เวลา 06.00 นาฬิกา ดวงตะวันลอยปริ่มขอบแม่น้ำเจ้าพระยา ปิ่นแก้วตื่นนอนก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ แต่คนรับใช้เพิ่งจะยกน้ำร้อนน้ำเย็นขึ้นมาให้อาบ ที่ห้องนอนของหล่อนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและมีห้องอาบน้ำห้องสุขาใช้สอยแบบส่วนตัว
เดิมทีครอบครัวของปิ่นแก้วไม่ได้มีความเป็นอยู่สุขสบายเช่นนี้ เนื่องจากนายพันแสงพ่อของหล่อนเป็นตำรวจชั้นประทวน ส่วนนางรำไพแม่ของหล่อนเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า และมีฐานะทางการเงินอยู่ในระดับปานกลาง ทว่าหลังจากนางรำไพได้ให้กำเนิดปิ่นแก้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของคนบ้านนี้ก็พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ
คุณพระปรีชากับคุณหญิงกรองทอง ชยางกุล เศรษฐีใหญ่เมืองอยุธยาได้เดินทางมาพบกับนายพันแสงและนางรำไพถึงเรือนที่พักอาศัย เพื่อขอหมั้นหมายปิ่นแก้วให้ลูกชายคนเดียวของทั้งคู่ เมื่อสองครอบครัวได้ตกลงว่าจะเกี่ยวดองกัน ผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายก็ยื่นมือเข้ามาดูแลรับผิดชอบชีวิตความเป็นอยู่ของว่าที่เจ้าสาวในอนาคตโดยสมบูรณ์แบบทุกประการ
ปิ่นแก้วเคยถามแม่ของหล่อนว่าทำไมพวกท่านยอมรับการสู่ขอทาบทามครั้งนั้น ทั้งที่ปิ่นแก้วยังเป็นเด็กทารกตัวแดง ๆ นางรำไพจึงเล่านิทานเรื่อง “อยู่กับผึ้งได้กินน้ำหวานอยู่กับแมลงวันได้กินอาจม” ให้หล่อนฟัง และกล่าวสอนอีกว่า เกิดเป็นลูกผู้หญิงอนาคตจะดีจะชั่วล้วนขึ้นอยู่กับผัวทั้งเพ ถ้าหากได้ผัวโจรเราก็ต้องกลายเป็นนางโจรเป็นสมุนโจร ได้ผัวพ่อค้าเราก็ต้องไปค้าขาย ได้ผัวยาจกเราก็ต้องไปขอทาน
นับตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของปิ่นแก้วเหมือนกับนกน้อยในกรงทองมิผิดเพี้ยน หากหล่อนเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาทั่วไปที่มีพ่อเป็นตำรวจแม่เป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า หล่อนคงไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนหนังสือในโรงเรียนประชาบาลร่วมกับเหล่าลูกท่านหลานเธอผู้มีบันดาศักดิ์ทั้งหลาย และมีคนขับรถยนต์เทียวไปรับไปส่งทุกวัน จนกระทั่งเรียนจบการศึกษาระดับมศ.8[1]
“คุณหนูปิ่น บ่าวเตรียมน้ำอุ่นเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงของป้าหยกหัวหน้าแม่บ้านที่ดังขึ้น ทำให้ความคิดของหญิงสาวหยุดชะงัก
“ปิ่นโตเป็นสาวเทื้อแล้ว ป้าหยกไม่ต้องให้คนมาช่วยปิ่นอาบน้ำหรอก”
“วันนี้คุณพระปรีชากับคุณหญิงกรองทองจะแวะมาเยี่ยม ถ้าหากมีสิ่งขัดหูขัดตาคุณหญิง ดิฉันและพวกบ่าวอาจจะโดนตัดเงินเดือนนะเจ้าคะ”
ป้าหยกใช้ข้ออ้างปฏิเสธคำขออย่างนุ่มนวล ทว่าครั้งนี้ปิ่นแก้วจะไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณหัวหน้าแม่บ้านโดยเด็ดขาด เมื่อรุ่งเช้าหล่อนได้สำรวจดูเนื้อตัวของตนเองแล้วก็พบว่า บริเวณทรวงอก หน้าท้องและขาพับด้านใน มีรอยจูบรอยนิ้วมือของคุณโจรปล้นสวาทกระจายอยู่เต็มไปหมด หากมีใครรู้เห็นเรื่องนี้เข้าและนำไปบอกเล่าต่อ จนข่าวดังไปถึงหูของคุณหญิงกรองทอง อาจจะส่งผลให้เกิดเหตุร้ายแรงยิ่งกว่าการถูกตัดเงินเดือน
“แค่อาบน้ำเอง คงไม่ทำให้เนื้อตัวของปิ่นเหม็นสกปรกจนคนอื่นได้กลิ่น ปิ่นจะทำความสะอาดร่างกายตามทุกขั้นตอนที่ช่างเสริมสวยแนะนำ รับรองว่าจะไม่มีใครเดือดร้อนแน่นอน ป้าหยกวางใจได้” พอพูดจบหล่อนก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำและรีบปิดประตูกันคนอื่นทันที
ปิ่นแก้วถอดชุดนอนใส่ไว้ในตะกร้าหวาย ก่อนจะก้าวลงไปแช่ตัวในอ่างที่มีฟองสบู่หอมลอยฟูฟ่อง พลางลูบไล้ผิวพรรณขาวใสบอบบางอย่างเบามือ หล่อนถูกจับขัดสีฉวีวรรณมาตั้งแต่เด็ก นอกเหนือจากใบหน้าและศีรษะ ร่างกายส่วนอื่น ๆ ของหล่อนจึงเกลี้ยงเกลาไร้เส้นขน
หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วแตะโดนจุดอ่อนไหว ซึ่งทำให้หล่อนนึกถึงคำพูดประโยคสุดท้ายของคุณโจรปล้นสวาท
“กระผมจะอดใจรอ จนกว่าคุณหนูปิ่นแก้วจะเป็นฝ่ายเสนอตัวให้” ... หล่อนจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ร่างกายของหล่อนถูกผู้ชายอื่นจับจองไว้แล้ว
ในไม่ช้า ปิ่นแก้วก็ต้องไปจากเรือนหลังนี้ และความสัมพันธ์เร่าร้อนลึกลับระหว่างเขากับหล่อนก็ต้องจบลง หล่อนไม่ควรเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถึงความรักหวานซึ้งที่ไม่อาจจะกลายเป็นความจริงได้ เขาเป็นแค่โจรปล้นสวาทที่ไม่กล้าแม้จะประกาศชื่อเสียงเรียงนามให้เหยื่อล่วงรู้ แต่หล่อนเป็นถึงว่าที่เจ้าสาวของทายาทมหาเศรษฐี
หล่อนไม่ควรลืมคำสอนของแม่ อนาคตของผู้หญิงขึ้นอยู่กับผัว ถ้าหล่อนได้ผัวเป็นโจรหล่อนก็ต้องกลายเป็นนางโจรเป็นหัวขโมยที่ใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ
[1] หลักสูตรหลวง พ.ศ.2456 กระทรวงธรรมการมีโครงการศึกษาแบบประถมศึกษาซึ่งต้องเรียบควบคู่กันทั้งวิชาชีพและวิชาสามัญ รวม 5ปี แบ่งเป็น 2ระดับ คือประถม 3ปี 2ปี ส่วนระดับมัธยมศึกษา 8ปี คือมัธยมต้น 3ปี มัธยมตอนกลาง 3ปี และมัธยมปลาย 2ปี ดังนั้นผู้สำเร็จการศึกษาระดับสูงส่วนใหญ่จึงมีอายุน้อยกว่าปัจจุบัน และผู้ที่เรียนจบมศ.6 ก็สามารถประกอบสัมมาอาชีวะเป็นครูได้
“ร่างกายของคุณหนูปิ่นแก้ว แปดเปื้อนกลิ่นของกระผมหมดแล้ว คุณหนูคิดว่าจะสามารถไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นได้อีกหรือ สองเต้ากลม ๆ คู่นี้กระผมก็ดูดเลียแล้ว และตรงนี้ด้วย...”เขาขบเม้มติ่งหูของหล่อน ลมหายใจระอุเป่ารดลงบนผิวพรรณบอบบางอ่อนไหว พลางแทรกนิ้วเขี่ยคลึงศูนย์รวมความรู้สึกกลางกลีบอวบอูม“ทำไมคุณหนูปิ่นแก้ว ไม่ตอบกระผม”“คุณโจรกระทำฉันอยู่ฝ่ายเดียว”หล่อนพยายามฝืนร่างกายไม่ให้แอ่นเชิงกรานตอบสนองการปลุกเร้าแสนเร่าร้อน แต่ชีพจรตรงจุดซ่อนเร้นกลับเต้นตุบตุบอย่างควบคุมไม่ได้“คุณหนูจะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับกระผมเลยอย่างนั้นหรือ”“ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”“จริงหรือ? แล้วทำไม ...ของคุณหนูฉ่ำแฉะขนาดนี้” คราวนี้ชายหนุ่มเหิมเกริมถึงขั้น ใช้องชาตล้อเล่นกับความรู้สึกของหล่อน เขาประคองปลายลึงค์ถูไถผ่ากลางร่องกลีบอวบอูม ขยับให้ความแข็งขึงบดขยี้ความอ่อนนุ่ม แล้วก็จ่อส่วนหัวบวมบานคาค้ำไว้ที่แอ่งเว้า“หยุดเถิด ได้โปรด...”ปิ่นแก้วแทบจะลืมหายใจ ร่า
ขึ้นสี่ค่ำเดือนเสี้ยวทอแสงริบหรี่รำไร ดวงดาวส่องประกายเจิดจรัสเป็นเจ้าฟ้า บรรยากาศปลอดโปร่งเย็นสบายกำลังดี ถ้าอยู่ที่เรือนไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปิ่นแก้วคงนอนหลับไปนานแล้วเพราะหล่อนเป็นคนหลับง่ายทว่าความรู้สึกแปลกถิ่นส่งผลให้หญิงสาวบังเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ในหัวของหล่อนเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้ชายสองคนหรือสามคน ทั้งสามมีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายคลึงกัน รูปร่าง สีผิว เค้าโครงใบหน้า ทรงผมยาวเคลียไหล่ และกิริยาท่าทางการเคลื่อนไหว หากไม่ได้เจอกับผู้ชายเมื่อตอนกลางวันเสียก่อน ปิ่นแก้วอาจจะเพ้อฝันว่าแทนไทคือคุณโจร ซึ่งมันไม่สามารถเป็นไปได้“ถ้าคืนนี้เป็นวันพระ คงดี”หล่อนทอดถอนใจ พลางมองฝ่าความมืดออกไปนอกหน้าต่าง แว่วเสียงลมพัดใบไม้ดังมาเป็นระลอก ฟังคล้ายกับเสียงดนตรีขับกล่อม...เมื่อหญิงสาวเคลิบเคลิ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา เงาดำทะมึนก็ค่อย ๆ ปรากฏเป็นรูปร่าง ที่นี่คืออาณาจักรของนายแทนไท ชยางกุล และเขามีพลังอำนาจแข็งแกร่งมากพอที่จะสัมผัสร่างกายของหล่อนโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแทรกซ้อนมิติฝันหรือรอคอยให้ถึงวันพระ!แท
ความกว้างขวางใหญ่โตของบ้านชยางกุล เปรียบเทียบได้เท่ากับตึกหรือคฤหาสน์ เนื่องจากเป็นอาคารปูนสีขาวสองชั้นและปูพื้นด้วยหินอ่อนสีงาช้างทุกตารางนิ้ว โดยฝั่งขวาของอาคารถูกต่อเติมขึ้นเป็นตึกสูงสามชั้นครึ่ง ซึ่งนายแทนไทเป็นผู้ออกแบบเองทั้งสิ้น ความหรูหราแปลกตาอันนำสมัยของตึกทรงแปดเหลี่ยมแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือในหมู่สถาปนิกแม้ว่าปิ่นแก้วหมั้นหมายกับแทนไทตั้งแต่ยังเป็นเด็กแดง ทว่าหล่อนก็ไม่เคยมานอนค้างอ้างแรมที่นี่เลยสักคืน เพียงแค่แวะมาเยี่ยมเยือนทำความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมแบบนานทีปีหน และการมาของหล่อนในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่การมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ หากเป็นการออกเรือนมาอยู่กับครอบครัวของฝ่ายชายในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้เครือญาติทุกคนในตระกูลชยางกุลรู้จักปิ่นแก้วเป็นอย่างดี และเหล่าบ่าวไพร่บริวารก็ปฏิบัติต่อหล่อนเสมือนเจ้านายคนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ยินดีปรีดากับการมาของปิ่นแก้วมากกว่าใคร ๆ เห็นจะเป็นคุณหญิงกรองทอง“หนูปิ่นชอบห้องนอนที่แม่จัดเตรียมไว้ให้หรือเปล่า”“ชอบมากค่ะ ขอบพระคุณคุณแม่ที่เอ็นดูปิ่น” หล่อนตอบอย่างอ่อนหวาน ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยกิริยาแฉล้มแช่มช้อยดูงดงามสมเป็นกุลสตรีทุกกระเบียด “
คุณพระช่วย หล่อนกำลังจะขาดใจตายแน่แล้ว...ปิ่นแก้วถ่างขาอ้าร่อง แอ่นรับก้านนิ้วแข็งแกร่งล่ำสันที่ชักเข้าชักออกในรูสาวแบบลืมอาย หล่อนแหงนหน้ากรีดร้องสุดเสียงเมื่อความรู้สึกรุ่มร้อนสุดแสนรัญจวนปะทุออกมาอย่างรุนแรง“อ๊ะ ! คุณโจร... อ๊า” หล่อนครวญครางเสียงกระเส่า เนื้อตัวสั่นระริกระหว่างที่ชายหนุ่มประกบริมฝีปากดูดดื่มน้ำผึ้งสวาท แก่นใจหญิงหดเกร็งและกระตุกรัดลิ้นร้อนเป็นห้วงถี่“ตอนนี้คุณหนูพร้อมจะเป็นเมียของกระผมแล้ว” น้ำเสียงเขาแหบพร่า ร่างสูงใหญ่เคลื่อนขึ้นมาทาบทับร่างอรชรเอาไว้ ไม่ให้หล่อนหลบหนี พลางเบียดสัดส่วนที่ผงาดแข็งชูชันถูไถความอ่อนนุ่มฉ่ำลื่นอย่างยั่วเย้าชั่วขณะนั้นปิ่นแก้วรู้ดีว่า มีเพียงสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สามารถเติมเต็มความรู้สึกวูบโหวงทรมานภายในช่องท้อง แต่หล่อนไม่อาจละทิ้งความซื่อสัตย์ต่อคู่หมั้นคู่หมาย แม้จะต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำทุกข์ตรมจากการผิดหวังในความรักครั้งนี้ไปจวบจนลมหายใจสุดท้าย“คุณโจร ปล่อยฉันไปเถิด ได้โปรด...” หล่อนปรือเปลือกตาที่หนักอึ้ง พยามยามเพ่งมองใบหน้าคมสันของชายหนุ่มในความมืดมิด “คุณหนูไม่ได้รักชอบกระผมอย่างนั้นหรือ”เขาหายใจแรงจนแผงอกหนากระเพื่อม
คำกล่าวนั้นสั่นสะเทือนหัวใจดวงน้อยของปิ่นแก้ว บัดนี้หล่อนมั่นใจแล้วว่า หล่อนได้ตกหลุมรักชายหนุ่มผู้นี้ รัก...ทั้งที่หล่อนประณามว่าเขาเป็นโจรปล้นสวาท“หากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน...คงดี” หล่อนรำพึง“คุณหนูอยากเป็นเมียของกระผมหรือ”น้ำเสียงเขาบ่งบอกถึงอารมณ์ปลาบปลื้ม“ใช่ นี่คือคืนสุดท้ายของเราทั้งสอง มะรืนฉันต้องไปอยู่ที่บ้านชยางกุล เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของนายแทนไท”“คุณหนูพูดราวกับ ไม่ได้รักว่าที่สามี”“ฉันจะรักชอบคนที่ไม่เคยพบปะพูดคุยกันเลยสักครั้งได้อย่างไร ถ้าหากเลือกได้ ฉันอยากให้คุณโจรเป็นเจ้าบ่าวของฉันมากกว่า”“ถ้าเช่นนั้น กระผมจะทำให้คุณหนูปิ่นแก้วสมปรารถนา”ชายหนุ่มก้มลงจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างบรรจง รสชาติจุมพิตอ่อนโยนลึกซึ้งทำให้ปิ่นแก้วเคลิบเคลิ้มมึนเมา ครั้นหล่อนเผลอไผลเปิดทางให้เขาเพียงเล็กน้อย เขาก็ได้ใจ บดเบียดริมฝีปากแทรกลิ้นร้อนเข้ามาดูดดื่มความหอมหวานด้วยความหื่นกระหายแสนละโมบ กระนั้นหล่อนก็ยังพยายามจูบตอบเขาแบบไม่ประสีประสาอาการหวาดหวั่นขัดเขินกึ่งกล้ากึ่งกลัว กระตุ้นความฮึกเหิมของชายหนุ่ม สัมผัสรุกรานจากฝ่ามือหยาบใหญ่ที่เคลื่อนไหวไปทั่วเ
เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นออกมาจากเรือนไม้สักหลังงาม ของนายพันแสงและนางรำไพได้สักพักใหญ่ คุณหญิงกรองทองก็เอ่ยถามบุตรชายว่า“แทนไท ลูกแน่ใจหรือว่าจะรักษาโรคร้ายได้สำเร็จก่อนคืนเข้าหอ”“ลูกเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นนะ” คุณพระปรีชาย้ำเตือน“ปิ่นแก้วไม่ใช่ผู้หญิงจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวอย่างคุณแม่ หล่อนไม่รู้ใจตัวเองว่าต้องการอะไรเลยด้วยซ้ำ” แทนไทพึมพำเหมือนกล่าวกับตนเอง “แม่เป็นห่วงเหลือเกินว่าหนูปิ่นแก้วจะเสียใจ ถ้าหากไม่มีการจัดงานแต่งงาน”“แต่ผมคิดว่า หล่อนอาจจะดีใจมากกว่า”น้ำเสียงบอกเล่านั้นไม่ได้บ่งชี้ความรู้สึกของคนพูด“ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง หากตกเป็นของผู้ชายคนไหน สุดท้ายก็รักผู้ชายคนนั้น แม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกจะมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้” คุณหญิงกรองทองทอดถอนใจถึงแม้แทนไทไม่ได้เปิดเผยความรักลึกซึ้งที่มีต่อปิ่นแก้วให้คนอื่นรับทราบ แต่คุณพระปรีชาและคุณหญิงกรองทองย่อมรับรู้ได้จากการกระทำของบุตรชาย แทนไทให้เกียรติปิ่นแก้วเสมอมา เมื่อเขารู้ว่าหลงรักคู่หมั้นคู่หมายซึ่งยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กตัวน้อย เขาก็ไม่เคยนอกกายนอกใจหล่อนเลยแม้สักครั้งเดียว ทั้งที่สามารถทำได้แทนไทยอมสูญเสียพลังชีวิตขอ