ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำใสขังเอ่อหลังได้ฟังถ้อยคำกล่าวหาที่บาดลงในใจ พลันความเสียใจและความหวาดกลัวเข้าจู่โจมจนไหล่บางเริ่มสั่นน้อย ๆ ยามปกตินางหาได้หวาดกลัวสิ่งใดไม่ ด้วยมีบารมีของบิดาคอยปกป้อง หากแต่ยามนี้ที่ตื่นมาในจวนผู้อื่นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนี่อีก พลันสติเลือนหายจนเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้หลุดออกมา
"ฮึก ฮึก"
เสียงสะอื้นของนางทำให้เท้าแกร่งชะงักกึก หันกลับมามองสตรีที่บัดนี้หน้าตาแดงก่ำ ริมฝีปากแดงชมพูราวสีลูกท้อสุก มือสาละวนไปมาสั่น ๆ จับอาภรณ์ขยับไปมาให้เข้าที่ ตัวหอบโยนสั่นน้อย ๆ จากแรงกลั้นสะอื้นของสาวเจ้า
"เป็นเจ้าที่ตั้งใจเข้าหาข้า เจ้าจะมาร่ำไห้เสียใจให้ได้สิ่งไร อย่าเสแสร้งให้ข้ารังเกียจสตรีเช่นเจ้าไปมากกว่านี้เลยหากมิเมามายจนเสียสติ ข้าคงมิแลสตรีอวบอ้วนเช่นเจ้าให้ระคายนัยน์ตาเสียหรอก"
หลางเทียนจงใจกล่าววาจาเชือดเฉือนให้นางเข้าใจว่าเป็นตนที่ล่อลวงบุรุษรูปงามเช่นตน
หลิวฟางอี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปที่จะไม่แย้งถ้อยคำของบุรุษตรงหน้า เหตุการณ์เมื่อคืนใช่ว่าตนจะเป็นคนทำยังไม่กระจ่าง เหตุไฉนเขาถึงปรักปรำนางฝ่ายเดียวกัน สายตาตัดพ้อและผิดหวังพาดผ่านดวงตากลมโตเพียงชั่วครู่ให้ได้เห็นก่อนจะวาววับขึ้น จมูกโด่งเล็กแดงเล็กน้อยจากการกลั้นกระแสความเสียใจ
"หึ สตรีเช่นข้าแล้วเช่นไร ท่านเป็นบุรุษกล่าวหาสตรีฝ่ายเดียวเช่นนี้ได้รึ เรื่องเช่นนี้หากข้าเป็นฝ่ายยั่วยวนท่าน และหากท่านไม่โอนอ่อนมีรึเกิดขึ้น ท่านวางใจเถิด"
หลิวฟางอี้เสียงขาดหาย กลืนก้อนสะอื้นกระแสความเสียใจลงไป ก่อนเค้นวาจาเปล่งออกมาตอบโต้
"ท่านวางใจเถิด เรื่องที่เกิดขึ้นหากท่านกล่าวหาว่าเป็นข้าที่กระทำ ข้าจะรับผลจากการกระทำนี้เอง ไม่เดือดร้อนท่านเป็นแน่"
"หึ อวดดี"
ช่างเป็นสตรีที่อวดดีเสียจริง ดี! เป็นเช่นนี้ก็ดี ฟู่หลางเทียนสะบัดใบหน้าเท้าแกร่งก้าวย่างอย่างมั่นคง ตรงไปยังประตูบานหรูก่อนจะปิดเปลือกตาลงคล้ายรำคาญกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเต็มที
"ลูกฟู่ หลางเทียน"
ฮูหยินฟู่โผเข้ากอดบุตรชายอันเป็นที่รัก ในขณะที่นายใหญ่ของจวนเดินวนไปมาราวหนูติดจั่นอย่างคิดไม่ตกในสิ่งที่บุตรชายได้ล่วงเกินบุตรสาวของสหายตน
"หลิวฟางอี้ เจ้าเด็กคนนี้ ฮึก ฮึก ดูเจ้าสิ"
"ท่านแม่"
ฮูหยินว่านปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นสภาพของบุตรสาวอันเป็นที่รัก กอดประโลมร่างอวบลูบเนื้อตัวไปมาอย่างปลอบประโลมก่อนจะประคองนางให้ลุกขึ้น
"เฒ่าฟู่ เจ้าจะทำเช่นไร เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับบุตรสาวข้าในจวนของเจ้า บุตรชายเจ้าใช้ได้ที่ไหนกันกล้ารังแกบุตรสาวของข้า เกรงว่าไม่เห็นต่อความสัมพันธ์อันดีของสองตระกูลที่สั่งสมมาเสียนี่กะไร หึ"
นายท่านใหญ่ตระกูลหลิวกล่าวด้วยเสียงสั่น ปากคอสั่นไปหมดยามแลมองบุตรสาวอันเป็นที่รักที่บัดนี้กอดมารดาเลี้ยงตัวสั่นร้องไห้โยนราวลูกนกที่เปียกสายฝน
"เอ่อ เอ่อ เอาเช่นนี้แล้วกันเฒ่าหลิว"
ฟู่ตี้เหรินเอ่ยออกมาเสียงสั่น เหงื่อแตกพลั่ก ๆ อย่างคิดไม่ตกเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ฉุนเฉียวของสหายตน
หลิวฟางอี้ที่เงียบมานาน ตอนนี้อยากกับจวนเต็มทน ไม่อยากทนมองใบหน้าบุรุษที่บัดนี้ส่งสายตาเหยีดมองมาที่ตนอย่างเฉยชา
"ท่านลุงฟู่ ท่านป้าเป็นข้าเองที่ดื่มจนเสียสติ เรื่องนี้ข้าไม่กล้ากล่าวโทษผู้ใด ในเมื่อเรื่องมันเกิดจากฤทธิ์สุราจนทำตัวเหลวไหล เรื่องนี้ ฮึก เรื่องนี้ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกันเจ้าค่ะ"
ฮูหยินหลิวอ้าปากค้างอย่างตะลังงันกับถ้อยคำของบุตรสาว ส่วนผู้เป็นบิดานั้นที่คิดว่าจะอาละวาดในคราแรกกลับเห็นดีเห็นชอบกับถ้อยคำของบุตรสาวตน
"ตะ แต่ ว่า เสี่ยวฟางลูก"
หลิวฟางอี้ส่งสายตาขอร้องให้กับบิดานางอยากกลับจวนเต็มที อยากหลีกหนีจากบุรุษใจร้ายตรงหน้า อยากหลีกหนีจากสายตาเย็นชาเหยียดหยามของเขาเต็มที
"หึ"
อวดดีเสียจริง เป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันเขาเองก็ยังไม่อยากมีบ่วงมาคล้องคอเช่นกัน เป็นเช่นนี้ก็ดี ฟู่หลางเทียนยังคงเก็บปากเก็บคำเงียบมองสถานการณ์ตรงหน้าซึ่งผิดวิสัยนิสัยของตนนัก
"ฮูหยิน กลับจวน หึ"
"เดี่ยวสิ ดะ เดี๋ยว พวกเจ้าจะเอาเช่นไร อย่าไปเช่นนี้สิ"
ฟู่ตี้เหรินละล่ำละลักพูดปากคอสั่น สวรรค์บัดนี้สหายเขาโกรธเสียแล้ว เสือเฒ่าแห่งเจียงซีโกรธข้าเข้าเสียแล้ว
"เช่นนี้ก็ดีเจ้าค่ะนายท่าน ลูกฟู่ของเราหากจะแต่งงาน ควรได้สตรีที่งดงามกว่านี้"
"ฮูหยินรองเจ้าหุบปากเสีย" ฟู่ตี้เหรินหันมาตวาดภรรยารองของตน
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง