LOGINหน้าห้องฉุกเฉิน อัญญายกมือไหว้สวดมนต์ มองไปอีกห้องหนึ่งที่ข้าวปั้นกำลังถูกเช็ดตัวเพื่อลดความร้อนในตัว เสียงเด็กน้อยร้องดังมากเท่าไรเธอก็ยิ่งเสียสติ
กวินมองเห็นมือที่สั่นเทาก็เข้าไปนั่งใกล้แล้วจับมือไว้แน่นเพื่อปลอบ หญิงสาวไม่พูดอะไร แทบจะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำเพราะกำลังมองไปทางประตูห้องฉุกเฉิน
เมื่อเห็นว่ายังไม่ออกมาก็ลุกขึ้นไปห้องปฐมพยาบาลอีกห้องหนึ่ง ทันทีที่เด็กน้อยเห็นผู้เป็นแม่ก็กอดแน่น “ปั้นเจ็บ”
“ลูกตัวร้อนมาก หากไม่รีบทำให้ไข้ลดจะเป็นเหมือนน้องอีก”
“หอมอยู่ไหน” ข้าวปั้นถาม นั่นยิ่งทำให้คนเป็นแม่สะอึกจนพูดไม่ออก ทุกอย่างตันที่ลำคอไม่รู้จะอธิบายยังไง ภาวนาให้ลูกสาวเธอไม่เป็นอะไรมากก็พอ
“เดี๋ยวน้องก็ออกมาแล้วลูก”
“ทางนี้ป้อนยาลดไข้ให้แล้วนะคะ รอพบคุณหมอสักครู่ค่ะ”
พยาบาลเชิญเธอออกจากห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อไปรอด้านนอกเธอก็ตรงไปยังห้องฉุกเฉิน เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็กังวลว่าหมอทางนี้จะเรียกอีก
“พี่ไปรอที่หน้าห้องฉุกเฉินเถอะ เดี๋ยวถ้าหมอเรียกชื่อผมจะไปตาม” กวินรู้ใจรีบบอกโดยที่เธอไม่ต้องขอร้อง อัญญาหันไปสบตา หากแต่ไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรออกไป ตอนนี้เธอร้อนใจเสียยิ่งกว่าอะไร หัวใจเหมือนจะขาดเสียให้ได้
ช่วงเวลาแห่งความทรมานผ่านไปไม่นานประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมา อัญญาอุ้มลูกชายเดินไปรอหน้าห้อง เมื่อหมอเห็นคนเป็นแม่ก็รีบพูด
“เด็กปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่มีอาการไม่นาน เลยทำให้ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ตอนนี้เหลือแค่รอไข้ลด และเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก ผมจะให้เด็กอยู่ในห้องฉุกเฉินก่อนนะครับ” คุณหมอมองเด็กน้อยอีกคน “คุณแม่จะจองห้องฉุกเฉินอีกห้องไหมครับ ไว้นอนรออีกคนหายดีค่อยออกไปห้องพิเศษด้านนอก”
“ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ”
การเฝ้าเด็กสองคนในเวลาเดียวกันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลยสักนิด
เสียงมือถือดังขึ้นทำให้เธอหันไปรับสายเพราะจำได้ว่าเป็นใคร เมื่อกดรับ ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดรำคาญใจ
“โทรมาทำไมดึก ๆ”
อัญญามีหลายคำพูดในใจที่อยากบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เธอกลับเลือกคำสั้นเหมือนเป็นประโยคบอกเล่า
“ลูก ๆ ไม่สบาย”
“ไม่สบายก็ไปหาหมอก็จบแล้ว จะ โทร.มาทำไม พรุ่งนี้ผมต้องไปร่วมสัมมนาแต่เช้าอีก”
ปลายสายตัดไปแล้ว แต่เธอกลับยังไม่กดวาง แต่รอให้มันตัดสัญญาณไปเอง ใจสั่นเมื่อคิดว่าเธอกำลังเหมือนอยู่ตัวคนเดียว พอมีปัญหาก็ไม่สามารถหาใครช่วยเหลือได้สักคน
“พี่ครับ คุณหมอเรียกแล้ว” เสียงด้านหลังเรียกเธอที่กำลังอยู่ในโลกหม่นเพียงลำพัง เมื่อเธอหันมองเขากลับรู้สึกถึงความอบอุ่นรอบกายของเขา
“พี่อุ้มไหวไหม มา ผมอุ้มให้” กวินเข้ามารับข้าวปั้นไปอุ้ม แต่เด็กน้อยไม่อยากไป ยังเกาะคอเธอไว้แน่น
“ไม่เป็นไร ลูกพี่ไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้า”
เธอเดินนำไปก่อนเหลือเพียงชายหนุ่ม เขาเลยหันมายิ้มให้เด็กน้อยเพื่อสานสัมพันธ์ให้ดีกว่าเดิม แต่เด็กน้อยกลับหน้าบึ้งใส่เขาอย่างไม่สนใจ เขาจึงยิ้มปลอบกับตัวเองว่าค่อยเป็นค่อยไป เพราะได้ห้องนอนฉุกเฉินเพียงแค่กำแพงกั้น แต่เพราะคนเฝ้ามีคนเดียว สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องขอร้องให้กวินช่วยอยู่เป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง
โชคดีที่อาการของข้าวหอมตอบสนองต่อยา จึงหายป่วยเร็วกว่าที่คิด นอนเพียงแค่คืนเดียวก็ย้ายเข้าห้องปกติได้ มาตอนนี้อัญญามองสองเตียงที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งเริ่มซึมลง ส่วนอีกคนที่อาการหนักเริ่มดีขึ้น มักจะเป็นแบบนี้เสมอสำหรับลูกแฝด
“พี่จะเอาอะไรเพิ่มไหม ผมจะได้ไปซื้อมาให้ก่อนไปทำงาน”
เธอลืมเรื่องทำงานไปสนิท มองนาฬิกาก็บ่ายสองแล้ว เขาเป็นพนักงานต้องตอกบัตรทำงานก่อนบ่ายสาม “นายไปเถอะ ขาดเหลืออะไรฉันให้ป้านิลเอามาให้แล้ว”
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้เขามีสิ่งหนึ่งอยากจะพูด สุดท้ายก็ทนไม่ไหวถามออกไปจนได้ “สามีพี่ไปไหน”
“เขาไปทำงาน”
“ทำงานแล้วไม่มีเวลา โทร.หาลูกเลยเหรอ ทั้ง ๆ ที่ลูกป่วยอยู่”
ยิ่งถามก็ยิ่งตอกย้ำความเสียใจของหญิงสาว “ไม่ใช่เรื่องของนายที่จะมายุ่ง”
“นี่เหรอครับผู้ชายที่พี่เลือกเป็นสามี”
อัญญาหันมองคนพูด “นายไม่รู้เรื่องอะไรก็อย่ามาตัดสินคนอื่นแบบนี้”
พอเธอขึ้นเสียงชายหนุ่มก็ลดเสียงลงเพื่อให้เธออารมณ์เย็นลง “ผมไปทำงานก่อน”
การกระทำของเขาทำให้เธอลดความโมโหลงได้เร็ว จากที่คิดจะระเบิดความเครียดที่ผ่านมาหลายปีออกไป สามีเธอไม่เคยใส่ใจเรื่องเล็กพวกนี้ก็จริง แต่มีบางอย่างที่คนอย่างเขาไม่มี
อัญญาหยุดความคิดในอดีตไว้ ก่อนหันมาสนใจดูแลลูกทั้งสองคนต่อ จนกระทั่งผ่านไปตอนเย็น คนที่คิดว่าจะกลับมาพรุ่งนี้กลับโผล่หน้ามาให้พร้อมกับป้านิล
“พอดีป้าจะเอาเสื้อผ้ามาให้น่ะค่ะ แล้วคุณภพกลับมาพอดี” ป้านิลวางกระเป๋าเสื้อผ้าที่อัญญาสั่งบนเก้าอี้แล้วขอตัวกลับ ปล่อยให้สองผัวเมียคุยกันเอง
ทุกอย่างยังมีแต่ความเงียบ ความน้อยเนื้อต่ำใจบางอย่างเป็นก้อนจุกอยู่ที่คอเลยทำให้หญิงสาวเลือกจะไม่เอ่ยออกไป
“กวินพอก่อน พวกเราเหลือเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น” “สิบนาทีก็พอแล้ว ขอผมนะครับ ผมคิดถึงพี่เหลือเกิน”หลังจากแยกกันครั้งก่อน นี่ก็สองอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้มีอะไรกัน ตอนนี้เขาแทบบ้าไปแล้ว หากไม่ได้ทำตอนนี้เกรงว่าเขาจะลักพาตัวเธอไปตอนนี้เลย หญิงสาวมองคนดื้อตรงหน้า ยิ่งพูดก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เธอเลยพยักหน้าปล่อยให้เขาทำตามใจ นิ้วหยาบจัดการถกกระโปรงขึ้นจนถึงสะโพกอวบอิ่ม เขาปลดกระดุมกางเกงยีนแล้วรูดซิปถกกางเกงชั้นในออก เผยให้ท่อนเอ็นร้อนที่ตุงออกมา ไม่นานมันก็ถูกสอดเข้าไปในร่างกายของหญิงสาว เขาขยับโยกเอวเร็ว และแรงกว่าทุกครั้ง ส่วนเธอก็พยายามปิดปากไม่ส่งเสียงออกไป “เร็ว ๆ” เธอมองนาฬิกาที่เหลืออีกห้านาที ไม่นานก็มีพนักงานมาเคาะประตูเพื่อบอกให้เตรียมตัว “ผมใกล้เสร็จแล้ว พี่ใกล้เสร็จหรือยัง” เธอไม่ได้เตรียมใจจะมาทำอะไรกันที่แปลกตาแบบนี้ ในกายจึงรู้สึกเจ็บเพราะแรงเสียดสีจากร่องรักที่แห้งผาก แต่ก็เขาก็ไม่สนใจเปิดปากแล้วถุยน้ำลายลงไปให้สามารถขับเคลื่อนได้แทนน้ำหล่อลื่น จนกระทั่งตอนใกล้เสร็จ อ
ธนาธรมองข้อความในมือถือ หลังจากที่อัญญาส่งข้อความมาวันนั้นก็ไม่ได้ส่งอะไรมาอีกเลย เช่นเดียวกับเขาที่แม้จะรอข้อความ แต่ก็ไม่กล้าทักไปก่อน เนิ่นนานเท่าไรแล้วที่ความรู้สึกประหม่าเช่นนี้ไม่เคยมีกับใคร มือหนาเคาะหัวเข่าเป็นจังหวะ ระหว่างนั่งอยู่ในรถเพื่อไปยังสตูดิโอของรายการที่จะร่วมในวันนี้ “ยัยหนูเล็กไปถึงหรือยัง” “คุณพรรณวิลัยส่งข้อความมาว่าถึงแล้วครับ” เลขาหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้ารีบรายงานในขณะที่มองนาฬิกา ก็เห็นว่าจวนใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายแล้ว วันนี้รถติดมาก คนในรถก็รู้สึกร้อนใจเช่นกัน “แล้ว” “ผมสอบถามทางรายการแล้วครับ คุณอัญญากับผู้ติดตามยังไม่มาครับ” คนที่รู้ใจเกินไปแล้วรายงานทั้งที่เขายังไม่ทันจะถามจบประโยคด้วยซ้ำ ส่วนเขาก็บ้าไปแล้วที่ไปสนใจผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้ว สงสัยจะทำงานหนักเกินไปจริง ๆ ชายหนุ่มหลับตาเพื่อไล่ความรู้สึกที่ผิดออกไปจากหัว แต่พอหลับตากลับมองเห็นหน้าเธอแทน “บ้าฉิบ” “มีอะไรหรือครับเจ้านาย” “ไม่มี” เขาลืมตาอีกครั้ง อาการพวกนี้เขาเป็นมาหลายวันแล้ว ใช่ว่าเขาไม่เ
“หลังจากนี้คุณยังมีเรื่องต้องใช้เงินอีกเยอะ ป้ารับเท่าที่ควรได้ก็พอแล้ว แต่ป้าขอเตือนในฐานะที่อายุมากกว่า สิ่งใดควรยอมก็ยอมเถอะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้ทุกอย่างแย่ลง จนทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี” อารมณ์ของคุณหมอตรีภพไม่ธรรมดา ที่ผ่านมาบ้านหลังนี้เปลี่ยนพี่เลี้ยงไปนับไม่ถ้วน จนกระทั่งมาเจอเธอถึงอยู่ได้ยาวมาเป็นปี ป้านิลมองกล้องวงจรปิดที่หลบมุมอยู่ก็เบาใจลง “ถ้าอย่างนั้นป้าขอให้คุณโชคดีนะคะ”อัญญาขอบคุณป้านิลที่ช่วยเธอมาตลอดหนึ่งปีนี้ มิตรภาพของพวกเธอไม่ใช่เพียงแค่เจ้านายลูกน้อง แต่หมายถึงญาติคนหนึ่ง เธอกอดป้านิลเป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้จะมีโอกาสได้พูดคุยกันอีกไหม ป้านิลกลับไปได้ไม่นานตรีภพก็กลับมาพอดี ชายหนุ่มเดินเข้ามาก็กวาดสายตามองโดยรอบ ของที่ควรวางที่เดิมก็ยังวางเหมือนเดิม ในครัวเก็บกวาดอย่างดี ของเล่นที่เด็ก ๆ เล่นก็เก็บเรียบร้อยดีเพราะเตรียมขึ้นชั้นสองเพื่อพาเข้านอนตรงเวลา เขามองไปทางกล้องวงจรปิดอีกรอบก็เห็นว่ามันถูกขยับ เขาขยับแว่นตาแล้วเดินไปปรับกล้องให้กลับมาตรงจุดเดิม ไม่วายที่จะบ่น “คุ
หญิงสาวปัดเรื่องที่รู้ออกไป แล้วหันไปตั้งใจทำงานต่อ คิดเพียงว่าถ้าเรื่องนี้เป็นความลับต่อไป อย่างไรก็ไม่มีผลต่อร้านอาหารแน่ แต่เมื่อใดที่ความลับถูกเปิดเผย ถึงตอนนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ เมื่อทำงานเสร็จเธอก็เดินไปเคาะบอกเจ้านาย และไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญ “จริงสิคะ อาทิตย์หน้ามีรายการอาหารติดต่อมาให้คุณยาไปสาธิตการทำงานที่สตูดิโอพร้อมกับเชฟอีกหนึ่งคน มีการสัมภาษณ์ประวัติส่วนตัวด้วยค่ะ ไม่แน่ใจคุณยาจะตอบรับไหม” พลอยใสคิดว่าคุณอัญญาจะต้องปฏิเสธแน่ “ตอบรับได้เลย ส่วนเชฟที่จะไปก็ให้นายกวินไปแล้วกัน” พลอยใสค่อนข้างตกใจกับคำตอบ แต่ในเมื่อเจ้านายบอกแบบนั้นเธอก็แค่ทำตาม เธอไม่คาดเดาความคิดเจ้านายได้เลย “อาทิตย์หน้ามีนัดสัมภาษณ์รายการทีวีครับ ให้ผมตอบตกลงเลยไหมครับ เมื่อหลายวันก่อนเจ้านายบอกว่าขอคิดดูก่อน” คนที่กำลังตรวจงานขมวดคิ้ว “รายการอะไร” เลขาหนุ่มอธิบายถึงรายการทีวีแบบกึ่งเกมโชว์ มีการนัดผู้บริหาร เจ้าของร้าน หรืออินฟลูฯ ชื่อดังมาออกรายการเพื่อเล่นเกม และโชว์ความสามารถ ธนาธรเงยหน้ามองแล้วขมวดคิ้วมากกว่าเดิม “นายจะให
“ผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้กินฝีมือคุณอัญญา” “ยาค่ะ เรียกยาเฉย ๆ ก็ได้” ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งจึงแนะนำตัวก่อน “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกผมว่านุแล้วกัน พวกเราจะได้เสมอกัน” น่าแปลกที่เธอดึงดูดจนทำให้คนที่ถือตัวเช่นเขาอยากรู้จักด้วย อัญญาไม่ได้ทำตัวสนิทสนมเมื่อเขาเปิดใจให้อย่างที่เคยคาดเอาไว้ หญิงสาวขอตัวออกไปด้านนอกเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวเขากับคู่ค้าในการเจรจาธุรกิจ หญิงสาวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ จนกระทั่งเขาเสร็จธุระ แทนที่หนุ่มใหญ่จะกลับ เขากลับเชิญเธอเข้าไปหาอีกรอบ “พี่ยา คุณธนาธรเชิญพี่เข้าไปดื่มด้วยกันน่ะค่ะ” พลอยใส ผู้จัดการที่คอยรับหน้าแทนมีสีหน้าลำบากใจ ด้วยรู้ว่าที่ผ่านมาเจ้านายไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เพราะเป็นคนโลกส่วนตัวสูง “พี่ไม่ว่าง ฝากบอกเขาว่าขอโทษแล้วกันนะ” อัญญาไม่คิดจะกลับเข้าไปอยู่แล้ว เธอเลือกจะกลับเข้าไปในห้องทำงานแทน ส่วนหน้าที่ปฏิเสธก็คงไม่พ้นคนมาบอก เมื่อพลอยใสกลับไปบอกธนาธร เขาได้ยินก็มีสีหน้าแปลกใจ ที่ผ่านมาผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาตลอด ใช้ทุกวิธีเพื่อได้ใกล้ชิดเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดใจก่อน แม้หญิงสาวทำเหมือนว่าเขาสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำเหมือนว่าทำเพราะต้
ธนาธรเข้าบริษัทใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เพื่อจัดการเรื่องเอกสารในเครือแสงฤดี คนภายนอกมองว่าเขาเป็นน้องชายของท่านประธานย่อมอาศัยบารมีในการสร้างเงิน แต่ใครจะคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนงานทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้จะเป็นเขา ชายหนุ่มวางเอกสารแฟ้มสุดท้ายลง แล้วปิดฝาปากกาเสียบไว้ที่กระเป๋าอย่างคุ้นชิน ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเปิดออกพบว่าเป็นเลขาของเขา “เมื่อครู่พนักงานต้อนรับด้านล่างส่งขึ้นมาให้ครับ” เลขาหนุ่มวางกล่องของขวัญบนโต๊ะเจ้านาย ในใจก็คิดว่าเจ้านายคงจะมีสาว ๆ มาติดพันเพิ่มเป็นแน่ คนไม่สนใจผู้หญิงมานานเพราะเริ่มหมดศรัทธาความรักหยิบกล่องของขวัญเปิดออก ก็พบว่าด้านในเป็นเสื้อสูทของเขาเอง “แล้วคนล่ะ” “พนักงานแจ้งว่าเธอเอามาให้แล้วก็ไปเลยครับ ไม่ได้อยู่รอ” แค่นี้จริง ๆ เหรอ ชายหนุ่มหยิบเสื้อออกมาก็เห็นว่ามีของอยู่ด้านในอีก เมื่อเปิดออกก็พบว่าเป็นกล่องซาชิมิ มีการ์ดเล็ก ๆ เขียนอยู่“ถือว่าเป็นคำขอโทษค่ะ” เขาหยิบตะเกียบมาคีบอาหารกินทีละคำ ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบกินเนื้อไม่สุกเท่าไร แต่ว







