สนมรัก คืนนี้ข้าจะไปหาเจ้า
"ฝ่าบาท!!! หม่อมฉันกลัวแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่อยากเห็นแล้วเพคะ ฮือ"
"มานี่!!! อย่าคิดจะหนีข้า พี่สาวเจ้ามาหลอกให้ข้าไว้ใจ สุดท้ายนางก็แต่งไปกับชายอื่น เจ้าจะต้องชดใช้แทนพี่สาวของเจ้า!!!"
"ไม่เพคะ ฮือ อย่าเพคะอย่าควักมันมาใส่หน้าหม่อมฉัน!!!"
เฟิ่งฟางเซียนยกมือขึ้นปัดป่ายไปมาเพื่อหลบเลี่ยงการคุกคามจากสวีหลงเยียน ที่ตอนนี้เขากำลังควักแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ยักษ์มาที่ใบหน้าสวยของนาง
นางคือคุณหนูรองแห่งจวนตระกูลเฟิ่ง ถูกส่งตัวมาเป็นสนมแทน เฟิ่งชิงฮวา พี่สาวต่างมารดาของนาง เพราะเฟิ่งชิงฮวาได้แอบไปมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับบุตรชายของพ่อค้าต่างเมืองจนเกิดตั้งครรภ์ ทั้งที่นางได้ถูกคัดเลือกให้เป็นไท่จื่อเฟยพระชายาเอกของไท่จื่อสวีหลงเยียน ด้วยความโกรธแค้นหลังจากที่สวีหลงเยียนขึ้นเป็นฮ่องเต้เขาจึงมีราชโองการให้ส่งบุตรสาวคนรองก็คือนางให้เข้าวังไปเป็นสนมแทน มิเช่นนั้นจะสั่งประหารตระกูลเฟิ่งเก้าชั่วโคตร ทำให้เฟิ่งฟางเซียนต้องมาทนรองรับอารมณ์ที่ดุดันและเกลียดชังจากสวีหลงเยียน
เพราะรักเฟิ่งชิงฮวามาก ในเมื่อนางหักหลังเขา คนในตระกูลเฟิ่งก็ต้องรับผิดชอบ!!!
"อ๊าส์!!! หนอนยักษ์ อ๊าส์ หนอนหัวเห็ด!!! ข้ากลัว!!!"
"มานี่ฟางเซียน สนมรักของข้า ข้าจะชักรูดมันให้เจ้าดูแทนพี่สาวของเจ้า!!!
"ไม่!!! อ๊าส์!!!"
"ฮ่าา"
สวีหลงเยียนส่งเสียงหัวเราะดังก้องสะเทือนไปทั้งตำหนัก เคยมีเสียงเล่าลือว่าหากเขาเข้าไปค้างคืนที่ห้องของสนมนางในคนใด คืนนั้นจะได้ยินเสียงเตียงสั่นสะเทือน และเสียงครวญครางของนางสนมดังออกมาตลอดทั้งคืน
05.00 น.
"วันนี้พอแค่นี้ก่อน นิยายเรื่องใหม่ที่เราเขียนนี่พระเอกโรคจิตไบโพลาร์ครบรสจริง ๆ จะว่าไปก็สงสารนางเอกเหลือเกิน ถ้าเราเป็นนางเอกก็คงจะทนไม่ไหว ไม่สิ? อมสู้ไปเลย!!!"
ซือซือ หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เธอมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายอีโรติกคอมเมดี้ชื่อดัง และนี่ก็คือนิยายเรื่องล่าสุดของเธอที่เพิ่งจะคลอดออกมาใหม่
สนมรัก คืนนี้ข้าจะไปหาเจ้า!!!
ซือซือลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความเมื่อยล้าจากการใช้สายตาเพ่งมองและใช้สมองในการเขียนนิยายทำให้เธอรู้สึกเมื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง เธอละสายตาจากโน้ตบุ๊กตรงหน้า ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
"โอ๊ย!!! ทำไมเจ็บหน้าอกแบบนี้อะ? อื้อ"
ซือซือยกมือขึ้นมาจับที่หน้าอกของตนเองด้วยความทรมาน เธอทิ้งร่างลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความทุรนทุราย
วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเสียด้วย ให้ตายสิ!!!
ซือซือพยายามตะเกียกตะกายหวังจะไปคว้ายาที่บนหัวเตียงของตนเอง แต่ทว่าแรงเฮือกสุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ได้
เธอเสียชีวิตทันทีด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
รัชศกหลงเยียนปีที่2
"ฟางเซียน!!! ฟื้นเดี๋ยวนี้ เจ้าอย่ามาเสแสร้งเหมือนเช่นพี่สาวของเจ้า ฟางเซียน!!!"
สวีหลงเยียนยื่นฝ่ามือหนาใหญ่ไปตบเบา ๆ ที่แก้มขาวนวลเนียนของเฟิ่งฟางเซียนที่นอนสลบไม่ได้สติ หลังจากที่นางตกใจกลัวเขาจนสุดขีดเพราะเขาแก้ผ้าวิ่งไล่นาง จนนางตาเหลือกล้มลงไปนอนชักที่พื้นและสลบไป
"ฟางเซียน!!!"
"ว้าย!!! แหก แหกอีก!!!"
ซือซือตกใจสะดุ้งตื่นพร้อมกับลุกขึ้นมานั่ง นางสูดหายใจเข้าอย่างเต็มปอด ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองรอบ ๆ
ที่ไหนกันเนี่ย โรงพยาบาลเหรอ?
ไม่ใช่สิ?
"ฟื้นแล้วหรือสนมรักของข้า?"
ซือซือค่อย ๆ หันไปมอง ทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มดุดัน สวมเพียงเสื้อคลุมสีดำ เขารวบผมใส่มงกุฎเหมือนฮ่องเต้ในสมัยก่อน ใบหน้าเย็นชาจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
ซือซือค่อย ๆ มองต่ำลง ต่ำลง จนพบกับ
หนอนเนื้อหัวเห็ด?
เดี๋ยวนะ!!!
"นายเป็นใครอะ? ไอ้บ้ากาม!!! ทำไมไม่ใส่กางเกง!!!"
สวีหลงเยียนขมวดคิ้วมุ่น เขาจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา
"จำสามีไม่ได้แล้วหรือ ฟางเซียน ข้าสวีหลงเยียน สามีของเจ้า"
สวีหลงเยียน?
ชื่อเหมือนพระเอกบ้ากามที่เพิ่งเขียนไปเมื่อครู่นี้เลย
"เอ่อ คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาลเหรอคะ?"
"พูดจาภาษาประหลาด!!! ข้าหมดความอดทนกับเจ้าแล้ว ดูเสีย!!!"
"ดูอะไรคะ ว้าย!!! คุณหยุดชักเดี๋ยวนี้นะ!!!"
"ข้าจะชักรูดให้เจ้าดู สนมรัก ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายทั้งเป็น!!!"
ซือซือชะงักค้างกลางอากาศ นางค่อย ๆ ตั้งสติและนึกคิดบางอย่างออกมา
เขาชื่อสวีหลงเยียน แล้วก็เรียกเราว่าฟางเซียน
ซือซือก้มลงมองสำรวจตนเอง ก็พบว่าตอนนี้นางอยู่ในชุดของสตรีโบราณนางหนึ่ง
อย่าบอกนะว่า เราตายแล้วทะลุมิติมาในนิยายที่เขียนค้างเอาไว้!!!
บ้าเอ๊ย!!! เรื่องอื่นที่พระเอกปกติทำไมไม่ให้ทะลุมาวะ!!!
"สนมรัก!!!"
ซือซือรู้สึกราวกับฝันไป นี่นางมาอยู่ในร่างของเฟิ่งฟางเซียนที่ช็อกตายเพราะถูกฮ่องเต้โรคจิตนี่ชักน้องว่าวให้ดูเหรอเนี่ย? โธ่!!! ชีวิตบัดซบยิ่งนัก
สนมรัก!!! หลอนหูโว้ยย!!!
เอาน่า เราสร้างมันขึ้นมาเองเราต้องรู้จุดอ่อนมันสิ!!!
"สนมรัก เรามาสนุกกันต่อเถิด"
สวีหลงเยียนยกยิ้มมุมปากด้วยสายตาดุดัน ตอนนี้ซือซือคือเฟิ่งฟางเซียนแล้ว นางรู้สึกขนลุกขนชันไม่น้อยที่ต้องมาเจอเหตุการณ์วิตถารเช่นนี้
ตอนเขียนรู้สึกสนุกมาก พอมาเจอกับตัวทำไมมันถึงสยองแบบนี้!!!
สวีหลงเยียนยืนมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมแท่งแก่นกายขนาดยักษ์ของตนเอง แล้วชักรูดมันขึ้นลงอย่างเมามัน นี่ก็รอบที่สามแล้ว รอบแรกปล่อยใส่กระโปรงนาง รอบสองปล่อยใส่ผมนาง รอบนี้คือปล่อยใส่หน้านาง!!!
สาแก่ใจนัก พี่สาวเจ้าทำให้ข้าช้ำใจ เจ้าจะต้องชดใช้แค้นนี้แทนนาง!!!
เฟิ่งฟางเซียนนั่งมองคราบน้ำตัณหาของเขาที่ปล่อยใส่กระโปรงและเส้นผมของนางแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนไม่น้อย
ลามกที่สุด!!!
"ซี้ดดด!!! สนมรักอ้าปากรอข้า โอวว!!!"
เฟิ่งฟางเซียนหันไปมองสวีหลงเยียนด้วยสายตาที่เอือมระอา
อาการหนักกว่าตอนร่างพล็อตไปอีก!!! นางจำได้ว่าไม่ได้วางพล็อตให้เขาโรคจิตขนาดนี้นี่
"สนมรัก โอวว ซี้ดดด ฟางเซียน!!! เอาปากโสมมของเจ้าออกไปจากลำแท่งของข้า!!!"
ออกให้โง่สิ!!! ชักเก่งแบบนี้ต้องดูดให้เข็ด!!!
จะว่าไปพระเอกนิยายของเรานี่ก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย!!!
เฟิ่งฟางเซียนพุ่งเข้าไปหาสวีหลงเยียน พร้อมกับใช้ฝ่ามือเรียวงามจับไปที่แท่งเอ็นมังกรของเขาเอาไว้ แล้วครอบริมฝีปากดูดเข้าไปที่หัวหยักสีชมพูของเขาเอาไว้อย่างพึงพอใจ
ใหญ่กว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก!!!
สวีหลงเยียนใบหน้าบิดเกร็งด้วยความเสียวซ่าน เขารู้สึกรังเกียจนาง แต่ในความรังเกียจกลับมีความเสียวซ่านซ่อนเอาไว้
"ซี้ดด!!! อ่าส์!!!"
น้ำรักสีขาวขุ่นไหลล้นทะลักออกมาจากหัวมังกรสีชมพูของเขาจนมันไหลเยิ้มออกมาจากมุมปากของเฟิ่งฟางเซียน นางแลบลิ้นเลียกินมันด้วยความเอร็ดอร่อย สวีหลงเยียนที่เห็นเช่นนั้นก็เกิดบันดาลโทสะจนถึงขีดสุด
"พวกเจ้าเข้ามา!!!"
เขาหันไปสั่งการเหล่านางกำนัลขันทีด้านนอกด้วยน้ำเสียงดุดัน เหล่าข้ารับใช้ต่างรีบก้มหน้าวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีหวาดกลัว
"เฟิ่งผินกระทำการต่ำช้า คิดล่วงเกินข้า ส่งนางไปขังที่ตำหนักเย็น!!! ทำสวนปลูกผักไปเสีย หากไม่มีรับสั่งจากข้าห้ามให้นางออกมาเดินเพ่นพ่านให้รำคาญสายตาข้า!!!"
สวีหลงเยียนสะบัดชายเสื้อเดินจากไป ทิ้งให้เฟิ่งฟางเซียนยืนอ้าปากค้างมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
อะไรกัน? คนอุตส่าห์พุ่งตัวไปช่วยให้เสร็จเร็ว ๆ กลับมาไล่ให้ไปอยู่ตำหนักเย็น ใจร้ายใจดำ!!!
เฟิ่งฟางเซียนให้กำเนิดพระโอรสอีกองค์ในเวลาต่อมา สวีหลงเยียนรู้สึกปลื้มใจไม่น้อย เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะมีอีกสักห้าคนในเร็ววันนี้ สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มกลับมาปกติสุขมากยิ่งขึ้น ราษฎรอยู่กันอย่างร่มเย็น ไร้สงคราม ไร้กบฏ ทุกคนต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เว่ยอ๋องเดินทางมาเยี่ยมสวีหลงเยียนที่เมืองหลวงเสียนหยาง พร้อมกับนำสาวงามมากมายมามอบเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่เขา สวีหลงเยียนปรายตามองเว่ยอ๋องด้วยความหงุดหงิด เห็นเขาเป็นคนบ้ากามเช่นนั้นหรือ!!!"ฝ่าบาทนี่เป็นสาวงามที่ขึ้นชื่อจากแคว้นเว่ย มิทราบว่าฝ่าบาททรงถูกใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ถูกใจกับผีน่ะสิ!!! นี่หาเรื่องให้เขาทะเลาะกับเมียใช่หรือไม่?"ส่งนางไปเป็นนางกำนัลของฮองเฮา ไม่ต้องมาเสนอหน้าอยู่ใกล้ข้า ข้ารำคาญ""ฝ่าบาทนี่เป็นสาวงามขึ้นชื่อเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าอยากขึ้นชื่อว่าตายเพราะโดนข้าถีบยอดหน้าหรือไม่เล่า!!!"เว่ยอ๋องรีบหุบปากทันที แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้พระองค์นี้เคยพูดจาไว้หน้าใครเสียที่ไหนกัน แม้แต่คนหัวหงอกเช่นเขายังโดนถอนจนแทบจะกลายเป็นหัวล้านอยู่แล้ว "เว่ยอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าท่านเชี่ยวชาญด้านการแต่งบทกลอนบทกวีบอกรัก ใช่หรือไม่?""โอววว ฝ
เมื่อสวีหลงเยียนขึ้นไปยืนมองดูสถานการณ์บนกำแพงเมือง เขาก็พบว่ายามนี้หวางต้าเฟิ่งและฉู่อ๋องกำลังมุ่งหน้ามาทางประตูเมืองเสียนหยางดั่งเช่นที่สวีมู่หรงเอ่ยไว้ไม่มีผิด เหล่าทหารนักรบเรือนห้าแสนนายต่างถือดาบมุ่งตรงมาทางพวกเขา หวางต้าเฟิ่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองสวีหลงเยียนราวกับผู้ชนะ สายตาหยาดเยิ้มของเขาหันมาจ้องมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยความหลงใหล อีกไม่นานเสียหรอก ทั้งแผ่นดิน บัลลังก์ และสตรีโฉมงามจะต้องตกเป็นของข้าทั้งหมด ยามนี้ป้ายสั่งการทหารอยู่ในมือของเขาแล้ว สวีหลงเยียนย่อมต้องตกตายในเงื้อมมือของเขาในไม่ช้านี้เป็นแน่"สวีหลงเยียน วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ ได้มองดูความยิ่งใหญ่ของข้าก่อนตาย ฮ่า ๆๆๆ ช่างสาแก่ใจข้ายิ่งนัก ดูเอาเถิด!!! แม้แต่พี่สาวของเจ้ายังหักหลังเจ้าเลย ช่างน่าสมเพชสิ้นดี"สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ เขาจ้องมองสวีเหมยหลิงที่นั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับหวางต้าเฟิ่งด้วยสายตาที่สั่นไหว สวีเหมยหลิงส่งยิ้มให้เขา แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่โศกเศร้าที่สุดตั้งแต่เขาได้พบเจอมาหากเขานำป้ายสั่งการทหารออกมา เขาย่อมเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ แต่ทว่าพ
สวีหลงเยียนมององค์ชายน้อยที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตารักใคร่ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เจ้าเกิดมาในช่วงที่สงครามก่อตัวขึ้นและแผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟ เฟิ่งฟางเซียนในยามนี้นางแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาร่างกายเพิ่มอีกสักหน่อยยามนี้เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องสามารถยึดครองชายแดนทางทิศเหนือของเขาเอาไว้ได้แล้ว สวีมู่หรงจำต้องรีบนำทหารที่เหลือรอดหนีตายกลับมายังเสียนหยาง รวมถึงนำราษฎรที่เหลือรอดชีวิตมุ่งหน้ากลับมากับเขาด้วย เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องกระทำการโหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์ พวกมันปล้นฆ่าชาวบ้านอย่างเลือดเย็น ใครที่คิดต่อต้านพวกมันจะลงมือเข่นฆ่าราวกับผักปลา สวีหลงเยียนนั่งมองสวีมู่หรงที่บาดเจ็บกลับมาด้วยสายเย็นเยียบ เห็นทีสงครามในครั้งนี้เขาคงจะต้องออกไปต่อสู้ด้วยตนเองเสียแล้ว เป้าหมายของพวกมันก็คือตัวเขา หากเขาตายไปเสีย หวางต้าเฟิ่งต้องตั้งตนเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟ ราษฎรคงต้องอกสั่นขวัญผวาเป็นแน่ "เจ้าไปพักรักษาตัวก่อนเถิด ข้าจะออกไปต้านทัพของเยี่ยนอ๋องด้วยตัวข้าเอง""เสด็จพี่ กองทัพของพวกมันแข็งแกร่งไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ""ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางขี้ขลาดหวาดกลัวให้พวกมันม
ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ยามนี้เฟิ่งฟางเซียนก็ท้องใหญ่ขึ้นไม่น้อย นางใกล้จะคลอดอีกไม่นานนี้แล้ว สวีหลงเยียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นกุ้ยเฟย เดิมทีเขาคิดจะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา แต่ด้วยเพราะสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทำให้เขาต้องเลื่อนเรื่องนี้ออกไปเสียก่อน สวีมู่หรงส่งข่าวมาแจ้งแก่เขาว่าฉู่อ๋องสมคบกับเยี่ยนอ๋องเพื่อก่อกบฏ และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ พี่หญิงได้มอบป้ายสั่งการทหารให้แก่หวางต้าเฟิ่ง เขาพอจะคาดเดาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานสงครามระหว่างแคว้นต้องก่อเกิดขึ้นมาเป็นแน่ แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่หญิงทำลงไป แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธเกลียดนางเลยแม้แต่น้อย นางคงมีเหตุผลของนาง แต่ทว่าเหตุผลนั้นก็คือการที่นางคิดร่วมมือกับหวางต้าเฟิ่งเพื่อกำจัดเขาซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันกับนางความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดนั้น ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการแย่งชิงแผ่นดินและอำนาจของกันและกัน "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!!!"ขันทีชราเร่งรุดวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีตระหนกปนความเหนื่อยหอบ สวีหลงเยียนจ้องมองเขาเล็กน้อยด้วยความสงสัย "มีเรื่องใดกัน?""เฟิ่งกุ้ยเฟยจะมีประสูติกาลแล้วพ่ะย่ะค่ะ
นางกำนัลห้องเครื่องถูกนำตัวเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างลับ ๆ นางนั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะล่วงรู้ว่านางเป็นคนใส่ยาพิษลงไปได้รวดเร็วเช่นนี้ "ฝะ ฝ่าบาท!!!""ใครบงการเจ้าให้วางยาพิษพระสนมของข้า?"นางกำนัลยังคงนั่งก้มหน้าเงียบไม่ยอมปริปาก นางไม่อาจเอ่ยปากบอกแก่ฝ่าบาทได้ว่าเป็นฝีมือของหลินกุ้ยเฟย หากนางถูกฆ่าปิดปากนางจะทำเช่นไรกันเล่า แล้วนางเอ่ยวาจาปากเปล่าโดยที่ไร้หลักฐานเช่นนี้ มิเท่ากับโยนตนเองลงไปบนกองไฟหรอกหรือ!!!แต่การที่ถูกฝ่าบาทจับได้เช่นนี้ก็เหมือนกับการนั่งรอความตายไปแล้วกึ่งหนึ่งอยู่ดี สวีหลงเยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยายามข่มอารมณ์มิให้ความโกรธครอบงำจนเสียแผน คราแรกเขาคิดว่าเป็นฝีมือของเยี่ยนอ๋อง แต่จะว่าไปแล้วเยี่ยนอ๋องคงมิกล้าทำการอุกอาจเช่นนี้ยามอยู่ในอาณาเขตการปกครองของเขาแน่นอน หวางต้าเฟิ่งเป็นพวกหมาลอบกัดจากที่ลับ ยามอยู่ในพื้นที่ของเขามันไม่กล้าเสนอหน้าลงมือเป็นแน่ สวีหลงเยียนยื่นมือขึ้นไปเชยคางของนางกำนัลน้อยผู้นั้นให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา สวีหลงเยียนพิจารณาใบหน้าของนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก ใบหน้างดงามได้รูป ดวงตาคู่สวยที่ดูเย้ายวนจิตใจ นางช่างเป
สวีเหมยหลิงปรายตามองหวางต้าเฟิ่งด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ สิ่งใดที่เขาคิดมีหรือที่นางจะไม่รู้ แม้แต่สตรีมีครรภ์เขาก็ยังหมายตา เหตุใดเขาจึงชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทว่าสายตาของสวีหลงเยียนกลับหันไปพบเข้ากับหวางต้าเฟิ่งที่มองมายังเฟิ่งฟางเซียนด้วยแววตาเป็นประกายแววตาของสวีหลงเยียนเย็นเยียบขึ้นมาทันใด เขาหันไปมองเฟิ่งฟางเซียนแต่กลับพบว่านางกำลังสนใจเพียงอาหารตรงหน้าไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าถูกหวางต้าเฟิ่งแอบจ้องมองอยู่ ไม่ใช่แอบมองสิ! เรียกว่ามองแบบโจ่งแจ้งเลยต่างหากเล่า บังอาจนัก!!! กล้ามามองสนมของข้าต่อหน้าต่อตาข้าเชียวหรือ!!!หวางต้าเฟิ่งราวกับจะรับรู้ได้ว่าถูกสวีหลงเยียนจ้องมองมาอย่างคาดโทษ เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจจากเฟิ่งฟางเซียนและหันไปส่งยิ้มให้สวีหลงเยียนแทน สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคออย่างดูแคลน ยิ้มเช่นนี้อยากโดนถีบหรือไร?หลังจากที่งานเลี้ยงจบสิ้นลง สวีหลงเยียนก็สั่งให้ทุกคนแยกย้าย หลินกุ้ยเฟยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะแยกตัวกลับไปยังตำหนักของตนเอง สวีหลงเยียนยื่นมือไปจับแขนของเฟิ่งฟางเซียนเอาไว้ ทำให้นางต้องหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสงสัย