ตอนที่4
เธอจึงเดินขึ้นมาบนอาคารเรียนแล้วดูเลขห้องสำหรับเรียนคาบเช้าพอมาถึงก็กวาดตามองหาที่นั่ง
“ตรงนี้มีคนนั่งไหม” หญิงสาวเดินเข้าไปเอ่ยถามกับคนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะที่ว่าง
ม่านฟ้าได้คำตอบเป็นการส่ายหน้า ท่าทางของคนที่เธอถามจะเป็นคนที่ห้าว ๆ และหัวดื้อ สังเกตจากแววตาและบุคลิก
“เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อเจ้าขานะ” ม่านฟ้าเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมห้องเรียน เพราะเธอเข้ามาเรียนที่นี่โดยที่ไม่รู้จักใครเลยสักคน
“เตยหอม ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันไม่รู้จักใครเลย” เตยหอมตอบกลับเสียงเรียบ เธอตวัดสายตามาที่ม่านฟ้าแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เหมือนกันเลย ฉันก็ไม่รู้จักใคร” ม่านฟ้ารู้สึกใจชื้นขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอได้เพื่อนใหม่มาหนึ่งคนแล้ว
หญิงสาวคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าของม่านฟ้าได้ยินเข้าก็หันหน้ามาหา ก่อนจะทักทายขึ้นมา“สวัสดีเจ้าขา เตยหอม ฉันมะปรางนะ ขอทำความรู้จักด้วยคนสิ ฉันก็ยังไม่มีเพื่อนเลย” มะปรางแนะนำตัวและยิ้มเขิน เพราะปกติเธอไม่ค่อยกล้าพูดกับใคร แต่อยากทำความรู้จักทั้งสองคนไว้จึงหันมาคุยด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็คงต้องเรียนแบบที่ไม่มีเพื่อนสักคนแน่ ๆ นั่นจะทำให้เวลามีงานกลุ่มจะต้องแย่แน่
“จ้ะมะปราง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ม่านฟ้าส่งยิ้มให้มะปรางอย่างจริงใจ ท่าทางของมะปรางจะเป็นสาวเรียบร้อยอ่อนหวาน
“ย้ายมานั่งด้วยกันตรงนี้สิ จะได้คุยกันถนัด ๆ” เตยหอมเอ่ยออกมา ที่นั่งข้างม่านฟ้ายังว่างอยู่ มะปรางก็เลยย้ายมานั่งด้วยอย่างที่เพื่อนใหม่บอก
“เอาเป็นว่าตอนนี้เราสามคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” ม่านฟ้าพูดขึ้นกับคนที่ข้างขนาบข้างเธอทั้งซ้ายและขวา
“อื่ม” ทั้งสองคนพยักหน้ารับพร้อมกัน
“โอเค แล้วพวกแกพักกันที่ไหนกันเหรอ ฉันพักอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง” ม่านฟ้าพูดกับเพื่อนอย่างเป็นกันเอง เธอบอกที่อยู่ใหม่ของตนเองกับเพื่อนก่อนจะถามออกไป
“ฉันก็พักอยู่ใกล้ๆ เหมือนกัน” เตยหอมตอบกลับมา
“ดีจังเลย อยู่ไม่ไกลกันเท่าไร” ม่านฟ้าพูดขึ้นมาที่บังเอิญว่าเพื่อนของเธอก็ไม่ได้อยู่ไกลออกไปมากนัก
“อยู่ไม่ไกลกันแบบนี้ ก็นัดกินข้าวกันได้บ่อย ๆ อะดิ” เตยหอมเอ่ยออกมาอย่างดีใจ มะปรางก็ยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอย่างถูกคอ อาจารย์ก็เดินเข้าห้องมาเสียก่อน คนอื่น ๆ พากันเงียบลง มีก็แต่เตยหอมที่คอยชวนคุยอยู่ตลอดเวลา
“ชู่ สนใจอาจารย์ก่อนสิเตย” ม่านฟ้ายกนิ้วขึ้นมาปิดปากและดุเพื่อนใหม่เบาๆ
“สนใจทำไม เพิ่งจะวันแรกเอง อาจารย์ยังไม่สอนหรอก ก็แค่แนะนำโน่นนี่นั่น” เตยหอมพูดขึ้นมาพร้อมกับกลอกตาไปมา เพิ่งจะวันแรกของการเปิดภาคเรียน อาจารย์ไม่สอนอะไรนักหรอก
“ถึงจะเป็นวันแรกก็ต้องตั้งใจสิ” ม่านฟ้าถลึงตาใส่และกระซิบบอกเสียงดุๆ
“โอเคๆ” เตยหอมทำหน้าเซ็งพร้อมกับทำมือท่าโอเค แล้วหันไปมองอาจารย์ที่ยืนพูดอยู่หน้าห้อง
ม่านฟ้าถอนหายใจออกมาเมื่อเตยหอมหยุดชวนคุย เพื่อนใหม่ของเธอทั้งสองคนมีลักษณะที่ต่างกันสุดขั้ว คนที่หนึ่ง ท่าทางมีนิสัยหัวรั้นไม่ยอมคน พูดมาก ห้าวๆ ส่วนอีกคนท่าทางนิสัยเรียบร้อย พูดน้อย อ่อนหวาน ม่านฟ้ามองทั้งสองแล้วอมยิ้มเพราะถึงแม้จะดูต่างกัน แต่เธอก็รู้สึกว่าเข้ากันได้มาก ๆ
“วันนี้เลิกไม่เย็นมาก เราไปเดินทัวร์รอบมหา’ลัยกันดีไหม” มะปรางเอ่ยชวนขึ้นมาเพราะจะได้สำรวจให้ได้ทั่วมหาวิทยาลัย
“ไปดิ” เตยหอมตอบรับอย่างว่าง่าย
ส่วนม่านฟ้าก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
คลาสสุดท้ายของวันนี้เลิกตอนบ่ายสอง ทั้งสามสาวลงมายืนอยู่ที่หน้าตึกคณะ และปรึกษากันว่าจะเลือกจะไปทางไหนก่อน
“ตรงไปทางนู้นก่อนดีไหม” มะปรางชี้มือไปทางข้างหน้า
“ทางนู้นมันไม่มีอะไรเลยนะ” เตยหอมเอ่ยขึ้นมาเมื่อ มะปรางจะให้เดินตรงไปข้างหน้า แต่มองไปก็ไม่เห็นว่ามีอะไรที่น่าสนใจ คนชวนยู่ปากใส่เพื่อนอย่างขัดใจเล็กน้อย
“งั้นไปทางนั้นก็แล้วกัน” ม่านฟ้าเห็นอย่างนั้นก็ชี้ไปอีกทาง
“ไปกัน” เตยหอมเอ่ยเสียงห้วนตามประสาของเธอ
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปในทางที่ม่านฟ้าชี้ ม่านฟ้ามองสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความสนใจ คณะที่อยู่ข้างคณะบริหารที่เธอเรียนคือคณะวิศวกรรมศาสตร์ นั่นจึงทำให้เห็นหนุ่ม ๆ ที่อยู่ในเสื้อช้อปหน้าตาหล่อแบบแบด ๆ กันซะส่วนใหญ่
“ไปให้พ้นจากตรงนี้กันเถอะ” ม่านฟ้าเอ่ยขึ้นมา เพราะเตยหอมเอาแต่ยืนมองผู้ชายเหล่านั้นแบบไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น แถมคนเหล่านั้นก็มองมาทางที่เธอกับเพื่อนยืนอยู่ด้วยม่านฟ้ารู้สึกประหม่าเวลาที่ถูกมองไม่วางตาแบบนี้
“มาคณะนี้มีธุระอะไรไหมครับน้อง” นักศึกษาชายคนหนึ่งร้องทักทายขึ้น
“ต้องมีธุระหรือไง ถึงจะมาได้อะ” เตยหอมที่เป็นคนไม่ยอมคน เธอจึงตอบสวนกลับ จนหนุ่มที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้ม
“ที่พี่ถามก็เพราะหวังดี เผื่อว่าน้อง ๆ มีธุระอะไร พี่ ๆ จะได้ช่วย” ชายหนุ่มยังคงถามกลับมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“ไม่ต้องการความหวังดี ไปกันเถอะพวกเรา” เตยหอมตอบกลับไปพร้อมกับเบ้ปากใส่ แล้วชวนเพื่อน ๆ เดินเข้าไปอีกทางเพราะเธอเห็นว่ามีโรงอาหารอยู่ด้วย
“สาว ๆ มาจากคณะไหนครับเนี่ย สวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ” ชายหนุ่มอีกคนร้องทักขึ้นเมื่อพวกเธอเดินไปที่โรงอาหาร
“ผู้ชายคณะนี้นี่เฟรนด์ลี่เนอะ ทักทายตลอดทางเลย” ม่านฟ้าพึมพำเบาๆ ทั้งที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเขาแซวเล่นตามประสาผู้ชายปากเปราะ เผื่อฟลุคก็อาจจะได้สาว ๆ ไปควงเล่น
“มองหาอะไรกันอยู่เหรอครับ มองหาเนื้อคู่หรือเปล่า”
“เนื้อคู่ของน้อง ๆ หน้าตาแบบนี้หรือเปล่าครับ”
ตลอดทางเดินเสียงแซวก็ดังขึ้นมาไม่หยุด คนนี้แซวไว้ อีกคนก็ตบมุกต่อทันที ช่างสามัคคีกันดีจริงๆ
ม่านฟ้าทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อรุ่นพี่ทำท่าเก๊กหล่อแล้วแซวออกมา สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้ทำให้ดูหล่อขึ้นเลย น่ากลัวและน่ารำคาญซะมากกว่า!
“ไปกันเถอะ” หญิงสาวเบือนหน้าหนีแล้วดึงแขนเตยหอมเดินออกมา เตยหอมสู้ฝีปากของคนพวกนี้ไม่ได้หรอก อยู่ต่อก็มีแต่ถูกแซวเปล่า ๆ
“จะไปกันแล้วเหรอครับ ให้พี่เดินไปส่งไหม”
“เดี๋ยวพี่พาไปส่งถึงบ้านเลยครับ ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะของกลุ่มรุ่นพี่วิศวะดังขึ้นอย่างชอบใจ ม่านฟ้ารีบเดินให้ผ่านจากคณะนี้ให้ไวที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกแซวขนาดนี้เลย จากนี้ไปเธอจะไม่เข้าใกล้คณะนี้อีกเด็ดขาด!
ตอนพิเศษ 2ร้านอาหารอาทิตย์ขับรถมาจอดที่ร้านอาหาร โดยที่ข้างๆ มีม่านฟ้าที่ถูกผ้าสีสวยปิดตาไว้ เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์เธอ“ถึงแล้วครับเจ้าขา” อาทิตย์ที่เปิดประตูแล้วอ้อมไปเปิดให้แฟนสาวพูดขึ้น ก่อนจะช่วยเธอลงจากรถและให้เกาะแขนเขาไว้“ที่ไหนคะเนี่ย หอมจัง” ม่านฟ้าพูดขึ้นเมื่อเดินเกาะแขนแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจว่าเขาจะไม่ให้เธอล้ม เธอได้กลิ่นขนมและกาแฟ“เดี๋ยวก็รู้ครับ เดินดีๆนะ” อาทิตย์บอกพร้อมกับวางมือทับลงไปที่มือของเธอ ตอนนี้ใครๆ มองมาก็เหมือนคู่บ่าวสาวที่กำลังเดินเข้าสู่พิธีการแต่งงาน เพราะทั้งคู่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีเดียวกันอาทิตย์พาแฟนสาวเดินเข้ามาในร้านที่เขาและเพื่อนๆ มาช่วยกันตกแต่งไว้เพื่อม่านฟ้าโดยเฉพาะ จนมาหยุดอยู่ที่กลางร้าน เขาจึงเปลี่ยนมายืนซ้อนหลังเธอและค่อยๆ แกะผ้าปิดตาออกให้“โอ้ อะไรคะเนี่ยพี่ไฟ” ม่านฟ้าหันมาถามแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยดวงตาเบิกกว้าง“วันพิเศษ สำหรับคนพิเศษครับ” อาทิตย์ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“พี่ไฟ ทำไมน่ารักอย่างนี้คะ จุ๊บ” ม่านฟ้าบอกกับแฟนหนุ่มพร้อมทั้งหอมแก้มเขาเป็นการขอบคุณไปหนึ่งที เพราะว่าภาพตรงหน้าของเธอคือร้านคาเฟที่เขาเคยพาเธอมา
ตอนพิเศษ 1รถสปอร์ตสุดหรูขับเข้ามาจอดเทียบกันสามคันที่หน้าคณะบริหาร ก่อนจะมีชายหนุ่มลงจากรถมาสามคน พวกเขาอยู่ในชุดที่แตกต่างกันแต่ความหล่อก็กินกันไม่ลง“ไงวะไอ้นักธุรกิจใหญ่ เห็นว่าเพิ่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่เหรอวะ ส่งมาใช้บ้างดิวะ รอบนี้ฟันไปเท่าไรล่ะ” แบงค์ที่อยู่ในชุดทำงานสบายๆ กางเกงยีนเสื้อเชิ้ตแต่ทุกอย่างคือแบรนด์เนมที่บ่งบอกถึงฐานผู้บริหารของบริษัทนำเข้ารถหรูที่แต่ละคันไม่ต่ำกว่าสิบล้าน“ไม่ให้โว้ย ของซื้อของขายว่าแต่โชว์รูทแกว่างไหมวะ จะฝากรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ไปโชว์สักหน่อย เผื่อลูกค้าแกจะซื้อไปให้ขับเล่นบ้าง” แชมป์ตอบกลับเพื่อนทันที เขาแต่งตัวสบายๆ เพราะเพิ่งกลับมาจากโรงงานผลิตรถยนต์ที่ร่วมทุนกับต่างประเทศ ตอนนี้เขานำเข้ารถไฟฟ้าทั้งราคาเบาๆ และแบบราคาแพงขึ้น เรียกว่าอะไรที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าเขาทำทั้งหมด“เขี้ยวฉิบหาย กับเพื่อนก็ไม่เว้น ว่าแต่แกเถอะไฟ เห็นเปิดตัวสินค้าเพิ่มเหรอวะ แค่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามันยังรวยไม่พอหรือไง ถึงคิดจะมาขายโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่อย่างนั้น” แบงค์ต่อว่าแชมป์แล้วกลับมาถามอาทิตย์ที่ยืนพิงรถคันหรูที่เคยเป็นของเขามาก่อน ใช่ รถคันที่เป็นประเด็นนั้นแหละ หลังจากจบเรื่องแบงค
ตอนที่ 60ม่านฟ้ารู้สึกดีกับคำพูดของเขา เธอกลั้นยิ้มเอาไว้เพราะกลัวว่าอาทิตย์จะรู้ว่าเธอใจอ่อนแล้ว ความจริงเรื่องนี้เตยหอมกับมะปรางได้โทรมาคุยกับเธอแล้ว ทั้งสองคนยืนยันว่าพี่เขาเลือกเธอแทนที่จะเอารถหรูที่เขาอยากได้ แต่ความโกรธ ความเสียใจมันยังมีอยู่เต็มหัวใจ จึงของอนหน่อยก็แล้วกัน“ถ้าพี่ไม่รักเจ้าขา พี่ก็คงไม่มาที่นี่ เพราะรู้ว่าเจ้าขุนมันโกรธอยู่ แถมเตยกับปรางก็บอกว่าพ่อของหนูโหดมาก ถ้าพี่มาอาจจะโดนยำได้ แต่พี่ก็คิดแล้วว่าจะยอมให้พ่อหรือเจ้าขุนเตะต่อยได้เต็มที่เลยแลกกับได้เจอเจ้าขา” อาทิตย์พยายามพูดให้เธอเชื่อว่าเขารักเธอจริง ๆ และตั้งใจมาง้อให้สำเร็จโดยที่ไม่กลัวอะไร“พี่เจ้าขุนก็ไม่น่าให้เข้ามาง่าย ๆ เลย น่าจะเตะต่อยให้หนัก” ม่านฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเง้างอน ทั้งที่เธอไม่ได้อยากให้พี่ชายทำแบบนี้ เธอแค่ประชดอาทิตย์เท่านั้น“แต่เจ้าขุนจะขับรถชนพี่เลยนะ ดีที่พี่กระโดดหลบทัน ไม่งั้นหนูอาจจะได้ไปงานศพพี่แล้ว” อาทิตย์พูดออกมาเชิงฟ้องเล็กๆ เขาเล่นใหญ่เพราะรู้ว่าม่านฟ้าก็รักเขาเหมือนกันม่านฟ้าเบิกตาโตด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นแล้วจับตัวเขาหมุนไปหมุนมาเพื่อมองร่างกายของอาทิตย์ถนัดๆ ก็เห็นว่าตัว
ตอนที่ 59“ทำไมพ่อยอมให้ไฟเข้าไปง่ายแบบนี้เนี่ย น่าจะยำมันให้สาแก่ใจสักหน่อยนะพ่อ” ภูผาเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด แทนที่พ่อจะกั้นเอาไว้ไม่ยอมให้เข้าไปเจอกับม่านฟ้า แต่กลับเปิดโอกาสให้ง่าย ๆ เพียงแค่อาทิตย์เอ่ยออกมาอย่างจริงจังฉัตรเทพคลี่ยิ้มแล้วกอดคอลูกชายเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“เวลาเรารักใครสักคน เราจะยอมทำอะไรหลายอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่งี่เง่าที่สุดในโลก ไฟเขาก็ยอมทำได้ขนาดนั้น พ่อว่าเขารักเจ้าขาจริง ๆ” ฉัตรเทพเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พ่อเชื่อด้วยเหรอ” ภูผาถามพ่อออกไปอย่างแปลกใจ“แล้วเจ้าขุนไม่เชื่อไฟหรือไง เจ้าขุนคิดว่าไฟโกหกเหรอ ตอบพ่อแบบที่ไม่มีความโกรธอยู่นะ” ฉัตรเทพถามลูกชายขึ้นมาอีกภูผาเงียบไปชั่วขณะ เพราะลึก ๆ แล้วเขาก็เชื่อที่อาทิตย์พูด เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เขารู้นิสัยกันดี แค่เห็นว่าอาทิตย์มาตามง้อถึงที่นี่ เขาก็คิดแล้วว่าต้องรักน้องสาวของเขาจริง ๆ เพียงแต่ภาพของม่านฟ้าตอนที่ร้องไห้โฮยังติดตาเขาอยู่ เขาเลยมองข้ามความคิดตนเองแล้วปกป้องน้องสาว“ผมก็คิดว่ามันพูดจริง” ภูผาตอบเสียงแผ่ว ฉัตรเทพก็เลยหัวเราะออกมา“เราก็ปล่อยให้เขาได้ปรับความเข้าใจ
ตอนที่ 58ม่านฟ้าเอาโทรศัพท์ออกมากดเปิดเครื่อง เธอเปิดปิดอยู่ตลอด หากมีธุระที่ต้องติดต่อก็เปิด แต่พอติดต่อเสร็จแล้วก็ปิดเครื่อง เธอไม่ได้ดูโซเชียลเลย แต่ตอนนี้เธอจะไม่หนีอีกต่อไปLineToey : เจ้าขาแกเป็นยังไงบ้างMaprang : ฉันเป็นห่วงแกนะJaokha : สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันกลับมาแล้วม่านฟ้าเข้าไลน์แล้วกดเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มที่มีข้อความค้างอยู่เยอะมาก เธอไล่อ่านข้อความที่เพื่อน ๆ ก็ส่งมาถามไถ่อยู่ตลอด พอเธอตอบกลับไปแล้วก็กดออกจากไลน์กลุ่ม และเปิดไลน์อื่นๆ ดู ทำให้เห็นแชตของอาทิตย์Fire : พี่คิดถึงหนูมากนะครับเธอเห็นข้อความที่ค้างอยู่จำนวนมาก แต่ไม่ได้กดเข้าไปอ่าน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น เธอจะไม่ใจอ่อนให้เขาง่าย ๆ เด็ดขาด เขาเห็นความรู้สึกของเธอเป็นของเล่นมาตลอด เธอไม่อยากยุ่งกับคนใจร้ายแบบนี้อีกแล้วม่านฟ้าวางโทรศัพท์ลง แล้วเข้านอนไปในทันทีวันต่อมาอาทิตย์จำได้ว่าบ้านของภูผาอยู่ที่ไหน เขาไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ รีบออกจากคอนโดไปที่บ้านของภูผาทันที เขาคิดว่าม่านฟ้าก็คงต้องอยู่ที่นั่น พี่ชายมาทั้งที เธอจะไปอยู่ที่ไหนได้หากไม่ได้อยู่ด้วยกันภูผากำลังจะออกไปข้างนอก แต่เห
ตอนที่ 57ม่านฟ้านั่งเงียบมาตลอดทาง เธออุตส่าห์หนีไปพักใจตั้งไกล แต่พอกลับมาถึงไทยคนแรกที่ได้เจอกันกลับเป็นเขา ไม่รู้ว่าทำไมโชคชะตาถึงใจร้ายกับเธอได้ถึงขนาดนี้ เพิ่งจะรู้สึกดีขึ้นก็ดันต้องกลับไปเริ่มทำใจใหม่ภูผาเห็นสีหน้าเศร้าหมองของน้อง ก็เอามือของเธอมากุมไว้เพื่อปลอบประโลม ไม่ให้เธอเศร้ามากหญิงสาวมองมือของพี่ชายแล้วคลี่ยิ้มให้ รอยยิ้มของเธอเศร้าลง ภูผาก็ได้แต่คอยลูบหลังมือของเธอ เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไปในตอนนี้ เพราะกลัวว่าจะสะกิดแผลให้เธอเจ็บอีกกลับมาถึงคฤหาสน์หลังงามแล้ว ม่านฟ้าก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก เธอปั้นหน้ายิ้มเพื่อที่จะให้พ่อแม่ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้เศร้า ภูผามองหน้าม่านฟ้าด้วยความเป็นห่วง ต้องทนฝืนยิ้มก็ยิ่งเจ็บปวด“โอเคหรือเปล่า ถ้าไม่โอเคก็ไม่ต้องฝืนขนาดนี้หรอก” ภูผาเอ่ยถามน้องสาวเบาๆ“โอเคค่ะ พ่อแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเจ้าขาจะอดไปอยู่คอนโด พี่เจ้าขุนอย่าบอกพ่อแม่นะคะ” ม่านฟ้ายิ้มทะเล้นให้พี่ชาย ใจจริงเธอก็กังวลเรื่องนี้ด้วย หากพ่อแม่รู้ว่าเธอย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้วทุกข์ใจ ท่านคงให้เธอย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านแน่ ๆ“ฮ่า ๆ งั้นเข้าบ้านกัน” ภูผาหัวเราะเอ็นดูม่านฟ