LOGINเวลาต่อมา
“พี่ค้าบ…” ปีรามิดยืนอยู่ในห้องกรง มือเล็กจับซี่เหล็กเขย่าไปมาเหมือนหมาถูกขัง “พี่จ๋า…” เสียงอ้อนกระท่อนกระแท่นโบกมือไปมาขอความเห็นยกปลายเท้ากระโดดโหย๋งเหย๋งอยู่ไม่สุข ’ พี่ตำรวจปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่กินแล้ว ผมไปขอคนอื่นก็ได้ ทำไมต้องจับมาขังแบบนี้ด้วย’ ปากบางกัดสั่นแต่กัดฟันกรอด มือเล็กกระตุกกรงเหล็กแรงๆ แม่ว่ามันจะไม่สะทกสะท้านสักนิด เรยาหัวเราะในห้องควบคุม เสียงแหบพร่า “ไอ้เหี้ย… โดนจับขังแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ’ ไอ้ตำรวจนี่มันจิตใจอำมหิตชะมัด แค่คนตัวเล็กมาขอเงินกินข้าวก็จับเข้าคุกเฉยเลย’ เพื่อนอีกคนขมวดคิ้วบ่นไปเรื่อยเปื่อย ’ กูว่าแล้ว ไม่มีใครใจดีขี้สงสารเท่าเมียกูอีกแล้ว’ เรยากอดอกอวดสรรพคุณคนรักที่เป็นตำรวจเหมือนกันเสียงหัวเราะพรืดดังลั่นรถด้วยความหมั่นไส้อีกครั้ง ’ เลิกอวดเมียก่อนได้ไหมไอ้เรย์ ถ้าไม่อยากถูกตีนเล็กๆ ของไอ้มิดนาบหน้าก็รีบส่งคนไปประกันตัวมันเร็ว’ โรมเสนอ ปกระดิกตัวไปมา มือเล็กกวาดไปตามเหล็กกรง หางตากระพริบตาตื่น ๆ ร่างตัวกระแทกเบา ๆ กับพื้นห้อง ขาเต้นตุบ ๆ ไม่ได้หยุดนิ่ง’ ก็ด้ะ… รอแป๊บ ทำบัตรปลอมให้มันอยู่ ท่าทางจะเล่นด้วยยาก’ เสียงเรย์แผ่ว หรี่ตามองเพื่อน ๆ รอยยิ้มมุมปากบ่งบอกความเจ้าเล่ห์ ’ ไอ้หมอนี่มันไม่ดูเป็นคนดีเลยแฮะ ไม่ใกล้เคียงคำว่าน่าสงสารสักนิด’ เพื่อนอีกคนพูด พลางยักคิ้ว ปีรามิดทำหน้าเหมือนจะโวยวาย แต่หางตากลอกมองหมวดอุดมที่นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ จิบเครื่องดื่ม ’ เมียมึงโดนหลอกใช้แน่ ๆ ไอ้เรย์’ เพื่อนอีกคนกระซิบ เสียงต่ำแต่หนักแน่น ’ คิดว่ากูจะปล่อยมันไปง่าย ๆ เหรอ พวกมึงช่วยหน่อย ไอ้แว ไอ้โรม ระหว่างรอไอ้มิดออกมา เจาะข้อมูลไอ้หมวดอุดมที’ เรยาส่งเสียงเรียก มือขยับชี้ไปที่หน้าจอแท็บเล็ตที่ติดตามเพื่อน ’ งานนี้กูเอาด้วย กูได้กลิ่นทะแม่งลอยมาแต่ไกล’ ’ กูก็เอาด้วย ถึงกูจะเกลียดผัวสารวัตรแต่กูจะช่วยมันเอาบุญ’ ’ ไอ้โรม..ผัวสารวัตรคีรติก็กูใช่ไหม?’ ’ ช่ายย~’ ’ ถ้ากูว่างจะกระทืบให้เละเป็นขี้เลย ไอ้สัส จ้องจะเคลมเมียกูเดี๋ยวเถอะ มึง…กูจะเป่าหูให้บอดี้การ์ดพ่อมึงคนที่ดุดุล่อมึง’ เรยาขู่ กึ้งๆๆๆๆๆๆ ปีรามิดขยับตัวเข้าหากรงเขย่าเหมือนลูกหมาอยากได้ความสนใจ “พี่ค้าบ… พี่จ๋า… ปล่อยผมเถอะครับ” หมวดอุดมนั่งไขว่ห้างจิบชา มืออีกข้างพักบนแขนเก้าอี้รับรองในโรงพักยามวิการเงียบสงัดเว้นก็แต่เสียงโหยหวนเขย่ากรงตลอดเวลาของคนตัวเล็กด้านใน เจ้าหน้าที่เข้าเวรโต๊ะข้าง ๆ มองคนสองคนสลับไปมา รู้สึกเหมือนสงสัยไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น สามชั่วโมงต่อมา “เบบี๋ สุขาสวัสดิ์ อายุยี่สิบสองปี เป็นโรค…จิตเวช” เจ้าหน้าที่มูลนิธิยืดตัวตรง มือประสานกันเล็กน้อย แววตาเรียบนิ่งท่าทางน่าเชื่อถือฟังเจ้าพนักงานอ่านประวัติคนที่นายตำรวจหิ้วมาใส่ห้องขังข้อหาต้องสงสัยเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายขณะชี้ไปที่เอกสารประวัติส่วนตัว “ครับ พอดีแกแอบคายยาทิ้ง อาการก็เลยกำเริบอย่างที่เห็น ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เดือดร้อนและเสียเวลาคุณตำรวจ” เขาก้มหน้าสักพัก ก่อนเงยขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเกือบขบกัน ขณะพูดออกมาเสียงเรียบ “ทำไมเขาถึงออกมาขอเงินคนอื่นแบบนี้ล่ะ” ดาบตำรวจฝ่ายซักประวัติถามขึ้นจ้องมองเจ้าหน้าที่ขณะจับแฟ้มเอกสาร “บ้านแกเคยรวยน่ะครับ แต่ล้มละลาย ก็เลยเป็นโรคประสาทตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” เจ้าหน้าที่เอ่ยเสียงสั่นพร่าก้มหน้ามองฝ่ามือที่ประสานกันบนตักไหวไหล่เล็กๆ ราวกับกำลังกลั้นสะอื้นดวงตาแววเศร้าไปด้วย “นานหรือยัง” เขาพยักหน้าเล็กๆ ลมหายใจออกช้า “สามปีแล้วครับ พ่อแม่แกฆ่าตัวตาย ญาติก็ไม่เอา ก็เลยถูกพามาไว้ที่มูลนิธิ จะหาคนรับอุปถัมป์ก็ลำบาก เพราะแกไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย” มือเจ้าหน้าที่แตะเอกสารเบาๆ ราวกับคลายความตึงเครียด “เด็กคนนี้มีนิสัยยังไง ว่าง่ายมั้ย ดื้อมากมั้ย แล้วมีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง” สายตาสารวัตรเคพินิจ แววตาเล็งมาที่แฟ้ม เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “เอ่อ…อ้อ ผมเตรียมประวัติของแกมาด้วย เผื่อคุณตำรวจจะสนใจ หรือช่วยหาคนที่เอ็นดูรับแกไปเลี้ยง จะดีมากเลยครับ” เจ้าหน้าที่ยิ้มใสซื่อชวนให้สงสาร เอกสารบางส่วนสะท้อนแสงไฟ มือเลื่อนผ่านช้าๆ นิ่งพินิจ นั่งยืดหลังเล็กน้อย มุมปากขยับเบาๆ ขณะอ่าน…นั่งดูประวัติคนชื่อแปลก นิสัยแปลก ไม่เหมือนคนป่วย แต่ก็ดูไม่ปกติเท่าไหร่ ประวัติครอบครัวดี ไม่มีระบุว่าเป็นโรคแปลกๆ ไม่เจ้าอารมณ์หยาบคายหรือดื้อด้าน รักสัตว์ อบอุ่นอ่อนโยน ชอบเล่นเป็นนักสืบเพราะชอบนักสืบโคนัน หาของเก่ง…หมวดอุดมขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาสงสัยระคนสนใจ “…น่าสนใจดีเหมือนกัน…” เขาวางแฟ้มลงแม้ยังคงจับจ้องเอกสารราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ สารวัตรคีรติยืนพิงขอบโต๊ะทำงาน แสงไฟอ่อนจากเพดานสะท้อนบนเอกสารเกลื่อนไปบนโต๊ะ เขามองหมวดอุดมด้วยสายตาเรียบเฉยแต่แฝงความห่วงใย “สวัสดีครับ หมวดอุดม” เสียงทุ้มเรียบแต่ชัดเจน ผู้หมวดหนุ่มพยักหน้ารับพลางหยิบกาแฟขึ้นจิบ “อรุณสวัสดิ์ครับ สารวัตรคีรติ” “วันนี้ฟ้าครึ้มตั้งแต่เช้าเลยนะครับ” สารวัตรหนุ่มเอ่ย พลางเลื่อนสายตาไปยังหน้าต่าง มองเงาเมฆหนาทึบทอดยาวบนแม่น้ำด้านนอก ใบหน้าหล่อละมุนของหมวดอุดมฉายแววกังวลมากกว่าทุกครั้งพ่นลมหายใจช้า ๆ หัวค้อมลงเล็กน้อย “ครับ…บรรยากาศน่านอน…ที่อื่นที่ไม่ใช่ที่บ้าน” น้ำเสียงเรียบเฉยแต่มีความเหนื่อยปะปนเอ่ยกับคนข้างๆ พักนี้ดูสนิทสนมกันจนใครต่อใครพูดถึง ข้าราชการชายสองคนผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ไม่มีคนรักทั้งที่อายุเข้าเลขสามแล้ว “ไม่นอนที่บ้าน? อ้อ จริงสิผมได้ข่าวว่าคุณรับอุปการะคนป่วยทางจิต ไม่รู้เลยครับว่าคุณจะมีด้านที่อ่อนโยนเหมือนกัน” สารวัตรคีรติทักขึ้น หมวดอุดมขมวดคิ้ว ไม่รู้ข่าวเล็ดลอดมาได้อย่างไรทั้งที่ไม่บอกใคร “ก็…ครับแค่อุปการะค่าใช้จ่ายกับรับแกมาช่วยเลี้ยงวันเสาร์อาทิตย์อาการอาจจะดีขึ้น” สารวัตรเอียงคอสงสัย พลางยกคิ้วเล็กน้อย “หือ?” “เด็กนั่นไม่ปกติเท่าไหร่เป็นโรคประสาทน่ะครับ” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ” สารวัตรคีรติมองสายตาอ่อนล้าของผู้หมวดคนเก่ง หมวดอุดมพยักหน้า สายตาเย็นชาราวกับตรวจสอบความจริงรอบตัว แต่แววตาแฝงความเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ “…ครับ…ขอบคุณนะ” คีรติเงยหน้ารับรู้ได้ถึงความหนักอึ้งในใจหมวดอุดม แต่ก็เลือกเว้นระยะให้บรรยากาศคลายลงนิ้วยาวของเรยาเกี่ยวขอบกางเกงผ้านุ่มลื่นสีขาวลงพ้นเนินสะโพกดึงลงจนร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นทำให้ท่อนล่างคุณตำรวจไร้เครื่องป้องกัน“ตัวเองชอบตอนเค้าติดสัตว์ไง” ปากได้รูปที่ชอบพ่นคำลามกทำเอาเจ้าของงบ้านนมันเขี้ยวอย่างหนักมือข้างหนึ่งของคุณตำรวจบีบกรามเจ้าหมาตัวโตแน่นแตเจ้าตัวดีกลับเอียงหน้ามาเลียหลังมือขาวสว่างเอาอกเอาใจ สองมือที่กอบกุมก้อนสะโพกแน่นสอดลึกลงไปในร่องหลืบคับแคบ รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสารวัตรหนุ่มยิ่งทำให้หมาอย่างเรย์ได้ใจหันหน้ามองเนื้อแท่งขาวราวกับบไส้กรอกอวบอิ่มสิ่งกลิ่นหอมหวน เกร็งข้อมือโอบอุ้มก้อนเนื้อแน่นยกขึ้นน้อยๆ ร่างสูงของสารวัตรต้องเขย่งปลายเท้าเจ้าหมาเด็กไม่รู้สำนึกว่าทำความผิดยังคงนัวเนียของโปรดไม่หยุดหย่อนหน้าหล่อๆ มุดกลางหว่างขาคนพี่แหงนหน้าเสยปลายลิ้นลากผ่านถุงเนื้อนุ่มนิ่มปาดเลียลำร้อนขาวเนียนยิ่งกว่าผิวเด็กอ่อน แท่งเนื้อที่มักจะมีปฏิกริยากับสัมผัสของหมาบ้าอย่างเรย์เสมอมือสองข้างของสารวัตรคีรติต้องประคองบ่ากว้างเอาไว้เมื่อถูกช้อนสะโพกขึ้นจนไม่สามารถเหยียบพื้นได้ ขาสองข้างกางออกกว้างจนแทบจะขี่คอคนเมา“อืมมม~”คุณตำรวจส่งเสียงครางแผ่วทุกครั้งที่เก
เวลาต่อมาสภาพห้องใต้ดินเละเทะเศษขนมเกลื่อนกราดกระป๋องเบียร์ขวดน้ำอัดลมและน้ำเปล่าเป็นกอง ทั้งหมดมึนเมาตามๆ กันแค่นั่งยังเซ เสียงพูดคุยยืดยานฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง“มึงจะกลัวอะไรเราสี่คนเป็นส.ส นะมิดจี้มึงเองก็บอกว่ามันไม่กล้าทำอะไร” แวซายพูดพลางโยนถุงขนมบนโต๊ะให้น้องเล็กปีรามิดตะครุบกอบโกยเอามากอดไว้ไม่แบ่งใคร “ถ้ามันต้องทำขึ้นมาล่ะแล้วพวกมึงจะมีปัญญาคลอดลูกไปคืนแม่กูหรือไง!?” เสียงขึ้นสูงอย่างกับจะกัดใครสักคน“มึงนี่หงุดหงิดง่ายชะมัดตอนโมโหเสียงก็ยิ่งแหบเหมือนอะไรก็ไม่รู้ แกว๊กๆๆๆๆ” โรมหัวเราะ“ทำไมไม่เอาอย่างลูกพี่ลูกน้องมึงบ้างวะ เอาสมองมาไว้ที่จู๋ไม่ต้องคิดห่าอะไร เด้าอย่างเดียวไม่เครียดก็เด้า หิวก็เด้า อิ่มก็เด้า เลี้ยงง่ายสัด”“เออจริง มึงน่าจะแดกน้ำอสุจิแทนข้าวไปเลยนะ” อีกคนเสริม“ชมกูอยู่ปะวะ จะได้เขินถูก” เรยายกคิ้ว ยิ้มกวนปีรามิดกอดอก หัวเราะหึ ๆ เพราะอารมณ์เย็นลง“สมองอยู่ที่จู๋จริง ๆ”“ทำไมพ่อแม่พวกเราถึงมาเป็นนักการเมืองวะ” เรย์ยกขวดเหล้า ขยับปากยิ้มจาง ๆ “แดกบ้านแดกเมืองแล้วมันเท่ดีมั้งแล้วมาตอแหลว่ารักประเทศ ““จริง…” เสียงแวซายรับคำเบา ๆ“อย่าทำตัวน่าเบื่อ
วันเสาร์บ้านผู้หมวดอุดมศักดิ์แกร่ก…แต๊กกกกๆๆๆๆๆๆ …“ไอ้เหี้ย! กูบอกให้ระวังหลังไง!”เสียงตะโกนปนหัวเราะดังออกมาจากห้องโถง เสียงเมาส์กดคลิกตามจังหวะเกมก้องสะท้อนผนัง ตัวละครกระโดดเล็กน้อย หมุนตัวหลบการโจมตีในเกม เสียงปัง ๆ ๆ ดังตามจังหวะมือเขย่าเมาส์“หนวกหู!! เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมส์สักที” หมวดอุดมศักดิ์พ่นลมหายใจตวาดลั่นบ้าน“แป๊บนึงกำลังจะชนะแล้ว” ปีรามิดทำเสียงยียวนเออออแต่ไม่ขยับเขยื้อนจากหน้าจอ“หยุดเล่นเดี๋ยวนี้!!” น้ำเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยอำนาจ ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งไป“มีเมลล์ส่งเข้ามาหาคุณด้วยล่ะ ผมปลดล็อคดู เขาบอกว่าอะไรน้าฟินแลนด์สามวันเวลาสามนาฬิกา…เหมือนรหัสลับปฏิบัติการในเกมส์เลย” ร่างผอมบางลอยหน้าลอยตาเล่นเกมส์ต่อสู้เสียงดังแล้วหัวเราะไปพร้อมกันตึก ตึก ตึกหมั่บบ!!หมวดอุดมศักดิ์เอื้อมมือมาบีบแก้มขาวให้หันหน้ามาสบตาแรงๆ “ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับของของฉัน…อยากตายเหรอไง!” เสียงแข็งกร้าวเย็นชาเค้นต่ำกดดันคนตัวเล็กไม่ต่างจากราชสีกับลูกแมวดวงตากลมใต้ผมหน้าม้าต้องแสงวาวชั่วครู่แม้จะถูกบีบจนเจ็บกรามแต่เลือดนักสู้ก็ไม่ยอมง่ายๆ “ถ้าผมตาย ข้อมูลของคุณกับคนในความลับแ
เวลาต่อมา“พี่ค้าบ…”ปีรามิดยืนอยู่ในห้องกรง มือเล็กจับซี่เหล็กเขย่าไปมาเหมือนหมาถูกขัง“พี่จ๋า…”เสียงอ้อนกระท่อนกระแท่นโบกมือไปมาขอความเห็นยกปลายเท้ากระโดดโหย๋งเหย๋งอยู่ไม่สุข’ พี่ตำรวจปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่กินแล้ว ผมไปขอคนอื่นก็ได้ ทำไมต้องจับมาขังแบบนี้ด้วย’ ปากบางกัดสั่นแต่กัดฟันกรอด มือเล็กกระตุกกรงเหล็กแรงๆ แม่ว่ามันจะไม่สะทกสะท้านสักนิดเรยาหัวเราะในห้องควบคุม เสียงแหบพร่า “ไอ้เหี้ย… โดนจับขังแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”’ ไอ้ตำรวจนี่มันจิตใจอำมหิตชะมัด แค่คนตัวเล็กมาขอเงินกินข้าวก็จับเข้าคุกเฉยเลย’ เพื่อนอีกคนขมวดคิ้วบ่นไปเรื่อยเปื่อย’ กูว่าแล้ว ไม่มีใครใจดีขี้สงสารเท่าเมียกูอีกแล้ว’ เรยากอดอกอวดสรรพคุณคนรักที่เป็นตำรวจเหมือนกันเสียงหัวเราะพรืดดังลั่นรถด้วยความหมั่นไส้อีกครั้ง’ เลิกอวดเมียก่อนได้ไหมไอ้เรย์ ถ้าไม่อยากถูกตีนเล็กๆ ของไอ้มิดนาบหน้าก็รีบส่งคนไปประกันตัวมันเร็ว’ โรมเสนอ ปกระดิกตัวไปมา มือเล็กกวาดไปตามเหล็กกรง หางตากระพริบตาตื่น ๆร่างตัวกระแทกเบา ๆ กับพื้นห้อง ขาเต้นตุบ ๆ ไม่ได้หยุดนิ่ง’ ก็ด้ะ… รอแป๊บ ทำบัตรปลอมให้มันอยู่ ท่าทางจะเล่นด้วยยาก’ เสียงเรย์แผ่ว หรี่ตามองเพื่อน ๆ ร
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของหมวดอุดมดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ทั้งคู่ก้มลงมองพร้อมกัน“คนที่พูดถึง…โพสต์ชื่อใครบางคนออกมาแล้วครับ” อุดมกดขยายหน้าจอ ดวงตาเบิกขึ้นนิดหนึ่ง “ส.ส. พรรคสยามรวมใจ…คนใหม่” คิ้วเข้มของคีรติขมวดเข้าหากันทันที “เอ๊ะ พรรคนี้มันมี ส.ส. คนใหม่แล้วเหรอ”อุดมรีบเลื่อนหน้าจอพลางเอ่ยเสียงตื่น “เดือนหน้า…จะมีการรับตำแหน่งของ ส.ส. พรรคสยามรวมใจ คนใหม่…ทั้งหมดสี่คน”“โอ๊ะ…คุณรู้ได้ยังไงครับสารวัตร”คีรติพ่นลมหายใจออกช้า ๆ คล้ายเก็บความกังวลไม่อยู่ “ผลการโหวตของข่าววงในมันออกมาแล้ว” อุดมเม้มปากแน่น“เอ๋…แต่ไม่มีข่าวหน้าพวกเขาออกมาเลยนี่ครับ”“เห็นว่าจะได้เห็นพร้อมกันวันเปิดตัว” คีรติว่าชัดถ้อยชัดคำ เสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “นโยบายใหม่ที่ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าก่อนรับตำแหน่ง…เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่ก็มีคำสั่งนั้นออกมาแล้ว”หมวดอุดมชะงัก สายตาสั่นเล็กน้อย “แปลกชะมัด…เลือกแค่จากชื่อ ไม่ต่างอะไรกับไอ้ดาร์คเว็บนี่เลย ตั้งกฎในประเทศให้ดูไม่โปร่งใสไปหมด…อีกหน่อยก็คงเป็นคอมมิวนิสต์ชัด ๆ”ความเงียบกดทับลงมาอีกครั้ง ทั้งคู่สบตากัน รู้ทันทีว่าการเชื่อมโยงเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างน่าขนลุกสารว
เสียงนาฬิกาในห้องทำเดินเป็นจังหวะขณะที่สารวัตรคีรติเอนหลังในเก้าอี้ ดวงตาเรียวเหม่อลอยไปที่ไกลแสนไกล เป็นอยู่อย่างนั้นมาหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เรยาหายไปเจ้าเด็กนั่นหายไปไม่ติดต่อกลับมา ไม่รู้ทำไมถึงหายไปทั้งที่ไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่มีเรื่องอะไรให้น่าน้อยใจแต่ทำไมถึงออกไป…“สารวัตรคีรติวันนี้เลิกงานไปดื่มกันมั้ย?”“…”“สารวัตรครับ…”ใบหน้าเรียบเฉยเหม่อมองนอกหน้าต่างไม่ไหวติงบ่งบอกว่าไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายเรียก หมวดอุดมหน้าดุจึงเร่งเสียงดังขึ้น“สารวัตรคีรติ!”“ครับ? …หมวดอุดมมีอะไรหรือเปล่า?”“พักนี้คุณดูเหม่อ ๆ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”เสียงทุ้มถามขึ้นท่ามกลางห้องทำงานที่มีเพียงไฟสลัว คีรติเงยหน้าขึ้นทันที แต่รีบปฏิเสธ“เปล่าครับ… คุณว่าไงนะ เรื่องเงิน?” น้ำเสียงพยายามราบเรียบ แต่แววตาไหววูบ“ผมได้เบาะแสจากที่หนึ่งมา” ผู้หมวดหนุ่มเอ่ยพลางกอดอก สีหน้าเคร่งเครียด“ครับ? เบาะแสอะไร? ที่ไหนครับ” คีรติขมวดคิ้ว มือที่ถือปากกาเผลอหยุดเขียนทันที“ต้องออกตัวก่อนนะ ว่าที่ผมเป็นสมาชิกดาร์คเว็บ…มันก็เพราะเราอยู่หน่วยปราบปรามพิเศษ ต้องหาข้อมูลจากเว็บพวกนี้” อุดมเอ่ยหนักแน่นจริงจัง“ครับ”“ในดาร์คเ







