Share

3.หัวใจผลิบาน (1)

Penulis: rasita_suin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-23 14:11:29

“องครักษ์หวัง”

องค์หญิงหนิงเซียงปรามองครักษ์ตนเสียงเบา ด้วยนางเองก็นับถือและเคารพอีกฝ่ายที่อายุมากกว่าไม่น้อย

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาใกล้องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

หัวหน้าองครักษ์บอกน้ำเสียงนอบน้อม หากกลับมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ด้วยแววตาเย็นชา ขณะเดียวกันนั้นทหารก็กำลังควบคุมตัวหัวขโมยเอาไว้

“ถุงเงิน”

ชายผู้นั้นชูถุงเงินในมือพลางเอ่ยสั้นๆ สีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ หากก็ทำให้องค์หญิงหนิงเซียงรู้สึกเกรงใจเขาที่องครักษ์แสงความแข็งกร้าวกับอีกฝ่าย

“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ...หลิงเอ๋อร์”

นางขอบคุณอย่างจริงใจแล้วพยักหน้าให้หลิงเอ๋อร์ไปรับถุงเงินจากชายหนุ่ม

“เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้ว กระหม่อมทูลลา”

อีกฝ่ายคำนับแล้วเลี่ยงไป

องค์หญิงหนิงเซียงมองตามร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เหมือนยังมีคำพูดที่ติดค้างอยู่ในใจ แน่นอนนางควรเอ่ยถามชื่อเสียงเรียงนามชายหนุ่ม อย่างน้อยก็ควรส่งของกำนัลตอบแทนน้ำใจ หากชื่อนั้นกลับผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกแม้ได้ยินเพียงครั้งเดียว

‘หลิวซูหยวน’

และนางปล่อยให้เขาเดินจากไปโดยไม่ได้ถามสิ่งใด

การสอบราชการเพิ่งผ่านพ้น บัณฑิตใหม่สามคนมาเฝ้าฮ่องเต้ โดยหนึ่งในนั้นคือหลิวซูหยวนบุตรชายของหลิวซื่อหลางแม่ทัพใหญ่ที่ดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทั้งยังสอบได้อันดับหนึ่ง ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางต่างก็ให้ความสนใจยิ่งนัก

“หลิวซูหยวน ข้าจำได้ เจ้าได้รางวัลภาพเขียนอักษรของข้า เพราะตอบคำถามเกี่ยวกับตำราชุนชิวได้ถูกต้อง ทั้งยังวิเคราะห์ได้น่าสนใจทีเดียว”

ฮ่องเต้ตรัสอย่างจดจำได้ บุตรชายขุนนางทุกคนจะถูกส่งเข้ามาศึกษาวิชาปรัชญารวมถึงศาสตร์การรบที่สำนักศึกษาของพระราชวัง และพระองค์มักรับสั่งให้ทั้งองค์ชายรวมถึงบุตรชายขุนนางเข้าเฝ้าพูดคุยถกปรัชญากับแผนการศึกที่ได้ร่ำเรียนมา แม้กระทั่งแต่งกลอนเพื่อจะได้รู้ว่าองค์ชายแต่ละคนมีความรู้ความสามารถเพียงใด ส่วนเหล่าบุตรชายของขุนนางนั้นเมื่อสอบได้บัณฑิตก็จะได้จัดสรรต่ำแหน่งข้าราชการตามความรู้ความสามารถ

บุตรชายของหลิวซื่อหลางมีความสามารถในด้านปรัชญาความรู้อย่างแตกฉาน แม้จะไม่ได้สนใจทางด้านการศึกสงครามเช่นบิดาหากท่าทีก็ดูองอาจสง่าผ่าเผยไม่น้อย ฝีมือก็นับว่าเป็นเลิศเช่นกัน พระองค์ค่อนข้างชื่นชมหลิวซูหยวนผู้นี้ เห็นว่าสามารถช่วยเหลืองานราชการผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัชทายาทในภายหน้าได้ และอาจได้เป็นราชครูหรือแม้กระทั่งราชเลขาคนสนิทต่อไป

“ได้เห็นเจ้าในวันนี้ ข้าไม่แปลกใจแต่อย่างใด”

“เพราะพระกรุณาธิคุณของฝ่าบาท กระหม่อมจึงมีวันนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“หึๆ ถ่อมตัวเสียจริง”

ฮ่องเต้รับสั่งอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพยักหน้าให้ราชเลขาประกาศราชโองการ

“บัณฑิตใหม่ทั้งสามรับราชโองการ”

จบคำบัณฑิตใหม่ทั้งสามคนก็คุกเข่าลงพร้อมกัน

“ฮ่องเต้มีรับสั่งให้บัณฑิตอันดับหนึ่ง หลิวซูหยวน สังกัดสำนักราชเลขาธิการ บัณฑิตอันสองฉีไฉ่เหวิน สังกัดกรมคลัง และบัณฑิตอันดับสามหวงชุน สังกัดกองทหารรักษาพระองค์”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

ทั้งสามเอ่ยพร้อมเพรียงพลางคำนับ

“ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสามคนจะใช้ความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะบุ๋นหรือบู๊ เพื่อบ้านเมือง เพื่อแคว้นอันของเราอย่างเต็มที่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้รับสั่งจบบัณฑิตทั้งสามต่างก็รับคำอย่างแข็งขัน

งานเทศกาลโคมไฟมาถึง ในพระราชวังประดับประดาอย่างสวยงาม ฮองเต้ทรงอนุญาตให้จัดงานในอุทยานใกล้สระน้ำกว้างขวางเช่นทุกปี และฮ่องเต้กับฮองเฮาก็เสด็จมาร่วมงานชมการร่ายรำและบรรเลงดนตรีจากกองพิธีการ ดื่มกินชมความสวยงามของโคมไฟ บรรดานางกำนัลต่างลอยโคมอธิษฐาน แสงเทียนจากโคมกระทงรูปดอกบัวลอยเต็มสระสวยงาม กลางดึกก็จะมีการพลุดอกไม้ไฟให้ได้ชม

สิ่งเหลานี้องค์หญิงหนิงเซียงได้ชมและลอยโคมทุกปีกับพี่สาว กระทั่งสองปีหลังที่ผู้เป็นพี่อภิเษกออกมาอยู่นอกวังนางกลับไม่อยากลอยโคม งานเทศกาลทว่านางกลับรู้สึกเหงา เมื่อปีนี้ได้รับอนุญาตจากพระบิดากับฮองเฮาจึงดีใจยิ่งนัก

ในเมืองหลวงแคว้นอันมีแม่น้ำไหลผ่าน หลังลอยโคมมู่ฉางเหยียนพาองค์หญิงเจียวมิ่งกับน้องสาวมาล่องเรือชมความงดงามของสองริมฝั่งแม่น้ำที่ประดับโคมไฟห้อยตามจุดต่างๆ รวมถึงชาวเมืองต่างมาลอยโคม ดวงไฟวูบวาบจากเทียนไขสว่างไสวละลานตา ทั้งบรรยากาศก็ครึกครื้นน่าตื่นตาตื่นใจ

“ตรงนั้นมีกายกรรม ท่านอยากขึ้นไปดูหรือไม่”

มู่ฉางเหยียนถามภรรยาของตนน้ำเสียงทุ้ม

“ดีเหมือนกัน เจ้าอยากดูหรือไม่เซียงเอ๋อร์”

องค์หญิงเจียวมิ่งเห็นด้วยแล้วถามน้องสาวที่กำลังนั่งชะเง้อชะแง้มองสองฝั่งริมเรืออย่างสนใจโดยมีหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วงเกรงนายตนจะชะโงกออกนอกเรือมากเกินไปจนพลัดตก

“เพคะพี่หญิง”

ได้ยินเสียงปรบมือและตะโกนส่งเสียงพึงพอใจสนุกสนานองค์หญิงหนิงเซียงก็อยากเห็นบ้าง

“เช่นนั้นก็ไปหยุดเรือที่ท่าด้านหน้าแล้วกัน”

มู่ฉางเหยียนหันไปสั่งกับคนพายเรือ

ไม่นานเรือก็หยุดลง ร่างสูงสง่าของมู่ฉางเหยียนก้าวขึ้นฝั่งมาก่อนจะรอประคองภรรยาตน ส่วนองค์หญิงหนิงเซียงนั้นมีหลิงเอ๋อร์คอยช่วยเหลือ ทั้งหมดเข้าไปยืนรวมกับผู้อื่น มู่ฉางเหยียนโอบภรรยาไม่ให้มีใครเบียดหรือชนอย่างปกป้องเพราะเจ้าตัวคอยมองตามน้องสาวซึ่งพยายามจะแทรกผู้คนเข้าไปด้านใน หากก็ไม่อาจไปยืนด้านหน้าได้

“ระวังหน่อยเซียงเอ๋อร์”

องค์หญิงเจียวมิ่งย้ำอีกฝ่ายก็หันมายิ้มให้แล้วรีบหันกลับไปดูกายกรรม

“องค์หญิงหนิงเซียงมีหลิงเอ๋อร์ติดตามใกล้ชิด ท่านอย่าได้กังวลนักเลย”

ผู้เป็นสามีกระซิบแผ่วเหนือศีรษะ ทว่าเมื่อภรรยาสาวเงยหน้าขึ้นมาทำตาขุ่นใส่ก็ยิ้มบาง

“ก็ท่านเองไม่ใช่หรือที่ตามใจองค์หญิง ไม่ยอมให้มีองครักษ์ติดตาม”

“หากมีผู้ติดตามคงไม่สนุกนัก ข้าเองก็ไม่ชอบเช่นกัน เพราะมีท่านอยู่ด้วยข้าจึงวางใจ แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางชาวเมืองมากมายจะกันไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้เซียงเอ๋อร์นั้นยาก”

“ท่านอย่าได้ห่วงองค์หญิงมากเกินไปเลย เวลานี้ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเป็นใคร รวมทั้งท่านด้วย เราแต่งตัวเช่นชาวบ้านทั่วไป ไม่มีใครทันสังเกต ท่านดูสิ ทุกคนต่างสนใจกายกรรมทั้งสิ้น ท่านเองก็ควรชมอย่างสนุกเช่นองค์หญิงหนิงเซียง”

มู่ฉางเหยียนปลอบภรรยาให้คลายใจ องค์หญิงเจียวมิ่งถอนหายใจหากก็พยักหน้าและหันไปสนใจกายกรรม

การแสดงมีหลากหลายทั้งกายกรรม ใช้ห่วงเป็นอุปกรณ์ หมุนชามด้วยไม้ การต่อสู้มือเปล่า พ่นไฟ รวมถึงใช้อาวุธ เป็นการละเล่นเพื่อความรื่นเริง องค์หญิงหนิงเซียงปรบมืออย่างชื่นชอบในทุกอย่าง แล้วอยู่ๆ คนบางส่วนก็เริ่มเบี่ยงความสนใจไปอีกด้าน นางกับหลิงเอ๋อร์ราวไหลตามกระแสน้ำเพราะฝืนยืนต้านแรงผู้คนไม่ไหว พยายามหันไปมองพี่สาวก็เห็นยืนอยู่ค่อนข้างห่างและกำลังมองกายกรรม ได้ยินเสียงตะโกนและเคาะบางอย่างบางแว่วๆ

“อ้าว เร่เข้ามา เร่เข้ามา อยากฟังนิทานสนุกๆ เร่เข้ามาทางนี้”

“กลับไปหาพี่หญิงกันเถิด”

ด้วยรู้ว่าผู้เป็นพี่ย่อมต้องเป็นห่วงหากไม่เห็นตน องค์หญิงหนิงเซียงจึงพยายามจะเดินกลับ

“เจ้าค่ะ”

หลิงเอ๋อร์พานายตนแทรกผู้คน ขณะที่เจ้าของร่างอรชรก้าวเดินอย่างไม่สะดวกนัก แม้จะพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้บุรุษถูกเนื้อต้องตัวหากก็เลี่ยงยาก และคนส่วนใหญ่ทางด้านนี้ก็เดินสวนเข้าไปเพื่อจะฟังนิทาน

“อุ๊ย”

ร่างอรชรถูกเบียดชนไหล่อย่างแรงจนผงะเซ หลิงเอ๋อร์ก็ตัวเอียงตาม หากก่อนจะล้มลงกลับมีแขนกำยำสอดมารวบเอวรั้งประชิดร่างหนา มือเรียวบางผลักช่วงอกอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณของร่างกาย ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นใบหน้าคมคายที่โดดเด่นและจดจำได้ก็ทำให้องค์หญิงหนิงเซียงถึงกับกะพริบตาถี่

“ท่านไม่เป็นไรนะ”

อีกฝ่ายถามหากก็ยังโอบนางอยู่ สายตาคมเข้มเหลือบมองผู้คนโดยรอบแล้วกลับมาจ้องนางราวต้องการคำตอบ ผู้ถูกถามจึงส่ายหน้า ความแกร่งของกล้ามเนื้อและไอจากผิวกายชายอุ่นซ่านที่รู้สึกได้ทำให้หัวใจขององค์หญิงหนิงเซียงเต้นระรัวขึ้น

=====

มีวาสนาย่อมพานพบ ^^ หลิวซูหยวนมาช่วยองค์หญิงอีกแล้ว 5555

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฤาจันทราเร้นรัก   27.ลิขิตจันทรา (2)

    “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ร่างสูงใหญ่เคลื่อนมาหานางพร้อมกับหลี่เหอจือเยว่ยืนนิ่งเพราะรู้สึกถึงแรงบีบถี่ในท้องของตน มือบางกุมท้องและทรุดกายลง เฟยอวี่ก็รีบช่วยประคอง“ปวดท้องหรือ”นางพยักหน้าให้สามี ก่อนจะพูดเสียงสั่น“ข้าทนไม่ไหวแล้ว”เฟยอวี่ตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็อุ้มภรรยาของตนไปยังดินแดนมนุษย์ หลี่เหอช่วยเนรมิตกระท่อมขึ้นมา“ทำอย่างไรดี หากหลี่เอินอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดี”เขาอดคิดถึงน้องสาวไม่ได้เทพสงครามวางร่างอรชรที่งอตัวแล้วร้องดังขึ้นเรื่อยๆ พายุที่หยุดไปเมื่อครู่เริ่มกระหน่ำลงมาอีกครั้ง ฟ้าแลบฟ้าร้องดังสนั่น จือเยว่ยิ่งดิ้นทุรนทุราย ขณะที่เขาทำได้เพียงจับมือบางและโอบกอดอีกฝ่าย“เฟยอวี่...ช่วยด้วย กรี๊ดดดด!!”จือเยว่กรีดร้องออกมาลั่นทั่วทั้งป่า ก่อนแสงสว่างเรืองรองจะวาบขึ้นแล้วปรากฏร่างเด็กทารกใกล้ร่างบอบบางที่หมดสติเฟยอวี่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก ขณะที่หลี่เหอถึงกับตกตะลึง หากก็รีบเข้ามาอุ้มร่างเล็กที่กำลังแผดเสียงร้องจ้าขึ้นเวลาเดียวกันนั้น ท้องฟ้ามืดมิดสว่างไสวในชั่วพริบตา พายุฝนฟ้าคะนองเลือนหายราวไม่เคยเกิดสภาพอากาศแปรปรวนโหดร้ายก่อนหน้านี้สองหนุ่มสบตา

  • ฤาจันทราเร้นรัก   27.ลิขิตจันทรา (1)

    สองร้อยปีต่อมา...“ให้ลูกไปเถิดนะท่านแม่”“เวลาเช่นนี้สุ่มเสี่ยงเกินกว่าที่ลูกจะไปเสี่ยงอันตราย ท่านย่ารู้ว่าแม่ให้ลูกไปต้องโกรธมากแน่”“ท่านพ่อ”จือเยว่หันไปหาบิดาให้ช่วยเหลือเมื่อมารดาส่ายหน้า ทว่าไท่จื่อจิ่นลี่กลับเหลือบสายตาไปยังภรรยา“ยังไงลูกก็จะไป”ใบหน้างดงามงอง้ำด้วยความขัดอกขัดใจ“เยว่เอ๋อร์ หากในเวลาปกติ พ่อก็คิดว่าเจ้าสมควรไป แต่เวลานี้...”ไท่จื่อสวรรค์ถอนหายยาว“พ่อไม่อนุญาต”จือเยว่มองบิดามารดาอย่างน้อยใจแล้วหันไปยังสามีซึ่งยืนเงียบทั้งยังมีสีหน้าลำบากใจ ริมฝีปากอิ่มสวยก็เม้มขุ่นเคือง“ลูกแข็งแรงดี ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ ก่อนหน้านี้ก็ยังลงไปช่วยเผ่าปีศาจพร้อมกับเฟยอวี่ ครั้งนี้ไยจึงไปไม่ได้”“เวลานั้นลูกไปโดยที่ไม่บอกผู้ใดว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนี้คนรู้ทั่วทั้งสวรรค์ ยิ่งท่านปู่ท่านย่าของลูก ยิ่งไม่ต้องการให้ลูกทำงานราชกิจใด อีกอย่างก็น่าจะจวนเจียนคลอดแล้ว”“ลูกยังไม่รู้สึกว่าจะถึงเวลา”ผู้ที่ตั้งครรภ์ทว่าท้องไม่ได้โตขึ้นแม้แต่น้อยแย้งมารดา“แม่ก็คลอดลูกหลังตั้งครรภ์ไม่นานนัก”ด้วยบุญญาธิการของชนชั้นสูงเผ่าสวรรค์นั้นไม่อาจล่วงรู้ได้ ฤกษ์งามยามดีเหมาะสมเกิดจากญ

  • ฤาจันทราเร้นรัก   26.เติมเต็มความคิดถึง (2)

    “จะไม่ให้ข้าได้พักเลยหรือ”“ท่านอยากพักก็พัก ข้าไม่ได้ห้าม”ใบหน้างดงามยังงอง้ำ ดวงตาคู่หวานซึ้งฉายแววขุ่นเคือง ทว่าเฟยอวี่ไม่รู้สึกเกรงกลัวทั้งยังเอ่ยหน้าตาย“ถึงท่านพัก ข้าก็ทำได้ โอ๊ย!”ชายหนุ่มสะดุ้งเพราะนิ้วเล็กจิกแล้วบิดอกหนาของตน“ตรงนี้มันเจ็บนะ”หญิงสาวสะบัดหน้าหนี เขาจึงจับมือที่ประทุษร้ายตนมาจูบ แล้วพาร่างอรชรลงไปนอนสบายๆ ส่วนตนตะแคงข้างกวาดมองเรือนกายเย้ายวน มีเสื้อรั้งอยู่ส่วนแขนและด้านหลัง หากก็แทบจะเปลือยเปล่า“เพิ่งบอกว่าคิดถึงข้า ตอนนี้มางอนเสียแล้ว”“ถึงข้าจะต้องการท่านมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ท่านเอาแต่ใจกับข้า”“อืม ส่วนท่านเอาแต่ใจกับข้าได้”“เฟยอวี่”จือเยว่เสียงเข้มขึ้น ทั้งยังมองสามีตนด้วยแววตาดุ“โธ่ เมื่อครู่เป็นท่านเองที่ปลุกเร้าข้า ทั้งที่ข้าอุตส่าห์ห้ามใจ เพราะเห็นว่าท่านเพิ่งบาดเจ็บและยังเศร้าเสียใจ”“ท่านโทษข้า”เฟยอวี่ยิ้มเจื่อน รู้แล้วว่าหากไม่ยอมก็คงไม่จบ จึงเปลี่ยนไปเป็นง้อภรรยาแทน“ไม่ได้โทษท่าน ข้าดีใจยิ่งนักที่ท่านต้องการข้าถึงเพียงนี้ ข้าผิดที่เย้าท่านให้ได้อาย อย่าโกรธเคืองข้าเลยนะจือเยว่”ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อนวอนปริบๆ จือเยว่จึงพยักหน้า

  • ฤาจันทราเร้นรัก   26.เติมเต็มความคิดถึง (1)

    เฟยอวี่ไม่ยอมเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว ขยับริมฝีปากได้รูปจูบร้อนแรงกลับไป ขณะยกร่างอรชรให้ขยับขึ้นมาคร่อมตักตน อีกฝ่ายยอมทำตามโดยง่าย มือบางเลื่อนสอดเข้าไปในกลุ่มผมนวดคลึงพลางพัวพันลิ้นเล็กกับลิ้นตนเร่าร้อนจนหายใจลำบาก ทว่าปากนุ่มยังขยับมาเม้มใบหูของเขาต่อทำเอาชายหนุ่มครางครึ้ม“อืม จือเยว่ เวลาร้อยปีทำให้ท่านใจร้อนขึ้นมากนัก”“เพราะข้าคิดถึงอ้อมกอดของท่าน ช่วงเวลาแห่งความสุขแสนสั้นเกินไป”ชายหนุ่มต้องกัดริมฝีปากตนเพราะเจ้าตัวตอบเบาชิดหูทั้งยังกัดติ่งหูเขาหยอกเย้า“ท่านยั่วเย้าเก่งเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงลืมเลือนสัมผัสจากข้าไปเสียแล้ว”“ข้าเพียงทำตามเสียงเรียกร้องแห่งปรารถนา”บอกแล้วนางก็ไล่เม้มลำคอแกร่ง มือกระชากเสื้อคลุมอีกฝ่ายออกด้วยเวทของตน ก่อนจะไต่สองมือบางไปตามบ่าหนากับแขนกำยำ ทั้งยังจิกปลายนิ้วครูดไปตามแผ่นหลังกว้างเร้าอารมณ์หนุ่มพร้อมแนบหน้าอกตนชิดอกแกร่งเปลือยเปล่า ขยับบดเบียดเชิญชวนมือหนาเลื่อนมาวางแนบเอวบางค่อยๆ ปลดชุดสวยอย่างไม่เร่งร้อนผิดกับอีกฝ่าย ตั้งใจปลดเปลื้องเรือนกายอ้อนแอ้นให้เผยอย่างช้าๆ เพียงด้านหน้า ดูเย้ายวนกระตุ้นเลือดหนุ่มฉกรรจ์ให้ทะยานอยากมากยิ่งขึ้นชายห

  • ฤาจันทราเร้นรัก   25.จือเยว่แม่ทัพสวรรค์ (2)

    “หากไม่คิดบัญชีกับเจ้า ข้าก็ไม่อาจตายตาหลับ ฆ่ามัน!”นางสั่งเสียงเข้ม ฝูงจิ้งจอกก็กระโดดจู่โจม จือเยว่เหินลอยตัวสูงพร้อมหลี่เหอหลี่เอิน และฟาดพันพลังใส่จิ้งจอกที่ถูกวิชามารควบคุม แต่ละตัวตาแดงก่ำน่ากลัวจิ้งจอกกระเด็นไปไกลแต่ก็ผุดยืนขึ้นรวดเร็วราวไม่บาดเจ็บ คงกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกแล้ว ทั้งยังกระโดดได้สูงผิดจิ้งจอกทั่วไปและมีไอดำรอบกายซูเจินเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย นางพุ่งเข้ามาพร้อมสะบัดแขนส่งพลังทำลายล้างสีดำทะมึนเข้ามาใส่ จือเยว่หันไปตั้งรับขณะหลี่เหอหลี่เอินพะวงกับฝูงจิ้งจอก แม้นางจะสกัดพลังทมิฬนั้นได้และผลักดันกลับไปจนอีกฝ่ายผงะ ทว่ากลับมีจิ้งจอกตัวหนึ่งพุ่งมาใส่ หญิงสาวถอยหนีอย่างกะทันไปจนถึงหน้าผา เป็นเวลาเดียวกับที่ซูเจินตั้งตัวได้ซัดพลังตามมา ร่างอรชรถูกกระแทกจากไอดำหงายหลังลงหน้าผาโดยมีจิ้งจอกตัวนั้นตามมาเพื่อขย้ำจือเยว่ลอยลิ่ว กำหนดจิตได้ยากเพราะบาดเจ็บ แล้วอยู่ๆ กลับมีลูกไฟพุ่งลงมายังตัวจิ้งจอกจนถูกเผาไปต่อหน้า รวมทั้งซูเจินกับจิ้งจอกตัวอื่นก็ถูกลูกไฟตามๆ กันขณะได้ยินเสียงซูเจินกรีดร้องหญิงสาวรู้สึกได้ว่าร่างสูงใหญ่โผวูบเข้ามารองรับร่างตนและพาลอยสูงขึ้น ผู้ที่บาดเจ็บเหลือบมอง แ

  • ฤาจันทราเร้นรัก   25.จือเยว่แม่ทัพสวรรค์ (1)

    เวลาล่วงเลยมาร้อยปี จากขุนพลสวรรค์จือเยว่สามารถขึ้นเป็นแม่ทัพสวรรค์ได้แล้ว นางเป็นผู้ดูแลราชกิจทั่วทั้งหกพิภพแทนไท่จื่อจิ่นลี่เต็มตัว แม้ผู้นำทัพสวรรค์ยังเป็นไท่จื่อ รวมถึงหน้าที่รับผิดชอบของเทพสงครามจือเยว่ก็เป็นผู้จัดการโดยปราศจากการแต่งตั้งเทพสงครามคนใหม่ หญิงสาวคิดว่าองค์จักรพรรดิสวรรค์ยังไม่เห็นว่าผู้ใดมีความสามารถเพียงพอ และตัวนางเองยังต้องได้รับความไว้วางใจจากขุนนางสวรรค์กับหกพิภพถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ตำแน่งใดไม่สำคัญ นางอยากทำหน้าที่ของตนกับเฟยอวี่ให้ดีที่สุด ให้เหมือนกับเทพสงครามยังคงอยู่“ชายแดนเผ่าจิ้งจอกติดกับดินแดนมนุษย์มีอสูรร้ายอาละวาดกินผู้คนเป็นอาหาร ท่านแม่ทัพจะไปจัดการด้วยตนเองหรือให้ข้าไปแทนขอรับ”หลี่เหอถามขณะหารือในเรื่องฎีกาที่ส่งมา บางส่วนสามารถจัดการได้โดยไม่ต้องทูลฮ่องเต้สวรรค์ก่อน แม่ทัพจือเยว่จะเป็นผู้ตัดสินใจหรือไม่ก็ปรึกษาไท่จื่อ ด้วยเวลานี้องค์จักรพรรดิวางมือในหลายส่วนแล้วจือเยว่นิ่งงันไป ชายแดนเผ่าจิ้งจอกกับดินแดนมนุษย์ก็หมายถึงเขตรอยเชื่อมต่อที่เคยไปครั้งก่อน ครั้งที่ทำให้นางสูญเสียที่สุดในชีวิต นางไม่ควรไปหากไม่ต้องการเจ็บปวด ทว่าก็คิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status