ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว

ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว

โดย:  แมวเหมียวผู้ขยันหมั่นเพียรยังไม่จบ
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
10
1 คะแนน. 1 ทบทวน
40บท
51views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

สำนักหลิงอวิ๋นมีศิษย์น้องหญิงเล็กผู้ที่นุ่มนิ่มน่ารักเข้ามา ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง ประคบประหงม! ต้องประคบประหงม! ประคบประหงมให้ถึงที่สุด! ดังนั้น บรรดาผลวิญญาณ แหวนมิติ โอสถ อุปกรณ์วิเศษป้องกันตัวต่างๆ... ก็มอบให้นางโดยไม่ต้องใช้หินวิญญาณ แต่เมื่อได้เห็นของขวัญตอบแทนจากศิษย์น้องหญิงเล็กแล้ว ทุกคนต่างหน้าเหวอไปตามๆ กัน ศิษย์น้องหญิงผู้นี้ฐานะทางบ้านมั่งคั่งจริงๆ! ทุกคนดีใจได้เพียงไม่กี่วัน ก็พบว่าศิษย์น้องหญิงเล็ก หากไม่กำลังบำเพ็ญเพียร ก็คอยเคี่ยวเข็ญให้พวกเขาบำเพ็ญเพียร หลังจากนั้นก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ลืมตาขึ้นมา ศิษย์น้องหญิงเล็กก็จะยิ้มแฉ่งพลางเอ่ยถามว่า “วันนี้บำเพ็ญเพียรหรือไม่เจ้าคะ?” ในตอนที่พวกเขาถูกบีบคั้นจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ก็พลันตระหนักได้ว่าสำนักของตนดูเหมือนจะไร้เทียมทานไปเสียแล้ว! อืม! การบำเพ็ญเพียร มันดีอย่างนี้นี่เอง!

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1

เขตชิงอวิ๋น

งานชุมนุมสำนัก

เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกปวดหัวกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกบำเพ็ญเซียนในอนาคตกลุ่มนี้ ไม่นึกเลยว่าตอนเด็กๆ จะเป็นพวกช่างจ้อถึงเพียงนี้

ทันใดนั้น——

เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกว่ามีคนกำลังดึงแขนเสื้อของนาง พอก้มลงมองก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน “พี่หญิง ท่านอยากเข้าร่วมสำนักกระบี่สวรรค์หรือไม่?”

หืม?

เฟิ่งชิงหร่านเหม่อลอยไปในชั่วพริบตา พลันตระหนักได้ว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นนางเอก——ซูเยียนหรานอย่างแน่นอน

สามวันก่อน เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองทะลุมิติเข้ามาในนิยายเสียแล้ว และกลายเป็นนางร้ายตัวประกอบในนิยาย——เฟิ่งชิงหร่าน

ในนิยายต้นฉบับ เฟิ่งชิงหร่านเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเมื่ออายุสิบเอ็ดปี แต่ถูกคัดออกเนื่องจากพรสวรรค์ธรรมดา ซูเยียนหรานผู้มีจิตใจงดงามจึงใช้อภิสิทธิ์ของผู้ที่ได้อันดับหนึ่ง พานางเข้าสู่สำนักกระบี่สวรรค์

หลังจากเข้าสำนักกระบี่สวรรค์แล้ว นางกลับไม่รู้จักบุญคุณ มิหนำซ้ำยังอิจฉาริษยานางเอก ต่อหน้าแสดงออกว่ารักใคร่สนิทสนมกับนางเอกดุจพี่น้อง แต่ลับหลังกลับคอยใส่ร้ายป้ายสีนางเอกอยู่เสมอ

ถึงขั้นวางยาพิษนางเอกหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้นางเอกเกือบสิ้นชีพ

หลังจากเรื่องราวเหล่านี้ถูกเปิดโปง นางก็ยังไม่รู้จักสำนึกผิด กลับสมรู้ร่วมคิดกับเผ่ามารโดยตรง ทำร้ายสังหารศิษย์ร่วมสำนัก ในที่สุดนางเอกก็หมดความอดทน ทำลายการบำเพ็ญของนาง แล้วขับไล่นางออกจากสำนักกระบี่สวรรค์

พอนางถูกขับออกจากสำนัก ก็ถูกเหล่าผู้ชื่นชมนางเอกจับตัวไปขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน รับการทรมานอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรม จากนั้น พวกมันตัดแขนตัดขาของนาง ควักรากวิญญาณของนางออกมา แล้วโยนศพของนางทิ้งที่ภูเขาด้านหลังให้สัตว์ป่ากิน

เรียกได้ว่าจุดจบนั้นน่าอนาถอย่างยิ่ง ดังนั้น สิ่งแรกที่นางทำหลังจากทะลุมิติเข้ามาในนิยายก็คือการหลีกเลี่ยงนางเอกในการทดสอบของสำนัก ใครจะไปคิดว่านางไม่ไปหานางเอกแล้ว แต่นางเอกกลับมาหานางเสียเอง

นางสงสัยว่านางเอกเกิดปีจอ ไม่อย่างนั้นจมูกจะไวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

“พี่หญิง ท่านอย่าได้กังวลไปเลย ข้าได้อันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ สามารถพาคนเข้าสำนักเพิ่มได้อีกหนึ่งคน พี่หญิงยินดีเป็นเพื่อนข้าหรือไม่?” ซูเยียนหรานรอเป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นเฟิ่งชิงหร่านเอ่ยคำใด จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เฟิ่งชิงหร่านกลอกตา ความกังวลน่ะหรือ ไม่มีทางมีหรอก นางไม่ได้อยากไปสำนักกระบี่สวรรค์เสียหน่อย

นางที่เป็นนางร้ายตัวประกอบคนหนึ่ง ตามติดนางเอกไป นั่นมิใช่ว่าไปเป็นเหยื่อชั้นดีให้นางเอกหรอกหรือ!?

เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่ตนเองทะลุมิติเข้ามาในนิยายก่อนที่เนื้อเรื่องจะเริ่มต้นขึ้น ทำให้สามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้อย่างอิสระ

ซูเยียนหรานเห็นว่าเฟิ่งชิงหร่านไม่สนใจนางเลย ใบหน้าเล็กๆ พลันเคร่งขรึมลง แต่เมื่อเห็นกำไลหยกบนข้อมือของเฟิ่งชิงหร่าน ก็นึกถึงจุดประสงค์ของตนเองขึ้นมาได้ จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พี่หญิง เหตุใดท่านจึงไม่สนใจข้าเลย?”

“ข้าแซ่เฟิ่ง เจ้าแซ่ซู แล้วข้าก็อายุน้อยกว่าเจ้าหนึ่งเดือน” เฟิ่งชิงหร่านพยายามดึงแขนเสื้อกลับจากมือของซูเยียนหราน กลับพบว่าซูเยียนหรานยิ่งจับแน่นขึ้น

ซูเยียนหรานกะพริบตาอย่างใสซื่อ มองไปยังเฟิ่งชิงหร่าน “พี่หญิง ท่านรังเกียจข้าหรือ?”

แหวะ!——

เฟิ่งชิงหร่านแทบจะอาเจียนออกมา ได้โปรดเถอะ ไปสร้างหายนะให้คนอื่นแทนไม่ได้หรือ!

เดิมทีเฟิ่งชิงหร่านคิดว่าด้วยท่าทีเช่นนี้ของตน ซูเยียนหรานจะต้องเป็นฝ่ายจากไปอย่างแน่นอน ไม่เคยคิดเลยว่าซูเยียนหรานกลับหน้าด้านหน้าทนคิดจะเกลี้ยกล่อมนางให้เข้าสำนักกระบี่สวรรค์ให้ได้

ซูเยียนหรานได้ยินเสียงอาเจียนของเฟิ่งชิงหร่าน สีหน้าก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาที่หลุบต่ำฉายแววความอำมหิต เฟิ่งชิงหร่านช่างไม่รู้จักดีชั่วจริงๆ กล้าดูหมิ่นนางถึงเพียงนี้ รอให้ได้กำไลหยกมาก่อนเถอะ จะให้คนสกุลซูไปจัดการเฟิ่งชิงหร่านทิ้งเสีย

“ตัดใจเสียเถอะ ข้าไม่มีวันไปสำนักกระบี่สวรรค์กับเจ้า!” เฟิ่งชิงหร่านกระชากแขนเสื้อกลับมาอย่างแรง

รักชีวิต จงอยู่ให้ห่างจากนางเอก!

พอนึกถึงจุดจบอันน่าอนาถของเจ้าของร่างเดิมในนิยาย เฟิ่งชิงหร่านก็รู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาเมื่อเผชิญกับซูเยียนหราน

ซูเยียนหรานจะบำเพ็ญเพียรจนบรรลุมรรคขั้นสูงสุดด้วยวิธีการใดก็ได้ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำไม่ได้คือการเหยียบย่ำผู้บริสุทธิ์เพื่อก้าวขึ้นไป

ตอนที่นางอ่านนิยายเล่มนี้ครั้งแรก ก็ไม่ชอบทัศนคติและค่านิยมของนางเอกในเรื่องอยู่แล้ว นางเองก็ไม่เข้าใจว่านางทนอดหลับอดนอนอ่านนิยายปัญญาอ่อนแบบนี้จนจบได้อย่างไร?

แล้วเรื่องน่าเศร้าก็คือพอตื่นขึ้นมา ตนเองก็กลายเป็นนางร้ายตัวประกอบสุดอาภัพในนิยายไปเสียแล้ว

แววตาของเฟิ่งชิงหร่านค่อยๆ เย็นชาลง นางจะไม่มีวันกลายเป็นเครื่องมือบนเส้นทางบำเพ็ญเซียนของซูเยียนหรานเด็ดขาด ชีวิตของนาง นางต้องเป็นผู้กำหนดเองเท่านั้น คนอื่นอย่าหวังว่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวแม้แต่น้อย!

“ถ้าเช่นนั้น พี่หญิงพอจะขายกำไลหยกบนมือของท่านให้ข้าได้หรือไม่? ข้าชอบมันมาก เพียงท่านขายให้ข้า ข้าก็จะให้หินวิญญาณระดับต่ำแก่ท่านหนึ่งร้อยก้อน เป็นอย่างไร?” ซูเยียนหรานเห็นว่าเกลี้ยกล่อมเฟิ่งชิงหร่านไม่สำเร็จ จึงเอ่ยปากขอซื้อกำไลหยกโดยตรง

อย่างไรเสีย เฟิ่งชิงหร่านก็ดูท่าทางยากจนข้นแค้น คงต้องการหินวิญญาณเป็นอย่างมากแน่นอน นางให้หินวิญญาณมากมายขนาดนี้ เฟิ่งชิงหร่านต้องขายสิ่งนั้นให้นางเป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น นางต้องรีบลงมือก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา ไม่เช่นนั้น หากเฟิ่งชิงหร่านจากไปพร้อมกับกำไล นางก็ยากที่จะมีโอกาสได้กำไลหยกนั่นมาอีก

“ไสหัวไป!” ความโกรธที่ไม่ทราบสาเหตุพุ่งขึ้นในใจของเฟิ่งชิงหร่าน คนผู้นี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!

นางคิดไม่ตกจริงๆ ว่าคนเช่นนี้ คู่ควรเป็นนางเอกได้อย่างไร?

แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงได้เป็นสตรีแห่งโชคชะตา!?

ในนิยายเขียนไว้ว่า กำไลบนมือของเฟิ่งชิงหร่านวงนี้ คือสิ่งเดียวที่มารดาของนางทิ้งไว้ให้นาง เฟิ่งชิงหร่านไม่เคยยอมถอดมันออกเลย และยิ่งไม่รู้ว่ากำไลหยกคือห้วงมิติว่างเปล่า ภายในมีสมบัติสวรรค์ปฐพีมากมายนับไม่ถ้วน

แต่ซูเยียนหรานมองแวบเดียวก็รู้ว่ากำไลหยกนี้ไม่ธรรมดา จึงจงใจพาเฟิ่งชิงหร่านเข้าสำนักกระบี่สวรรค์ หลังจากนั้นก็ทวงบุญคุณ เรียกร้องให้เฟิ่งชิงหร่านมอบกำไลหยกให้นาง

หลังจากเฟิ่งชิงหร่านปฏิเสธ ซูเยียนหรานก็วางยาเฟิ่งชิงหร่าน ฉวยโอกาสตอนที่เฟิ่งชิงหร่านหมดสติ สับเปลี่ยนกำไลหยก แล้วทำพันธสัญญาจนสำเร็จ

ส่วนเฟิ่งชิงหร่าน กระทั่งตายก็ยังไม่รู้ความลับเกี่ยวกับกำไลหยก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั่วร่างของเฟิ่งชิงหร่านก็แผ่ไอเย็นยะเยือก นางจ้องเขม็งไปยังซูเยียนหราน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คำถามก่อนหน้านี้ของเจ้า ข้ายังไม่ได้ตอบ ตอนนี้ข้าจะบอกคำตอบให้!”

“ข้ารังเกียจเจ้ามาก ถึงขั้นเกลียดชังเลยก็ว่าได้ พอเห็นเจ้าแสร้งทำเป็นใสซื่อ ข้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียน! ซูเยียนหราน อยู่ให้ห่างจากข้า มิฉะนั้นข้ากลัวว่าตนเองจะควบคุมไม่ได้ แล้วฆ่าเจ้าเสีย!”
แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

ความคิดเห็น

user avatar
Hou Jiao
ม่วนหลาย มาต่อเร็วๆ นะคะ
2025-04-30 13:33:09
0
40
บทที่ 1
เขตชิงอวิ๋นงานชุมนุมสำนักเฟิ่งชิงหร่านรู้สึกปวดหัวกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกบำเพ็ญเซียนในอนาคตกลุ่มนี้ ไม่นึกเลยว่าตอนเด็กๆ จะเป็นพวกช่างจ้อถึงเพียงนี้ทันใดนั้น——เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกว่ามีคนกำลังดึงแขนเสื้อของนาง พอก้มลงมองก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน “พี่หญิง ท่านอยากเข้าร่วมสำนักกระบี่สวรรค์หรือไม่?”หืม?เฟิ่งชิงหร่านเหม่อลอยไปในชั่วพริบตา พลันตระหนักได้ว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นนางเอก——ซูเยียนหรานอย่างแน่นอน สามวันก่อน เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองทะลุมิติเข้ามาในนิยายเสียแล้ว และกลายเป็นนางร้ายตัวประกอบในนิยาย——เฟิ่งชิงหร่านในนิยายต้นฉบับ เฟิ่งชิงหร่านเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเมื่ออายุสิบเอ็ดปี แต่ถูกคัดออกเนื่องจากพรสวรรค์ธรรมดา ซูเยียนหรานผู้มีจิตใจงดงามจึงใช้อภิสิทธิ์ของผู้ที่ได้อันดับหนึ่ง พานางเข้าสู่สำนักกระบี่สวรรค์หลังจากเข้าสำนักกระบี่สวรรค์แล้ว นางกลับไม่รู้จักบุญคุณ มิหนำซ้ำยังอิจฉาริษยานางเอก ต่อหน้าแสดงออกว่ารักใคร่สนิทสนมกับนางเอกดุจพี่น้อง แต่ลับหลังกลับคอยใส่ร้ายป้ายสีนา
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2
ซูเยียนหรานอย่างไรเสียก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าขวบ เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงหร่านเอ่ยเช่นนี้ ก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวเฟิ่งชิงหร่านกำมือเล็กๆ ของตนแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนพลุ่งพล่าน นางตกใจกับความเกลียดชังอันท่วมท้นในใจของตนเองนางเป็นเพียงคนที่ทะลุมิติเข้ามาในหนังสือเท่านั้น ต่อให้ตัวประกอบหญิงในหนังสือกับซูเยียนหรานจะมีความแค้นใหญ่หลวงต่อกัน แต่เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวนางเอง นางไม่ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเช่นนี้สิ?หรือว่าเป็นเพราะนางอินกับตัวละครในหนังสือไปแล้ว?เฟิ่งชิงหร่านตัดสินใจว่าจะอยู่ให้ห่างจากซูเยียนหราน อย่างไรเสีย แต่ไหนแต่ไรมาตัวประกอบหญิงกับนางเอกก็ล้วนเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ การพบเจอกันของทั้งสองคนย่อมไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่นอนนางหันหลังเดินออกไปยังนอกลานกว้าง ในเมื่อตนเป็นศิษย์ที่ถูกคัดออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับซูเยียนหรานไม่คาดคิดว่านางเพิ่งเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว น้ำเสียงที่เจือความหวาดหวั่นของซูเยียนหรานก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พี่หญิง ระหว่างพวกเรามีความเข้าใจผิดอันใดกันหรือไม่เจ้าคะ?”เฟิ่
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3
เฟิ่งชิงหร่านยื่นมือออกไปรับป้ายคำสั่งมา ด้านหน้าของป้ายคำสั่งสลักอักษร ‘สวัสติกะ’ ไว้ตัวหนึ่ง รอบๆ เป็นวงสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนนางมองไปยังอีกด้านของป้ายคำสั่ง พบว่าด้านบนนั้นสลักรูปดอกพลับพลึงแมงมุมไว้ดอกหนึ่งจริงๆดอกพลับพลึงแมงมุมนั้นงดงามเจิดจรัส สะกดวิญญาณให้ลุ่มหลง ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัวเฟิ่งชิงหร่านไม่ได้สืบค้นที่มาของความรู้สึกคุ้นเคยนั้นให้ลึกซึ้ง แต่กลับสงสัยว่าป้ายคำสั่งอันนี้ใช่อันเดียวกับที่ซูเยียนหรานได้รับในภายหลังหรือไม่?ในนิยายเคยบรรยายไว้ว่า ในมือของซูเยียนหรานมีป้ายคำสั่งสีทองอยู่อันหนึ่ง บนป้ายคำสั่งนั้นสลักรูปดอกพลับพลึงแมงมุมแห่งแม่น้ำลืมเลือน ภายในนั้นแฝงไว้ด้วยพลังอันลึกลับซูเยียนหรานอาศัยพลังนี้ ปราบสัตว์เทวะงูเหินได้สำเร็จหลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของงูเหิน ซูเยียนหรานก็หลอมรวมพลังลึกลับภายในป้ายคำสั่ง เลื่อนขั้นสู่ระดับกำเนิดวิญญาณได้เมื่ออายุยี่สิบห้าปีต้องรู้ว่า มหาเซียนอู๋จี๋ผู้เก่งกาจที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน ก็ยังทะลวงสู่ระดับกำเนิดวิญญาณได้เมื่ออายุสองร้อยปีแต่พลังภายในป้ายคำสั่งนี้ กลับสามารถทำให้ซูเยียนหรานเลื่อนขั้นสู่ระดับกำ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากลานกว้าง ก็เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่นคนผู้นั้นมีใบหน้าสดใสเปล่งปลั่ง ท่าทางสบายๆ ไม่เหมือนกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่เลยแม้แต่น้อยหรงจั๋วฝานเจ้าสำนักควบคุมสัตว์อสูรเป็นคนจำเย่เวิ่นเทียนได้เป็นคนแรก เขาแสดงสีหน้าตกตะลึง เจ้านี่ออกมาได้อย่างไรตอนนี้ ยังไม่ถึงกำหนดร้อยปีมิใช่หรือ?“หยุดนะ!——” ตามด้วยเสียงตะโกนดังลั่น เย่เวิ่นเทียนยกมือขึ้น กระบี่ก็ปรากฏออกมาในชั่วพริบตา พลังกระบี่อันน่าเกรงขามสายหนึ่งก็พุ่งออกมา ปรากฏเส้นแบ่งเขตเส้นหนึ่งขึ้นบนพื้นตรงหน้าปลายเท้าของทุกคนทุกคนที่ไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจ ต่างถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกันหรงจั๋วฝานตะโกนอย่างฉุนเฉียว “เย่เวิ่นเทียน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”“ทุกคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่าขยับ! ใครก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อการชักนำลมปราณเข้าร่างกายของศิษย์ข้า ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!” ทั่วร่างของเย่เวิ่นเทียนแผ่พลังกดดันอันแข็งแกร่งออกมาหลายคนเพิ่งสังเกตเห็นว่า ด้านหลังของเย่เวิ่นเทียน มีเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวสิบขวบผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่“เย่เวิ่นเทียน เจ้าหลอกใครอยู่! แค่การชักนำลมปราณเข้าร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้พลังลมปราณมากมายข
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5
ในชั่วพริบตา รากวิญญาณห้าธาตุที่เดิมทีมีสีหม่นหมองภายในร่างของเฟิ่งชิงหร่านก็พลันสว่างวาบขึ้น ห้าสีรวมกัน หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อเกิดเป็นแท่นวิญญาณที่กว้างใหญ่ดุจมหาสมุทรพลังลมปราณเหล่านั้นที่อัดแน่นอยู่ในเส้นลมปราณของนางหลั่งไหลเข้าสู่แท่นวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดตึงแน่นบริเวณเส้นลมปราณหายไปเฟิ่งชิงหร่านเพ่งจิตมองสำรวจภายในแท่นวิญญาณ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงนางจำได้ว่าในนิยายเคยเขียนไว้ ตอนที่ซูเยียนหรานชักนำลมปราณเข้าร่างกาย แท่นวิญญาณของนางเป็นเหมือนสระน้ำเล็กๆ แต่ก็ถือว่าสูงส่งฝืนลิขิตสวรรค์แล้วเช่นนั้นแล้วอย่างนางมิใช่ว่าจะทะลุทะลวงสวรรค์แล้วหรือ?เฟิ่งชิงหร่านยังไม่รีบดีใจ นางสงบจิตรวบรวมสมาธิ รักษาจิตให้เป็นหนึ่ง กลั่นกรองพลังลมปราณภายในแท่นวิญญาณ ส่งไปยังรากวิญญาณนางประหลาดใจที่พบว่าความสัมพันธ์ที่ข่มกันของรากวิญญาณห้าธาตุได้หายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นส่งเสริมซึ่งกันและกันแทนนางอดใจไว้ไม่อยู่ชั่วขณะ ทะลวงสู่ระดับระดับฝึกปราณขั้นห้าโดยตรง เฟิ่งชิงหร่านจึงรีบหยุดการบำเพ็ญเพียรทันทีถึงแม้นางอยากจะทำต่อไป แต่นางก็เข้าใจหลักการที่ว่าหากโดดเด่นมักจะเป็นภัยนางจำได้อย่างชัด
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6
และในชั่วพริบตาที่จิตสำนึกนั้นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเฟิ่งชิงหร่าน ก็ถูกพลังสายหนึ่งลบล้างไปตามด้วยเสียง ‘อั่ก’ หนึ่งครั้งเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง มองไปยังเฟิ่งชิงหร่านด้วยความตกตะลึงจิตสำนึกของเขาซึ่งอยู่ระดับหลอมเทพขั้นสูงสุด กลับถูกคนระดับฝึกปราณขั้นห้าลบล้างไปได้ เฟิ่งชิงหร่านต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!เย่เวิ่นเทียนหยุดการเผชิญหน้ากับเซียวหงอวี่ ในใจพลันเดือดดาลขึ้นมา การใช้จิตสำนึกสอดแนมนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้บำเพ็ญเพียรที่ยังไม่ถึงระดับสร้างฐานปราณ กรณีเบาที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ หนักที่สุดก็จะก่อเกิดเป็นมารในใจ ทำให้ระดับการบำเพ็ญไม่อาจก้าวหน้าได้“ท่านอาจารย์ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่จิตสำนึกนั่นถูกใครก็ไม่รู้ลบล้างไปแล้ว” เฟิ่งชิงหร่านกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสาเย่เวิ่นเทียนพลันวางใจ ดึงเฟิ่งชิงหร่านไปปกป้องไว้ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นพลางยิ้มเยาะ “พวกตาเฒ่าใช้ลูกไม้เช่นนี้กับผู้น้อย ช่างหน้าไม่อายเสียจริง!”“ข้าเย่เวิ่นเทียนยืนหยัดอย่างสง่าผ่าเผย ดูแคลนการบำเพ็ญวิชานอกรีตเหล่านั้น ศิษย์ของข้ายิ่งไม่มีทาง หากพวกเจ้ายังจะมาตอแยอีก ข้าก็จ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7
ใบหน้าของเฟิ่งชิงหร่านเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม สำนักที่ถูกต้องตามธรรมเนียมไม่มีสิ่งปลูกสร้างเลยสักหลัง นี่มันฟังดูเข้าท่าที่ไหนกัน?ทว่าเย่เวิ่นเทียนก็ไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก พาเฟิ่งชิงหร่านตรงไปยังยอดเขาโม่จู๋ทันทีที่ลงสู่พื้น เฟิ่งชิงหร่านก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นพิเศษสามดวงทันที หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มในอาภรณ์ผ้าแพรลายเมฆาสีนิล ยิ่งมีรูปโฉมหล่อเหลางดงามหาใดเปรียบ คิ้วตาคมคายดุจภาพวาด ราวกับเป็นเซียนตกสวรรค์ในสมองของเฟิ่งชิงหร่านปรากฏประโยคหนึ่งขึ้นมา เดินทางไกลสู่โลกหล้าในงานเลี้ยงอันน่าตื่นตา ยลโฉมความงามอันรุ่งเรืองแห่งโลกมนุษย์เมื่อทั้งสามคนเห็นเย่เวิ่นเทียนและเฟิ่งชิงหร่าน ก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาเย่เวิ่นเทียนยกมือตบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม “ศิษย์น้อย นี่คือศิษย์พี่เจ็ดของเจ้าโม่จิงหง ต่อไปภายหน้า เรื่องใดๆ ภายในสำนักก็ไปหาเขาได้เลย อีกทั้งเรื่องบำเพ็ญเพียร หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ถามเขาได้เช่นกัน”เฟิ่งชิงหร่านได้สติกลับคืนมา จึงโค้งคำนับทักทาย “เฟิ่งชิงหร่านคารวะศิษย์พี่เจ็ด”โม่จิงหงยกข้อมือขึ้นเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มเบาๆ นัยน์ตาดุจดวงดาวเป็นประกายลุ่มลึก “
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8
“อืม” โม่จิงหงหยิบขลุ่ยเลาหนึ่งออกมา แล้วเป่าสองสามครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า “ศิษย์น้องหญิงเล็ก ต่อไปนี้ยอดเขาที่สิบเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าเดินไปมาตามสบายได้ แต่สำหรับสถานที่นอกยอดเขาที่สิบ หากเจ้าต้องการจะไป จะต้องให้หลวนจิ่นพาเจ้ามาหาข้า แล้วข้าจะพาเจ้าไป”“ภายในสำนักค่ายกลและกลไกอยู่มากมาย หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจจะติดอยู่ในนั้นได้ และเป็นอันตรายถึงชีวิต”“ศิษย์พี่เจ็ด หลวนจิ่นคือใครหรือเจ้าคะ?” เฟิ่งชิงหร่านเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่งท่านอาจารย์บอกว่าหากเห็นเรือนในสำนัก ให้ไปหาศิษย์พี่เจ็ด ศิษย์พี่เจ็ดกลับบอกว่าห้ามออกจากยอดเขาของตนเองตามใจชอบสำนักหลิงอวิ๋นคงไม่ได้ซุกซ่อนความลับอันใดที่เปิดเผยไม่ได้เอาไว้หรอกนะ?อีกอย่าง เหตุใดคนที่ตัดสินใจจึงไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่ แต่กลับเป็นศิษย์พี่เจ็ด?โม่จิงหงหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น “มันมาแล้ว”เฟิ่งชิงหร่านหันไปก็พบนกกระเรียนวิญญาณตัวหนึ่งบินเข้ามาในถ้ำ ก่อนนกกระเรียนวิญญาณจะหยุดลงนกกระเรียนวิญญาณหันหน้าไปทางเฟิ่งชิงหร่าน พลางจุปากแล้วกล่าวว่า “เจ้าเองหรือ เจ้าหนูน้อยที่อยากกินข้าว เจ้าชอบกินอะไรบ้าง? บอกข้ามาให้หมด ต่อไปข้าจะทำให้
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9
สาเหตุที่เฟิ่งชิงหร่านเอ่ยถึงการประลองระหว่างสำนักขึ้นมา ก็เพราะว่ายี่สิบอันดับแรกของการประลอง จะมีโอกาสได้เข้าสู่ดินแดนลับจิ่วยวนนางจำได้ว่าภายในดินแดนลับนั้นซ่อนมรดกของผู้ยิ่งใหญ่ระดับมหายานท่านหนึ่งไว้ หากสามารถช่วยให้ท่านอาจารย์ได้รับมรดกนั้นมา เขาจะต้องเลื่อนระดับได้อย่างแน่นอน“พวกเราไม่เคยเข้าร่วมการประลองเหล่านี้” คำพูดประโยคเดียวของโม่จิงหงก็ทำให้เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกหมดกำลังใจคำพูดที่นางเตรียมไว้ก็ติดอยู่ที่ลำคอ “เหตุใดจึงไม่เข้าร่วมหรือเจ้าคะ?”โม่จิงหงยิ้มบางๆ “น่าเบื่อเกินไป ในบรรดาผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้”หากคำพูดนี้ออกมาจากปากของผู้อื่น เฟิ่งชิงหร่านคงจะคิดว่าคนผู้นี้หยิ่งยโสอย่างแน่นอนแต่พอออกจากปากของโม่จิงหง นางกลับรู้สึกว่ามันเป็นความจริงอย่างยิ่งในโลกบำเพ็ญเซียน ผู้ที่สามารถทะลวงสู่ระดับแก่นปราณทองคำได้ก่อนอายุหนึ่งร้อยปี ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์จากสวรรค์แล้วแต่ศิษย์กลุ่มนี้ของสำนักหลิงอวิ๋น อายุมากที่สุดก็ไม่เกินหนึ่งร้อยปี กลับมีการบำเพ็ญอยู่ในระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางขึ้นไปกันทั้งหมดแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ โม่จิงหงน่าเหลือเชื่อท
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10
“ฮ่าๆๆ ...ศิษย์พี่สี่ ท่านถึงกับมาอวดเจ้าโลกต่อหน้าธารกำนัลเชียวหรือ!” เสียงนั้นดังแว่วมาจากไกลๆ ก่อนจะใกล้เข้ามาบุรุษในอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งเหยียบอยู่บนนกกระเรียนวิญญาณ ร่อนลงบนยอดเขาเชียนเจวี๋ยมู่เชียนเจวี๋ยได้ยินบุรุษผู้นั้นกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่สนใจไฟที่ลุกไหม้ทั่วร่าง พรึ่บเดียวก็มุดเข้าถ้ำไปนัยน์ตาดำขลับของหลิ่วชางหลานฉายแววขบขัน พลางมองไปยังผู้มาใหม่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เหวินเยว่ เจ้าออกจากด่านแล้วหรือ?”“ขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่ ได้ยินว่าพวกเรามีศิษย์น้องหญิงเก้าแล้ว อีกเดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่ต้องพาข้าไปดูนางนะ” ไป๋หลี่เหวินเยว่ร่อนลงสู่พื้นอย่างสง่างาม ร่างสูงโปร่งดุจลำไผ่ ท่วงท่างามสง่างามโดดเด่น ทุกอิริยาบถล้วนแสดงออกถึงความหยิ่งทะนงและความสง่างามอิสระ“ไม่ต้องพาไปหรอก ศิษย์น้องหญิงเล็กมาแล้ว”พอสิ้นเสียงของหลิ่วชางหลาน หลายคนก็มองตามทิศทางที่เขาชี้ไป พลันเห็นเด็กหนุ่มในอาภรณ์สีดำผู้หล่อเหลางดงามราวกับเซียนตกสวรรค์ควบคุมกระบี่เหินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยแม่หนูน้อยที่ขี่นกกระเรียนวิญญาณอยู่แม่หนูน้อยมีรูปโฉมงดงามจนน่าตกตะลึง ใบหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม ผิวพรรณขาวเนียนผุดผ่อง แม
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status