แชร์

บทที่ 5 จากลา

ผู้เขียน: ซูเมิ่ง 淑梦
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-03 10:31:16

สองปีแล้วที่เหมยหลิงแต่งเข้าจวนชินอ๋องแห่งแคว้นเว่ย ลี่อินกลับได้รับข่าวที่ส่งกลับมาน้อยมาก จดหมายฉบับล่าสุดคือเมื่อหนึ่งปีก่อน

เหมยหลิงแจ้งข่าวว่าตนได้คลอดองค์หญิงตัวน้อย มีนามว่าอี้หนิง ข่าวนั่นทำให้ฮองเฮาดีพระทัยไม่น้อย ของรับขวัญหลานถูกส่งไปยังแคว้นเว่ย มากมาย หากแต่นับจากนั้นข่าวคราวเริ่มเงียบหายทำให้ลี่อินกังวลใจไม่น้อย

                    “ทูลองค์หญิง ฝ่าบาทเรียกหาที่ตำหนักฮองเฮาเพคะ” อี้เฉานางกำนัลข้างกายแจ้งกับผู้เป็นนาย

          ลี่อินที่กำลังปักเย็บชุดเด็ก หวังส่งเป็นของขวัญให้อี้หนิงดังที่เคยส่งไปทุกปีวางชุดลงอย่างเหนื่อยล้า

                    “พอรู้หรือไม่ว่าเรื่องใด” ลี่อินกล่าวพลางมุ่งหน้าไปตำหนัก

หนิงอัน

                    “บ่าวคิดว่าน่าจะเรื่องคุณชายหลายตระกูลส่งจดหมายสู่ขอเพคะ” อี้เฉากล่าวอย่างยิ้มแย้ม

          ลี่อินบัดนี้สมควรแก่การออกเรือนแล้ว หญิงสาวผู้มีรูปโฉมงามกว่าสตรีใด ๆ ในแคว้นฉี เป็นที่หมายตาของตระกูลใหญ่ทั่วเมืองหลวง ด้วยเป็นองค์หญิงที่กำเนิดจากฮองเฮา แลเป็นหลานรักของตระกูลหลานผู้มีท่านตาเป็นถึงมหาราชครูของแคว้น

                    “ข้าหวังว่าเจ้าจะเดาผิด” ลี่อินชอบอิสระ แต่นางรู้ดีว่าเป็นสตรีในราชวงศ์หน้าที่แต่งงานเพื่ออำนาจนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ภายในตำหนักหนิงอันฮองเฮาและฮ่องเต้ต่างนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่จะสนทนา มีเพียงการเคลื่อนไหวระหว่างดื่มชาเท่านั้นที่พอทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพวาด

                    “ถวายพระพรเสด็จพ่อ สถายพระพรเสด็จแม่” ลี่อินยอบกายถวายพระพร

          ฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์หญิงสามที่บัดนี้งามสะพรั่ง เขามิอาจปฏิเสธรูปโฉมที่งามพร้อมของพระธิดาองค์นี้ หากแต่นั่นก็ทำให้ฮ่องเต้หวนระลึกถึงเสวี่ยหนิงเช่นกัน

                    “มีจดหมายจากหลายจวนส่งมาสู่ขอเจ้ากับข้า รายชื่อคุณชายเหล่านี้ข้าคัดเลือกแล้ว เจ้ากับฮองเฮาก็เลือกมาสักคนเถิด” ฮ่องเต้ตรัสพลางวางรายชื่อและภาพวาดของคุณชายสิบคนบนโต๊ะชา

          ลี่อินได้แต่ถอนหายใจ ถึงคราวที่นางต้องทำหน้าที่สตรีในราชวงศ์แล้ว

                    “เหตุใดถึงมีแต่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง” ลี่อินสงสัย

                    “แม่ขอฝ่าบาทเอง อยากให้มีลูกสาวอยู่ใกล้ ๆ” ฮองเฮาที่ต้องส่งพระธิดาองค์โตไปอยู่ไกลถึงแคว้นเว่ยก็เศร้าเกินทนแล้ว นางไม่อยากให้ลูกคนใดต้องอยู่ห่างกายอีก

                    “ทุกคนล้วนมีบิดาเป็นขุนนางคนสำคัญ” ฮ่องเต้กล่าวเสริม

                    “เพื่อสนับสนุนราชวงศ์ใช่หรือไม่เพคะ”

                    “ใช่” คำตอบของพระราชบิดาไม่ได้ทำให้นางแปลกใจ

          การคัดเลือกราชบุตรเขยยังไม่แล้วเสร็จ ฮั่วกงกงกลับวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาภายในตำหนักโดยลืมมารยาทสิ้น

                    “ฮ่องเต้ ฮองเฮา เกิดเรื่องแล้ว! เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

          ท่าทางและคำพูดของฮั่วกงกงทำให้ผู้เป็นนายทั้งสอง รวมทั้งลี่อินมีสีหน้ากังวลในทันที เพราะฮั่วกงกงรักษามารยาทเสียยิ่งกว่าผู้ใดในราชวังหากขันทีเฒ่าแตกตื่นเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่

                    “ม้าเร็วจากแคว้นเว่ยมาแจ้งข่าวจวนอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

          เมื่อได้ยินคำว่าจวนอ๋องฮองเฮาแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ ลี่อินรีบเข้าประคองพระมารดาไว้

                    “รีบพูด!” ฮ่องเต้บัดนี้ทรงกังวลพระทัยไม่น้อย ในจวนอ๋องมีพระธิดาของพระองค์ถึงสองคน

                    “องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่สิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮั่วกงกงทูลด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้ม

          สิ้นเสียงกราบทูลฮองเฮาก็สิ้นสติในทันที ลี่อินที่ประคองสติได้ไม่มั่นคงต้องเรียกสติพระมารดา พร้อมทั้งสะอื้นไห้

                    “เสด็จแม่! เสด็จแม่เพคะ!” หากแต่สตรีที่นางประคองอยู่กลับไม่ตอบรับนางแต่อย่างใด

          ฮ่องเต้ทรงพระองค์ไม่อยู่อีกต่อไป ร่างกายเซล้มลงบนโต๊ะกาน้ำชาร่วงหล่นแตกทั่วพื้นห้อง ฮั่วกงกงรีบเข้าประคอง พลางเรียกหมอหลวงตรวจพระวรกายทั้งสองพระองค์

          ผ่านไปหลายชั่วยามฮ่องเต้หย่งเฮ่าเริ่มตั้งสติได้ ตรัสถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทหารที่มาแจ้งข่าว โดยรัชทายาทที่รู้ข่าวยืนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย

                    “มันเกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดลูกข้าถึงตายได้”

น้ำเสียงของฮ่องเต้ยังคงสั่นเครือเมื่อนึกถึงธิดาองค์โต เขายังจำได้ว่าดีใจมากเพียงใดเมื่อใบหน้าน้อย ๆ ของนางอยู่ในอ้อมกอดในวันแรกที่นางเกิด

          “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเสวี่ยหนิงพลัดตกน้ำพร้อมกัน นางกำนัลว่ายน้ำไม่เป็นรีบแจ้งชินอ๋อง แต่กว่าท่านอ๋องจะไปถึงกลับช่วยได้เพียงท่านหญิงเสวี่ยหนิง ส่วนองค์หญิงจมลงด้านล่างสระน้ำเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

          “ช่วยเสวี่ยหนิงก่อนเช่นนั้นหรือ สวามีคนใดจะช่วยสตรีอื่นก่อนชายาของตนกัน?”  ลี่อินที่ออกมาจากห้องบรรทมของฮองเฮาได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นพอดี กล่าวด้วยความเคียดแค้น

                    “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันขอพระราชทานอนุญาตไปเคารพพระศพเสด็จพี่เป็นครั้งสุดท้าย” ดวงตาของนางยังคงแดงก่ำจากการร้องไห้

                    “หากเจ้าไป ใครจะอยู่ข้างแม่เจ้า ในยามนี้นางต้องการลูก ๆ เป็นที่สุด” ฮ่องเต้แม้บาดหมางกับฮองเฮา แต่ภายในพระทัยยังห่วงใยนางเสมอ

                    “ให้ลี่อินไปเถิดเพคะ เหมยหลิงคงอยากพบหน้าคนในครอบครัว” ฮองเฮากล่าวพลางกันแสงไม่หยุด

                    “ได้! ข้าอนุญาต เจ้าต้องรีบเดินทางอีกเจ็ดวันร่างของพี่สาวเจ้าจะถูกฝังยังสุสานหลวงแล้ว”

                    “ลี่อิน เจ้านำสิ่งนี้ไปวางไว้กับนาง บอกพี่สาวเจ้าว่าแม่จะอยู่ข้าง ๆ นางเสมอ” ฮองเฮายื่นปิ่นไม้เก่า ๆ ให้กับลี่อิน ปิ่นที่เหมยหลิงเคยฝึกทำให้กับพระมารดา

          ลี่อินออกเดินทางในวันนั้น แม้เป็นสตรีที่อยู่ในวังมาตั้งแต่เกิด หากแต่การเดินทางนางกลับควบม้าเร็วแทนการนั่งรถม้า แลไม่นำนางกำนัลตามเสด็จ ด้วยเกรงว่าจะไม่ทันส่งเสด็จพี่สาวของตนเป็นครั้งสุดท้าย กระนั้นก็ใช้เวลาถึงห้าวันโดยไม่หยุดพักถึงเข้าเขตเมืองซู่โจวได้

          จวนชินอ๋องตั้งอยู่เบื้องหน้าผ้าขาวดำไว้ทุกข์ถูกตกแต่งทั่วจวน ลี่อินลงจากอาชาชั้นดี พุ่งตัวเข้าไปในจวนโดยไม่ต้องให้บ่าวไพร่แจ้งผู้เป็นนาย ห้องโถงประดับด้วยผ้าไว้ทุกข์ทั่วทั้งห้อง หีบศพขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้กลางโถง มีนางกำนัลไม่กี่คนคอยดูแลความเรียบร้อย น้ำตาของลี่อินพรั่งพรูออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นางมองหีบศพนั่นในใจกลับเจ็บปวดเกินจะทน ใบหน้าที่เคยร่าเริง รอยยิ้มที่มีให้กับคนในครอบครัวเสมอของผู้เป็นพี่สาว ลอยวนเวียนอยู่ในความทรงจำของนาง ลี่อินกอดหีบศพพลางสะอื้นไห้พอคิดว่าเสด็จพี่ของตนต้องนอนหนาวอยู่ข้างในนั้น นางก็แทบหายใจไม่ออก

                    “เสด็จพี่ หม่อมฉันลี่อินมาหาพระองค์แล้ว” เสียงกล่าว

ปนเสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจของนาง ทำให้ผู้ที่ได้ยินอดสงสารไม่ได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ ชีวิตเรียบง่าย

    สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดปลิวไหว ม่านรถม้าสะบัดไปมาตามแรงลม เด็กชายวัยสองขวบเล่นซนบนรถม้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อย “ถานจุนเฟิง หยุดเล่นได้แล้วตอนนี้จะถึงจวนแล้ว” ลี่อินที่กำลังอ่านบัญชีร้านกล่าวกับโอรสของตน “จุนเฟิงมาหาพ่อ ท่านแม่กำลังคร่ำเคร่ง” หยางหมิงเรียกลูกชายมาหา บัดนี้เขาสิ้นคราบชิงอ๋องผู้บ้าคลั่ง กลายเป็นพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น “จื้อหาวบอกว่า ดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นหานมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมาย แลไข่มุกก็ราคาถูกฮูหยินสนใจหรือไม่” หยางหมิงเอ่ยถึงสหายเก่าที่หลังจากสำนึกตนมาสองปี จึงติดต่อหาเขาอีกครั้ง “สนใจสิเพคะ ท่านพี่แจ้งโหวน้อยด้วยว่าหลังจากงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งแคว้นเว่ย เราจะเดินทางไปเจรจาราคาอีกครั้ง” ลี่อินยิ้มกว้างนางดีใจทุกครั้งหากสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกและดีได้ “ของขวัญอี้หนิงครบสี่ปีจะให้สิ่งใดนางดีเพคะ” ลี่อินขอความเห็นกับหยางหมิง “เช่นนั้นมอบร้านขายอัญมณีในเมืองเถียนชิง พร้อมกับเงินอีกหมื่นตำลึงให้นางดีหรือไม่ โตขึ้นมานางจะได้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแค้นฉี ไม่มีผู

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ อวดชายา

    ใกล้พิธีอภิเษกสมรสของฉินตงหยาง หยางหมิงพาลี่อิงเข้าวังหลวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาตร่วมพิธีอภิเษกสมรส “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กระหม่อมและพระชายามาขอให้ทั้งสองพระองค์พระราชทานอนุญาตเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นหานพ่ะย่ะค่ะ” “กำลังตั้งครรภ์จะเดินทางไกลได้อย่างไร ให้เพียงหยางหมิงไปก็พอ ส่วนลี่อินพักอยู่ที่จวนเถอะ” ฮองเฮากล่าวแย้งทั้งที่ยังปักผ้าอยู่ “ทูลฮองเฮา รัชทายาทแคว้นหานเป็นสหายของหม่อมฉันจึงจำเป็นต้องไปร่วมยินดีเพคะ” ลี่อินไม่ยินยอมทำตาม “เจ้าไปรังแต่จะเป็นภาระ เดินเหินลำบากอยู่จวนดีแล้ว” “หม่อมฉันยังคล่องแคล่ว ครรภ์ยังอ่อนไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด” นางโต้แย้งทุกคำห้ามของมารดาสวามี หยางหมิงกับฮ่องเต้ทำได้เพียงนั่งดื่มน้ำชาอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระหว่างที่สตรีทั้งสองกำลังโต้แย้งกัน “นี่ เหตุใดถึงมิยอมเชื่อฟังเอาซะเลยเจ้าเป็นลูกสะใภ้สมควรเชื่อฟังแม่สามีมิใช่หรือ” อวิ๋นซินจ้องมองลี่อินด้วยสายตาตำหนิ หากแต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 52 รักแรก

    ม้าศึกคู่กายชินอ๋องหยุดนิ่งหน้าจวนอ๋อง บุรุษบนหลังม้าไม่รีรอมุ่งหน้าไปตำหนักตะวันออกด้วยความร้อนใจ ทว่าภายในตำหนักกลับไม่มีผู้ใดอยู่ทำให้แน่ใจแล้วว่าลี่อินหนีเขาไปจริง ร่างทั้งร่างของหยางหมิงหนักอึ้งจนมิอาจย่างก้าวได้ หัวใจทั้งดวงเต้นช้าลงเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว ภพของลี่อินในเวลาโกรธ เวลาร้องไห้ หัวเราะ แข็งกร้าว ผุดขึ้นในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา “ไปแค้วนฉี!” คำสั่งเดียวของหยางหมิง ทำทั้งกองทัพต้องเดินทางอีกครั้ง ประชาชนต่างงุนงง กองทัพที่กลับเข้าเมืองเพียงหนึ่งชั่วยาม บัดนี้กลับเดินทัพอีกครั้งมีเหตุใดสำคัญจนมิหยุดพัก การเดินทางโดยไม่หยุดพักทำเหล่าทหารอ่อนล้าไม่น้อย หากแต่มิมีใครกล้าปริปากบ่น กองกำลังเรือนหมื่นเหยียบเข้าใกล้เมืองเถียนชิง “ท่านอ๋อง สายสืบแคว้นหานแจ้งข่าวว่ารัชทายาทตงหยางจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอีกสิบห้าวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินรายงาน ม้าศึกของหยางหมิงหยุดชะงักทันที เขาหวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนคาดเดาจะเป็นจริง “ข่าวนี้แคว้นฉีรู้เรื่องหรือไม่” มือหนากำบังเหียนแน่นจนเ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 51 ผิดสัญญา

    หิมะในเมืองเหออันสงบลง คนเจ็บป่วยเพราะภัยหนาวไม่มีแล้ว หน้าที่ของลี่อินในเมืองเหออันจึงสิ้นสุดลง นางไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ที่เหออันอีก จึงคิดขอกลับเมืองหลวงเพราะเป็นห่วงร้านประทินโฉมอีกทั้งเรื่องในจวนไม่มีผู้ใดคอยจัดการ “ท่านอ๋อง ข้าจะกลับซู่โจวก่อนได้หรือไม่” ลี่อินยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร สีหน้าจริงจังจ้องบุรุษที่ยังอ่านสาน์สของทัพอยู่ “รอกลับพร้อมข้า” เสียงเอาแต่ใจดังขึ้น “กว่าท่านอ๋องจะเสด็จกลับ ก็อีกครึ่งเดือน หม่อมฉันเป็นกังวลเรื่องร้านหมื่นบุปผา อีกทั้งกิจการของจวนอ๋องก็ไม่ได้ตรวจบัญชีมาแรมเดือน” “แต่หากเจ้าแอบหนีหลับแคว้นฉีเล่า” ครานี้หยางหมิงยอมเงยหน้าจากสาน์สกองทัพ มองมายังนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย “หม่อมฉันจะหนีไปทำไมกัน” ลี่อินท้อใจที่จะอธิบาย “ก็เจ้าไม่มีใจให้ข้า หากครบสองเดือนสัญญาระหว่างข้ากับฮ่องเต้แคว้นฉีก็ถือว่าเป็นโมฆะ” น้ำเสียงเศร้าหมองนั้นลี่อินไม่ได้ตอบกลับ ยิ่งทำให้หยางหมิงรู้สึกหวาดหวั่น หากแต่นางกลับเดินไปหยุดเบื้องหน้าเขาพลางยอบก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 50 เหน็บหนาว

    ตงหยางมิอาจรั้งอยู่ในแคว้นอื่นได้นาน ยิ่งเป็นชายแดนแล้วความอึดอัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนหิมะจะตกหนักอีกครั้งจึงจำต้องบอกลาลี่อิน “ข้ายังยืนกรานคำเดิม หากเจ้ามิอยากอยู่กับชินอ๋องแล้ว ไปหาข้าที่แคว้นหาน แม้ไม่อาจห่วงใยในฐานะคนรักแต่ข้ายังห่วงใยเจ้าในฐานะสหายเสมอ” ตงหยางยื่นหยกประจำตัวกลับให้นางเช่นเดิม “ขอบพระทัยรัชทายาท” ลี่อินยอบกายกล่าวลา ก่อนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไป หยางหมิงยิ้มพอใจเมื่อเห็นบุรุษอื่นที่นางห่วงใยจากไปเสียที แม้เป็นเพียงสหายแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้เช่นเดิม “รัชทายาทยังคงตัดใจจากเจ้าไม่ได้” หยางหมิงมองหยกในมือลี่อิน “สักวันเขาจะเจอสตรีที่ตนรักเพคะ” ลี่อินกล่าวพลางหันกายเข้าเมืองไป “เหมือนข้าที่เจอแล้ว” หยางหมิงเดินตามนาง “ใครกันหรือเพคะ” “เจ้าไง อาอิน” ลี่อินหน้าแดงเมื่อเขาบอกชื่อสตรีในดวงใจ ก่อนก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงหมอไป ทำให้ชินอ๋องยิ้มอย่างมีหวังว่าภายในสองเดือนนางต้องยินยอมอยู่ข้างกายเขาเป็นแน่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 49 เดินทางขึ้นเหนือ

    “เราต้องกลับแคว้นเว่ยพรุ่งนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือไม่เพคะ” “เมืองอันเหอมีพายุหิมะถล่ม ราษฎรขาดแคลนเสบียง กองทัพที่นั่นมิอาจรับมือได้ข้าต้องรีบไปจัดการ “แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องไปด้วย ท่านอ๋องเดินทางลำพังจะไม่เร็วกว่าหรือ หม่อมฉันจะไปรอพระองค์ที่จวนพร้อมอี้หนิง” “ข้าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเจ้า” หยางหมิงแววตาจริงจังจ้องนางอยู่เช่นนั้น “หากแต่อี้หนิงยังเด็กหากเผชิญหิมะ...” “นางจะอยู่ที่แคว้นฉี” หยางหมิงกล่าวขัด “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ?”ลี่อินไม่อยากเชื่อว่าหยางหมิงจะยินยอมให้อี้หนิงที่มีสายเลือดของตระกูลถานอยู่ที่แคว้นฉี “นางอยู่ที่นี่จะมีความสุขกว่า ไม่ต้องถูกสายตาดูแคลนของผู้อื่นจ้องมองเช่นที่อยู่ในแคว้นเว่ย ที่นั่นไม่สามารถให้ความรักกับนางได้ต่างจากไทเฮาเสวี่ยฉีที่มอบความรักให้กับเด็กคนนั้นได้ไม่สิ้นสุด”คำพูดของหยางหมิง ทำให้นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าที่เขาแสดงออก คลื่นความสุขจึงก่อตัวขึ้นภายในใจของนางอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status