หลี่ซินมองท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่กระจ่างใส เหตุใดนางต้องยอมเจ้าคนเถื่อนร้ายกาจขนาดนั้นด้วย เสียงถีบประตูเข้ามาในเรือนอย่างแรง
มองผ่านฉากกั้นเจ้าชั่วเดินเข้ามาแล้ว หลี่ซินยังเจ็บตัวไม่หายเลย
ชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดม่านมุ้งเข้ามาหาคนงาม หลี่ซินสบตากับเขาภายใต้แสงเทียนที่กระจ่าง อีกทั้งกำยานหอมที่นางจุดไว้ เพิ่มความอยากให้แก่เขายิ่งนัก
เหตุใดหลังจากคืนนั้น เขาต้องคะนึงหาแต่นางมารร้ายเยี่ยงนางด้วยเล่า
"ท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วย" กลิ่นกายของนางช่างหอมนัก ทำให้หยางอ๋องควบคุมตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว
"แต่ก่อน เห็นข้าแทบวิ่งเข้ามาหา แต่พอเดี๋ยวนี้ กลัวข้ารึ" มือหนาใหญ่บีบคางนางจนเป็นรอยแดง จากนั้นสลัดอาภรณ์ ออกจากร่างบางจนหมด ม่านมุ้งสั่นไหว ไปตามจังหวะแรงดัน
หลี่ซินโดนหยางอ๋องจุมพิตอย่างหื่นกระหาย แต่ถ้าหลี่ซินคนเดิมอาจจะดีใจมากกระมัง
เสียงครวญครางดังขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อหยางอ๋อง ทำบางอย่างกับด้านหลังของนาง
"เจ้าคนเลว อ้า..." หลี่ซินเจ็บจนจุก อีกทั้งมันทรมานมาก กระบวนท่านี้ เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา เขาถึงได้ดึงส่วนนั้นออก
หลี่ซินหน้าฟุบกับที่นอน เจ็บมาก เจ้าคนเถื่อนจับนางพลิกราวกับปลาย่าง สองมือหนานวดคลึงยอดภูเขาที่งดงามขนาดใหญ่
"ข้าเจ็บ" หยางอ๋องไม่รู้ว่าเหตุใดต้องเคลิ้มไปกับเรือนหายของนางร้าย
ร่างหนาเคลื่อนย้ายอย่างว่องไว หญิงสาวร้อนอบอ้าวยิ่งนัก ปากหนาจุมพิตที่ปากอวบอิ่มอย่างเร่าร้อน ค่ำคืนนั้นในเรือนหลี่ซินเร่าร้อนเต็มไปด้วยความหื่นกระหายของหยางอ๋องที่มอบให้นาง
แต่ทว่าจวนสกุลหลี่ในยามนี้ เรือนอนุมารดาของหลี่หลาน สองแม่ลูกต่างกรีดร้อง เพราะมีงูเขียวจำนวนมากเข้ามาในเรือน พวกนางสองแม่ลูกนั่งที่เตียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ข้ารับใช้ต่างเข้ามาจับงูกันให้วุ่น คืนนั้นทั้งคืนสองแม่ลูกไม่ได้นอน อาจูมองผลงานบนหลังคา หายไปพร้อมกับความมืดมิดของราตรีนั้น
จวนสกุลสวี สวีเหมียวนอนบนเตียงอย่างนุ่มสบายนางพบว่ามีอะไรมาไต่ที่ขานาง หญิงสาวลืมตาขึ้นมาโยนผ้าห่มลงพื้นพบว่ามีงูเขียวหลายตัว หญิงสาวกรีดร้องกระโดดลงจากเตียง ขาแทบหัก ข้ารับใช้ต่างช่วยกันจับงูออกไป
จวนฝูอ๋อง ในยามนี้ชายาฝูอ๋องนอนอีกเรือนหนึ่ง เพราะฝูอ๋องนอนเรือนใหญ่ สวีเหมยเหนื่อยมาก กระนั้นนางกอดผ้าห่ม นางรู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ที่หลัง จึงคว้ามาดู พบว่าเป็นงูเขียว
งูเขียวมาได้อย่างไรกัน นางกวาดสายตามองงูเขียวนับสิบมันมาจากไหน
เสียงกรีดร้องทำให้ข้ารับใช้เข้ามา คืนนั้นข้ารับใช้ไล่จับงูเขียวทั้งคืน
หลี่ซินลืมตาขึ้นมา พบว่าหยางอ๋องคนสารเลว นั่งมองนางบนเก้าอี้จันทน์หอม เขาลากมานั่งมองนางโดยเฉพาะ
"ตื่นมาแล้วก็กินน้ำแกงห้ามครรภ์เสีย" น้ำแกงห้ามครรภ์เขาสั่งข้ารับใช้โรงครัวเคี่ยวมาไว้เมื่อสองถ้วยชาก่อน วางอยู่โต๊ะข้างเตียง
หลี่ซินไม่พูดมากกระดกน้ำแกงห้ามครรภ์เข้าไป แล้วกระแทกชามลงโต๊ะอย่างแรง
"พอใจแล้วก็ออกไปได้"
"เจ้ากล้าไล่ข้ารึ"
"ใช่ เมื่อใดท่านจะกลับไปชายแดนเมืองจินเสียที ข้าไม่อยากจะเจอหน้าท่าน"
นางรังเกียจเขา นางเพียงแค่อยากอยู่กับสองแฝดอย่างสงบ แม้สองแฝดจะมิใช่บุตรของนางโดยตรง แต่ทว่านางเป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว
หยางอ๋องถึงกับขมวดคิ้ว นางรังเกียจเขาตั้งแต่เมื่อใดกัน แต่ก่อนนางแทบจะแก้ผ้าขึ้นเตียงหาเขาเสียด้วยซ้ำ ในตอนที่เขาไม่ได้เข้าหอกับนางเพราะต้องไปเมืองจิน ได้ยินแม่นมจางกล่าวว่า นางใจจะขาดตายในคืนนั้น ทั้งอาวรณ์เขา เวลาเพียงไม่กี่เดือน ทำให้นางร้ายอย่างนาง ลืมเขาได้กระนั้นรึ
ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มออกมา หลี่ซินนึกกลัวรอยยิ้มชั่วร้ายของเขาเสียจริง มีอันใดต้องยิ้มด้วยเล่า
"ท่านจะยิ้มทำไม"
"หลี่ซิน เจ้าในฐานะชายาของข้า เจ้าก็ต้องกลับเมืองจินไปพร้อมกับข้า ปรนนิบัติสามี" เป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยนาง
เขายังทรมานนางไม่พอรึ
"ท่านอ๋อง ข้าดีกับสองแฝดมาก ท่านอย่าได้ทรมานข้าเลย นับแต่ข้าฟื้นขึ้นมา ข้าไม่เคยดุด่าพวกเขา" แววตาของนางยามนี้ มีแต่ความจริงใจ ไม่ได้เสแสร้งหรือมารยาเช่นแต่ก่อน
"หลี่ซิน ที่ข้าให้เจ้าไป ข้าก็บอกแล้วว่า ไปในฐานะภรรยาปรนนิบัติสามี หาใช่ทาสเสียหน่อย" หยางอ๋องสาวเท้าไปหานางแล้วบีบแก้มอย่างแรง
มันจะต่างอันใดเล่า กับที่เขาทรมานนางเมื่อคืน หยางอ๋องสาวเท้าออกไปอย่างอารมณ์ดี หลี่ซินมองร่องรอยเมื่อคืนที่เขาทำกับนาง
ช่างโรคจิตเหลือเกิน
ในยุคนี้ การแต่งงานถ้าเกิดขึ้นจากสมรสราชทาน มันช่างยากที่จะหย่ายิ่งนัก อีกทั้งสตรีที่ถูกหย่า จะไม่มีที่ยืนในสังคม ทำให้นางคิดถึงยุคปัจจุบัน
อีอีเข้ามาในเรือนไม่ถามอันใดมาก ว่าเจ้านายโดนอันใด นางพาพระชายาอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ อาภรณ์ของพระชายา เน้นสีสันอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาดเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งไม่แต่งหน้าด้วย ทำให้พระชายาดูสดใสเหมือนดรุณีน้อยแรกแย้มยิ่งนัก
ไม่นานนักสองแฝดก็พลันเข้ามาหานาง พวกเขาไม่อยากไปสำนักศึกษาหลวง วันนี้ทั้งวันจึงอยู่ในเรือนหลี่ซินทั้งวัน
นี่มันอาวุธอันใดกัน แน่นอนว่านี่คือปืนสั้นที่มาจากห้องวิเศษของถังลี ถังลีมอบปืนสั้นนับพันกระบอกให้แม่ทัพเซี่ยท่านตาของหนิงอ๋องให้ไปรบกับองค์ชายรองตงเปยแล้ว"เจ้า...""ข้าได้มอบให้ท่านแม่ทัพเซี่ยแล้ว เกรงว่าองค์ชายรองตงเปยต้องแพ้กลับไป อีกทั้งยังคงต้องโดนประหาร" สวีไทเฮาอุตส่าห์วางแผนมาหลายปี มาล่มจมเพราะนังแพศยาน้อยนี่"สวีไทเฮาท่านยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ พิษในตัวรัชทายาทกับหนิงอ๋องถูกกำจัดหมดแล้ว อีกทั้งหนอนกู่หนิงอ๋องก็ไม่ได้กินเข้าไป แม่นมหงสารภาพหมดแล้ว" ถังลียิ้มอย่างสะใจว่านฮองเฮาตกใจไม่คิดว่านังแก่สารเลวกล้างวางยาพิษรัชทายาท"คนของท่านในจวนรัชทายาทถูกสังหารแล้ว" "เสด็จย่าพิษกู่อยู่ในร่างกายท่าน" หนิงอ๋องยิ้มเย็น"พวกเจ้ามันสมควรตาย" "ไท่ชางหวงโดนวางยาก็เป็นฝีมือท่าน ท่านตาของข้าโชคดีนักที่มิได้ท่านเป็นภรรยา ท่านจึงถูกส่งตัวเป็นสนม" ทุกคนกระจ่างแล้วสวีไทเฮารักนายผู้เฒ่าเซี่ยฝ่ายเดียว นางไม่ได้รักไท่ชางหวง"พวกเจ้าทำลายแผนการดี ๆ ของข้า นังสารเลวถังลีตายเสียเถอะ" สวีไทเฮานำมีดสั้นออกมาหมายจะแทงถังลี แต่ทว่าอาวุธอันใดจะไวกว่าปืนสั้นของถังลีสวีไทเฮาโดนยิงที่หน้าผากร่างบางล้มลงกั
แผนซ้อนแผน ได้ยินว่าจะมีการล่าสัตว์ช่วงนั้นสวีไทเฮาจะให้คนสังหารเปยหานแล้วโยนความผิดให้รัชทายาทต้าโจว สวีไทเฮาช่างวางแผนได้ล้ำลึกยิ่งนัก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว...เช้าของวันถัดมาในลานพระราชวังฤดูร้อนรัชทายาทตงเปยแม้จะเสียใจแค่ไหน แต่เขาก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์ในครั้งนี้ถังลีกับหนิงอ๋องสบตากัน รัชทายาทตงเปยควงม้าตามหลังรัชทายาทต้าโจวเข้าไปในป่าด้านในสวีไทเฮาที่พักในตำหนักใหญ่จิบน้ำชาอย่างสบายใจ พระนางกำลังรอฟังข่าวดี "บอกให้เมิ่งฉีจัดการได้" นางกำนัลรับคำของสวีไทเฮา วันนี้จะเป็นวันตายของรัชทายาทตงเปยและคนรับกรรมคือรัชทายาทต้าโจว เขาไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของนางกระนั้นนางจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...เปยหานกับฉินเทียนต่างแยกกันเพื่อล่าสัตว์ เปยหานมาป่าด้านหนึ่งในหัวสมองหวนคิดแต่คำของชายาเอกหนิงอ๋องและหนิงอ๋องเท่านั้นตุบ !!!ร่างของเปยหานล่วงจากหลังม้ามีธนูปักที่กลางอกเลือดไหลออกจากอกดวงตาเบิกกว้าง"แย่แล้วรัชทายาทต้าโจวสังหารรัชทายาทตงเปย" เสียงคนตะโกนขึ้นดังลั่นในป่าทางด้านฉินตี้กับเหล่าสนมและฮองเฮาที่กำลังสำราญอยู่กับการรายรำของเหล่าสาวงามได้ยินมาว่าร้ชทายาทตงเปยสิ้น
พระราชวังฤดูร้อน คังอ๋องกินข้าวเย็นกับอนุและชายารองที่ห้องโถงใหญ่ของเขา การเข้าเฝ้าสวีไทเฮาในครั้งนี้ ทำให้เขาได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่างหากอยากจะเป็นใหญ่ควรเชื่อฟังสวีไทเฮา อีกไม่นานรัชทายาทก็จะตายแล้ว คังอ๋องจึงเอาใจฮวาหรงแม้เขาจะรังเกียจนางก็ตามอีกทั้งเอาใจเปยหรันด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่าองค์รัชทายาทเปยหานย่อมต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ในการข้างหน้า เขาจะละเลยสองคนนี้ไปมิได้ ส่วนถังเหมยค่อยชดเชยให้นางทีหลัง ส่วนถังลีถึงอย่างไรเขาก็จะแย่งมาจากหนิงอ๋องหลังจากที่เขาได้แผ่นดินต้าโจวเปยหรันมองคังอ๋องนางจะฝากชีวิตนี้ไว้กับเขาได้จริงหรือไหนจะมีฮวาหรงหลานสาวสวีไทเฮาอีก ฮวาหรงในยามนี้นางขอเพียงคังอ๋องจริงใจต่อนาง นางย่อมตอบแทนเขา ทั้งสามกินข้าวเย็นอย่างมีความสุข...งานพระราชวังฤดูร้อนก็มาถึงแล้วเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองโจว รถม้ายาวเหยียดเต็มท้องถนนมุ่งออกสู่ประตูเมือง"ชายารักการไปพระราชวังฤดูร้อนในครั้งนี้ เจ้าต้องระวังตัวไว้" หนิงอ๋องเกรงว่าสวีไทเฮาต้องมีแผนร้ายอะไรสักอย่าง"เจ้าค่ะ" คนอย่างนางเตรียมรับมือไว้ทุกสถานการณ์อยู่แล้วมิต้องห่วงนางแม้แต่น้อย ใช้เวลาทั
รัชทายาทตงเปยไม่ตาย ความนี้ทรายไปถึงฮวาหรงใบหน้างามระบายด้วยรอยยิ้มด้วยความดีใจ สุดท้ายแล้วคังอ๋องก็ทำพิธีไม่สำเร็จช่างน่าขันสิ้นดีในคืนเข้าหอเปยหรันได้แต่นอนเฝ้าเจ้าบ่าวของนาง ช่างน่าเจ็บใจนัก เช้าวันถัดมาถังลีนึกสมน้ำหน้าคังอ๋องเสียจริงที่ได้แต่สตรีทั้งสองนาง ถังลีมาที่หอประดิษฐ์นั่งนับเงินอย่างมีความสุขข่าวของคังอ๋องเป็นลมดังไปทั่วต้าโจวจริง ๆ ถังลีกับบ่าวเดินไปทางไหนก็ได้ยินแต่คนนินทาเรื่องนี้ถังเหมยนั่งบนเก้าอี้ไม้จันทน์หอมสั่งให้บ่าวไปเรียกชายารองและอนุมายกน้ำชาให้นาง เนื่องจากนางคือชายาเอกคังอ๋องสองคนนี้ต้องให้ความเคารพแก่นางสายตาพลันมองไปที่ประตูเมื่อไรนังแพศยาทั้งสองคนจะเข้ามาเสียที ฮวาหรงกับเสี่ยวเถาพลันสาวเท้าเข้ามาถังเหมยมองไปที่ชุดฮวาหรงเป็นสีแดงอย่างงดงามปักด้วยดิ้นทองอย่างดี แน่นอนว่าชุดนี้สวีไทเฮาเป็นคนมอบให้หลานรักเองกับมือ ถังเหมยใบหน้าแดงก่ำ "เป็นอนุยังกล้าใส่ชุดสีแดงเทียบชายาเอกอีกรึ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง" ฮวาหรงยิ้มเย็นหลังฟังคำพูดของถังเหมย"เหตุใดข้าจะสวมมิได้ ข้าเป็นถึงหลานสาวสวีไทเฮา เจ้าก็แค่ลูกขุนนางระดับล่างที่บังเอิญโชคดีได้แ
เจ้าบ่าวเป็นลมในงาน หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็น่าสงสารแม่นมหงอยู่เหมือนกันถังลีกับมู่หรงมีความคิดเดียวกัน ต่างจากบุรุษทั้งสองอย่างรัชทายาทกับหนิงอ๋องนักต้องสังหารคนทรยศเท่านั้น"บ่าวผิดไปแล้วเจ้าคะ บ่าวผิดไปแล้ว" แม่นมหงตัวสั่นเทิ้ม "แม่นมหงหากเจ้าอยากมีชีวิตรอดจงเป็นหมากให้ข้าต่อกรกับนาง นางสั่งไว้อย่างไรบ้างหลังจากที่วางหนอนกู่ในตัวข้า" หนิงอ๋องอยากรู้ว่าแม่นมหงจะซื่อสัตว์ต่อเขารึไม่ รัชทายาทไม่คิดว่าเสด็จย่าจะชั่วช้ามากแม่นมหงตัดสินใจเล่าให้หนิงอ๋องฟัง หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปหนิงอ๋องจะกลายเป็นคนสติหลุดอีกทั้งจะเชื่อฟังคำสั่งของพระนาง หนิงอ๋องยิ้มเย็นขึ้นมา"เอาล่ะ แม่นมหงนับจากนี้ เจ้าได้จงทำตัวตามปกติ เจ้าไปรายงานนางว่าข้านั้นได้กินหนอนแล้ว หากเจ้าไม่ซื่อสัตว์อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" แม่นมหงกับเสี่ยวฮวาอิงโขกศีรษะให้หนิงอ๋อง จากนั้นให้องครักษ์เงาแอบตามแม่นมหงไป"เค่อจ้าวอีกประเดี๋ยวเจ้าไปที่ตำหนักของสวีไทเฮาหานางเอาหนอนพิษใส่ในน้ำให้นางดื่ม หากมิสำเร็จมิต้องกลับมา" เค่อจ้าวรับคำสั่งของเจ้านาย ถังลีมองหนิงอ๋องที่ใบหน้าเขียวด้วยความโกรธ นางกุมมือเขาไว้ รัชทายาทกับชายากลับจวนไปแ
แต่งชายารองสองคน ทั้งสามคนแต่งกายเรียบร้อยแล่วนั่งคุกเข่าในห้องทรงอักษร ฉินตี้อยากจะตบคังอ๋องยิ่งนัก เหตุใดเป็นคนสารเลวเช่นนี้เปยหานอยากจะเอามีดแทงคังอ๋องให้ตาย ถังเหมยเป็นลมถูกหามกลับจวนไปก่อนหน้านี้แล้ว ในห้องมีเพียง สวีไทเฮา เปยหาน เต๋อเฟย ฉินตี้ ที่กำลังพิพากษาทั้งสามคนอยู่ฮวาหรงไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้พอฮวาหรงเข้ามาในเรือนรับรองคังอ๋องก็จุมพิตนางอย่างเร่าร้อน แน่นอนว่าในห้องมีกำยานจุดอยู่บัดนี้นางให้เสี่ยวเมาจัดการนำไปทิ้งแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือนังเปยหรันมาได้อย่างไรเปยหรันนั้นใช้กำปั้นทุบท้ายทอยของฮวาหรงจนสลบไป จากนั้นนางก็บรรเลงเพลงรักกับคังอ๋องต่อ เหตุใดทุกอย่างจึงเป็นเช่นนี้ นางอยากได้หนิงอ๋องมิใช่คังอ๋องสองสตรีต่างคิดเช่นเดียวกันคนที่เจ็บใจที่สุดเห็นจะเป็นคังอ๋องเสียมากกว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ถังลีจะทำกับเขาเช่นนี้ เหตุใดนางต้องทำร้ายเขาด้วย"เสด็จพี่ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ" เปยหรันเสียใจอย่างมากฉินตี้มองทั้งสามคนในเมื่อเป็นเช่นนี้ "เปยหรันเป็นชายารองคังอ๋อง ส่วนฮวาหรงเป็นอนุของคังอ๋องแล้วกัน" ฉินตี้คิดดีแล้วในเมื่อพวกเขาชอบพอกันเขาก็จะสงเคราะห์ให้เสียหน่อยแล