สองวันผ่านไปแม่นมจางพาสองแฝดเข้ามาในเรือนใหญ่ หลี่ซินมองเด็กแฝด เสี่ยวเปากับเสี่ยวเปย แต่งกายชุดสำนักศึกษาหลวง
"เอาล่ะ แม่นมจางไปส่งพวกเขาที่สำนักศึกษาหลวงเถอะ รถม้าข้าให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว" แม่นมจางไม่อยากจะเชื่อหู หญิงอารมณ์ร้ายผู้นี้ เป็นนางมารหรือเป็นเทพธิดา ช่างไม่น่าเชื่อจริง ๆ
"ยังไม่ขอบคุณข้าอีก" หลี่ซินมองเด็กสองคน พวกเขาหันไปมองหน้าแม่นมจาง ด้านแม่นมจางพยักให้ทั้งสองคน
"ขอบคุณพระชายา" เด็กทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน น้ำเสียงเบาหวิวด้วยความหวาดกลัว
หลี่ซินพลันถอนหายใจ
"ไม่ต้องกลัวข้าหรอก ข้าเป็นคนดีแล้ว ต่อไปเรียกข้าว่าท่านแม่ ไม่ต้องเรียกพระชายาแล้ว" หลี่ซินเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ
แม่นมจางและเด็กสองคนต่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เด็กทั้งสองคนไม่พูดอันใด หลี่ซินสั่งให้แม่นมจางพาเด็กไปได้ เพราะทั้งสองคนคงตั้งใช้เวลาสักระยะหนึ่ง อีกทั้งหกเดือนผ่านมา เจ้าของร่างเดิมทำร้ายจิตใจเด็ก ๆ สารพัดอย่าง จะให้พวกเขาเชื่อใจนางคงจะยาก หลี่ซินได้แต่ถอนหายใจ
เพียงเวลาไม่กี่วันทำให้คนมองหลี่ซินใหม่ ทุกคนให้ความเคารพนาง ยามที่นางย่างกรายไปทางไหนของจวน
ได้ยินมาว่า สาวใช้โรงซักผ้าในจวนอ๋อง บิดาของนางป่วยหนัก หลี่ซินมอบเบี้ยให้ไปรักษา หยางอ๋องทราบข่าวจากองครักษ์เงา ที่เขาให้จับตาดูหลี่ซิน
"นางเสแสร้งต่างหาก"
"จับตาดูนางไว้"
ยามนี้หลี่ซินนั่งในเรือนอย่างสบายใจ ใกล้จะพลบค่ำแล้ว เด็กแฝดคงจะเลิกเรียนแล้วกระมัง
"อีอี เจ้าออกไปซื้อน้ำตาลปั้นมาสองอัน"
"เจ้าค่ะ" อีอีรับคำแล้วเดินออกไป นางรู้ว่าพระชายาต้องซื้อให้ท่านหญิงน้อย กับท่านชายน้อย
นางคิดว่าเด็กสองคนจะกลับมาแล้ว กระนั้นจึงถือน้ำตาลปั้นมุ่งหน้าไปที่เรือนเล็ก พอผ่านธรณีประตูเข้าไป พบเด็กสองคนนั่งที่ตั่งเตี้ย
เสี่ยวเปานั่งก้มหน้าคัดตำราเรียน เสี่ยวเปยก็เช่นกัน
"พระชายา ท่านหญิง ท่านชาย คัดตำราอยู่เพคะ" แม่นมจางยังไม่ไว้ใจพระชายากลัวทำร้ายเด็ก ๆ
"ข้าเพียงนำน้ำตาลปั้นมาให้เท่านั้น" คำว่าน้ำตาลปั้น ทำให้เสี่ยวเปาเงยหน้าขึ้นมา สบตากับมารดาเลี้ยง
"ขอบคุณท่านมาก" เสี่ยวเปารีบหยิบน้ำตาลปั้นทันที
"หน้าเจ้าไปโดนอะไรมา" หลี่ซีนมองใบหน้าตรงมุมปากของเสี่ยวเปา ใครทำร้ายเขา สายตานางมองไปที่แม่นมจาง
"เกิดอะไรขึ้น เล่ามา" หลี่ซินคาดคั้นถามแม่นมจาง
"ท่านแม่ เสี่ยวเปาโดน เสี่ยวเทียนชกเข้าให้ เพราะเสี่ยวเทียนว่าเสี่ยวเปา เป็นเด็กไม่มีแม่สั่งสอน เสี่ยวเปาโมโหทำร้ายเสี่ยวเทียนก่อน ทั้งสองจึงต่อยกัน" เสี่ยวเปยร่ายยาว ตามจริงเสี่ยวเปยกลัวหลี่ซินจะกลับมาเป็นคนเดิม นางไม่กล้ารายงาน แต่ในเมื่อนางถามก็ต้องตอบ
หลี่ซินถึงกับกำมือแน่น
"แม่นมจางตามข้ามา อีอีเจ้าเฝ้าเด็ก ๆ ไว้" แม่นมจางเดินตามหลังหลี่ซินออกไปด้านนอกจึงถึงศาลาดอกบัว
"เสี่ยวเทียนคือใคร"
"เรียนพระชายา เสี่ยวเทียนคือ ท่านชายน้อยของ ฝูอ๋อง ฝูอ๋องคือพระเชษฐาของหยางอ๋องเพคะ" ฝูอ๋องคือฉู่หยีโอรสที่เกิดจากสวีฮองเฮา หยางอ๋องคือโอรสที่เกิดกับนางสนม หยางอ๋องแม้จะเป็นโอรสที่เกิดกับสนม แต่ทว่าฝ่าบาทก็รักเขามากเช่นกัน
"วันพรุ่งข้าจะไปส่งสองแฝดเข้าสำนักศึกษาด้วย" จากนั้นนางสั่งให้แม่นมจางกลับไปที่เรือนตามเดิม
หลี่ซินกลับมาถึงเรือนใหญ่ นอนที่ตั่งยาว โดยมีอีอีพัดให้เจ้านาย หลี่ซินกำลังคิดว่า ถ้าเกิดวันพรุ่งนี้ นางไปเจอชายาฝูอ๋อง นางจะต้องฝากบอกชายาฝูอ๋องให้สั่งสอนท่านชายน้อยให้ดี มิให้มารังแกเสี่ยวเปาเสี่ยวเปยของนางอีกต่อไป
เช้าวันถัดมาในยามที่สองแฝดขึ้นรถม้า พวกเขาตกใจมาก ไม่คิดว่ามารดาเลี้ยงจะอยู่ในรถม้าด้วย หลี่ซินฉีกยิ้มให้กับเด็กทั้งสองคน ฝาแฝดนั่งฝั่งตรงข้ามกับนาง
"ท่านแม่จะไปส่งพวกข้ารึเจ้าคะ" เสี่ยวเปยถามอย่างแผ่วเบา
"ใช่แล้ว พวกเจ้าทำตัวตามสบายเถอะ" เพียงไม่นานแล้วรถม้าก็มุ่งหน้าไปสำนักศึกษาหลวง ใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น รถม้าหยุดที่หน้าสำนัก หลี่ซินลงรถม้าก่อน แล้วประคองเจ้าตัวเล็กทีละคนลงมา อีอีไม่เคยเห็นเจ้านายอ่อนโยนกับใครเลย
"ขอบคุณท่านแม่" เด็กทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน รอยยิ้มของหลี่ซินทำให้เด็ก ๆ ไม่กลัวนางเหมือนเมื่อก่อน
"เสี่ยวเปา เสี่ยวเปย" เจ้าเด็กอ้วนวิ่งมาหาสองแฝด เจ้าเด็กอ้วนมองหลี่ซินอย่างไม่กะพริบตา
"มารดาของข้าเอง" เสี่ยวเปาเอ่ยกับสหาย เสี่ยวเฟิงยิ้มจนตาหยี
"คารวะ ท่านแม่ เจ้ามีมารดาแล้ว ทำไมเสี่ยวเทียนถึงปากหมาว่าเจ้าได้เล่า" เสี่ยวเฟิงปากไวยิ่งนัก เสี่ยวเปยไม่คิดว่าสหายจะพูดแบบนี้
"เอาล่ะ ข้าจะส่งพวกเจ้าเข้าห้องเรียน ว่าแต่ห้องเรียนไปทางไหน" เสี่ยวเฟิงนำทางหลี่ซินเข้าไปในสำนักศึกษาหลวง
ว่ากันว่าสำนักศึกษาหลวงมีแต่บุตรหลานขุนนางกับคนในราชวงศ์เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เรียนได้ หลี่ซินมองทั้งสามคนเข้าไปในห้องเรียน
บุรุษชุดน้ำเงินดูเหมือนจะเป็นอาจารย์สำนักศึกษาหลวง
"คำนับอาจารย์ ข้ามารดาของสองแฝด" อาจารย์เหรินอี้ มองพระชายาหยางอ๋อง
"พระชายาหยางอ๋อง เรื่องเมื่อวานเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ท่านอย่าได้ถือสาเลย"
"ข้าไม่ได้มาต่อว่าอาจารย์ ข้าเพียงอยากเจอชายาฝูอ๋องเท่านั้น นางไม่มาส่งบุตรชายนางรึ"
นี่ต่างหากที่หลี่ซินต้องการพบ ชายาฝูอ๋อง นางต้องการจะสั่งสอนคนเป็นมารดา ที่เลี้ยงดูบุตรอย่างบกพร่อง ให้ไปรังแกผู้อื่น ใช้ได้ที่ไหนกัน
นี่มันอาวุธอันใดกัน แน่นอนว่านี่คือปืนสั้นที่มาจากห้องวิเศษของถังลี ถังลีมอบปืนสั้นนับพันกระบอกให้แม่ทัพเซี่ยท่านตาของหนิงอ๋องให้ไปรบกับองค์ชายรองตงเปยแล้ว"เจ้า...""ข้าได้มอบให้ท่านแม่ทัพเซี่ยแล้ว เกรงว่าองค์ชายรองตงเปยต้องแพ้กลับไป อีกทั้งยังคงต้องโดนประหาร" สวีไทเฮาอุตส่าห์วางแผนมาหลายปี มาล่มจมเพราะนังแพศยาน้อยนี่"สวีไทเฮาท่านยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ พิษในตัวรัชทายาทกับหนิงอ๋องถูกกำจัดหมดแล้ว อีกทั้งหนอนกู่หนิงอ๋องก็ไม่ได้กินเข้าไป แม่นมหงสารภาพหมดแล้ว" ถังลียิ้มอย่างสะใจว่านฮองเฮาตกใจไม่คิดว่านังแก่สารเลวกล้างวางยาพิษรัชทายาท"คนของท่านในจวนรัชทายาทถูกสังหารแล้ว" "เสด็จย่าพิษกู่อยู่ในร่างกายท่าน" หนิงอ๋องยิ้มเย็น"พวกเจ้ามันสมควรตาย" "ไท่ชางหวงโดนวางยาก็เป็นฝีมือท่าน ท่านตาของข้าโชคดีนักที่มิได้ท่านเป็นภรรยา ท่านจึงถูกส่งตัวเป็นสนม" ทุกคนกระจ่างแล้วสวีไทเฮารักนายผู้เฒ่าเซี่ยฝ่ายเดียว นางไม่ได้รักไท่ชางหวง"พวกเจ้าทำลายแผนการดี ๆ ของข้า นังสารเลวถังลีตายเสียเถอะ" สวีไทเฮานำมีดสั้นออกมาหมายจะแทงถังลี แต่ทว่าอาวุธอันใดจะไวกว่าปืนสั้นของถังลีสวีไทเฮาโดนยิงที่หน้าผากร่างบางล้มลงกั
แผนซ้อนแผน ได้ยินว่าจะมีการล่าสัตว์ช่วงนั้นสวีไทเฮาจะให้คนสังหารเปยหานแล้วโยนความผิดให้รัชทายาทต้าโจว สวีไทเฮาช่างวางแผนได้ล้ำลึกยิ่งนัก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว...เช้าของวันถัดมาในลานพระราชวังฤดูร้อนรัชทายาทตงเปยแม้จะเสียใจแค่ไหน แต่เขาก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์ในครั้งนี้ถังลีกับหนิงอ๋องสบตากัน รัชทายาทตงเปยควงม้าตามหลังรัชทายาทต้าโจวเข้าไปในป่าด้านในสวีไทเฮาที่พักในตำหนักใหญ่จิบน้ำชาอย่างสบายใจ พระนางกำลังรอฟังข่าวดี "บอกให้เมิ่งฉีจัดการได้" นางกำนัลรับคำของสวีไทเฮา วันนี้จะเป็นวันตายของรัชทายาทตงเปยและคนรับกรรมคือรัชทายาทต้าโจว เขาไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของนางกระนั้นนางจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...เปยหานกับฉินเทียนต่างแยกกันเพื่อล่าสัตว์ เปยหานมาป่าด้านหนึ่งในหัวสมองหวนคิดแต่คำของชายาเอกหนิงอ๋องและหนิงอ๋องเท่านั้นตุบ !!!ร่างของเปยหานล่วงจากหลังม้ามีธนูปักที่กลางอกเลือดไหลออกจากอกดวงตาเบิกกว้าง"แย่แล้วรัชทายาทต้าโจวสังหารรัชทายาทตงเปย" เสียงคนตะโกนขึ้นดังลั่นในป่าทางด้านฉินตี้กับเหล่าสนมและฮองเฮาที่กำลังสำราญอยู่กับการรายรำของเหล่าสาวงามได้ยินมาว่าร้ชทายาทตงเปยสิ้น
พระราชวังฤดูร้อน คังอ๋องกินข้าวเย็นกับอนุและชายารองที่ห้องโถงใหญ่ของเขา การเข้าเฝ้าสวีไทเฮาในครั้งนี้ ทำให้เขาได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่างหากอยากจะเป็นใหญ่ควรเชื่อฟังสวีไทเฮา อีกไม่นานรัชทายาทก็จะตายแล้ว คังอ๋องจึงเอาใจฮวาหรงแม้เขาจะรังเกียจนางก็ตามอีกทั้งเอาใจเปยหรันด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่าองค์รัชทายาทเปยหานย่อมต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ในการข้างหน้า เขาจะละเลยสองคนนี้ไปมิได้ ส่วนถังเหมยค่อยชดเชยให้นางทีหลัง ส่วนถังลีถึงอย่างไรเขาก็จะแย่งมาจากหนิงอ๋องหลังจากที่เขาได้แผ่นดินต้าโจวเปยหรันมองคังอ๋องนางจะฝากชีวิตนี้ไว้กับเขาได้จริงหรือไหนจะมีฮวาหรงหลานสาวสวีไทเฮาอีก ฮวาหรงในยามนี้นางขอเพียงคังอ๋องจริงใจต่อนาง นางย่อมตอบแทนเขา ทั้งสามกินข้าวเย็นอย่างมีความสุข...งานพระราชวังฤดูร้อนก็มาถึงแล้วเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองโจว รถม้ายาวเหยียดเต็มท้องถนนมุ่งออกสู่ประตูเมือง"ชายารักการไปพระราชวังฤดูร้อนในครั้งนี้ เจ้าต้องระวังตัวไว้" หนิงอ๋องเกรงว่าสวีไทเฮาต้องมีแผนร้ายอะไรสักอย่าง"เจ้าค่ะ" คนอย่างนางเตรียมรับมือไว้ทุกสถานการณ์อยู่แล้วมิต้องห่วงนางแม้แต่น้อย ใช้เวลาทั
รัชทายาทตงเปยไม่ตาย ความนี้ทรายไปถึงฮวาหรงใบหน้างามระบายด้วยรอยยิ้มด้วยความดีใจ สุดท้ายแล้วคังอ๋องก็ทำพิธีไม่สำเร็จช่างน่าขันสิ้นดีในคืนเข้าหอเปยหรันได้แต่นอนเฝ้าเจ้าบ่าวของนาง ช่างน่าเจ็บใจนัก เช้าวันถัดมาถังลีนึกสมน้ำหน้าคังอ๋องเสียจริงที่ได้แต่สตรีทั้งสองนาง ถังลีมาที่หอประดิษฐ์นั่งนับเงินอย่างมีความสุขข่าวของคังอ๋องเป็นลมดังไปทั่วต้าโจวจริง ๆ ถังลีกับบ่าวเดินไปทางไหนก็ได้ยินแต่คนนินทาเรื่องนี้ถังเหมยนั่งบนเก้าอี้ไม้จันทน์หอมสั่งให้บ่าวไปเรียกชายารองและอนุมายกน้ำชาให้นาง เนื่องจากนางคือชายาเอกคังอ๋องสองคนนี้ต้องให้ความเคารพแก่นางสายตาพลันมองไปที่ประตูเมื่อไรนังแพศยาทั้งสองคนจะเข้ามาเสียที ฮวาหรงกับเสี่ยวเถาพลันสาวเท้าเข้ามาถังเหมยมองไปที่ชุดฮวาหรงเป็นสีแดงอย่างงดงามปักด้วยดิ้นทองอย่างดี แน่นอนว่าชุดนี้สวีไทเฮาเป็นคนมอบให้หลานรักเองกับมือ ถังเหมยใบหน้าแดงก่ำ "เป็นอนุยังกล้าใส่ชุดสีแดงเทียบชายาเอกอีกรึ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง" ฮวาหรงยิ้มเย็นหลังฟังคำพูดของถังเหมย"เหตุใดข้าจะสวมมิได้ ข้าเป็นถึงหลานสาวสวีไทเฮา เจ้าก็แค่ลูกขุนนางระดับล่างที่บังเอิญโชคดีได้แ
เจ้าบ่าวเป็นลมในงาน หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็น่าสงสารแม่นมหงอยู่เหมือนกันถังลีกับมู่หรงมีความคิดเดียวกัน ต่างจากบุรุษทั้งสองอย่างรัชทายาทกับหนิงอ๋องนักต้องสังหารคนทรยศเท่านั้น"บ่าวผิดไปแล้วเจ้าคะ บ่าวผิดไปแล้ว" แม่นมหงตัวสั่นเทิ้ม "แม่นมหงหากเจ้าอยากมีชีวิตรอดจงเป็นหมากให้ข้าต่อกรกับนาง นางสั่งไว้อย่างไรบ้างหลังจากที่วางหนอนกู่ในตัวข้า" หนิงอ๋องอยากรู้ว่าแม่นมหงจะซื่อสัตว์ต่อเขารึไม่ รัชทายาทไม่คิดว่าเสด็จย่าจะชั่วช้ามากแม่นมหงตัดสินใจเล่าให้หนิงอ๋องฟัง หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปหนิงอ๋องจะกลายเป็นคนสติหลุดอีกทั้งจะเชื่อฟังคำสั่งของพระนาง หนิงอ๋องยิ้มเย็นขึ้นมา"เอาล่ะ แม่นมหงนับจากนี้ เจ้าได้จงทำตัวตามปกติ เจ้าไปรายงานนางว่าข้านั้นได้กินหนอนแล้ว หากเจ้าไม่ซื่อสัตว์อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" แม่นมหงกับเสี่ยวฮวาอิงโขกศีรษะให้หนิงอ๋อง จากนั้นให้องครักษ์เงาแอบตามแม่นมหงไป"เค่อจ้าวอีกประเดี๋ยวเจ้าไปที่ตำหนักของสวีไทเฮาหานางเอาหนอนพิษใส่ในน้ำให้นางดื่ม หากมิสำเร็จมิต้องกลับมา" เค่อจ้าวรับคำสั่งของเจ้านาย ถังลีมองหนิงอ๋องที่ใบหน้าเขียวด้วยความโกรธ นางกุมมือเขาไว้ รัชทายาทกับชายากลับจวนไปแ
แต่งชายารองสองคน ทั้งสามคนแต่งกายเรียบร้อยแล่วนั่งคุกเข่าในห้องทรงอักษร ฉินตี้อยากจะตบคังอ๋องยิ่งนัก เหตุใดเป็นคนสารเลวเช่นนี้เปยหานอยากจะเอามีดแทงคังอ๋องให้ตาย ถังเหมยเป็นลมถูกหามกลับจวนไปก่อนหน้านี้แล้ว ในห้องมีเพียง สวีไทเฮา เปยหาน เต๋อเฟย ฉินตี้ ที่กำลังพิพากษาทั้งสามคนอยู่ฮวาหรงไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้พอฮวาหรงเข้ามาในเรือนรับรองคังอ๋องก็จุมพิตนางอย่างเร่าร้อน แน่นอนว่าในห้องมีกำยานจุดอยู่บัดนี้นางให้เสี่ยวเมาจัดการนำไปทิ้งแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือนังเปยหรันมาได้อย่างไรเปยหรันนั้นใช้กำปั้นทุบท้ายทอยของฮวาหรงจนสลบไป จากนั้นนางก็บรรเลงเพลงรักกับคังอ๋องต่อ เหตุใดทุกอย่างจึงเป็นเช่นนี้ นางอยากได้หนิงอ๋องมิใช่คังอ๋องสองสตรีต่างคิดเช่นเดียวกันคนที่เจ็บใจที่สุดเห็นจะเป็นคังอ๋องเสียมากกว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ถังลีจะทำกับเขาเช่นนี้ เหตุใดนางต้องทำร้ายเขาด้วย"เสด็จพี่ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ" เปยหรันเสียใจอย่างมากฉินตี้มองทั้งสามคนในเมื่อเป็นเช่นนี้ "เปยหรันเป็นชายารองคังอ๋อง ส่วนฮวาหรงเป็นอนุของคังอ๋องแล้วกัน" ฉินตี้คิดดีแล้วในเมื่อพวกเขาชอบพอกันเขาก็จะสงเคราะห์ให้เสียหน่อยแล