วันที่เหมยรอคอยก็มาถึง วันนี้เหมยแต่งตัวน่ารัก เสื้อขอบกางเกงยีนส์ ขึ้นมาบนรถทัวร์ของคณะมหาวิทยาลัยเอกภาษาไทย
ทุกคนต่างร้องรำทำเพลงแดนซ์กันอย่างสนุกสนานบนรถบัสที่ขับตามกันมาถึง 5 คัน รุ่นน้องปี 3 และรุ่นพี่ปี 4 ได้นั่งรถคันเดียวกัน ทำให้ทุกคนต่างกรี๊ดกร๊าดเดือนมหาลัยอย่างธงและต๊อบที่หน้าตาหล่อที่สุดในช่วงขณะนั้น "อุ๊ย ดูพี่ธงสิ หล่อขนาดนี้ไม่น่าไปคบยายเหมยนั่นเลย ดูสิ เด็กกะโปโลอะไรก็ไม่รู้" เสียงที่ได้ยินชัดเจนกระทบเข้าโสตประสาทของเหมย เจสซี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จึงลุกพรวดขึ้นยืนแล้วหันไปชี้หน้าด่านักศึกษาสองคนที่บังอาจว่าเพื่อนสาวของตัวเอง "นี่พวกแกอ่ะ ผู้ชายเขาไม่เลือกเนี่ยก็ไม่ต้องพูดในทางที่แย่ก็ได้นะ แค่หน้าตาก็แย่จะแย่อยู่แล้ว" เจสซี่ที่ไม่กลัวใครก็ตอบกลับ ทั้งสองคนนั้นรีบเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองแทบไม่ทัน เหมยที่พยายามดึงมือเพื่อนไม่ให้ไปมีเรื่องกับผู้อื่นเพราะเรื่องของตัวเอง "เจสซี่ ปล่อยมันไปเถอะ อย่าไปมีเรื่องเลย นั่งลงเร็ว ๆ กินน้ำก่อน เอ้า อย่าใจร้อน" ธิดารู้สึกรักเพื่อนคนนี้ที่สุด เพราะเจสซี่ปกป้องธิดาทุกเรื่อง "เธอไม่ได้ยินหรอเหมยว่ามันว่าเธอว่าอะไร นี่ถ้าว่าฉันอย่างนี้นะจะหยุมหัวแม่งให้เลย" เจสซี่ที่รู้สึกโมโหแทนเพื่อนรัก "เอานะ ไม่เป็นไร นั่งเร็ว ๆ ฉันซื้อขนมเยอะแยะมาฝากเธอเลยเนี่ย กิน ๆ เข้าจะได้อารมณ์ดี"เหมยที่รู้ใจเพื่อนรักอย่างเจสซี่ก็ยื่นขนมให้เจสซี่ "แหม รู้ใจฉันจังเลยนะ ฉันไม่ใช่หมานะที่แอบเอาขนมมาแล้วจะหยุดเห่าเนี่ย" เจสซี่แอบแซวเหมยเบา ๆ สองเพื่อนรักพากันหัวเราะคึกคักที่นั่งอยู่ท้ายรถอย่างสบายอารมณ์ ธงก็ดำเนินแผนการอย่างเข้มข้นด้วยการซื้อดอกไม้และเสื้อคู่ให้ธิดากับตัวเองใส่ โดยมีอักษรย่อว่า TT ธิดาและธง สาว ๆ ในมหาวิทยาลัยต่างพากันอกหักเพราะคิดว่าธิดาได้คว้าใจของเดือนมหาวิทยาลัยไปแล้ว "โอ๊ย ฉันเสียดายพี่ธงอ่ะ ยัยเด็กเนริ์ดนั่นมีอะไรดีอ่ะ ดูดิคว้าพี่ธงไปแล้วอ่ะ" สองสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังพากันพูดถึงธงไม่ขาดปาก "เอาน่าฉันว่าไม่นานหรอก เดี๋ยวพี่ธงก็เบื่อ เดี๋ยวก็เขียนยายเหมยทิ้งเสื้อฉันเถอะ" สองสาวพากันเดินไปหาธงโดยที่ไม่เกรงใจธิดาเลย "พี่ธงคะ แซลมอนซื้อน้ำมาฝากค่ะ อากาศข้างนอกร้อน แซลมอนไม่อยากให้พี่ธงเดินออกไปซื้อน้ำเอง" นักศึกษาสองคนนั้นที่พากันปลื้มธงเป็นอย่างมากก็พูดออกมาต่อหน้าธิดา "ขอบคุณนะครับ" ธงหันไปรับน้ำใจไมตรีของสองสาว โดยที่ลืมไปว่ากำลังดำเนินแผนการจีบธยู่ "เหมยไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าแซลมอนจะให้น้ำ........กับพี่ธง" แซลมอนเป็นชื่อที่ฉายาเหล่าบรรดาเพื่อนนักศึกษาตั้งให้กัน แซลมอนตั้งใจเว้นวรรคทำว่าน้ำให้เหมยได้รับรู้ "ไม่อ่ะ ตามสบายเลย" เหมยเป็นคนไม่ตอบโต้คน ก็เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ทั้งที่ในใจก็แอบหวงธงอยู่เล็กๆ "ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องแซลมอน เหมยเขาใจกว้าง เขาเป็นคนน่ารักครับ" ธงที่เห็นช่องว่างก็เอ่ยชมเหมยต่อหน้าทุกคนเพื่อให้ธิดาตายใจและรับมันเป็นแฟน "แหม ทำคะแนนดีเหลือเกินนะคะพี่ธง แต่ถ้าเป็นเจ็สซี่เนี่ย เจ็ทคงไม่กล้ารับน้ำจากคนอื่นหรอกค่ะ นอกจากของแฟนตัวเอง" เจสซี่ที่มองออกก็พูดว่าแดกดันธงไป "แหม น้องเจสซี่เนี่ยพูดเหมือนผ่านผู้ชายมาเยอะเลยนะครับ" ธงเองก็ไม่ยอมปากมาใช่ย่อย "ปากพี่นี่กินหมาไปเยอะแน่เลยนะคะ" เจสซี่ว่าหันไปมองธงด้วยหางตาด้วยความไม่พอใจแสดงออกมาอย่างชัดเจนบนสีหน้า "ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลยนะ เราไปสนุกกันดีกว่าไหมคะพี่ธง" ที่ใส่แว่นนะเตอะกับเสื้อคู่ที่เพิ่งเปลี่ยนมารีบห้ามทัพทั้งสองคน "ก็ดีนะ" ธงเดินไปหาต๊อบแล้วเริ่มพูดคุยกันเรื่องการพนันของทั้งสอง "เป็นไงบ้างวะ มึงว่ามึงจะจีบยายเหมยเด็กเนิร์ดหน้าตาจืดชืดได้แน่หรอวะ กูไม่เห็นมันจะบอกเลยว่ามึงเป็นแฟน" ต๊อบหันไปถามธงเพื่อนรัก "ถ้าเกิดเหมยมันไม่สนใจกูจริงๆ มันจะยอมใส่เสื้อคู่ที่กูให้หรอวะ TT สีชมพูด้วย" ธงยังมั่นใจในฝีไม้ลายมือเสือไม่สิ้นลายอย่างแน่นอน "โถ ให้มันจริงเถอะไอ้ธง มึงอ่ะมันขี้คุย เอาอย่างนี้ กูเพิ่มกติกาหน่อยได้ป่ะ ถ้ามึงสามารถเอาเหมยได้ กูจะไม่ขวางทางมึงเลยแม้แต่นิดเดียว" ต๊อบเริ่มคิดแผนการชั่วร้ายมากขึ้นไปอีก "กูไม่รับปากว่ะ แต่กูจะลองดู ถ้าเกิดแม่งเล่นกับกูก็ดีดิวะ ได้กินของฟรี ๆ ด้วย" ธงก็เริ่มต๊อบรับคำของเพื่อน "โหมึงสองคนคนเล่นเหี้ยอะไรกันวะ มึงไม่สงสารน้องมันบ้างหรอวะ" "ถ้าเกิดมันรู้ความจริงว่าไอ้ธงไปหลอกฟันแล้วหลอกแค่พนันชนะ เพื่อจะได้คบกับใบเฟิร์นเนี่ย" สกายเพื่อนของไอ้สองคนนี้ที่ดูจะเป็นคนปกติที่สุดในกลุ่ม "โถ่ไอ้สกาย สาวๆ ที่มึงฟันแล้วทิ้งอ่ะ ถ้าเอามาเรียงรวมกันเนี่ยได้รางรถไฟนึงแล้วนะเว้ย..!มึงอย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลย" ต๊อบหันไปตบหัวเพื่อนด้วยคำพูด "กูเข้าใจ แต่อันนั้นน่ะพวกหล่อนสมยอมให้กูเอาแทบจะคลานขึ้นเตียงกูแล้ว แต่ยังน้องเหมยน่ะเขาอ่อนต่อโลกมากนะเว้ย" "มึงอย่าไปทำให้โลกของเขาเป็นสีดำเพราะความคิดชั่ว ๆ พวกมึงเลยว่ะ" สกายพูดขึ้นเพราะรู้สึกเห็นใจเหมยไม่น้อยที่จะต้องมาเจอกับคนระยำอย่างเพื่อนของเขาสองคน "กูไม่คุยกับมึงแล้วไอ้ห่าสกายพูดมาก ชิบหายมึงเนี่ย สรุปมึงชอบนายยัยเหมยนี่หรอวะ" ต๊อบหันไปทำตาหลิ่วจับผิดเพื่อนรัก "กูจะไปชอบอะไรยายเหมย มึงดูดิสภาพ แต่กูสงสารน้องมัน ไม่อยากให้มันต้องมาเจอคนชั่ว ๆ อย่างพวกมึงเนี่ย" สกายด่าเพื่อนอย่างไม่ไว้หน้า "โอ้โห พ่อพระขึ้นมาเลยมึง พระเอกหล่อพ่อซุปเปอร์ฮีโร่" "ตามใจพวกมึงแล้วกัน รับผลกรรมที่พวกมึงทำให้ดีด้วย เกิดอะไรขึ้นมานะ กูไม่เกี่ยวด้วยนะเว้ย" สกายเดินหนีเพื่อนทั้งสองคนกลับไปนั่งที่ท้ายรถบัส โดยที่นอนลงใส่หูฟังแล้วเอาหมวกขึ้นมาปิดหน้า "กูกลับไปหายายเหมยหน้าจืดก่อนนะเว้ย" ธงที่เดินกลับไปหาเหมยนั่งข้าง ๆ เจสซี่ แล้วก็ดูแลพัดวีเหมยมาตลอดทางเป็นอย่างดี ไม่ให้ธิดาทำอะไรเองเลย ทำให้สาว ๆ ในมหาวิทยาลัยต่างพากันกรี๊ดกร๊าด ในการกระทำที่แสนอบอุ่นที่ธงได้สร้างขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตาในการเอาชนะการพนันในครั้งนี้ก็เท่านั้น.........วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั