LOGINวันนี้ผมบอกให้ไทม์มารับเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่โรงเรียน
ย้อนกลับไปช่วงแรกที่ผมเข้าเรียนผมปิดแมสและสวมแว่นเป็นปกติ วันแรกทุกคนไม่เอะใจอะไรก็เข้าใจว่าผมไม่สบายและชวนผมคุยปกติพอนานวันเข้าหลายคนเริ่มเอะใจว่าทำไมผมไม่ยอมถอดแมสและสำคัญคือไม่ยอมไปกินข้าวด้วย เสียงซุบซิบนินทาต่างๆเริ่มหนาหูมากขึ้นๆว่าผมเป็นไอ่คนมืดมน อมทุกข์ หยิ่งหรือแม้กระทั่งบางคนถึงกับบอกว่าผมอัปลักษณ์ ในห้องเลยแบ่งออกเป็น2ฝ่ายคือเชื่อและไม่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็พยายามจะเข้ามาเพื่อตีซี้แต่ผมเองที่ปิดกลั้นจนสุดท้ายเลยหาข้ออ้างว่าตัวเองเป็นวัณโรค วันต่อมาเสียงซุบซิบนินมาไม่ได้มีแค่ในห้องแต่กระจายไปทั่วโรงเรียน ทุกคนเลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กันต์ม.6ห้อง3 ผมเลยมีฉายาไอ่กันต์วัณโรคตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกแย่ในวันแรกแต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เจอมาถือว่าจิ๊บๆดีเสียอีกที่ไม่มีใครอยากเห็นหน้าตาไม่น่ามองนี้ เผลอๆถ้าถอดแมสออกอาจจะโดนหนักกว่าเดิมเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ผมเลยคิดว่าดีแล้วที่เป็นแบบนั้น
เพราะงั้นผมถึงกลัวว่าวันนี้ไทม์จะโดนอะไรที่ เหมือนๆกันแล้วต้องรู้สึกแย่หรือเปล่า
บรื้นน บรื้นนน บิ๊กไบค์คันใหญ่ขับซิ่งมาแต่ไกลก่อนจะมาจอดตรงหน้า
พอมาถึงก็พยักหน้าเท่ๆให้ขึ้นรถ นี่ก็เลยไม่รอช้าสวมหมวกซ้อนท้ายอย่างว่าง่าย
ก่อนออกมาก็ไม่ลืมฝากเจ้าตูบไว้กับป้าพรรณเขาเป็นเจ้าของบ้านเช่าแถมยังรักหมาอีกต่างหากทีนี้เลยง่ายหน่อย เจ้าตูบช่วงนี้ไปอยู่กับป้าพรรณก่อนนะลูก
.
.
.
ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนก็เจอสายตาจากจากสาวๆใกล้ไกลทั่วทุกมุมจ้องตาเป็นมันเลยแถมเสียงซุบซิบยังไม่เหมือนซุบซิบเพราะมันดังจนก้องเข้ามาในหู
"คนนั้นไงๆที่เขาลือกันอ่ะ"
"ไหนๆ"
"ที่หล่อๆเดินกับพี่กันต์วัณโรคน่ะ" แม่งงอยากตบปากเด็กมันจังงวุ้ยย
"โหห สเปค เสร็จกูแน่"
"เห้ย!! ไปไหน"
สาวน้อยใจเด็ดเดินมาอย่างกล้าหาญ พี่ขอคารวะเลยใจน้องมันแน่มาก
"พี่ไทม์ใช่ไหมคะ" เอาแล้วน้องมันของจริง ผมมองหน้าไทม์ที่กำลังจ้องสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่กำลังเดินมาตรงหน้าคิดว่าคงเป็นน้องใหม่ม.4ที่พึ่งเข้ามาเรียน
"..." ไทม์ไม่ตอบแต่ก้มหน้ามองทั้งยังเลิกคิ้วสงสัยว่าน้องคนนี้เป็นใคร ผมนี่ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆแทนเลย
"หนูชอบพี่ค่ะเป็นแฟนกันไหมคะ" ใจน้องมันได้เว้ยเห้ยสู้ๆยัยหนู ผมแอบลุ้นตามว่าไทม์จะพูดว่าไงรู้สึกตื่นเต้นแทนเพื่อนยังไงไม่รู้เพราะผมเองก็ไม่เคยโดนสารภาพมาก่อน เคยแต่บอกชอบและถูกมองด้วยสายตาเย็นชาอย่างไร้เยื่อใยกลับมา
"ไม่อ่ะ" แพร้ง!! เสียงหน้าแตก ไทม์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย โอ้วววคนหล่อมันเป็นอย่างงี้นี่เองขนาดมีสาวน้อยน่ารักมาสารภาพตรงหน้าก็ยังไม่สนใจ
ไทม์จับมือผมแล้วเดินไปปล่อยให้สาวน้อยอึ้งอยู่ตรงที่เดิม เพื่อนของเธอเดินมาปลอบใจผมเห็นอย่างนั้นเลยชูมือสองนิ้วสู้ๆเป็นกำลังใจให้ คนเรามันมีก้าวแรกเสมอแม่หนูใจเด็ด
และนั่นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของวันเพราะวันนี้ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะไปไหนก็เจอแต่คนมาขอเบอร์มาจีบไม่เว้นแม้แต้กับผู้ชายด้วยกันเองแต่ดูเหมือนไทม์จะไม่ได้สนใจแถมยังทำหน้าลำคานตลอดเวลาผมเลยคิดไปถึงสมัยม.ต้นที่ชอบนที หรือนทีก็จะลำคานแบบนี้แต่ต่างกันตรงที่ว่าหนุ่มๆสาวๆที่มาจีบไทม์ดันสวยหล่อกันหมดน่ะสิถึงโดนปฏิเสธไปก็คงมีคนปลอบใจไม่เหมือนกับผมที่โดนสายตารังเกียจ...ช่างมันเถอะมันผ่านมาแล้ว
"วันนี้กินไรดี" ผมเอ่ยปากถามขณะที่ไทม์กำลังหยิบขวดน้ำออกจากตู้ในร้านค้า
"ฉันอะไรก็ได้ นายล่ะอยากกินไร"
"จะกินแซนวิชแฮมไข่กับนม"
"ไม่เบื่อเหรอ"
"ก็เบื่อนะ แต่ไม่อยากกินข้าวโรงอาหาร"
จู่ๆไทม์ก็ฉุกคิดขึ้นมาถึงสาเหตุที่กันต์ต้องปิดใบหน้าของตัวเองไว้ตลอดว่ามันคืออะไรแต่ก็ยังไม่กล้าพอที่จะถามออกไป
"วันนี้นายกินข้าวคนเดียวได้ไหม" เพราะวันนี้ที่ประจำของผมน่าจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่
จากที่คิดว่าไทม์น่าจะรู้สึกแย่กับข่าวลือแต่ดูเขาเข้มแข็งมากกว่าผมเสียอีกที่สำคัญยังดูไม่สนใจไรอีกด้วยเป็นประเภทโนสนโนแคร์ของจริง
"แล้วนายจะไปกินที่ไหน" เขาเอ่ยถาม
"ว่าจะไปกินที่ห้องน่ะ ช่วงนั้นไม่น่าจะมีใครอยู่"
"ฉันไปด้วย กินโรงอาหารมันน่าลำคาน"
"อ่ะ เอางั้นเหรอ"
ผมหยิบแซนวิชแฮมไข่กับนมจืดเหมือนอย่างเช่นทุกวันมา ส่วนของไทม์เป็นเบอร์เกอร์หมู4ชิ้นกับน้ำเปล่า กินเก่งมากใจพี่แกช่วงเย็นคงไม่ยัดอะไรลงไปได้แล้วมั้ง
พอเดินมาถึงในห้องก็ไม่มีใครอยู่จริงๆด้วยทางโล่งสบายส่วนใหญ่พักเที่ยงพวกผู้ชายจะไปเล่นบาสไม่งั้นก็บอล สมัยม.ต้นถึงผมจะอ้วนแต่เล่นบาสเก่งมากนะส่วนเพื่อนผู้หญิงก็คงไปนั่งเมาท์ที่ไหนสักแห่งหรือไม่ก็อ่านหนังสือกันอยู่ห้องสมุด
"หันหลังให้หน่อย" ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะหลบมุมอยู่หลังห้องเลือกมุมที่อยู่ใกล้ชั้นหนังสือฯเพราะเวลามีคนมาจะได้มองไม่เห็นผม
ไทม์เดินมานั่งข้างๆแล้วยอมหันหลังให้แต่โดยดีเขาไม่ได้เซ้าซี้ถึงเหตุผลหรืออะไรทั้งนั้นมันเลยทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
ผมพิงแผ่นหลังกว้างๆของไทม์ เราหันหลังชนกันก่อนจะเริ่มแกะกินมื้อเที่ยงของวันนี้
"หน้ามีทองคำติดหรือไง ยุ่งยากจริงๆ" เขาบ่นอุบอิบแต่ก็หันหลังให้โดยที่ไม่หันมามอง
"ง่ำๆๆ ทำไมถึงไม่รับรักใครเลยล่ะ" ผมถามขณะที่กำลังเขี้ยวแซนวิชในปาก
"ก็ไม่ได้ชอบใคร"
"ถามหน่อยสิถ้าเกิดมีผู้ชายที่อ้วนแล้วก็ขี้เหร่มาสารภาพกับนาย นายจะทำไงเหรอ"
"ก็ปฏิเสธไป"
"เพราะเขาขี้เหร่เหรอ"
"ไม่ได้มองตรงนั้นนะที่ปฏิเสธเพราะแค่ยังไม่ชอบใคร"
"ขี้เหร่ก็ไม่รังเกียจเหรอ?"
"ไม่นะ สิทของเขา"
"สวยก็ไม่เอา หล่อก็ไม่ชอบ ขี้เหร่ก็ปฏิเสธอีก แล้วนายชอบคนแบบไหนอ่ะ"
"ก็ไม่แบบไหน แค่ไม่มองตรงนั้นถ้าชอบก็จะจีบเอง"
"อ๋ออ งี้เองแล้วถ้าชอบคนขี้เหร่ก็จะจีบเหรอ"
"ก็บอกว่าไม่ได้ดูตรงนั้นไง!!" เริ่มขึ้นเสียง
"อือ เข้าใจแล้ว" จู่ๆผมก็คิดขึ้นมาว่าถ้าผมจะเปิดเผยใบหน้านี้ให้เห็น เป็นไทม์คงจะไม่เป็นไร
"ไทม์ แล้วถ้าฉันหน้าตาดูไม่ได้เลยแย่มากล่ะยังอยากเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม"
"เกี่ยวไร นายเป็นเพื่อนฉันจะหน้าเป็นยังไงก็เรื่องของนาย"
"ไทม์ หันหน้ามาหน่อยสิ" ผมคิดว่าถ้ามีคนได้เห็นใบหน้านี้แม้เพียงสักคนก็ยังดี อยากมีเพื่อนที่สามารถเปิดอกคุยกัน ไปเที่ยว กินข้าวดูหนังใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนคนอื่นบ้าง
เขาหันมาจ้องมองผม ผมหลับตาหยิบแว่นออกจากใบหน้า
ภายใต้กรอบแว่นตาเผยให้เห็นดวงตาแมวกลมโตขนตางอลเรียงสวยไทม์มองดูสายตานั่นอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรรู้แค่ว่ามันสวยน่ามอง
"นายน่าจะใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่น ตานายสวยมาก" เขาพูดมันด้วยความจริงใจ
"จริงเหรอ" ผมตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินคำชมแต่ก็แอบยิ้มจนแก้มปริภายใต้แมสดำที่สวมทับอยู่ไม่เคยมีใครชมมาก่อนเลยก็เลยแอบเขิลอยู่หน่อยนึง หน่อยเดียวจริงจริ๊งงง"พรุ่งนี้จะใส่คอนแทคมานะ"
เอาล่ะอย่างน้อยไทม์บอกว่าตาสวย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสวยแบบไหนเพราะตลอด4ปีผมไม่เคยส่องกระจกแล้วก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องในช่วงซัมเมอร์ทุกเทอม
ปิดเทอมที่ทุกคนไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนกันแต่ผมพาเจ้าตูบไปวิ่งเล่นช่วงเย็นแทน
"เห้ยมึง!! ได้ข่าวเปล่าว่าไทม์ห้องเราเยดุมาก" เเจน!!! เสียงแจนและเสียงเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆในขณะที่ผมกำลังจับสายคล้องหูเตรียมจะเปิดแมสและไทม์ที่กำลังตั้งใจมองแต่ก็ต้องหยุดไว้ก่อน
ผมใส่แว่นตากลับคืนที่เดิมก่อนจะชวนไทม์ไปนั่งโต๊ะเรียนประจำที่(เรียกสั้นๆว่านั่งที่)แต่ไทม์ชักผมกลับคืนทั้งยังทำปากชูๆให้ผมเงียบๆ...เพื่อออ!!!
"นายจะทำไร" ผมกระซิบกระซาบ
"ชู่ววว" นิ้วชี้แตะที่บ้านตัวเองเป็นสัญญาณให้ผมเงียบๆ
"ข่าวลือมันจะจริงป่าววะ" เสียงกี้กำลังใกล้เข้ามาด้วย
"เห็นลือกันว่าไทม์โครตเด็ด ง่ายด้วยนะ" พิงค์พูดเสริมพร้อมทั้งก้าวเข้ามาในห้อง
"แต่ที่กูเห็นไม่น่าใช่นะ เห็นไม่สนใจใครเลยหรือว่าเก๊ก?" กี้พูดขึ้น
"ถ้าอยากรู้มึงลองชวนไปที่ห้องดู" แจมเสริม
"เห้ยมึง เอาจริงดิ" กี้ทำเสียงตกใจแบบไม่ทันคิดว่าเพื่อนตัวเองจะเป็นขนาดนี้
"แค่แกล้งๆป่ะ ลองดูแต่ถ้าได้จริงกูไปเอง" ประโยคแรกทำกี้โล่งใจ แต่ประโยคหลังทำให้กี้รู้ว่าเพื่อนตัวเองเริ่มร่าน
"สัส กูไปด้วย" พิงค์พูดเสริมผมได้แต่คิดว่าโหห สาวๆห้องนี้แม่งสุด
ผมถึงได้รู้ว่าข่าวลือมันกระจายแบบใส่สีใส่ไข่เตลิดเปิดโปงไปหมดแล้ว ให้ตายสิ
พอก้าวเข้ามาในห้องก็รู้สึกได้ถึงสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา ดีที่เป็นชั่วโมงโฮมรูมช่วงเช้าครูเลยยังไม่เข้าผมรีบกระชับเสื้อคลุมหัวแล้วสาวเท้ายาวๆไปยังโต๊ะเรียนตัวเองก่อนที่กี้และแพรจะเข้ามาทักเป็นคนแรกๆตามด้วยคนอื่นๆจนตอนนี้เริ่มมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลังเต็มโต๊ะไปหมด"กันต์ เมื่อกี้ขอบคุณที่ช่วยเราไว้นะ" อีตอแหล เป็นแจมกับพิงค์ที่คิดในใจแต่แสดงออกมาทางสีหน้า"อะ..อืม ไม่เป็นไร" อะเฮือกก ขนาดเสียงยังไพเราะ กี้คิดแล้วก็ได้แต่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆก่อนจะหันไปหาแพรแล้วหรี่ตามอง"กันต์ งานภาษาไทยที่จะจัดเดือนหน้ากันต์มาช่วยเราได้ไหม" คำพูดของหัวหน้าถือเป็นคำขาด ขอให้ช่วยต้องช่วยวิชาคณิตศาสตร์วันก่อนเธอก็ช่วยสอนให้"โอเค ได้เลย" ผมเลยตอบตกลงไปแบบไม่คิดไร"กันต์ วันนี้ว่างไหมอยากชวนไปเล่นเกมส์ที่ห้อง" เป็นพอร์ชที่ถาม"เห้ย!! วันนี้มึงบอกจะไปเล่นบาสกับกูไม่ใช่" ขัดกูตลอดไอ่สัสกวินน!!! พอร์ชถลึงตาใส่เพื่อน"ได้ข่าวว่านายเล่นบาสเป็นด้วยนี่เย็นนี้มาเล่นกับเราไหม" กวินหันหน้ามาถามผมบ้าง บาสเหรอ ดีเลยไม่ได้เล่นนานแล้ว"ได้จริงๆเหรอ..." ผมตอบอ้อมแอ้มไม่แน่ใจ"ก็ชวนเนี่ย สรุปไปนะ" กวินถามยำ้"โอเค ไปๆ"ผมเลยพ
ทุกคนในห้องกำลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเลยต่างพากันเงียบกริบหมดหากใครตดก็คงได้ยินแกร้ง!! เสียงปากกาของใครบางคนตกพื้นเรียกสติทุกคนให้กลับเข้าที่ป้าปๆๆๆๆ " กี้มึงไม่น่าเลย" แจมเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อนที่กำลังอึ้งรัวๆอย่างตื่นเต้น"ไม่น่าพึ่งทำวันนี้เลย น่าจะทำให้เร็วก็ว่านี้กรี๊ดดด" พิงค์เดินมาสมทบ"มะ...มึง กูว่ากูเจอเนื้อคู่แล้วหวะ" กี้ที่กำลังอ้ำอึ้งเพราะได้สบตากับกันต์ใกล้ๆจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจตรงนั้น 'เพียงสบตาคู่นั้น ฉันก็รู้ทันใด' จู่ๆเนื้อเพลงบุพเพก็แล่นเข้ามาในหัวสมองของเธอซุบซิบๆ เพื่อนๆในห้องต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลยเปลี่ยนหัวข้อประเด็นการสนทนากันยกใหญ่"เราไม่คิดเลยว่ากันต์จะน่ารักขนาดนั้น" แพรหัวหน้าห้องที่ปกติไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้ชายเท่าไหร่มาร่วมวงกับสามสาวด้วย"แพรหยุด คนนี้ฉันจอง"กี้หรี่ตามองแพร พูดขึ้นเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ" แล้วเรามาดูกัน " แพรหรี่ตามองกลับประมาณว่าฉันนี่แหละเจ้าของ'ปฏิบัติการศึกชิงนายเลยเริ่มต้นขึ้น'....ขนตางอลกระเพื่อมพริ้วไหวบนดวงตากลมโตชวนมองได้รินหลั่งหยดน้ำตาลงมากระทบสองข้างแก้มอมชมพู จมูกโด่งได้รูปกับใบหน้าเรียวจิ้มลิ้มที่ไม่ว่าใครเห
ผ่านมา1สัปดาห์ข่าวเรื่องไทม์เยดุก็จางไปกลบด้วยข่าวใหม่แทนการประกวดดาวเดือนประจำปีได้เริ่มขึ้น ทุกห้องต้องส่งตัวแทน1คนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโดยจะนับตามโหลดของคนทั้งโรงเรียนภายในห้องเรียนมีเสียงซุบซิบเกิดขึ้นจาก3สาวตัวจี๊ดที่มาถึงโรงเรียนก่อนใครเพื่อน"มึงว่าช่วงนี้ไทม์กับกันต์สนิทกันแปลกๆว่าม้ะ" แจมพูดขึ้น"ก็ดูสนิท แต่แปลกไงวะ" พิงค์ถามด้วยความสงสัย"โอ้ยยไม่ได้หมายถึงแปลกแบบนั้น มึงคิดดูนะถ้าสนิทแสดงว่าไทม์ต้องได้เห็นหน้าของกันต์แล้วป่าววะ" "เออ แล้วไงต่อ" กี้เอ่ยด้วยความสงสัยในคำพูดเพื่อน"พวกมึงไม่อยากเห็นหรือไงวะ ปีนี้ก็เข้าม.6แล้วป่าว จะ3ปีแล้วกูยังไม่เคยเห็นน่ากันต์เลย" แจมพูดขึ้น"เออจริงของมึง" กี้พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยและคิดในใจว่าเป็นคำพูดที่มีเหตุผล"กูก็อยากเห็นเหมือนกันมันจะเป็นอะไรนักหนาไอวัณโรคที่ว่า ถ้าติดพวกเราก็แม่งติดตั้งแต่ปีแรกแล้วมั้ง" พิงค์เริ่มจุดไฟฉนวนความอยากรู้ขึ้นมาให้ปะทุมากยิ่งขึ้น ทำให้แจมเริ่มฉุกคิดแผนการขึ้นมา"งั้นเอางี้ม่ะ กูจะเนียนๆไปสะดุดล้มแล้วกระชากหน้ากากออก เวิร์คไหมมึงว่า" และนี่คือแผนการของเขา"การละครมึงแย่ ให้อีกี้ทำ" แต่ถูกพิงค์ปฏิเส
หลังเลิกเรียนวันนี้ผมกลับบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเที่ยวกับไทม์ตามที่เราตกลงกันไว้วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ4ปีเลยก็ว่าได้ที่ออกไปเที่ยวแบบเที่ยวจริงๆกับเพื่อนเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยฮู้ดดำกับกางเกงยีนส์ขาเดฟตามด้วยหน้ากากอนามัย พร้อมมมบรื้นน บรื้นน เสียงรถคุ้นหูได้ยินมาแต่ไกลก่อนจะจอด เอี้ยด! ตรงหน้าโหหห สายตาจดจ้องไปยังด้านหน้าในตาผมเปร่งประกายประยิบระยับ ไทม์ มาในชุดเสื้อยืดขาวที่เห็นกล้ามแน่นเปรี๊ยะที่ใครเห็นก็เป็นต้องใจสั่นเสื้อตัวนอกสวมแจ็คเกตหนังดำแขนยาว กางเกงลูกฟูกขายาวสีดำถึงจะไม่เห็นหน้าเพราะใส่หมวกกันน็อคแต่แค่นี้ก็พอทำให้หัวใจสาวๆอ่อนระทวยลงแล้ว"ง้อววว..." หล่อเท่ซะไม่มี อยากตะโกนดังๆว่า 'นี่เพื่อนผมเองคร้าบ'"อะไร?""นายหล่อโครตอ่ะ แบบโครตพ่อโครตแม่""จะไปไหม ขึ้นรถหมวกกันน็อคมีด้านหลัง" แต่เขาก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม 'หนุ่มหล่อผู้เฉยชา' เหมือนเดิมจนผมถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบหมวกกันน็อคด้านหลังนั่งซ้อนท้ายพร้อมกับตะโกนว่า " เลสโก้!! "บรรยากาศในยามค่ำคืนชวนให้รู้สึกดีสองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟเหลืองนวลและตึกสูงตระหง่านตาที่มีรถวิ่งสัญจรไปมาเป็นว่าเล่น สายลมเย็นทำให้ผมเปิดหมวก
เปลือกตานวลค่อยๆปิดลงกับหัวใจที่เต้นระส่ำระสายมือไม้สั่นเทา2เท้ากระดิกรัวอย่างตื่นเต้นจนวัตถุสี่เหลี่ยมขนาด30ซม.ที่หยิบไว้เกือบตกผมหลับตาปี๋ไม่กล้าส่องกระจกถึงจะบอกว่าตาสวยก็เถอะแต่คำว่า หัดดูหนังหน้าตัวเองซะบ้างมันฝังลึกในหัวสมองเมื่อวานผมสัญญากับไทม์ว่าจะใส่คอนแทคเลนส์ไปโรงเรียนแทนแว่นตาเพราะงั้นวันนี้ต้องทำให้ได้ฮึบๆสู้สิวะไอ่กันต์เปลือกตาที่กระเพื่อมสั่นไหวค่อยๆหรี่ขึ้นอย่างลังเลในมือถือกระจกชูขึ้นเตรียมพร้อม 1...2....3พรึ่บ!! ปริบๆ ผมมองตาตัวเองในกระจกอย่างตกตะลึงเห้ยย!!บร๊ะเจ้า นี่มันสุดยอดของศิลปะความงามที่หาได้ยากแต่ก็ต้องใจแป้วทว่าไม่มีความกล้าพอที่จะส่องตัวเองทั้งหน้า หน้ากากอนามัยยังคงถูกสวมดั่งเช่นทุกวันวัตถุกลมใสอยู่บนนิ้วชี้ก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังไปยังดวงตาที่เบิกกว้างจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้าตา"แม่งง ใส่ยากจังวะ" ผมสบถพึมพำคนเดียวขณะแหกตาใส่คอนแทคเลนส์ในห้องนำ้ ด้านหน้าเป็นกระจกซื้อมาใหม่ขนาด30ซม.แขวนไว้ผมพยายามแล้วพยายามอีกอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะได้1ข้างก็เล่นเอาน้ำตาคลอเบ้าจนตาแดงหมด เลยพักอีกข้างไว้เพราะปวดทั้งแขนปวดทั้งตาพอมาดูเวลาอีกทีก็เกือบจะ7โมงเ
วันนี้ผมบอกให้ไทม์มารับเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่โรงเรียนย้อนกลับไปช่วงแรกที่ผมเข้าเรียนผมปิดแมสและสวมแว่นเป็นปกติ วันแรกทุกคนไม่เอะใจอะไรก็เข้าใจว่าผมไม่สบายและชวนผมคุยปกติพอนานวันเข้าหลายคนเริ่มเอะใจว่าทำไมผมไม่ยอมถอดแมสและสำคัญคือไม่ยอมไปกินข้าวด้วย เสียงซุบซิบนินทาต่างๆเริ่มหนาหูมากขึ้นๆว่าผมเป็นไอ่คนมืดมน อมทุกข์ หยิ่งหรือแม้กระทั่งบางคนถึงกับบอกว่าผมอัปลักษณ์ ในห้องเลยแบ่งออกเป็น2ฝ่ายคือเชื่อและไม่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็พยายามจะเข้ามาเพื่อตีซี้แต่ผมเองที่ปิดกลั้นจนสุดท้ายเลยหาข้ออ้างว่าตัวเองเป็นวัณโรค วันต่อมาเสียงซุบซิบนินมาไม่ได้มีแค่ในห้องแต่กระจายไปทั่วโรงเรียน ทุกคนเลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กันต์ม.6ห้อง3 ผมเลยมีฉายาไอ่กันต์วัณโรคตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกแย่ในวันแรกแต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เจอมาถือว่าจิ๊บๆดีเสียอีกที่ไม่มีใครอยากเห็นหน้าตาไม่น่ามองนี้ เผลอๆถ้าถอดแมสออกอาจจะโดนหนักกว่าเดิมเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ผมเลยคิดว่าดีแล้วที่เป็นแบบนั้นเพราะงั้นผมถึงกลัวว่าวันนี้ไทม์จะโดนอะไรที่ เหมือนๆกันแล้วต้องรู้สึกแย่หรือเปล่าบรื้นน บรื้นนน บิ๊กไบค์คันใหญ่ขับซิ่งมาแต่ไกลก่อนจะมาจอดตรงหน้า







