เมื่อเห็นแล้วว่าพนิดาไม่น่าจะสามารถลุกขึ้นเดินได้ปริญจึงสอดแขนตัวเองเข้าไปรวบขาของพนิดาเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็โอบไปที่แผ่นหลังก่อนจะยกเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน จังหวะนี้ด้วยความตกใจพนิดาจึงจำเป็นจะต้องโอบแขนทั้งสองข้างของเธอไปที่รอบลำคอของเขา
"ถ้าไม่อยากตกลงไปอีกรอบก็หุบปากไว้ บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าพูดมากขึ้นมาเมื่อไหร่ แขนฉันมันสามารถอ่อนแรงลงได้ทันที"
จากตอนแรกที่คอยต่อปากต่อคำกับเขาไม่หยุด เวลานี้พนิดาจำเป็นต้องหุบปากเอาไว้เสียก่อน ตอนนี้ชีวิตน้อยๆของเธอมันกำลังตกอยู่ภายในอุ้งมือของเขา ไม่ว่าเขาจะสั่งจะดุหรือจะพูดอะไรเธอเองก็คงจะต้องเงียบ
พอถึงบ้านปริญก็วางเธอลงที่บนโซฟา ส่วนตัวเขาเองก็หันไปเตรียมกะละมังน้ำอุ่นมาให้เธอแช่เท้า พนิดาสงสัยว่าข้อเท้าของเธอคงจะพลิก จากที่ลองขยับดูแล้วรู้สึกถึงความเจ็บแปลบนิดๆ
"วางเท้าเธอลงมาสิ ฉันจะล้างให้"พนิดามองสบตาคมที่วันนี้มันดูเหมือนว่าจะอ่อนโยนลงเป็นพิเศษ
"เอ่อคือว่าพี่ปริ้นคะ เดี๋ยวพายว่าพายทำเองดีกว่าค่ะ" พนิดารีบห้ามทันควันเมื่อปริญทำท่าเหมือนกับว่าพยายามจับข้อเท้าของเธอยกขึ้นเพื่อเตรียมที่จะจุ่มมันลงไปในกะละมัง
"อยู่เฉยๆเถอะน่า อย่าเรื่องมาก"
ว่าแล้วเขาก็จับข้อเท้าของเธอจุ่มลงไป ในนั้นมีกลิ่นสมุนไพรอะไรไม่รู้แต่ให้ความหอมอ่อนๆ ปริญค่อยๆคลึงไปตามรอบข้อเท้าก่อนจะออกแรงนวดเล็กน้อยแถมยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายจากนั้นแล้วจึงใช้ผ้าขนหนูซับให้จนแห้ง
พนิดามองดูการกระทำทุกอย่างของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ปริญที่ทั้งปากร้าย คอยว่าเธอสารพัด คนที่แม้แต่หน้าเธอเองเขาก็ยังไม่อยากจะมองคนนั้นหายไปอยู่ที่ไหนแล้วนะ เวลานี้พนิดาเห็นแต่เพียงผู้ชายอ่อนโยนคนหนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่มันออกมาจากภายในของเขาก็ตาม เพราะภายนอกเขาก็ยังคงทำหน้าขรึมดุๆตามเคย
"เสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันทายาให้แล้วเธอก็ค่อยประคบเย็นไว้ มันจะได้ไม่บวมแล้วก็อักเสบ"
"ขอบคุณนะคะ พี่ปริ้น"เป็นครั้งแรกที่ปริญเห็นพนิดายิ้มให้เขาอย่างไม่มีท่าทีเสแสร้งตั้งแต่หลังจากแต่งงานกันมา ปกติถ้าไม่พูดจากวนประสาท ผู้หญิงคนนี้ก็มักจะต่อปากต่อคำจนเขานั้นปวดหัว จะว่าไปถ้าปกติแม่ตัวแสบสงบปากสงบคำให้ได้แบบนี้ทุกวัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอมันก็คงจะเป็นไปได้ในทางที่ดีกว่านี้
พนิดาคอยมองตามทุกการกระทำของเขา ใจดวงน้อยๆของเธอชักจะมีอาการเต้นรัวแปลกๆ จนเธอต้องคอยเบรกมันเอาไว้ เพราะอะไรกัน หรือว่าเพราะเขาหล่อหรือเปล่านะ พอเขาทำดีด้วยหน่อยใจเธอมันจึงเริ่มที่จะหวั่นไหว
'เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย แค่เขาทำดีให้แค่นี้ใจเต้นเฉยเลย อย่านะ อย่าได้คิดอะไรบ้าๆนะพนิดา เขามีแฟนอยู่แล้ว แล้วดูท่าท่างเขาสองคนก็คงจะรักกันมากด้วย' พนิดาสะบัดหน้าส่ายศรีษะเบาๆ
ปริญเดินกลับออกมาด้วยกล่องยาขนาดใหญ่ของบ้าน ในนั้นมีตัวยามากมายหลากหลายร้อยแปด ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดและนั่งลงตรงข้างๆเธอ จากนั้นจึงหยิบหลอดยาออกมา
"ยื่นขามาสิ ฉันจะทายาให้"
พนิดาค่อยๆขยับขายื่นให้ไปที่ปริญ เขาบีบครีมลงบนมือแล้วจึงนวดคลึงลงไปที่ข้อเท้าเล็กที่ขณะนี้เกิดสีแดงช้ำๆปรากฎให้ได้เห็น ใบหน้างามค่อยเหยเกจากความเจ็บแปลบแต่ก็ยังขืนตัวให้นั่งนิ่งเข้าไว้
"ข้อเท้าเธอช้ำมากขนาดนี้ ฉันว่าพรุ่งนี้น่าจะไปหาหมอตรวจดูเสียหน่อยดีกว่า"
"พายว่าคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ เจ็บแค่นี้เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น"
'ยัง เขายังไม่ยอมหยุดอีกไอ้อาการทำดีที่เขากำลังเป็นอยู่นี่ สู้เป็นแบบเก่าเสียดีกว่า แบบนั้นเองยังพอรับมือไหว แต่เล่นมาญาติดีกับเธอแบบนี้ใจเธอมันก็ชักจะเต้นไม่เป็นจังหวะเข้าให้อีกแล้วสิ'
"งั้นก็คอยดูก็แล้วกัน หากว่าพรุ่งนี้ยังเจ็บมากอยู่ก็บอก ฉันจะได้พาไปหาหมอ"
"ขอบคุณนะคะ"ปริญหันมามองพนิดาที่เวลานี้ก็มองมาที่เขาอยู่เช่นกัน ก่อนที่เธอเลือกที่จะเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเสียเอง
"ไม่เป็นไร ครั้งที่แล้วตอนมือฉันเจ็บเธอยังช่วยดูแลให้เลย ถือเสียว่าครั้งนี้เป็นการตอบแทนบุญคุณก็แล้วกัน วันหลังพอแยกย้ายกันไปฉันจะได้ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณอะไรเธอไว้" พอได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นสามีพูดพนิดาก็ยู่หน้า เขายังคงนึกถึงแต่วันที่ต่างฝ่ายต่างจะได้เป็นอิสระต่อกัน คงมีแค่เธอสินะที่ดูท่าว่าจะหวั่นไหวอยู่คนเดียว
หลังจากทำแผลให้เสร็จสรรพ ปริญก็ปล่อยให้พนิดานอนนั่งดูทีวีไปเพลินๆคนเดียว ส่วนตัวเขาก็เลือกที่จะไปนั่งเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหาดูนั่นนี่ที่โต๊ะที่ตั้งอยู่ แม้ว่าที่ดินจะยังไม่ได้ตกมาอยู่ในมือของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ปริญก็เชื่อว่ามันคงจะต้องตกมาอยู่ในมือของเขาภายในเวลาอันใกล้นี้อยู่ดี ดังนั้นเขาจึงได้เริ่มลงมือเตรียมการไปบ้างแล้วสำหรับโครงการโฮมสเตย์ในฝันของเขา
พนิดาจ้องมองทุกการกระทำของสามีในนามแล้วหัวใจก็ยังคงสั่นไหว ผู้ชายห่ามๆปากร้ายคนนั้น ตอนนี้กำลังค่อยๆแทรกซึมเข้ามาป้วนเปี้ยนซุกซนใกล้ๆหัวใจเธอ หากจะว่าไปแล้ว ถ้าสถานะหัวใจของเขาไม่ได้มีใครจับจอง ไม่แน่ว่าเธออาจจะลองคิดทบทวนดูใหม่ว่าควรทำตัวให้มันน่ารักกับเขาขึ้น อาจลองใช้เสน่ห์ร้อยเล่ห์มารยาหญิงเพื่อมัดหัวใจเขาดู เผื่อว่าวันหนึ่งเธอทำมันสำเร็จได้และเขาเกิดเปลี่ยนใจอยากที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันต่อไปขึ้นมา แต่นี่สถานะของเขาคือมีคนรักแล้ว ถ้าตอนนี้เธอไม่รู้จักหักห้ามใจ ปล่อยตัวปล่อยใจให้ไปยุ่มย่าม มันก็คงจะต้องเป็นเธอที่จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บและเสียใจอยู่คนเดียวเมื่อถึงวันนั้น ฉะนั้นมันคงจะดีกว่าที่เธอจะทำตัวเฉยๆ ไม่ต้องน่ารักแต่ก็แค่ไม่ร้ายกับเขาก็คงพอมั้ง พนิดาคิด
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ