เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ
บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน "ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน "ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง "งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่น บอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ "พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก "จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเข้าไปรายงานนาย" เสือสั่งการบอดี้การ์ดเสร็จก็รีบเข้าไปรายงานอาชา ขณะนั้น เหมยที่เพิ่งสอนหนูน้อยลิลลี่เป็นวันแรกก็ได้เสร็จสิ้นภารกิจ จึงนั่งเล่นกันอยู่ที่ห้องส่วนตัวในคาเฟ่ ที่อาชาจัดเตรียมไว้ให้เหมยและลิลลี่โดยเฉพาะ เวลาสอนจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ใช่แค่สอนภายในบ้านพักตากอากาศอย่างเดียว หลังจากถังลี่จัดการสั่งขนมและทุกอย่างมาให้เมฆินทร์ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างบางที่เขาพึงใจตั้งแต่วันงานหนังสือ "อ้าว คุณเหมย สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว" เมฆินทร์ทักทายเหมยอย่างเป็นกันเอง "ตายจริง! บังเอิญจริง ๆ ด้วย วันนี้คุณมาเที่ยวที่นี่เหรอคะ" เหมยที่จูงหนูน้อยลิลลี่มาด้วยเอ่ยถาม "ครับ พอดีผมจะแวะมาหาเพื่อนเก่าอย่างอาชาน่ะ ไม่คิดว่าจะเจอคุณเหมยที่นี่นะครับ" "ยินดีมากเลยค่ะที่ได้เจอ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งสำหรับเรื่องเสื้อที่เลอะกาแฟวันนั้นด้วย" เหมยยิ้มเขินอายพร้อมกับใช้มือเกาหัวแกรก หนูน้อยลิลลี่ที่ตั้งใจฟังผู้ใหญ่ทั้งสองคนพูดคุยกันก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย "คุณครูขา คนนี้เป็นใครเหรอคะ? คุณครูรู้จักด้วยเหรอ? คุณลุงหล่อมากเลย" หนูน้อยลิลลี่เอ่ยชมเมฆินทร์ด้วยความสดใสน่ารัก เมฆินทร์ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไร เพียงแค่เขามีความแค้นกับตระกูลของอาชา แต่ไม่เคยคิดจะฆ่าหรือทำร้ายเด็ก เพียงแค่ต้องการช่วงชิงกันในเรื่องของธุรกิจเท่านั้น เท่าที่เห็นหนูน้อยลิลลี่ที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงย่อตัวลงไปนั่งพูดคุยด้วย "สวัสดีครับ หนูชื่อหนูน้อยลิลลี่หรอค่ะน่ารักขนาดนี้ คุณลุงไม่มีอะไรให้เลย" แต่เหมือนว่าเมฆินทร์ได้เตรียมการมาดี เขาแสร้งทำเป็นว่าเหน็บพวงกุญแจรูปตุ๊กตาขนปุกปุยออกมา "สวัสดีค่ะคุณลุงหล่อมากเลย" หนูน้อยลิลลี่เอ่ยชมแล้วก็ยิ้มเขิน ๆ ม้วน ๆ แบบฉบับเด็กหญิงใส ๆ "ฮ่า ๆ ๆ หนูลิลลี่ก็น่ารักที่สุดเลยครับ งั้นเดี๋ยวคุณลุงมีอะไรให้" เมฆินทร์หยิบพวงกุญแจปุกปุยสีชมพูหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูออกมาจากข้างเอว เขาจงใจเหน็บติดมาด้วยเพราะรู้ว่าจะต้องเจอกับเด็กหญิงที่น่ารักคนนี้ "อันนี้เหรอคะ น่ารักจังเลยค่ะ" ลิลลี่ทำตาลุกวาวเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น "คุณลุงให้ลิลลี่เป็นของขวัญวันแรกที่เราพบกันแล้วกันนะครับ" เมฆินทร์หันมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ลิลลี่คะ ขอบคุณคุณลุงเมฆินทร์สิคะ"เหมยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ให้ลิลลี่รับของจากเมฆินทร์และยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม "งั้นเชิญคุณเหมย ถ้าไม่รังเกียจนั่งทานขนมหวานด้วยกันได้ไหมครับ มื้อนี้ขอผมเลี้ยงเองทำความรู้จักเพื่อนใหม่อย่างหนูน้อยลิลลี่" "แล้วก็ขอบคุณสำหรับหนังสือ ผมอ่านแล้วนะ ผมชอบมาก" เมฆินทร์เอ่ยเปิดประเด็นเรื่องหนังสือของเหมย ทำให้เหมยรู้สึกว่าเมฆินทร์เป็นคนใส่ใจในรายละเอียดมาก "ยินดีค่ะ ตอนนี้หนูน้อยลิลลี่ก็เรียนจบคลาสแล้ว เรากำลังจะพักเบรกกันพอดี" เหมยหันมาตอบเมฆินทร์อย่างเป็นกันเอง "ลิลลี่โอเคไหมครับ ที่จะนั่งทานขนมกับคุณลุงเมฆินทร์" เมฆินทร์หันมาถามลิลลี่ที่กำลังถูกใจกับของเล่นใหม่อย่างตุ๊กตาพวงกุญแจ "ลิลลี่โอเคมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ งั้นลิลลี่ขอสั่งเป็นเค้กสตรอว์เบอร์รีเพิ่ม 1 ชุดนะคะ" หนูน้อยลิลลี่ก็สั่งออกมาอย่างช้า ๆ "ถังลี่ แกได้ยินแล้วใช่ไหม จัดการให้หนูลิลลี่หน่อย" เมฆินทร์หันไปบอกบอดี้การ์ดคู่ใจให้ไปสั่งขนม เสือที่ได้รับรายงานสถานการณ์ การมาถึงของศัตรูทางด้านธุรกิจและด้านอื่น ๆ อย่างเมฆินทร์ที่เป็นหมารอบกัด แต่วันนี้กลับโผล่หัวออกจากที่กบดานและมาเหยียบถึงถิ่นของอาชา เพียงแค่บอดี้การ์ดคนเดียว "สั่งคนของเราจับตาดูมัน อย่าให้คลาดสายตา กูจะไปหาหนูน้อยลิลลี่กับ ครูเหมยก่อน" อาชาลุกพรวดออกจากห้องทำงานโดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา เพราะมีความเป็นห่วงและกังวลว่าเมฆินทร์อาจจะใช้แผนสกปรก เดินมาจากห้องทำงานเพียงไม่กี่นาที ภาพที่เขาเห็นคือหนูน้อยลิลลี่และเหมยที่กำลังนั่งหัวเราะต่อกระซิก กินขนมเค้กกับเมฆินทร์อย่างสนุกสนานราวกับรู้จักกันมาเป็นปี "ทำอะไรกันน่ะ!" เสียงเข้มดุดันของอาชาทำให้ทุกคนในวงสนทนาที่โต๊ะขนมหวานหันกลับมามองเป็นตาเดียวกัน "คุณลุงคะ อันนี้เพื่อนคุณลุงมาหาค่ะ" หนูน้อยลิลลี่ที่ตัดเค้กสตรอว์เบอร์รีกินอย่างอร่อยพูดบอกกับอาชา "เพื่อนเหรอครับ" อาชารีบเดินไปหาหลานสาวแล้วประกบด้านหลัง โดยมีเสือเดินตามประกบด้วย "ค่ะ คุณลุงเมฆินทร์บอกว่าเป็นเพื่อนของคุณลุงอาชา" หนูน้อยลิลลี่พยักหน้าแล้วก็กินต่ออย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้สถานการณ์ที่ตึงเครียดตรงหน้านี้เลย "แล้วคุณเหมย เอ่อคือ..." อาชาถึงแม้จะสารภาพว่าชอบเหมยมาก ๆ แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจคบหากัน เขาไม่กล้าที่จะถามเหมยออกไปตรง ๆ แต่ก็หวังว่าเหมยจะรู้ว่าอาชาต้องการคำตอบอะไรจากเธอ "คุณอาชาไม่ต้องตกใจค่ะ เหมยก็เพิ่งรู้จักคุณเมฆินทร์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเองค่ะ เราเจอกันที่งานหนังสือค่ะ" "ก่อนที่เหมยจะมาสอนหนูลิลลี่นี่ล่ะค่ะเหมยทำซุ่มซ่ามเดินชนคุณเมฆินทร์จนกาแฟหกเลอะเทอะเสื้อสูทของคุณเมฆินทร์นะคะ" เหมยเล่าทุกอย่างออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าและท่าทีของผู้ชายทั้งสอง.... ..เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน"ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน"ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง"งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ"พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก"จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเ
ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห
ผ่านไปไม่นานผลงานของเสือก็ออกฤทธิ์ เพราะนายธวัชชัยโทรตามให้ธงไปดูเครื่องซีลชาในไร่ทันที เพราะถ้าหากไปช้าอาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาหนัก“ฮัลโหลครับคุณธวัชชัย” นายธงรีบรับโทรศัพท์“คุณธงอยู่ไหนครับเนี่ย ผมให้เด็กไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ พอดีเครื่องซีลมีปัญหาน่าจะต้องรีบเข้ามาดูเลย” ธวัชชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ตอนนี้เลยเหรอครับ แต่นี่มันนอกเวลางานแล้วนะครับคุณธวัชชัย” ธงรีบปฏิเสธ“ผมเข้าใจครับ แต่เราเป็นช่างรีแพร์ ช่างซ่อมบำรุง ต่อให้นอกเวลางาน หากเครื่องมีปัญหาเราก็ต้องจัดการทันที อย่าให้มันลุกลามครับ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” สิ่งที่ธวัชชัยพูดทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ทำให้ธงเถียงไม่ออก เพราะด้วยเงินเดือนที่มากเป็นแสนๆ ของเขา หมายถึงต้องแลกมาซึ่งเวลาชีวิตและพร้อมสแตนด์บายตลอดเวลาในการทำงาน“ก็ได้ครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง” ธงวางสายจบก็เตรียมจะร่ำลาพ่อแม่ของเหมย เขารู้สึกโกรธมากที่ครั้งนี้อาชาก็ทำกับเขาแบบเดิม“พ่อกับแม่ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานเร่งด่วนเข้ามา” ธงพูดจบก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของเหมยแล้วขับรถออกจากไร่ไปทันทีเสือที่เห็นดังนั้นก็ถ่ายรูปขณะที่ธงกำลังขับรถออกไปส่งไปให้กับอาชาเพื
เหมยที่กำลังจัดสวนดอกไม้เล็กๆ หลังบ้านอยู่กับหนูน้อยลิลลี่ ทั้งสองคนช่วยกันลงกล้าดอกไม้ ผลัดกันรดน้ำอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะคึกคักดังไปเกือบถึงหน้าบ้าน"คุณครูขา อันนี้สวยมากเลยค่ะ สีขาวนี่ดอกอะไรคะ" หนูน้อยลิลลี่ชี้ไปที่ดอกไม้สีขาวชนิดหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล"อันนี้เรียกว่ามะลิซ้อนจ้ะ มันจะผลิบานและส่งกลิ่นหอมมากๆ ยิ่งเวลาเช้าก็จะยิ่งผลิบาน พอแดดออกก็จะบานมากไปอีก" เหมยหันมาตอบลิลลี่ผู้น่ารักอย่างเอ็นดูลิลลี่เดินตรงไปที่แปลงดอกมะลิซ้อนแล้วเด็ดมาดอกหนึ่ง พร้อมกับเดินมาหาเหมยที่กำลังก้มๆ เงยๆ เอาดินใส่กระถางเพื่อเตรียมต้นกล้าดอกกุหลาบ"ทำอะไรคะลิลลี่" เหมยหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นถามหนูน้อยผู้น่ารัก"ลิลลี่จะเอาดอกไม้ใส่ไว้ที่ผมของคุณครูค่ะ จะได้สวย แล้วคุณครูก็จะได้มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ด้วย" ลิลลี่พูดกับเหมยอย่าง น่ารัก"โถ ลิลลี่จ๋า" เหมยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จึงรับดอกไม้จากมืออวบอูมเล็กของลิลลี่ เอาดอกมะลิมาเหน็บไว้ข้างหู ไม่อยากให้ลิลลี่ต้องเสียใจ"สวยไหมคะ" เหมยยิ้มแล้วหันมาถามลิลลี่"สวยมากเลยค่ะคุณครูขา ลิลลี่ขอเอา 1 ดอกได้ไหมคะ ใส่หูแบบคุณครูค่ะ" ลิลลี่เงยหน้าขออนุญาตเหมย"ได้ค
ทางด้านเมฆินทร์ ศัตรูตัวฉกาจของธุรกิจมหาวิทยาลัยของอาชา พ่อของเมฆินทร์คือคนที่พยายามฟ้องร้องพ่อของอาชาเมื่อหลายสิบปีก่อนจนครอบครัวแทบล้มละลาย แต่เมื่อพ่อของอาชาสู้มาจนถึงวินาทีสุดท้ายก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองและมหาวิทยาลัยจึงรอดพ้นคำครหา และได้ฟ้องกลับพ่อของเมฆินทร์หลายพันล้านบาทที่จะต้องจ่ายสำหรับมูลค่าความเสียหายและชื่อเสียงที่เสียไป สรุปว่าพ่อของอาชาชนะในคดีฟ้องร้องครั้งนี้ ทำให้พ่อของเมฆินทร์ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินพันล้านบาทเพื่อชดใช้ให้กับมหาวิทยาลัยของพ่ออาชา"สักวันหนึ่ง กูจะต้องทำให้ครอบครัวของมึงต้องพังพินาศอีกครั้ง"นายอนันทชัยคนที่พยายามล้มครอบครัวของอาชาได้ทำการสาปแช่งขณะที่ได้ฟังคำตัดสินจากศาลยุติธรรม"มีอยู่ต่อหน้าศาลนะคุณอนันทชัยกรุณาสำรวมด้วย"เมื่อผู้พิพากษาได้ทำการเคาะไม้และแถลงการณ์คำตัดสินออกมาพ่อของอาชาเพียงแค่เดินออกจากศาลด้วยความสง่างามและจากวันนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นเหตุทำให้พ่อของเมฆินทร์โกรธแค้นและสอนให้เมฆินทร์โกรธแค้นตระกูลของอาชา ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เมฆินทร์มักจะพยายามตัดหน้าและช่วงชิงความเป็นหนึ่งในธุรกิจนั้นเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน โครงการขยายมหาว
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้อาชาตัดใจจากดารินอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งวันที่เขาใช่ไมเคิลขับรถมาที่อพาร์ทเม้นท์เดิม อาชาเดินมา บอกลาดาริน เธอก็ยังแสดงท่าทีรังเกียจใส่เขายิ่งกว่าไส้เดิมกิ้งกือ"ดารินครับ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ ผมแค่จะมาลาคุณเท่านั้น" แม้อาชาจะถูกสวมเขา แต่ในขณะนั้นหัวใจของเขากลับหลงรักผู้หญิงไม่ดีอย่างดารินไปแล้ว"ไปเถอะค่ะ! ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะ! หวังว่าคุณจะโชคดี!" ดารินพูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าอาชาอย่างไม่ใยดีอาชาลากกระเป๋าเดินออกจากอพาร์ตเมนต์แห่งนั้น ขึ้นเครื่องบินกลับไทยทันที ขณะอยู่บนเครื่อง เขาก็เปิดโหมดเครื่องบินไว้ จึงไม่ได้อ่านข้อความที่แม่ส่งมาให้"อาชา ลูกกลับมาบ้านเราได้แล้วนะ! เราชนะคดีความทุกข้อกล่าวหาไม่มีมูลความจริง ส่วนคนที่ฟ้องร้องคุณพ่อก็โดนคุณพ่อฟ้องกลับ ตอนนี้ทางนั้นคงหนักไม่น้อย ทุกอย่างกลับมาเป็นของเราแล้วนะ" แม่ของอาชาส่งข้อความมาในมือถือกระทั่งอาชากลับมาเหยียบแผ่นดินไทยและเปิดโทรศัพท์ ข้อความนับสิบข้อความก็เด้งขึ้นมา เขาจึงเลือกเปิดอ่านข้อความที่สำคัญที่สุดนั่นคือข้อความจากครอบครัวเมื่อเขาเปิดอ่านข้อความที่แม่ส่งมา เขาก็ร้องไห้โฮ เขาไม่รู้เลยว่าพ