หลังจากจัดการเรื่องตะขาบเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับมื้อค่ำที่อาจารย์สุภาวิณีจองไว้ เสียงหัวเราะและบทเพลงจากห้องพักชายหญิงดังสลับกันไปมา บ่งบอกถึงความสุขและความผ่อนคลายที่ทุกคนกำลังได้รับ
เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น นักศึกษาทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ร้านหมูกระทะริมทะเลที่อาจารย์จองไว้
บรรยากาศยามเย็นริมหาดทรายช่างสวยงามเหลือเกิน แสงสีส้มแดงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าทอประกายบนผิวน้ำทะเล ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ
โต๊ะหมูกระทะถูกจัดเรียงราย หมูหมัก กุ้ง ปลาหมึก ผักสด และน้ำจิ้มรสเด็ดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยมาเตะจมูก ทำให้ทุกคนท้องร้องจ๊อก ๆ
ปรายฟ้านั่งอยู่ข้างภาคภูมิอีกแล้วโดยไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเพื่อน ๆ แอบจัดให้ กัสกับณัฐพลนั่งเยื้อง ๆ กัน ส่วนมีนากับชัยวัฒน์ก็นั่งตรงข้ามกัน
“โอ๊ย หิวมาก” กัสพูดพลางคีบหมูลงบนเตาอย่างรวดเร็ว
“ใจเย็น ๆ กัส เดี๋ยวก็ไหม้หรอก” ณัฐพลบอกพลางช่วยคีบผักวางรอบ ๆ
ชัยวัฒน์รีบย่างกุ้งให้มีนา “นี่มีนากินเยอะ ๆ จะได้มีแรงไปเถียงฉันพรุ่งนี้”
มีนาทำหน้าหมั่นไส้ “ไม่ต้องมาทำเป็นดีเลยยะ” แต่เธอก็รับกุ้งมาทาน
ภาคภูมิคีบหมูย่างส่งให้ปรายฟ้า “ปรายฟ้ากินนี่สิจะได้มีแรง”
ปรายฟ้ารู้สึกแก้มร้อนผ่าวเล็กน้อยเธอยิ้มรับ “ขอบใจนะภาคภูมิ”
ระหว่างที่กินหมูกระทะทุกคนก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แซวกันไปมา
บางครั้งก็มีเรื่องเรียน เรื่องเพื่อนหรือเรื่องตลก ๆ มาเล่าให้กันฟัง ภาคภูมิที่ปกติจะเงียบขรึมก็ดูผ่อนคลายขึ้น เขายิ้มและหัวเราะกับบทสนทนาของเพื่อน ๆ บ่อยขึ้นกว่าปกติ ทำให้ปรายฟ้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจที่ได้เห็นเขามีความสุข
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับหมูกระทะแล้ว อาจารย์ก็อนุญาตให้นักศึกษาเดินเล่นริมหาดได้ตามอัธยาศัย ทุกคนต่างเดินทอดน่องไปตามชายหาดที่ทอดยาว ท่ามกลางเสียงคลื่นและลมทะเลที่พัดเอื่อย ๆ
ปรายฟ้าเดินเคียงข้างกับภาคภูมิ ทรายนุ่ม ๆ ใต้ฝ่าเท้าทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
“ทะเลตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะ” ปรายฟ้าพูดขึ้น
“อืม เงียบสงบดี” ภาคภูมิตอบพลางมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
“นายชอบทะเลไหม” ปรายฟ้าถามภาคภูมิแล้วก็มองหน้าของเขา
“ก็เฉย ๆ แต่ถ้ามากับเพื่อนแบบนี้ก็โอเค” ภาคภูมิตอบตามตรง ทำให้ปรายฟ้าแอบยิ้ม
กัสและณัฐพลเดินนำหน้าไปไม่ไกล ณัฐพลจับมือกัสไว้หลวมๆ ขณะที่พวกเขากำลังมองหาเปลือกหอยสวยๆ
“พลดูสิ เปลือกหอยนี่สวยจังเลย” กัสชี้ให้ณัฐพลดูเปลือกหอยสีชมพูเล็ก ๆ
“เก็บไว้สิเอาไว้เป็นที่ระลึก” ณัฐพลบอกพลางลูบผมกัสเบา ๆ
ด้านหลังมีนากับชัยวัฒน์เดินตามมาอย่างช้า ๆ ชัยวัฒน์พยายามแกล้งมีนาด้วยการใช้เท้าเตะทรายใส่เธอเบา ๆ
“นี่นายทำอะไรของนายเนี่ย” มีนาโวยวายแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้
“ก็มันคันเท้า” ชัยวัฒน์หัวเราะ
มีนาส่ายหน้า “นายมันก็เป็นแบบนี้ตลอด” แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็บ่งบอกว่าเธอไม่ได้โกรธจริง ๆ จัง ๆ
ปรายฟ้าและภาคภูมิเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงโขดหินเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปในทะเล พวกเขานั่งลงบนก้อนหิน มองดูคลื่นซัดเข้าฝั่งและแสงจันทร์ที่ส่องประกายระยิบระยับบนผิวน้ำ
“นายดูมีความสุขขึ้นนะวันนี้” ปรายฟ้าพูดขึ้น มองไปที่ใบหน้าของภาคภูมิที่ตอนนี้ดูผ่อนคลายกว่าทุกครั้ง
“อืม” ภาคภูมิตอบสั้น ๆ “บรรยากาศดี”
“นายไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่เลยนะ” ปรายฟ้าหัวเราะเบา ๆ
“เหมือนน้ำแข็งเลย”
ภาคภูมิหันมามองปรายฟ้า ดวงตาของเขาอ่อนโยนขึ้น “ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ”
“ฉันรู้” ปรายฟ้าตอบ
“แต่นายก็มีมุมที่น่ารักกว่าที่คิดเยอะเลยนะ”
คำพูดของปรายฟ้าทำให้ภาคภูมินิ่งไปชั่วขณะ เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาของเขากลับจ้องมองปรายฟ้าอย่างไม่วางตา แววตาที่สื่อถึงความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ที่แน่ ๆ คือมันเป็นความรู้สึกที่ดี
“นายรู้ไหมตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นคนเข้าถึงยากมากเลยนะ”ปรายฟ้าพูดต่อ
“แต่พอได้คุยกันจริง ๆ นายก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย”
“คุณก็เหมือนกัน” ภาคภูมิพูดขึ้นมา “ผมคิดว่าปรายฟ้าเป็นคนร่าเริงอย่างเดียว แต่ก็มีมุมที่จริงจังและอ่อนโยนเหมือนกัน”
ปรายฟ้ายิ้มกว้างกับคำพูดของภาคภูมิทำให้เธอรู้สึกดีใจอย่างประหลาด
เมื่อเวลาเริ่มดึกทุกคนก็เริ่มทยอยกันกลับเข้าห้องพักแต่ละคู่ต่างก็เดินคุยกันอย่างออกรสก่อนที่จะแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง
ภาคภูมิเดินมาส่งปรายฟ้าที่หน้าห้องพักหญิง
“ฝันดีนะ พักผ่อนเยอะ ๆ” ภาคภูมิพยายามพูดไม่ให้ตัวเองเขินแต่ก็หน้าแดงอย่างห้ามไม่ได้
“นายก็เหมือนกันนะ” ปรายฟ้าตอบเธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างที่อยู่ในใจ
“ขอบใจนะภาคภูมิสำหรับวันนี้ฉันมีความสุขมากเลย”
ภาคภูมิมองปรายฟ้าแล้วยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“ผมก็เหมือนกันปรายฟ้า”
ชื่อของปรายฟ้าที่หลุดออกมาจากปากของภาคภูมิทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เธอรู้ว่าคืนนี้เธอคงนอนไม่หลับแน่ ๆ
เมื่อปรายฟ้าเดินเข้าห้องพักไปแล้วภาคภูมิก็ยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้องพักชาย เขามองไปยังประตูห้องของปรายฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความรู้สึกที่กำลังละลายกำแพงน้ำแข็งในใจของเขาอย่างช้า ๆ
ในห้องพักหญิงปรายฟ้าเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กัสกับมีนาฟังอย่างตื่นเต้น กัสกับมีนาต่างก็ยิ้มและแซวปรายฟ้ากันยกใหญ่
“แหม เจ้าชายน้ำแข็งละลายแล้วสิ” มีนาแซว
“ฉันว่างานนี้มีเฮนะปราย” กัสเสริม
ปรายฟ้าได้แต่เขินและหัวเราะ แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและหวั่นไหว
ปรายฟ้านอนเล่นอยู่บนเตียงขณะที่กัสกับมีนากำลังคุยกันเรื่องกิจกรรมของวันพรุ่งนี้ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของปรายฟ้าก็สั่นขึ้น เป็นข้อความจากภาคภูมิ
ภาคภูมิ
: ตะขาบตัวนั้นน่ากลัวมากเลยเหรอ เห็นคุณหน้าซีดไปเลยปรายฟ้าอดอมยิ้มไม่ได้ที่เขาเป็นห่วงเธอรีบพิมพ์ตอบกลับ
ปรายฟ้า: นายรู้ได้ไงว่าฉันหน้าซีด! แต่มันก็น่ากลัวจริง
ๆ นั่นแหละ ฉันไม่ชอบสัตว์เลื้อยคลานเลยภาคภูมิ: แค่มองก็รู้
ถ้าเจออีกก็เรียกได้นะครับข้อความของภาคภูมิทำให้ใจปรายฟ้าเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง เธอพิมพ์ตอบไปยิ้มๆ
ปรายฟ้า: โห
งั้นฉันคงต้องรบกวนนายบ่อยๆ แล้วล่ะ ถ้าเจอแมลงสาบด้วยจะช่วยไหมเนี่ยภาคภูมิ: (ส่งสติกเกอร์ยิ้มมุมปาก)
แล้วแต่วิจารณญาณครับปรายฟ้าหัวเราะเบา ๆ กับคำตอบของเขา บทสนทนาในแชทดำเนินไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องตลกเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องการเตรียมตัวสำหรับโปรเจกต์และเรื่องที่แต่ละคนเจอในวันนี้
เป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวและผ่อนคลายมากขึ้น ได้รู้จักมุมอื่น ๆ ของกันและกันที่ไม่ได้เห็นในเวลางานซ่อนอยู่
หลังจากปิดหน้าจอโทรศัพท์ปรายฟ้านอนมองเพดานห้อง หัวใจของเธอยังคงเต้นระรัวกับบทสนทนาเมื่อครู่ การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของภาคภูมิ
ตั้งแต่การยื่นขวดน้ำให้การคลุมผ้าห่มให้ไปจนถึงการช่วยจัดการกับตะขาบและข้อความห่วงใยก่อนนอน ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ความรู้สึกบางอย่างในใจของปรายฟ้าเริ่มชัดเจนขึ้นเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสนใจภาคภูมิ มากกว่าแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดา ๆ
ในห้องพักชายภาคภูมิเองก็วางโทรศัพท์ลง เขานอนหงายมองเพดานเช่นกัน
มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงบทสนทนากับปรายฟ้า เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากที่เคยรู้สึกกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ รอยยิ้มของปรายฟ้าเสียงหัวเราะของเธอและแววตาที่เต็มไปด้วยความสดใส ทำให้หัวใจที่เคยนิ่งเฉยของเขาเริ่มไหวหวั่น ความห่วงใยที่เขามีต่อเธอไม่ได้เกิดขึ้นแค่ตอนเธอสะดุดล้มหรือกลัวตะขาบ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
คืนนั้นคลื่นทะเลยังคงซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะแต่ในใจของปรายฟ้าและภาคภูมิกลับมีคลื่นความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันคลื่นแห่งความหวั่นไหวที่ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
คืนนั้น ณ ห้องพักริมทะเล ปรายฟ้าและภาคภูมิต่างก็หลับไปพร้อมกับความรู้สึกพิเศษที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจของกันและกัน
ตอนที่ 22ทะเลกับความรู้สึกที่เบ่งบานหลังจากจัดการเรื่องตะขาบเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับมื้อค่ำที่อาจารย์สุภาวิณีจองไว้ เสียงหัวเราะและบทเพลงจากห้องพักชายหญิงดังสลับกันไปมา บ่งบอกถึงความสุขและความผ่อนคลายที่ทุกคนกำลังได้รับเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น นักศึกษาทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ร้านหมูกระทะริมทะเลที่อาจารย์จองไว้บรรยากาศยามเย็นริมหาดทรายช่างสวยงามเหลือเกิน แสงสีส้มแดงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าทอประกายบนผิวน้ำทะเล ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจโต๊ะหมูกระทะถูกจัดเรียงราย หมูหมัก กุ้ง ปลาหมึก ผักสด และน้ำจิ้มรสเด็ดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยมาเตะจมูก ทำให้ทุกคนท้องร้องจ๊อก ๆปรายฟ้านั่งอยู่ข้างภาคภูมิอีกแล้วโดยไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเพื่อน ๆ แอบจัดให้ กัสกับณัฐพลนั่งเยื้อง ๆ กัน ส่วนมีนากับชัยวัฒน์ก็นั่งตรงข้ามกัน“โอ๊ย หิวมาก” กัสพูดพลางคีบหมูลงบนเตาอย่างรวดเร็ว“ใจเย็น ๆ กัส เดี๋ยวก็ไหม้หรอก” ณัฐพลบอกพลางช่วยคีบผักวางรอบ ๆชัยวัฒน์รีบย่างกุ้งให้มีนา “นี่มีนากินเยอะ ๆ จะได้มีแรงไปเถียงฉันพรุ่งนี้”มีนาทำหน้าหมั่นไส้ “ไม่
ตอนที่21ค้างคืน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ศูนย์เรียนรู้ กลุ่มนักศึกษาก็พร้อมออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางถัดไป นั่นคือที่พักริมทะเล รถบัสแล่นออกมาจากศูนย์ทิ้งความร่มรื่นของป่าไม้ไว้เบื้องหลังมุ่งหน้าสู่ท้องทะเลสีครามที่รออยู่เบื้องหน้า แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลง บรรยากาศในรถอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นและรอยยิ้มของนักศึกษาปรายฟ้านั่งริมหน้าต่างมองวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนผ่านไปเรื่อย ๆ ข้าง ๆ เธอ ภาคภูมิกำลังก้มอ่านอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจแต่ก็มีบางจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมามองเธอกัสที่นั่งกับณัฐพลไม่วายที่จะแอบหยิกแก้มของณัฐพลเบา ๆ เมื่อเขาแกล้งหลับพิงไหล่ของเธอ ส่วนมีนาและชัยวัฒน์ก็ยังคงเถียงกันเรื่องเพลงที่เปิดในรถ เสียงหัวเราะและเสียงแซวกันดังเป็นระยะ สร้างความครึกครื้นตลอดการเดินทาง“นักศึกษามีใครอยากเป็นนักร้องบ้าง ใครอยากโชว์ลูกคอเป็นเพลงแรกค่ะ” อาจารย์สุภาวิณีเอ่ยถามขึ้นมาเท่านั้นแหละ บรรยากาศในรถก็เปลี่ยนเป็นคอนเสิร์ตเคลื่อนที่ทันทีกัสและณัฐพลอาสาเป็นคู่แรก พวกเขาร้องเพลงคู่รักหวาน ๆ ด้วยเสียงที่ประสานกันอย่างน่ารัก ทำให้เพื่อน ๆ ในรถส่งเสียงกรี๊ดและแซวกันยกใหญ่“โอ๊ย!!! หวานกว่
ตอนที่20ใกล้กันอีกนิด ไม่นานนักรถบัสก็เริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถของศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาจะมาทัศนศึกษา อาคารไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น ด้านหน้ามีป้ายต้อนรับที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างสวยงามอาจารย์สุภาวิณีประกาศให้นักศึกษาลงจากรถและมารวมตัวกันหน้าอาคาร“ถึงแล้ว!!!” กัสกระซิบณัฐพลใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกันกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันปรายฟ้าลงมาจากรถพร้อมกับภาคภูมิ กลิ่นอายของธรรมชาติ ทั้งกลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้และความชื้นจากอากาศที่ร่มเย็นทำให้เธอรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก“อากาศดีจังเลยเนอะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นขณะสูดหายใจเข้าลึก ๆ“จริง” ภาคภูมิตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจอาจารย์สุภาวิณีเริ่มอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่และกิจกรรมที่นักศึกษาจะต้องทำรวมถึงการแบ่งกลุ่มสำหรับการเดินสำรวจและเก็บข้อมูล“เอาล่ะค่ะนักศึกษา ทุกคนจะต้องทำงานเป็นกลุ่มนะครับ ตามกลุ่มโปรเจกต์ที่เราแบ่งไว้แล้ว แต่ละกลุ่มต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพืชพรรณ สัตว์เล็ก ๆ และระบบนิเวศน์ในบริเวณนี้ เพื่อนำ
ตอนที่19เมื่อมนุษย์น้ำแข็งละลาย ผ่านไปไม่นานเสียงเพลงคลอเบา ๆ บนรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ปรายฟ้าที่แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่หายขาดจากอาการเพลีย เธอเผลอหลับไปแล้วศีรษะของเธอค่อย ๆ เอนไปซบไหล่ของภาคภูมิภาคภูมิรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ เขาหันมามองปรายฟ้าที่หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอรดต้นคอของเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เขาเพียงแค่ทอดสายตามองไปข้างหน้า ปล่อยให้เธอหลับพิงอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยกัสที่ได้นั่งข้างณัฐพลก็ยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบหันไปมองปรายฟ้าและภาคภูมิ แล้วยกนิ้วโป้งให้มีนาที่นั่งอยู่ข้างชัยวัฒน์ มีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ ก่อนจะแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปโมเมนต์ของปรายฟ้ากับภาคภูมิเก็บไว้ในขณะที่ปรายฟ้ากำลังหลับพิงไหล่ภาคภูมิอย่างสบายใจ กัสที่ได้นั่งเบาะข้างกันกับณัฐพลก็รู้สึกมีความไม่แพ้กัน เธอมองณัฐพลที่กำลังเปิดมือถือดูรูปถ่ายที่ทั้งสองแอบไปเดทกันมาเมื่อไม่นานแล้วยิ้มออกมา“พลจำได้ด้วยเหรอว่ากัสชอบรูปนี้” กัสถามณัฐพลเสียงเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานเผยออกมาณัฐพลเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองกัส “ก็จำได้สิ รูปนี้เธอยิ้มสวยดี” เ
ตอนที่18เตรียมตัวออกเดินทางได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลาดจอดรถมหาวิทยาลัย เสียงจอแจของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหอบหิ้วสัมภาระมากันเต็มที่ อากาศยามเช้าสดใสทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษปรายฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมกับมีนาและกัส เธอดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าเมื่อวาน“โชคดีนะที่หายดีขึ้นมาบ้าง” มีนาพูดขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมโปรเจกต์“ฉันนึกว่าต้องแบกแกไปซะแล้ว”“พูดบ้า ๆ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ปรายฟ้าแย้งพลางยิ้มแหย ๆกัสชำเลืองไปเห็นภาคภูมิกำลังยืนคุยกับชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ไม่ไหล “โน่นไง เจ้าชายน้ำแข็งของแกมาแล้ว”“นั่นก็พลเจ้าชายของแกไม่ใช่หรือไงกัส” ปรายฟ้าแซวเพื่อนเช่นกันเพราะตอนนี้กัสกับณัฐพลกำลังคุย ๆ กันอย่างเปิดเผยแล้วกัสหันมาทำตาเขียวใส่ปรายฟ้า “นี่แกว่าอะไรนะ พูดดี ๆ หน่อยสิ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของกัสก็แดงขึ้นเล็กน้อย ปรายฟ้าและมีนาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อนปรายฟ้าเหลือบมองไปทางกัสชี้ใบหน้าของภาคภูมิ ดูนิ่งเฉยตามปกติแต่แววตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมองหาสักคนอยู่ ก่อนที่สายตาของเข
ตอนที่17ทริปทัศนศึกษาแม้ว่าปรายฟ้าจะมีอาการที่ดีขึ้นแต่เมื่อเธอกลับถึงหอพักร่างกายของเธอก็อ่อนเพลียมาก ๆ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างหมดแรง วันนี้อาการป่วยยังไม่หายสนิท เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปรายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อภาคภูมิปรากฎอยู่บนหน้าจอเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเธอ ปรายฟ้าจึงกดรับสายของเขา“ฮัลโหล” เสียงของปรายฟ้าแหบเล็กน้อยจากการไอ“ปรายฟ้าคุณดีขึ้นหรือยัง” เสียงของภาคภูมิดังมาตามสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย“ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเพลีย ๆ ปวดหัวแล้วก็ยังไอ มีอะไรหรือเปล่า” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่สัมผัสได้“กินยาหรือยังไปรายฟ้าได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นและเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้“กินแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก นายเองก็ตากฝนเหมือนกันระวังจะไม่สบายเหมือนฉัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว“ไม่มีทางคนอย่างผมแข็งแรงกว่าที่คุณคิดมาก” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มคนเดียวเช่นเดียวกัน“จ้าพ