หลังจากที่อาชาพาเหมยและหนูลิลลี่มาพบคุณปู่คุณย่าของเธอที่บ่นคิดถึงหลานสาวช่วงปิดเทอมทุกวันวันนี้ก็พากลับมาส่งหนูน้อยลิลลี่วิ่งรอบบ้านอย่างสนุกสนาน
ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่นและอบอุ่นอย่างที่เหมยไม่เคยคาดคิด คุณพ่อคุณแม่ของอาชารักและเอ็นดูเธอมาก รวมถึงหนูลิลลี่ด้วย ทำให้เหมยรู้สึกเหมือนได้กลับมามีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้ง ในเช้าวันรุ่งขึ้น อาชาพาเหมยไปเดินเล่นในสวนกว้างใหญ่ของคฤหาสน์ พวกเขาเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข อาชาบอกเธอถึงความฝันที่จะสร้างอนาคตร่วมกัน และเหมยก็รับฟังด้วยรอยยิ้มที่สดใส "เหมย...ผมอยากให้คุณย้ายมาอยู่ที่นี่" อาชาพูดขึ้นอย่างจริงจัง เหมยหยุดเดินและหันมามองเขา "แต่ว่า...เหมยยังมีบ้านของเหมยอยู่นะคะ" "ผมรู้ครับ" อาชาตอบ "แต่ผมอยากอยู่ใกล้คุณ ผมอยากตื่นมาแล้วเห็นหน้าคุณทุกวัน" เหมยยิ้มอย่างเขินอาย "เหมยจะย้ายมาได้อย่างไรคะ" "คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นครับ" อาชาพูดพร้อมกับกุมมือเธอไว้ "ผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เอง" เหมยพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ "ค่ะ...เหมยจะย้ายมาอยู่กับคุณค่ะ" อาชารู้สึกโล่งใจและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เขาก้มลงจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะพาเธอกลับเข้าบ้านเพื่อไปทานอาหารเช้าร่วมกับครอบครัวของเขา ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์บ้านสวนที่เงียบสงบในจังหวัดเชียงใหม่ของพ่อแม่ของเหมย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและชื่นมื่น คุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด พ่อและแม่ของอาชา เดินทางมาที่นี่พร้อมกับลูกชาย เพื่อทำตามธรรมเนียมที่ผู้ใหญ่จะไปสู่ขอหญิงสาวที่หมายปอง แม่น้ำฟ้าและพ่อบุญทอง พ่อและแม่ของเหมย ต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ทั้งสองครอบครัวนั่งพูดคุยกันอย่างถูกคอ โดยมีอาชาและเหมยนั่งเคียงข้างกัน และหนูลิลลี่วิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนาน "ผมตั้งใจมาที่นี่เพื่อสู่ขอหนูเหมยให้กับอาชาครับ" คุณบุญรอดเปิดประเด็นขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ผมเห็นว่าเด็กทั้งสองรักกันมาก และผมก็อยากให้ทั้งคู่ได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์เสียที" พ่อบุญทองหันไปมองหน้าลูกสาวที่นั่งยิ้มเขินอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "ผมเห็นว่าหนูเหมยมีความสุขมากนะครับเมื่ออยู่กับอาชา ผมและแม่ของเขาก็รู้สึกดีใจที่ลูกได้เจอคนที่ดีอย่างอาชา" "ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่าพวกเรายินดีให้หนูเหมยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณบุญรอดค่ะ" แม่น้ำฟ้าเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี ทุกคนในห้องต่างยิ้มแย้มและแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาวในอนาคต โดยเฉพาะอาชาที่รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกในที่สุด หลังจากพิธีการเสร็จสิ้น อาชาก็พาเหมยมาเดินเล่นในไร่ชาตามลำพัง "เป็นยังไงบ้างครับ" อาชาถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส "คุณมีความสุขไหม" เหมยพยักหน้ารับอย่างเขินอาย "เหมยมีความสุขมากค่ะ...เหมยไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้" "ผมก็เหมือนกันครับ" อาชาพูดพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้เธอและดึงเธอเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน "ผมอยากจะแต่งงานกับคุณนะครับ...คุณเหมย" "เหมยก็อยากแต่งงานกับคุณอาชาค่ะ" เหมยตอบพร้อมกับซบใบหน้าลงบนแผงอกของเขา อาชาก้มลงจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะกระซิบบอกเธอว่า "จากนี้ไป...ผมจะดูแลคุณกับหนูลิลลี่เอง และจะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายคนที่ผมรักได้อีกแล้ว" เหมยเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเชื่อมั่น เธอรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างประหลาดเมื่ออยู่กับเขา และในขณะที่ทั้งสองยืนกอดกันท่ามกลางไร่ชาสีเขียวขจี อากาศที่เคยหนาวเย็นก็กลับอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะที่ชีวิตของอาชาและเหมยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างสดใส และจากนี้ไป...จะมีเพียงความรักและความสุขที่รออยู่ข้างหน้า หนึ่ง เดือนผ่านไปหลังจากที่ทั้งสองครอบครัวของอาชาระหว่างนี้ได้ทำการสู่ขอและรอฤกษ์แต่งงานอาชาพาเหมยมาเที่ยวพัทยาลาพักร้อนเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมากระทบผิวน้ำทะเลที่ระยิบระยับ อาชาจับมือเหมยเดินเล่นอยู่บนหาดทรายขาวละเอียดของพัทยา เหมยอยู่ในชุดบิกินี่สีขาวสะอาดตา เผยให้เห็นรูปร่างที่งดงามสมส่วน ชวนให้ผู้คนรอบข้างต้องเหลียวมอง ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเล่นกันอย่างมีความสุข ก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาเหมยอย่างไม่ลังเล เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ให้ “ขอโทษนะครับ พอดีผมเห็นคุณเดินมาแต่ไกลแล้ว คุณสวยมากเลยครับ ไม่ทราบว่าพอจะขอเบอร์โทรศัพท์ได้ไหม” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ เหมยอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ทันได้ตอบอะไร อาชาก็ขยับเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วโอบไหล่ของเธอไว้หลวมๆ พร้อมกับจ้องหน้าชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง “ขอโทษนะครับ แต่แฟนผมไม่สะดวก” อาชาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มทุ้มแต่หนักแน่น เหมยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงแขนอาชาไว้แน่น "อาชาคะ ใจเย็น ๆ นะคะ" แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่ได้ช่วยให้อาชารู้สึกดีขึ้นเลย เขาจ้องมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาที่แข็งกร้าวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนชายหนุ่มคนนั้นก็ยืนกอดอกยิ้มเยาะอย่างท้าทาย "อะไรครับคุณ...กลัวเมียคุณจะชอบคนหล่อ ๆ กว่าคุณเหรอ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เหมยอย่างกวนประสาท คำพูดของชายหนุ่มเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่เติมให้กองไฟในใจของอาชาลุกโชนขึ้นทันที เขาผลักมือเหมยออกจากแขน ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปประชิดตัวชายหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว "หุบปากสกปรกของมึงซะ!" อาชาคำรามเสียงต่ำ พร้อมกับเงื้อมือขึ้น หมายจะสั่งสอนคนปากดีตรงหน้าให้รู้สำนึก เหมยตกใจจนตัวแข็งทื่อ เธอไม่เคยเห็นอาชาในมุมที่เกรี้ยวกราดแบบนี้บ่อยนัก แม้จะเคยเห็นมาบ้างแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ชิน ในขณะที่สถานการณ์กำลังจะบานปลายออกไปไกลกว่านี้ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน "คุณอาชา! เหมย! พวกเธอทำอะไรกันอยู่" เสียงนั้นเป็นของคุณหญิงวสุธรที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับคุณบุญรอด ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่พอใจ เหมยรีบเข้าไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้อาชาฟัง และคุณหญิงวสุธรก็มองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ "นี่มันเรื่องอะไรกัน" คุณหญิงวสุธรถามเสียงเข้ม "ถ้าแกยังไม่ยอมเลิกยุ่งกับลูกสะใภ้ของฉัน ฉันจะเรียกตำรวจมาจับแก" "ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกครับก็แค่รู้สึกว่าคุณผู้หญิงคนนี้หน้าตาน่ารักดียังไงผมขอตัวก่อน" ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดทันทีที่เห็นหน้าของคุณหญิงวสุธร เขาโค้งคำนับขอโทษก่อนจะรีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งให้อาชายืนกำหมัดแน่นด้วยความโมโห "เหมย...คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม" อาชาหันมาหาเหมยแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เขาเข้าไปกอดเธอไว้แน่น ราวกับต้องการปกป้องเธอจากทุกสิ่งทุกอย่าง เหมยส่ายหน้าเบา ๆ พลางลูบหลังเขาเพื่อปลอบโยน "เหมยไม่เป็นอะไรค่ะ" คุณหญิงวสุธรถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปตวาดอาชาเสียงดัง "ทีหลังอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้อีกนะตาชา ถ้าไม่มีแม่มาถึงก่อน ป่านนี้แกคงได้ไปนอนคุกแล้ว!" อาชาได้แต่ก้มหน้ารับฟังคำด่าทอจากมารดาอย่างว่าง่าย ส่วนเหมยก็ก้มหน้ายิ้มอย่างมีความสุข เธอรู้สึกดีใจที่ในที่สุดเธอก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้อย่างเต็มตัว และอาชาก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลย ทันทีที่ชายหนุ่มเดินจากไป อาชาก็หันมาหาเหมยแล้วทำแก้มป่องอย่างน่ารักจนเหมยอดหัวเราะไม่ได้ “นี่คุณหึงเหมยหรือคะ” เหมยถามแซวด้วยรอยยิ้มขบขัน “ใช่ ผมหึง! แล้วใครใช้ให้คุณแต่งตัวแบบนี้!” อาชาพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด แล้วดึงเหมยเข้ามาใกล้จนอกชิดกับแผงอกของเขา “ถ้าคุณไม่ใส่บิกินี่ก็คงไม่มีใครกล้าเข้ามาหาคุณแบบนี้หรอก” เหมยหัวเราะเสียงใส ก่อนจะซบหน้าลงบนอกของเขาอย่างออดอ้อน “ก็เหมยอยากใส่ให้คุณดูนี่คะ” คำตอบของเหมยทำให้อาชาหน้าแดงระเรื่อ เขาคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเธอเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูเธอว่า “แต่ผมไม่อยากให้ใครเห็นคุณในชุดนี้ นอกจากผคนเดียว”...วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั