วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจสซี่จะอยู่ในประเทศไทย เธอต้องลาจากไร่ชาแสนสุขและบอกลาเพื่อนรักอย่างเหมย
นักเขียนนิยายที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่คุณครูกวดวิชาประจำตัวของเด็กหญิงลิลลี่ที่น่ารัก เจสซี่ได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าโหด ไม่เคยส่งยิ้มให้เธอเลย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ นั่นคือเสือ คนขับรถที่มาส่งเจสซี่ที่สนามบินตามคำสั่งของอาชา "ฉันต้องไปแล้ว แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้ใครมารังแกแกได้ เข้าใจไหม ยัยบื้อ" เจสซี่พูดด้วยความรักและห่วงใยเหมยยิ่งกว่าเพื่อนทุกคน แม้ปากจะร้ายกาจแต่ไม่เคยทำให้เหมยเสียใจเลย "แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันจะเหงาได้ไง แล้วใครจะมาทำอะไรฉันได้ นู่น ฉันมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างหนูลิลลี่ที่แสนน่ารัก นอนกอดฉันทุกคืน" ตั้งแต่ไปอยู่ไร่ชาครบ 1 อาทิตย์ หนูลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเหมย ทั้งสองคนตัวติดกัน ถ้ามองห่าง ๆ คงคิดว่าเป็นแม่กับลูก" "จ้ะ ตั้งแต่มีหนูลิลลี่ แกก็ทิ้งฉันเลย แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ยัยเหมย เอาไว้ฉันปิดเทอมเมื่อไหร่ ฉันจะแวะมาหาแกนะ" เจสซี่บอกลาเหมยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น เสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นหน้าเจสซี่ก็ทำใบหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แตกต่างจากเจสซี่ที่รู้สึกว่าต่อให้ทะเลาะกับเสือบอดี้การ์ดหน้าโหดคนนี้มากขนาดไหน ก็ยังอยากจะเดินมาบอกลา "นายเสือ ฉันไปแล้วนะ เอาไว้ฉันปิดเทอม ฉันจะมาเที่ยวใหม่ หวังว่าจะได้เจอนายอีกครั้ง" เจสซี่เอ่ยคำลากับเสือ "ฮืม...โชคดีแล้วกัน" คำตอบฮืมออกมาจากลำคอเบา ๆ แล้วมีการเอ่ยคำว่าโชคดีทิ้งท้าย โดยที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์เหมือนหุ่นตุ๊กตา "อวยพรฉันแค่นี้เองหรอ ฉันก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ" เจสซี่ทำหน้างอใส่เสือ "ใครบอกว่าผมเป็นเพื่อนคุณ ผมแค่มาส่งคุณเหมยตามคำสั่งของคุณอาชาเท่านั้น" ใบหน้าเย็นชาและคำพูดที่ตรงไปตรงมาทำให้เจสซี่ถูกใจเสือเข้าแล้ว "อ๋อ งั้นเราไม่ต้องเป็นเพื่อนกันก็ได้ จุ๊บ..." เจสซี่จับหน้าหล่อ ๆ ของเสือน้อมลงมาแล้วจุ๊บลงไปหนัก ๆ แม้แต่เหมยเองก็ยังทำตาโตที่เห็นการกระทำของเพื่อนรัก เสือตกใจตาเบิกกว้าง เพราะอยู่ดี ๆ ก็โดนจู่โจมจากลูกครึ่งสาวสวยออสเตรเลียที่กระโดดจูบเขากลางสนามบิน พอได้สติจึงจับมือของเจสซี่เอาไว้แล้วส่งสายตาดุ ๆ พร้อมร้องส่งเสียง "เฮ้ย..! นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย" เสือตะโกนไล่หลังเจสซี่อย่างรู้สึกโมโห เพราะเขาไม่เคยต้องเสียหน้าอะไรแบบนี้ ยิ่งเรื่องผู้หญิงยิ่งไม่เคยจะต้องเจอเหตุการณ์ที่เขาควบคุมไม่ได้ แตกต่างจากที่เจอเจสซี่ เพราะเขากลายเป็นคนที่แพ้ทางเจสซี่อย่างเต็มประตู "คิๆ ฉันไปแล้วนะ ยัยเหมย ฝากดูแลคุณเสือแทนฉันด้วย เดี๋ยวฉันจะกลับมา" เจสซี่โบกมือลาแล้วเดินขึ้นเครื่องไป เหมยเองก็ทำหน้าทำตาไม่ถูก เมื่อหันกลับไปมองเสือที่กำลังยืนทำหน้าเหวอ ต่างคนต่างจ้องมองกัน เสือเองก็เสียอาการจนต้องรีบเดินไปที่รถเพื่อเปิดประตูให้เหมย เหมยที่ก้าวขึ้นมาด้านหลังรถรู้สึกอึดอัดไม่น้อย จึงได้เอ่ยปากขอโทษแทนเพื่อนสาวอย่างเจสซี่ที่ทำอะไรบุ่มบ่าม แม้แต่ตัวเธอเองก็ตั้งตัวไม่ทัน "คุณเสือคะ...เออ คือ เหมยขอโทษแทนยัยเจสซี่ด้วยนะคะ ที่ทำอะไรตลก ๆ น่าอายแบบนั้นไป จริง ๆ ยัยเจสซี่เป็นคนน่ารักมากนะคะ คุณเสืออย่าถือสาเลยนะคะ" เหมยรีบออกตัวรับแทนเพื่อน "ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แค่เพื่อนคุณเหมยแสบไปนิดนึง" นี่เป็นประโยคยาว ๆ ครั้งแรกที่เสือพูดกับเหมย เหมยรีบก้มหัวขอโทษอีกครั้ง พร้อมกับเอามือจับท้ายทอยแก้เขิน เมื่อเจอยัยเพื่อนตัวแสบ ก่อนจะจากกันก็ยังทิ้งบอมลูกใหญ่เอาไว้ให้ ผ่านไปสัก 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ เมื่ออยู่ดีๆเสียงโทรศัพท์ของเสือก็ดังขึ้น ขณะที่ใกล้จะถึงไร่ชา เสือเปิดดูจึงเห็นว่าเป็นอาชา เขาจึงรีบใส่หูฟังเพื่อรับสายของผู้เป็นเจ้านาย "อยู่ไหนแล้ววะไอ้เสือ เมื่อไหร่จะพาคุณเหมยกลับมาสักทีเนี่ย" อาชาที่ร้อนรนยิ่งกว่าทุกคน เพราะเป็นห่วงเหมยและคิดถึง "อีกประมาณ 10 นาทีเราจะถึงไร่ชากันแล้วครับ คุณอาชา" เสือรีบตอบกลับผู้เป็นนาย "รีบกลับมาให้ไวเลยไอ้เสือ หนูลิลลี่งอแงใหญ่แล้ว" เมื่อลิลลี่ตื่นมาแล้วไม่เห็นเหมยก็ตกใจและร้องไห้โยเยไม่ยอมหยุด "ครับๆ" เสือที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเร่งเครื่องรถคันหรูกลับเข้าไปที่ไร่ทันควัน ผ่านมาประมาณ 15 นาทีให้หลัง เมื่อเหมยและเสือพากันมาถึงไร่ชาอย่างปลอดภัย โดยมีเสียงเล็ก ๆ ที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นรออยู่ตรงคาเฟ่ น้ำตาลองหน้าจนตาแดงบวม "คุณครูไปไหนมาคะ ทำไมถึงไม่พาลิลลี่ไปด้วย" หนูน้อยลิลลี่ผู้ร้องไห้สะอึกสะอื้นหาคุณครูเหมยไม่ยอมห่าง จนตาทั้งสองข้างปูดบวม ดูแล้วน่าสงสารจับใจ "คุณครูขอโทษนะคะที่ไม่ได้ปลุกหนูลิลลี่ เพราะเห็นว่าหนูลิลลี่หลับอยู่ค่ะ คุณครูไปส่งเพื่อนของคุณครูไปที่สนามบินเพื่อกลับบ้านนะคะ หนูลิลลี่อย่าร้องนะคะคนดี" เหมยรีบปลอบประโลมหนูลิลลี่ด้วยการเข้าไปสวมกอด หนูลิลลี่รีบกระโดดกอดเหมยด้วยความคิดถึง "ผมต้องขอโทษแทนหลานสาวผมด้วย ตั้งแต่แกมีคุณเหมยก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย แกติดคุณเหมยมากนะครับ" อาชากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ไม่เป็นไรเลยค่ะ" เหมยตอบขณะที่กอดปลอบประโลมหนูลิลลี่ขี้แสนน่ารักอยู่ "คุณครูขา คุณครูจะทิ้งลิลลี่ไปใช่ไหมคะ ฮึก ฮือ" เสียงเล็กๆเอ่ยถาม เพราะแอบเห็นเหมยเก็บกระเป๋าเดินทางเมื่อวานนี้ เหมยรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ต้องตอบคำถามที่ทำร้ายดวงใจของหนูลิลลี่ ว่าที่ลูกศิษย์ในอนาคต "เออ...คุณครูต้องกลับไปที่บ้านก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะมาสอนลิลลี่ไงคะ" เหมยตอบลิลลี่ด้วยความเอ็นดู "ฮึก...ฮือ ไม่เอา ลิลลี่ไม่ให้คุณครูไป" เสียงสะอื้นงองแงของลิลลี่ที่ผูกติดกับเหมย อาชาก้มลงไปนั่งยอง ๆ แล้วอุ้มลิลลี่ขึ้น พร้อมใช้มือหนาเช็ดคราบน้ำตาให้หนูลิลลี่อย่างอ่อนโยน "ลิลลี่คะ คุณครูจะกลับมาในไม่ช้าค่ะ ลิลลี่รอคุณครูเหมยกับคุณลุงที่ไร่ชานะคะ" อาชากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มของหนูลิลลี่ ทำให้เหมยรู้สึกใจหายไม่น้อย แต่งานเลี้ยงต้องมีการเลิกลา...ระหว่างที่เหมยกำลังครุ่นคิดว่าจะนอนที่ไร่ชาพรหมเทพของอาชาดีไหม ก็กลายเป็นว่าเธอโดนอาชามัดมือชกให้พักที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาชาหยิบกุญแจรถแล้วยื่นให้เสือขับไปจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังเดิมที่ เหมยเคยมาพักผ่อนตอนอยู่กับเจสซี่"โธ่ คุณอาชาคะ เหมยเกรงใจค่ะ ให้เหมย กลับเองก็ได้ แค่นี้เอง" เหมยหันไปทำหน้าสิ้นหวังเมื่ออาชาไม่อนุญาตให้ตนกลับบ้าน"ไม่ได้หรอกครับคุณเหมย มันดึกแล้ว ถ้าพรุ่งนี้คุณเหมยก็หยุดใช่ไหมครับ คุณเหมยพักที่นี่เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับนะครับ" อาชาใช้ความเป็นสุภาพบุรุษหลอกล่อ"ก็ได้ค่ะ" เหมยเมื่อจนปัญญาก็ต้องทำตามน้ำไปก่อน"งั้นคุณเหมยไปอาบน้ำพักผ่อนที่ห้องดีกว่า เอาเสื้อเชิ้ตผมไปใส่ได้ เดี๋ยวผมไปเตรียมเสื้อผ้าให้" อาชาพูดอย่างกระตือรือร้นเหมยพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ต้องทำตามที่อาชาตัดสินใจ ทั้งสองออกจากคาเฟ่แล้วขับรถกอล์ฟ โดยมีเสือเป็นคนขับรถพาทั้งสองคนกลับไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ห่างไม่ไกลจากคาเฟ่"บรรยากาศที่ไร่ชายิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวยมากเลยนะคะ ดูสิคุณอาชาจัดไฟออกมาได้สวยงามมากเลย
ขณะที่ ธง มาส่งที่ไร่ชาพรหมเทพของ อาชา ก็ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว กว่าจะถึงไร่ชาก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ธงมาในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกงานวิศวกรเครื่องยนต์ ในไร่ชาที่จะต้องทำการฟื้นฟูและดูแลบำรุงรักษา ธงจึงต้องมาฝึกงานเพื่อให้เรียนรู้ในตำแหน่งนี้ก่อนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน หรือจนกว่าจะผ่านโปร“ข้างหน้านี่ก็น่าจะถึงแล้วค่ะ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรของพี่ธงอยู่ไหนหรอคะ เหมยเองก็ลืมถามเพราะมัวแต่เจอเรื่องชุลมุนอยู่”“กระเป๋าเสื้อผ้าพี่ส่งมาที่ไร่ชาแล้วตั้งแต่วันสองวันก่อนหน้านี้ แต่ตัวพี่เพิ่งจะมาวันนี้เพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ เลยบินมาช้ากว่า” ธงเอ่ยปากบอกเหมยในสิ่งที่เหมยถามอย่างรวดเร็ว“อ๋อค่ะพี่” เหมยก็ตั้งใจขับรถตรงเข้าไปบริเวณไร่ชา ขณะที่กำลังเลี้ยวรถจอดตรงหน้าคาเฟ่ ซึ่งมีคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวภูเขาไร่ชาและชมดาวที่ท้องฟ้าดูโปร่งสวยสดใส พร้อมกับแสงไฟระยิบระยับทั้งไร่ ทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีกเหมยจอดรถตรงลานจอดที่หน้าคาเฟ่ พอดีจังหวะนั้น เสือ เดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกับอาชา และเห็นเหมยมากับธง อาชาถึงกับโกรธควันออกหู“ไอ้เวรนั่นมากับเหมยได้ยังไง ไอ้เสือ มึงไปสืบมาให้กูเดี๋ยวนี้” อาชาออกคำ
เหมือนวันเวลาผ่านไปรวดเร็วมื้อกลางวันเพิ่งผ่านไปไม่นานยัยหนูลิลลี่ที่เดินเล่นและพูดคุยกับเหมยก็หมดฤทธิ์ราวกับตุ๊กตาที่ถ่านหมดนอนสลบไสลอยู่บนโซฟาใหญ่ของเหมย"ผมขอบคุณมากนะครับคุณเหมยที่ช่วยดูแลยัยหนูลิลลี่ทั้งวันรบกวนคุณเหมยมากแล้วผมจะพายายหนูลิลลี่กลับนะครับ"อาชาที่เดินเข้าไปอุ้มสวมกอดแม่หนูน้อยลิลลี่ที่หลับตาพริ้ม"ไม่เป็นไรเลยค่ะเอาไว้เหมยเคลียร์งานเรียบร้อยเหมยจะติดต่อไปเรื่องสอนพิเศษนะคะ"เหมยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วรีบเดินมาเปิดประตูให้กับอาชาที่อุ้มร่างเล็กของยัยหนูลิลลี่อยู่"ขอบคุณมากครับคุณเหมยที่ช่วยเปิดประตู"อาชายังคงความเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต่อหน้าเหมย"เดี๋ยวเหมยไปเปิดประตูรถให้นะคะ"เหมยพูดจบก็รีบวิ่งไปที่ประตูรถหรูแล้วก็เปิดประตูให้สองลุงหลานขึ้นรถยุโรปคันหรูทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะ"เหมยยืนโบกมือให้กับอาชาและแม่หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังขับรถออกไปจากบ้านสวนของเธอเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะวันนี้เธอหมดพลังงานไปกับแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักและก็ติดเธอเอามาก ๆ แบบที่ไม่เคยมีเด็กคนไหนทำกับเธอมาก่อนเธอไม่ได้รู้สึกรำคาญกับรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูกับแม่หนูน้อยลิลลี่มากขึ้นไปอีกม
เหมยแทบจะตั้งตัวไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ตะโกนมา เธอจึงรีบวางอาหารปลาและหันควบตามเสียง ถึงกับตาเบิกโพลงตกใจเล็กๆ ที่เห็นหนูลิลลี่สะพายกระเป๋าสีชมพูแล้วตั้งท่าวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ "หนูลิลลี่มาได้ยังไงคะ?" เหยตะโกนถามพร้อมกับอ้าแขนรับ "ลิลลี่คิดถึงคุณครูที่สุดเลยค่ะ ลิลลี่มากับคุณลุงอาชาค่ะ คุณลุงพามาหาคุณครู" พูดจบลิลลี่ก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสีน้ำเงินรองเท้าหนังสีดำมันเงาดูสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "คุณอาชาทำไมมาถึงนี่เลยคะ?" เหมยที่ลุกขึ้นพร้อมกับใช้มือเล็ก ๆ ปัดไปที่ก้นเบาๆ เพราะเธอนั่งเล่นอยู่ที่พื้นก็กลัวเลอะ "ขอโทษคุณเหมยนะครับ แม่หนูลิลลี่ของผมร้องไห้ทุกวันเลย ก็เลยอดใจอ่อนไม่ได้ที่พายัยหนูมาหาครับ""แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้โทรแจ้งล่วงหน้า" อาชาแสดงด้านที่อบอุ่นออกมาให้เหมยเห็นเสมอ ภายใต้หน้ากากนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ สายตาที่จ้องมองร่างบางของเหมยดูแวววับประดุจมีดที่ถูกรับจนกระทบแสง อาชากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นเหมยในเสื้อกล้ามส
วันนี้เหมยได้ลากกระเป๋าออกจากไร่ชาของอาชาเพื่อกลับมาที่บ้านสวนของเธอ กว่าเธอจะบอกลาแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักก็ทำใจอยู่นานเพราะลิลลี่เอาแต่ร้องไห้งอแง อาชาเองก็สงสารหลานสาวจับใจแต่ก็ต้องจำใจปล่อยให้เหมยกลับมาเหมยที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็จัดการปิดจบต้นฉบับนิยายที่ต้องส่งสำนักพิมพ์เรื่องสุดท้ายของเดือนแล้วจะพักผ่อนยาว"เยส..! เป็นไทยแล้วฉันเหมยที่บอกตัวเองเบาๆเมื่อปิดจบต้นฉบับนิยายจำนวน 150,000 คำเหมยที่ไปอยู่ไร่ชาของอาชานานเกือบอาทิตย์กว่ากลับมาก็จัดการเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็เล่นเหนื่อยเอาสายตัวแทบขาดโดยที่เหมยไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปภายในบ้านของเหมยอาชาได้แอบให้คนเข้ามาติดกล้องขนาดเล็กที่หากไม่จับสังเกตไม่สามารถหาพบเจอได้มันเล็กจิ๋วและอำพรางไปกับข้าวของเครื่องใช้นับ 10 ตัวตั้งแต่หน้าประตูทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงห้องนอนและอาบน้ำของเหมย"ฉันคิดถึงเธอจังเหมย"เสียงพึมพำของใครบางคนเหมยที่อยากจะเข้าไปล้างเหงื่อใครหลังจากเก็บกวาดห้องเสร็จก็ได้ปลดเปลื้องผ้าที่เปรอะเลอะเทอะลงตะกร้าแล้วเดินเปลือยเปล่าเปิดน้ำใส่อ่างพร้อมกับตีฟองนุ่มๆ ขาเรียวเล็กผิวขาวเนียนสวยไม่มีตำหนิสะโพ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจสซี่จะอยู่ในประเทศไทย เธอต้องลาจากไร่ชาแสนสุขและบอกลาเพื่อนรักอย่างเหมย นักเขียนนิยายที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่คุณครูกวดวิชาประจำตัวของเด็กหญิงลิลลี่ที่น่ารัก เจสซี่ได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าโหด ไม่เคยส่งยิ้มให้เธอเลย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ นั่นคือเสือ คนขับรถที่มาส่งเจสซี่ที่สนามบินตามคำสั่งของอาชา"ฉันต้องไปแล้ว แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้ใครมารังแกแกได้ เข้าใจไหม ยัยบื้อ" เจสซี่พูดด้วยความรักและห่วงใยเหมยยิ่งกว่าเพื่อนทุกคน แม้ปากจะร้ายกาจแต่ไม่เคยทำให้เหมยเสียใจเลย"แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันจะเหงาได้ไง แล้วใครจะมาทำอะไรฉันได้ นู่น ฉันมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างหนูลิลลี่ที่แสนน่ารัก นอนกอดฉันทุกคืน" ตั้งแต่ไปอยู่ไร่ชาครบ 1 อาทิตย์ หนูลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเหมย ทั้งสองคนตัวติดกัน ถ้ามองห่าง ๆ คงคิดว่าเป็นแม่กับลูก""จ้ะ ตั้งแต่มีหนูลิลลี่ แกก็ทิ้งฉันเลย แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ยัยเหมย เอาไว้ฉันปิดเทอมเมื่อไหร่ ฉันจะแวะมาหาแกนะ" เจสซี่บอกลาเหมยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นเสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นหน้าเจสซี่ก็ทำใบหน้าเรี