LOGINหลังเลิกเรียนวันนี้ผมกลับบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเที่ยวกับไทม์ตามที่เราตกลงกันไว้วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ4ปีเลยก็ว่าได้ที่ออกไปเที่ยวแบบเที่ยวจริงๆกับเพื่อน
เสื้อยืดขาวสวมทับด้วยฮู้ดดำกับกางเกงยีนส์ขาเดฟตามด้วยหน้ากากอนามัย พร้อมมม
บรื้นน บรื้นน เสียงรถคุ้นหูได้ยินมาแต่ไกลก่อนจะจอด เอี้ยด! ตรงหน้า
โหหห สายตาจดจ้องไปยังด้านหน้าในตาผมเปร่งประกายประยิบระยับ ไทม์ มาในชุดเสื้อยืดขาวที่เห็นกล้ามแน่นเปรี๊ยะที่ใครเห็นก็เป็นต้องใจสั่น
เสื้อตัวนอกสวมแจ็คเกตหนังดำแขนยาว กางเกงลูกฟูกขายาวสีดำถึงจะไม่เห็นหน้าเพราะใส่หมวกกันน็อคแต่แค่นี้ก็พอทำให้หัวใจสาวๆอ่อนระทวยลงแล้ว
"ง้อววว..." หล่อเท่ซะไม่มี อยากตะโกนดังๆว่า 'นี่เพื่อนผมเองคร้าบ'
"อะไร?"
"นายหล่อโครตอ่ะ แบบโครตพ่อโครตแม่"
"จะไปไหม ขึ้นรถหมวกกันน็อคมีด้านหลัง" แต่เขาก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม 'หนุ่มหล่อผู้เฉยชา' เหมือนเดิมจนผมถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบหมวกกันน็อคด้านหลังนั่งซ้อนท้ายพร้อมกับตะโกนว่า " เลสโก้!! "
บรรยากาศในยามค่ำคืนชวนให้รู้สึกดีสองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟเหลืองนวลและตึกสูงตระหง่านตาที่มีรถวิ่งสัญจรไปมาเป็นว่าเล่น สายลมเย็นทำให้ผมเปิดหมวกกันน็อคเพื่อรับลม ความรู้สึกสดชื่นที่ไม่ได้สัมผัสมานานถาโถมเข้ามาอีกครั้ง สองแขนเลยชูขึ้นอย่างห้ามไม่ได้แล้วตะโกนลั่น
"วู้ววว สดชื่นนน" ลากเสียงยาว
"จับเอวไว้" ไทม์พูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้ยินเพราะเสียงลมมันต้านเข้ามา
"อะไรนะะ" ผมตะโกนถามย้ำทั้งยังขยับหัวไปด้านหน้าเพื่อรับฟัง
"บอกว่าจับเอวไว้!!" เขาตะโกนกลับ
"อ๋อ เอออ"
เราตะโกนใส่กันขณะขับรถ นี่ก็ลืมไปว่าเปิดหมวกกันน็อคอยู่ตะโกนทีน้ำลายกระเด็นออกไปตามลมเลย
"เฮือกกก" ผมยังไม่ทันได้จับเอวจู่ๆไทม์ก็แรงเครื่องซะเต็มแรงม้าเลยสะดุ้งเกือบหายหลังแต่มือก็คว้าเอวไว้ได้ทัน
สองมือจับเอวไทม์ไว้แน่นในระยะห่างเพียงช่วงข้อศอก บิ๊กไบค์มันต้องงี้ดิ วู้ฮู้สุดยอดไปเลย
เอี้ยด!! ไทม์เบรกรถจนหัวผมไปกระแทรกโดนแผ่นหลังกว้างเต็มๆดังปัก!!ดีนะที่ใส่หมวกกันน็อค
"โอ้ยยยย" แต่คงไม่ดีสำหรับคนขับเท่าไหร่
"โทษทีๆ เจ็บมากไหม" ผมลุกลี้ลุกลนเอามือลูบหลังถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ก็เถอะ แต่คนมันรู้สึกสำนึกผิดไง
"อึก...ไม่เป็นไรลงเถอะถึงแล้ว"
สายตาผมเหลือบมองชื่อร้าน 'ชาวเรา' แต่ร้านนี้เป็นคลับที่ไม่ถึง20ห้ามเข้าไม่ใช่เหรอ
"เราจะไปที่นั่นกันจริงๆเหรอ" ความกังวลผสมความตื่นเต้นก็ถาโถมซัดกระหน่ำเข้ามา นี่มันเหมือนเป็นการเปิดโลกกะทัศน์ของหนุ่มน้อยวัย18เลยไม่ใช่เหรอ
"อืม ลงได้แล้ว"
"อ่ะๆ โอเค" ผมลงรถก่อนจะถอดหมวกไว้ที่ท้ายรถเหมือนเดิม กำมือแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ เหงื่อผุดขึ้นจนมือเปียกชื้นไปหมดด้วยความตื่นเต้นแล้วก้าวเท้าเดินไปอย่างลังเล
"จะไปไหน มานี่" ไทม์ลงรถทีหลังแล้วกวักมือเรียกผมไปอีกทาง
"อะอ่าวไม่ใช่ร้านนั้นเหรอ?" ผมชี้นิ้วไปที่ร้าน'ชาวเรา'
"ไม่ใช่ ร้านนี้ตังหาก"ร้านที่ไทม์ชี้คือ 'หนูจ้ะมาม้ะร้องเกะ' อ๋อ เป็นผมก็เข้าใจผิดไปเอง
ผมเดินตามหลังไปติดๆ ถึงจะไม่ใช่ร้านนั้นแต่เป็นร้านนี้ก็ยังไม่คุนชินกับสถานที่แบบนี้อยู่ดี รอบๆมีรถจอดเต็มเรียงรายไม่ว่าจะมอไซค์หรือรถยนต์และมีร้านเรียงกันเป็นแถวๆเป็นโซนๆคือคลับ ผับ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะและร้านเกมส์ โซนหนึ่งสำหรับวัยผู้ใหญ่ส่วนอีกโซนคือวัยรุ่น เยาวชนอย่างผม
โซนที่ผมเดินมาจะเรียงกันเป็นร้านอาหารฉบับใสไร้แอลกอฮอล์ ร้านเกมส์ ร้านคาราโอเกะ แบบนี้
พอเข้ามาในร้านบรรยากาศน่ารักกว่าที่คิดภายในเป็นสีโทนเดียวคือสีขาวควันบุหรี่และมีห้องกระจกเรียงกันเป็นห้องๆสำหรับแขกที่มาร้องเพลงมีมุมน่ารักที่แต่งด้วยตุ๊กตาหมีตัวโตและเก้าอี้สีขาวสำหรับถ่ายรูป
"2ชั่วโมงครับ" ไทม์บอกกับพี่พนักงานสาวหน้าเคาร์เตอร์คนหนึ่งอายุราวๆ30ผมขอเรียกแทนว่าพี่สาวละกันที่ตอนนี้กำลังทำสายตาหวานหยดย้อยส่งมา แม่เจ้าถ้าจะขนาดนี้ลากเข้าห้องเถอะผมคิดในใจ
"200บาท" พี่สาวเอ่ย ในขณะที่ไทม์กำลังจะควักตังในกระเป๋าจ่ายพี่สาวก็พูดขึ้นมาอีกประโยค "ไม่จ่ายก็ได้นะ ถ้าไปสนุกกับเจ้"
ไทม์หยุดชะงัก"สนุกยังไง"
เห็นท่าไม่ดี จะสนุกยังไงล่ะพี่แกต้องแอ้มนายแน่ๆไงล่ะ ผมที่ยืนอยู่ด้านหลังเลยเขย่งเท้ากระซิบข้างหูเบาๆ"พี่เขาจะกินนายไง" หล่อซะเปล่าซื่อบื่อจริง
"หึๆ" เขากระตุกยิ้มเบาๆ ส่วนพี่สาวตรงหน้ากำลังมองอยู่ว่าพวกเราทำไรกัน
"ผมถามว่าสนุกยังไง" อ่าวไอ่นี่ไม่ฟังกูเลย แม่งก็ยังถามพี่สาวต่อ
"เดี๋ยวรู้ ตามมาสิ"
.
.
.
.
.
.
"ปูหนีบอิโปะ อิโปะ อิโปะ เจ็บหลาย ปูหนีบอิโปะ อิโปะ อิโปะเกือบตาย มาเอาอิโปะ อิโปะ อิโปะแนอ้าย" มือข้างหนึ่งจับไมค์โครโฟนจ่อปากกว้างที่กำลังเปร่งเสียงร้อง ขาข้างหนึ่งยกวางไว้ที่เก้าอี้ส่วนอีกข้างอยู่บนพื้น หัวโยกสั่นคลอนตามจังหวะเพลง
เจ้แกแหกปากร้องเพลงอยู่ในห้องโดยมีพวกผมเป็นแดนเซอร์เต้นปูหนีบอิโปะอยู่ข้างๆซ้ายขวา
สองแขนยื่นไปข้างหน้าจนสุดชูสองนิ้วคว่ำลงก่อนจะกระเด้งสะโพกไปด้านหน้าดึ๋งๆดั๋งๆ ขยับไปซ้ายทีขวาทีตามสเต็ป
ผมเหลือบหันไปมองไทม์ที่ทำหน้านิ่งแต่ก็ยอมกระเด้งสะโพกตามแล้วแอบขำ นี่ผมก็แอบคิดนะว่าเพื่อของฟรีเราต้องทำถึงขนาดนี้เลยใช่ไหม
"สิขาดใจตายย้อนว่าปูหนีบโปะ โอ โอ้ะ โอ โอ้ะ" สเต็ปแดนซ์เพลงก็ได้จบลง พี่สาวยื่นไมค์มาให้ผมที่ยืนค้างในท่าอ้าขา
"เอาไปไอ่หนู ตานาย" ผมรับไมค์มาอย่างเขินอายนี่ผมต้องร้องจริงๆใช่ไหม มือเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหัวใจเต้นตึกตักๆอย่างตื่นเต้น
"ผะ..ผม ไม่เคยครับ" ผมก้มหน้าลงก่อนจะยื่นไมค์ไปคืนพี่สาว เพราะรู้สึกว่ายากมาก ยากจริงๆถ้าจะให้ร้องต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
"เอาน่า ครั้งแรกก็งี้แหละเป็นนักเรียนต้องหัดปลดปล่อยบ้าง แล้วนี่อะไรปิดแมสทำไม?" เหมือนพี่สาวจะพึ่งสังเกตุเห็นแมสที่ผมปิดอยู่ ผมเลยอ้ำอึ้งไม่รู้จะบอกยังไง
"มันไม่สบาย" เป็นไทม์ที่พูดแทน
"อ๋ออ งี้เองแต่มาเที่ยวแบบนี้ได้เหรอน่าจะพักอยู่บ้านนะ" พี่สาวหันมาถามผมต่อจนผมไปไม่เป็นเลย จะให้บอกได้ยังไงว่าสบายดีสุดๆที่ปิดหน้าเพราะตัวเองขี้เหร่มากน่ะ
"เอ่อ...คือ" ผมอ้ำอึ้ง
"คนไม่สบายเที่ยวไม่ได้รึไงถามไรนักหนา"
"โว้ย!!ไม่ถามก็ได้ว่าแต่พึ่งเคยเห็นไทม์เอาเพื่อนมาด้วยครั้งแรกเลยนะ" เห็นพี่สาวกับไทม์ดูคุยกันอย่างสนิทสนมผมก็นึกแปลกใจ
"ทั้ง2คน....รู้จักกันเหรอครับ" ผมชี้นิ้วไปมาระหว่างพี่สาวกับไทม์เป็นเชิงว่าทำไมถึงดูสนิทกันจัง
"ทำไมจะไม่รู้จักไทม์เป็นลูกค้าประจำมาบ่อยจนสนิท เรียกสาวๆเข้าร้านมาเพียบเลย"
"อ๋ออ งี้นี่เอง"
"มาๆ วันนี้เจ้เลี้ยงเองถือว่าสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าVIP"
พึ่งรู้ว่าไทม์เป็นลูกค้าประจำที่นี่มิน่าละถึงดูไม่ได้เงอะงะอะไรแสดงว่าต้องมาร้องเพลงบ่อยน่ะสิ
"รุ่นพี่ เชิญร้องก่อนเลยครับ" ผมยื่นไมค์ไปถวายต่อหน้าไทม์ พี่นำน้องตามเว้ยช่วยไม่ได้ก็มันครั้งแรก จะอายก็ไม่แปลก
"ปรบมือกดดัน"อยู่ๆเจ้แกก็พูดพรวดขึ้นมาก่อนจะปรบมือรัวๆ อะไรของเจ้สะดุ้งหมด ถึงงั้นผมก็ปรบมือตามไปแบบงงๆ
แปะๆๆๆๆ
ไทม์คีย์ชื่อเพลงที่ตัวเองจะร้องก่อนจะยกมือที่ถือไมค์ขึ้นจ่อปาก
"เสียงนกกรงหัวจุกมันริก จ่อกกวิกๆๆๆๆๆ จ่อก จ่อก กวิก กูลิติแกว็ด...."
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอจนลูกกระเดือกเคลื่อนไหวดึงดูดสายตาให้จับจ้องอย่างละสายตาไม่ได้ สายตาคู่คมที่จดจ้องหน้าจออย่างตั้งใจกับมือที่ถือไมค์เคลื่อนไหวพร้อมกับโยกหัวไปมาตามจังหวะเพลง
ทุกอย่างเงียบกริบหลังไทม์ร้องจบรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอีการ้องกาๆๆผ่านมาเลย
ผมและพี่สาวเลยปรบมือแปะๆแก้เก้อ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะสามารถร้องเพลงได้แข็งทื่อขนาดนี้คิดว่าท่องจำคำศัพท์ของจารย์วรเดชซะอีกจารย์สอนภาษาไทยที่โรงเรียนผมเอง
"อึ้งเลยเหรอ" ไทม์หันมาถามผมกับพี่สาวที่ยังคงตบมือ
"อึ้งสุดๆ คนอะไรร้องห่วยแล้วยังหล่อ" เป็นพี่สาวที่พูดขึ้น
"พูดแบบนี้ คราวหลังผมจะไม่มาอีก"
"แหมม แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นงอล ดูหน้าประตูสิ" ผมและไทม์หันไปที่หน้าประตูตามที่พี่สาวบอกปรากฏว่ามีสาวๆ4-5คนกำลังจ้องเข้ามาตาเป็นมันอยู่
ไทม์มองแล้วก็ดูไม่สนใจก่อนจะยื่นไมค์มาให้ผม
"ฉันร้องแล้วตานาย"
"ฉะ..ฉันร้องไม่เป็น" ผมอำ้อึ้งรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ถือไมค์ ยิ่งสาวๆข้างนอกแอบดูยิ่งตื่นเต้นหนักกว่าเดิมอีก
"อะไรกระจอกเหรอ" หนอยยย ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ นี่มันศึกแห่งศักดิ์ศรี
"อือๆ รู้แล้วๆ" ยื่นมือไปรับไมค์
ผมกำลังหลับตานึกถึงเพลงที่ตัวเองชอบฟังและน่าจะร้องได้ที่สุด.......อ้ออ เพลงนั้นไง
สองมือคีย์แป้นพิมเพื่อเลือกชื่อเพลงที่จะร้องก่อนยกไมค์ขึ้นวอร์มคอเล็กน้อย"อะแฮ่มๆ เทสๆ"
พอดนตรีเริ่มเสียงแรกถูกเปร่งออกจากลำคอภายใต้แมสดำเป็นทำนองเพลงป็อปร็อก ทำให้จังหวะการหายใจค่อนข้างถี่แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นอุปสรรค
"แนะ แหน่ แน แน่ เพลงนี้เป็นเพลงร็อค แน แหน่ แน แน่เพลงนี้ไม่ใช่เพลงรัก แน แหน่ แนแน่ ขี่คอมาวอทเดอะฟาค แน แหน่ แนแน่เบบี้เกิลร้องกระต้าก กระต้าก..."
ขนตางอลยาวที่กระพริบจ้องหน้าจอกับเสียงที่ชวนหลงไหลทำคนฟังเคลิ้มร้องตามโดยไม่รู้ตัว
พี่สาวและไทม์โยกหัวตามจังหวะเพลงที่ผมร้องทั้งยังแหกปากร้องด้วยกันมันจึงเกิดเป็นภาพมิตรภาพดีๆที่ร้าน'หนูจ้ะมาม้ะร้องเกะ'
ผ่านมา2ชั่วโมงเป็นเวลา3ทุ่มครึ่ง เรา2คนนั่งพักบนโซฟาส่วนพี่สาวขอตัวไปทำงานต่อหลังมาแจมได้3เพลง
"โล่งสุดๆไปเลยว่าไหม" ผมหันหน้าไปมองไทม์ในขณะที่ตัวเองกำลังพิงโฟซาอยู่ ไทม์เองก็หันมาจ้องตาผมเช่นกัน
"อืม"
"กลับกันเลยม้ะ" ผมชวนกลับ
"ป่ะ" เขาลุกขึ้น ผมเองก็ลุกตาม
.
.
.
.
บรื้นน บรื้นนนน เอี้ยดด!!
เขามาส่งผมที่บ้าน ก่อนกลับผมเลยขอเบอร์เพื่อติดต่อกลับ
"กลับดีๆนะ พรุ่งนี้เจอกันวันนี้สนุกมาก"
"อืมเจอกันพรุ่งนี้"
"ถึงบ้านแล้วทักบอกด้วย"
"โอเค"
ผมโบกมือลา เขาพยักหน้ารับทราบก่อนเร่งเครื่องหายลับไปในท้องถนนท่ามกลางแสงไฟนวลสลัว
พอก้าวเข้ามาในห้องก็รู้สึกได้ถึงสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา ดีที่เป็นชั่วโมงโฮมรูมช่วงเช้าครูเลยยังไม่เข้าผมรีบกระชับเสื้อคลุมหัวแล้วสาวเท้ายาวๆไปยังโต๊ะเรียนตัวเองก่อนที่กี้และแพรจะเข้ามาทักเป็นคนแรกๆตามด้วยคนอื่นๆจนตอนนี้เริ่มมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลังเต็มโต๊ะไปหมด"กันต์ เมื่อกี้ขอบคุณที่ช่วยเราไว้นะ" อีตอแหล เป็นแจมกับพิงค์ที่คิดในใจแต่แสดงออกมาทางสีหน้า"อะ..อืม ไม่เป็นไร" อะเฮือกก ขนาดเสียงยังไพเราะ กี้คิดแล้วก็ได้แต่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆก่อนจะหันไปหาแพรแล้วหรี่ตามอง"กันต์ งานภาษาไทยที่จะจัดเดือนหน้ากันต์มาช่วยเราได้ไหม" คำพูดของหัวหน้าถือเป็นคำขาด ขอให้ช่วยต้องช่วยวิชาคณิตศาสตร์วันก่อนเธอก็ช่วยสอนให้"โอเค ได้เลย" ผมเลยตอบตกลงไปแบบไม่คิดไร"กันต์ วันนี้ว่างไหมอยากชวนไปเล่นเกมส์ที่ห้อง" เป็นพอร์ชที่ถาม"เห้ย!! วันนี้มึงบอกจะไปเล่นบาสกับกูไม่ใช่" ขัดกูตลอดไอ่สัสกวินน!!! พอร์ชถลึงตาใส่เพื่อน"ได้ข่าวว่านายเล่นบาสเป็นด้วยนี่เย็นนี้มาเล่นกับเราไหม" กวินหันหน้ามาถามผมบ้าง บาสเหรอ ดีเลยไม่ได้เล่นนานแล้ว"ได้จริงๆเหรอ..." ผมตอบอ้อมแอ้มไม่แน่ใจ"ก็ชวนเนี่ย สรุปไปนะ" กวินถามยำ้"โอเค ไปๆ"ผมเลยพ
ทุกคนในห้องกำลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเลยต่างพากันเงียบกริบหมดหากใครตดก็คงได้ยินแกร้ง!! เสียงปากกาของใครบางคนตกพื้นเรียกสติทุกคนให้กลับเข้าที่ป้าปๆๆๆๆ " กี้มึงไม่น่าเลย" แจมเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อนที่กำลังอึ้งรัวๆอย่างตื่นเต้น"ไม่น่าพึ่งทำวันนี้เลย น่าจะทำให้เร็วก็ว่านี้กรี๊ดดด" พิงค์เดินมาสมทบ"มะ...มึง กูว่ากูเจอเนื้อคู่แล้วหวะ" กี้ที่กำลังอ้ำอึ้งเพราะได้สบตากับกันต์ใกล้ๆจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจตรงนั้น 'เพียงสบตาคู่นั้น ฉันก็รู้ทันใด' จู่ๆเนื้อเพลงบุพเพก็แล่นเข้ามาในหัวสมองของเธอซุบซิบๆ เพื่อนๆในห้องต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลยเปลี่ยนหัวข้อประเด็นการสนทนากันยกใหญ่"เราไม่คิดเลยว่ากันต์จะน่ารักขนาดนั้น" แพรหัวหน้าห้องที่ปกติไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้ชายเท่าไหร่มาร่วมวงกับสามสาวด้วย"แพรหยุด คนนี้ฉันจอง"กี้หรี่ตามองแพร พูดขึ้นเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ" แล้วเรามาดูกัน " แพรหรี่ตามองกลับประมาณว่าฉันนี่แหละเจ้าของ'ปฏิบัติการศึกชิงนายเลยเริ่มต้นขึ้น'....ขนตางอลกระเพื่อมพริ้วไหวบนดวงตากลมโตชวนมองได้รินหลั่งหยดน้ำตาลงมากระทบสองข้างแก้มอมชมพู จมูกโด่งได้รูปกับใบหน้าเรียวจิ้มลิ้มที่ไม่ว่าใครเห
ผ่านมา1สัปดาห์ข่าวเรื่องไทม์เยดุก็จางไปกลบด้วยข่าวใหม่แทนการประกวดดาวเดือนประจำปีได้เริ่มขึ้น ทุกห้องต้องส่งตัวแทน1คนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโดยจะนับตามโหลดของคนทั้งโรงเรียนภายในห้องเรียนมีเสียงซุบซิบเกิดขึ้นจาก3สาวตัวจี๊ดที่มาถึงโรงเรียนก่อนใครเพื่อน"มึงว่าช่วงนี้ไทม์กับกันต์สนิทกันแปลกๆว่าม้ะ" แจมพูดขึ้น"ก็ดูสนิท แต่แปลกไงวะ" พิงค์ถามด้วยความสงสัย"โอ้ยยไม่ได้หมายถึงแปลกแบบนั้น มึงคิดดูนะถ้าสนิทแสดงว่าไทม์ต้องได้เห็นหน้าของกันต์แล้วป่าววะ" "เออ แล้วไงต่อ" กี้เอ่ยด้วยความสงสัยในคำพูดเพื่อน"พวกมึงไม่อยากเห็นหรือไงวะ ปีนี้ก็เข้าม.6แล้วป่าว จะ3ปีแล้วกูยังไม่เคยเห็นน่ากันต์เลย" แจมพูดขึ้น"เออจริงของมึง" กี้พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยและคิดในใจว่าเป็นคำพูดที่มีเหตุผล"กูก็อยากเห็นเหมือนกันมันจะเป็นอะไรนักหนาไอวัณโรคที่ว่า ถ้าติดพวกเราก็แม่งติดตั้งแต่ปีแรกแล้วมั้ง" พิงค์เริ่มจุดไฟฉนวนความอยากรู้ขึ้นมาให้ปะทุมากยิ่งขึ้น ทำให้แจมเริ่มฉุกคิดแผนการขึ้นมา"งั้นเอางี้ม่ะ กูจะเนียนๆไปสะดุดล้มแล้วกระชากหน้ากากออก เวิร์คไหมมึงว่า" และนี่คือแผนการของเขา"การละครมึงแย่ ให้อีกี้ทำ" แต่ถูกพิงค์ปฏิเส
หลังเลิกเรียนวันนี้ผมกลับบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเที่ยวกับไทม์ตามที่เราตกลงกันไว้วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ4ปีเลยก็ว่าได้ที่ออกไปเที่ยวแบบเที่ยวจริงๆกับเพื่อนเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยฮู้ดดำกับกางเกงยีนส์ขาเดฟตามด้วยหน้ากากอนามัย พร้อมมมบรื้นน บรื้นน เสียงรถคุ้นหูได้ยินมาแต่ไกลก่อนจะจอด เอี้ยด! ตรงหน้าโหหห สายตาจดจ้องไปยังด้านหน้าในตาผมเปร่งประกายประยิบระยับ ไทม์ มาในชุดเสื้อยืดขาวที่เห็นกล้ามแน่นเปรี๊ยะที่ใครเห็นก็เป็นต้องใจสั่นเสื้อตัวนอกสวมแจ็คเกตหนังดำแขนยาว กางเกงลูกฟูกขายาวสีดำถึงจะไม่เห็นหน้าเพราะใส่หมวกกันน็อคแต่แค่นี้ก็พอทำให้หัวใจสาวๆอ่อนระทวยลงแล้ว"ง้อววว..." หล่อเท่ซะไม่มี อยากตะโกนดังๆว่า 'นี่เพื่อนผมเองคร้าบ'"อะไร?""นายหล่อโครตอ่ะ แบบโครตพ่อโครตแม่""จะไปไหม ขึ้นรถหมวกกันน็อคมีด้านหลัง" แต่เขาก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม 'หนุ่มหล่อผู้เฉยชา' เหมือนเดิมจนผมถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบหมวกกันน็อคด้านหลังนั่งซ้อนท้ายพร้อมกับตะโกนว่า " เลสโก้!! "บรรยากาศในยามค่ำคืนชวนให้รู้สึกดีสองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟเหลืองนวลและตึกสูงตระหง่านตาที่มีรถวิ่งสัญจรไปมาเป็นว่าเล่น สายลมเย็นทำให้ผมเปิดหมวก
เปลือกตานวลค่อยๆปิดลงกับหัวใจที่เต้นระส่ำระสายมือไม้สั่นเทา2เท้ากระดิกรัวอย่างตื่นเต้นจนวัตถุสี่เหลี่ยมขนาด30ซม.ที่หยิบไว้เกือบตกผมหลับตาปี๋ไม่กล้าส่องกระจกถึงจะบอกว่าตาสวยก็เถอะแต่คำว่า หัดดูหนังหน้าตัวเองซะบ้างมันฝังลึกในหัวสมองเมื่อวานผมสัญญากับไทม์ว่าจะใส่คอนแทคเลนส์ไปโรงเรียนแทนแว่นตาเพราะงั้นวันนี้ต้องทำให้ได้ฮึบๆสู้สิวะไอ่กันต์เปลือกตาที่กระเพื่อมสั่นไหวค่อยๆหรี่ขึ้นอย่างลังเลในมือถือกระจกชูขึ้นเตรียมพร้อม 1...2....3พรึ่บ!! ปริบๆ ผมมองตาตัวเองในกระจกอย่างตกตะลึงเห้ยย!!บร๊ะเจ้า นี่มันสุดยอดของศิลปะความงามที่หาได้ยากแต่ก็ต้องใจแป้วทว่าไม่มีความกล้าพอที่จะส่องตัวเองทั้งหน้า หน้ากากอนามัยยังคงถูกสวมดั่งเช่นทุกวันวัตถุกลมใสอยู่บนนิ้วชี้ก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังไปยังดวงตาที่เบิกกว้างจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้าตา"แม่งง ใส่ยากจังวะ" ผมสบถพึมพำคนเดียวขณะแหกตาใส่คอนแทคเลนส์ในห้องนำ้ ด้านหน้าเป็นกระจกซื้อมาใหม่ขนาด30ซม.แขวนไว้ผมพยายามแล้วพยายามอีกอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะได้1ข้างก็เล่นเอาน้ำตาคลอเบ้าจนตาแดงหมด เลยพักอีกข้างไว้เพราะปวดทั้งแขนปวดทั้งตาพอมาดูเวลาอีกทีก็เกือบจะ7โมงเ
วันนี้ผมบอกให้ไทม์มารับเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่โรงเรียนย้อนกลับไปช่วงแรกที่ผมเข้าเรียนผมปิดแมสและสวมแว่นเป็นปกติ วันแรกทุกคนไม่เอะใจอะไรก็เข้าใจว่าผมไม่สบายและชวนผมคุยปกติพอนานวันเข้าหลายคนเริ่มเอะใจว่าทำไมผมไม่ยอมถอดแมสและสำคัญคือไม่ยอมไปกินข้าวด้วย เสียงซุบซิบนินทาต่างๆเริ่มหนาหูมากขึ้นๆว่าผมเป็นไอ่คนมืดมน อมทุกข์ หยิ่งหรือแม้กระทั่งบางคนถึงกับบอกว่าผมอัปลักษณ์ ในห้องเลยแบ่งออกเป็น2ฝ่ายคือเชื่อและไม่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็พยายามจะเข้ามาเพื่อตีซี้แต่ผมเองที่ปิดกลั้นจนสุดท้ายเลยหาข้ออ้างว่าตัวเองเป็นวัณโรค วันต่อมาเสียงซุบซิบนินมาไม่ได้มีแค่ในห้องแต่กระจายไปทั่วโรงเรียน ทุกคนเลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กันต์ม.6ห้อง3 ผมเลยมีฉายาไอ่กันต์วัณโรคตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกแย่ในวันแรกแต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เจอมาถือว่าจิ๊บๆดีเสียอีกที่ไม่มีใครอยากเห็นหน้าตาไม่น่ามองนี้ เผลอๆถ้าถอดแมสออกอาจจะโดนหนักกว่าเดิมเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ผมเลยคิดว่าดีแล้วที่เป็นแบบนั้นเพราะงั้นผมถึงกลัวว่าวันนี้ไทม์จะโดนอะไรที่ เหมือนๆกันแล้วต้องรู้สึกแย่หรือเปล่าบรื้นน บรื้นนน บิ๊กไบค์คันใหญ่ขับซิ่งมาแต่ไกลก่อนจะมาจอดตรงหน้า
![What is a divorce? [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






