้
อีกแล้ว ดังนั้นจึงขอให้กฎหมายจัดการดีกว่า“นั่นสิครับแม่ยาย เรื่องนี้ผมจัดการได้ แม้ว่าจะใช้เส้นสายของตระกูลหยาง แต่เชื่อเถอะครับ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำมันร้ายแรงเกินไปอย่างไรก็ไม่สามารถรอดพ้นจากบทลงโทษที่ควรจะเป็นได้หรอก”
หยางอี้ข่ายไม่อยากให้แม่ภรรยา ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะอย่างไรถังชุนเป้ยก็ไม่สามารถรอดพ้นจากกฎหมายได้
“ผมต้องขอโทษพ่อกับแม่อีกครั้ง ที่ปกปิดตัวเองมาตลอด หวังว่าพ่อกับแม่จะไม่ถือโทษโกรธเคืองผมนะครับ และที่ผมทำเพราะกลัวว่าอาเหมยจะรังเกียจ และไม่ยอมรับผมเป็นสามี”
พอชายหนุ่มพูดถึงตรงนี้ ทุกคนก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทีของเขา ที่ดูเหมือนว่าจะกลัวภรรยาเข้าไปทุกวัน มีอย่างที่ไหนกลัวภรรยาไม่รักจนต้องปิดบังตัวเอง คิดแล้วก็ช่างน่าขันเสียจริง
ส่วนหลี่เหมยเองก็เขินอายไม่น้อยที่สามีพูดแบบนี้
“เรื่องมันผ่านไปหมดแล้วก็อย่าคิดอะไรเลย ขอแค่ลูก
ทั้งสองคนมีความรักให้กันและไม่ทิ้งกันก็พอ แค่นี้พ่อก็หมดห่วง”หลี่กวงไม่ได้สนใจหรอกว่าลูกเขยคนนี้เป็นคนที่มีอิทธิพลมากแค่ไหน ขอแค่หยางอี้ข่ายรักลูกสาวของเขาก็พอแล้ว
เมื่อจบเรื่องของถังชุนเป้ยทั้งครอบครัวก็กินอาหารมื้อเที่ยงกันอย่างอร่อย และพอหลี่ลู่หรานกลับมาถึงก็รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เธอตั้งใจจะไปจัดการถังชุนเป้ยเหมือนกัน แต่ก็ถูกทุกคนห้ามไว้ และบอกให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยที่ไม่ต้องไปสนใจอดีตอีก
ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ
ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”
บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ
บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ
บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้