Share

2.โทษทัณฑ์แสนสาหัส (1)

Author: rasita_suin
last update Last Updated: 2025-02-23 12:50:49

“องค์ชายของเจ้าบอกหรือไม่ เหตุใดต้องไปรับพระชายาของข้า”

ไท่จื่อถามต่ออย่างไม่ยอมให้มีสิ่งใดหลุดรอดไปได้

“ข้าน้อยเพียงทำตามคำสั่งหัวหน้าให้เดินทางไปแดนวิหคพร้อมองค์ชายขอรับ”

“จะยังไงพระชายาก็ฆ่าบุตรชายของข้าจริง”

“จากคำพูดทหารของเจ้า หนิงเฟิ่งป้องกันตัว”

“ฆ่าคนคือฆ่าคน”

“นี่เจ้า...”

ทั้งเจ้าบาดาลกับเทพวิหคไม่มีผู้ใดยอมลดละ แต่เสียงทหารก็ดังขึ้น

“องค์หญิงเจ้าบาดาลขอเข้าเฝ้าไท่จื่อ”

แม้จะแปลกใจหากไท่จื่อก็อนุญาต ชั่วอึดใจร่างอ่อนระโหยอ้อนแอ้นขององค์หญิงเพ่ยซานบุตรีเจ้าบาดาลก็เข้ามา ผู้เป็นบิดาจึงรีบพยุงด้วยความเป็นห่วง

“ซานซาน เจ้ายังไม่หายดี เหตุใดจึงมาถึงนี่”

“ซานซานมีเรื่องต้องทูลไท่จื่อ”

เพ่ยซานเอ่ยเบาโรยแรง

“เป็นเรื่องที่ซานซานต้องพูดเพื่อความบริสุทธิ์ใจของพี่ชาย”

นางทูลต่อไท่จื่อพร้อมน้ำตาไหลพราก

“พูดมาเถิด”

ไท่จื่อจำต้องรับฟังอย่างไม่อาจเลี่ยง แม้รู้แก่ใจว่าอาจได้ฟังในสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน

“พี่ชายข้าผูกสมัครรักใคร่พระชายา นับแต่เริ่มการศึกได้พยายามแอบไปพบพระนางที่เผ่าวิหคบ่อยครั้ง แม้รู้ว่าไม่ควรแต่เพราะพระนางเองก็หยิบยื่นไมตรี”

“เจ้าพูดอะไร”

หนิงเฟิ่งหันมาเอ่ยกับธิดาเจ้าบาดาลทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“พี่ข้ายิ่งหลงใหลเพราะพระชายาไม่ตัดสัมพันธ์”

เพ่ยซานย้ำน้ำเสียงสั่นเครื่อ มองหนิงเฟิ่งด้วยแววตาเจ็บปวด แต่มีแววมุ่งมั่นจนน่าหวั่นใจ ก่อนจะหันกลับไปยังไท่จื่อ

“ครั้งนี้ไท่จื่อบาดเจ็บสาหัส การณ์ข้างหน้าไม่อาจคาดเดา หลังพาข้าส่งถึงมือหมอแล้วเขาจึงรีบไปหาพระชายาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้นางมาอยู่ด้วย ข้าพยายามห้ามไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เอ่ยรั้งหลายครั้งแต่พี่ชายข้าจริงใจกับพระชายา เขาบอกว่าหากเรื่องรู้ถึงไท่จื่อก็ยินดีรับโทษตายไปพร้อมหัวใจรัก”

“เจ้าพูดในสิ่งที่ไม่มีมูลแม้แต่น้อย”

“งั้นขอถามพระชายา ท่านเคยพบพี่ชายข้าขณะพำนักที่เผ่าวิหคหรือไม่”

คำถามของเพ่ยซานทำให้หนิงเฟิ่งนิ่งไปชั่วอึดใจและไท่จื่อก็สังเกตได้

“เขาเคยลอบนำมุกราตรีมาให้ในตำหนักวิหคขาว และข้าปฏิเสธไปแล้ว”

นางยอมตอบตามตรง ปิดบังไปอาจยิ่งดูมีลับลมคมใน เมื่อจิตใจของนางมั่นคงต่อไท่จื่อ แม้ของกำนัลสูงค่าใดก็ไม่อาจบั่นทอนความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา

“เพียงครั้งเดียวเช่นนั้นหรือ”

“เขายังมาอีก แต่ข้า...”

“พอที!”

ไท่จื่อเอ่ยเสียงดังทำให้พระชายาจำต้องหยุด

“ชายอื่นลอบไปพบเจ้าหลายครั้ง และข้าไม่เคยรู้เลย เพราะเหตุใด”

“การศึกสำคัญ ข้าไม่ต้องการนำเรื่องนี้ไปรบกวนท่าน”

“แต่ลอบพบกันลับหลังให้ข้าต้องเสียชื่อน่ะหรือ”

มือหนาทุบลงข้างตัวด้วยความโมโห ชายาปิดบังแอบซ่อนพบชายชาตรีหลายครั้ง เพียงเท่านี้ก็เสื่อมเสียเกียรติของไท่จื่อสวรรค์ของตนแล้ว ทั้งนางยังไม่อาจให้ความกระจ่างในคำกล่าวหาที่ว่าผูกใจรักกับบุตรชายของเจ้าบาดาลได้ หากไม่สนิทสนมกันมากพอมีหรือจะตามชายอื่นออกมาจากเผ่าวิหค ทั้งที่ไม่เข้าร่วมการศึก

ยิ่งคิดว่าหลายวันที่ตนคร่ำเคร่งวางแผนการศึกจนน้อยครั้งจะกลับตำหนักในวังวิหค ชายากลับแอบพบชายอื่น ไท่จื่อยิ่งใจร้อนรนเต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

“แถมยังไว้ใจตามออกมาเช่นนี้ นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่รู้จักส่วนตัว”

“ข้าเพิ่งเคยพบเขาตามลำพังเมื่อเขาลักลอบเข้ามาที่ตำหนักวิหคขาว”

“ยิ่งพูดเจ้าก็ยิ่งทำให้ข้าขายหน้าหนิงเฟิ่ง เจ้าไม่รักนวลสงวนตัว ปิดบังซ่อนเร้นพบชายอื่นแล้วยังตามออกมาจากเผ่าวิหค เพียงเท่านี้ข้าก็ลงโทษได้แล้ว”

น้ำเสียงของไท่จื่อเต็มไปด้วยความเดือดดาล

“แล้วนี่ยังหนีทัพ ฆ่าคนอีก ความผิดเจ้ามากมายนัก”

“ข้าไม่อาจร่วมทัพเป็นความผิด หากท่านต้องการลงโทษ ข้าก็ยินดีรับ แต่บุตรชายเจ้าบาดาลสมควรตาย เขาคิดย่ำยีข้า ย่ำยีเกียรติของท่าน ข้าไม่ผิดในเรื่องนี้”

“เจ้าเองก็ย่ำยีเกียรติข้าเช่นกัน”

การที่ไท่จื่อเอ่ยย้ำถึงเกียรติของตน และนางทำให้ขายหน้าทำให้หนิงเฟิ่งร้าวลึกภายในอก สิ่งที่นางทำคือปกป้องตัวเอง แต่สวามีกลับคิดถึงเพียงหน้าตาตนเอง ไม่สนใจแม้แต่จะถามด้วยซ้ำว่านางปลอดภัยดีหรือไม่ ถูกทำร้ายอย่างไรบ้าง

เขาทำราวกับเชื่อคำพูดของธิดาเจ้าบาดาล เชื่อว่านางมีใจให้กับชายสารเลวคนนั้น

“ดูเหมือนท่านจะไม่ได้สนใจนักว่าข้าปลอดภัยจากคนชั่วช้านั้นหรือไม่”

หนิงเฟิ่งเอ่ยเสียงเบา หากเน้นหนักในทุกคำ

“ใช่สิ ท่านคือไท่จื่อสวรรค์ เกียรติของท่านสูงส่งนัก ชายาเช่นข้าก็เป็นเพียงเครื่องประดับเกียรติชิ้นนึงของท่าน ข้าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสียก็ต้องรับโทษ”

หากเห็นว่านางผิดนัก ต้องการลงโทษนางย่อมไม่อาจขัดประสงค์ไท่จื่อได้

“หนิงเฟิ่ง...”

เทพวิหคอยากทัดทานหลานสาวแต่ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้มากกว่านั้น ด้วยความผิดติดตัวของหนิงเฟิ่งนักหนาเกินกว่าจะยื่นมือไปยุ่งได้ เพราะเท่านี้ก็อาจมีผลส่งถึงเผ่าวิหคเช่นกัน

ใบหน้าราบเรียบเป็นนิตย์ของไท่จื่อเคร่งเครียดขึ้น ลมหายใจรุนแรงทำให้รู้ว่าอารมณ์ไม่ปกติ ทั้งชายายังท้าทายต่อหน้าธารกำนัลราวไม่เกรงกลัวอาญา จากความระแวงแคลงใจจึงยิ่งทำให้ฉุนเฉียวหนัก

“ในเมื่อรู้ว่าผิดและยอมรับก็ดี แต่โทษไม่อาจละเว้น เทพสงคราม นำตัวชายาข้าหนิงเฟิ่งไปรับการลงทัณฑ์สายฟ้าฟาดสามวันสามคืน โทษฐานหนีทัพและพลั้งมือทำให้บุตรชายของเจ้าบาดาลถึงแก่ชีวิต”

“ไท่จื่อ”

ทั้งเทพวิหคและเทพสงครามต่างพยายามจะห้าม ทว่าไท่จื่อก็เตือนทั้งสองคน

“ยิ่งสูงยิ่งไม่อาจทำผิด ยิ่งใกล้ยิ่งไม่อาจเพิกเฉย ยิ่งเป็นชายาข้ายิ่งต้องลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนเรื่องที่เสื่อมเสียมาถึงข้าเป็นการส่วนตัวภายในวังข้า ข้าจะลงโทษนางเองหลังจากรับโทษสายฟ้า นำตัวไป”

ไท่จื่อย้ำกับเทพสงคราม จิ่นลี่รับบัญชาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะประคองร่างของพระชายาลุกขึ้น แต่หนิงเฟิ่งเอ่ยขอบางสิ่งก่อน

“ความผิดนี้ข้าขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว ขอไท่จื่อได้โปรดเมตตาเผ่าวิหค”

“ข้ารับปาก”

หลังจากไท่จื่อรับปากเทพสงครามก็พาร่างงดงามของพระชายาหนิงเฟิ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วจนหายไปในอากาศ

==========

ไท่จื่อแคลงใจในตัวหนิงเฟิ่ง แต่สั่งลงโทษเรื่องฆ่าคนตายกับหนีทัพก่อน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทำยังไงกับหนิงเฟิ่ง -_-"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (4)

    เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้นางหันมอง แล้วก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ เพราะสองคนผู้มาใหม่พร้อมกับบิดามารดานั้นดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ทั้งฝ่ายผู้หญิงยังเดินตรงมาหานางเร็วกว่าคนอื่นและจับมือทันที“ช่างสวยน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก”อวี้หลันยืนงง ขณะอีกฝ่ายลูบผมนาง“หลันเอ๋อร์ นี่คือท่านย่าของเจ้า”มารดาเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเสียงเบา“ท่านย่า”สาวน้อยย่อตัวลงเล็กน้อยแม้จะยังอึ้งแปลกใจ และบิดาก็เอ่ยขึ้นนางจึงต้องหันมองตาม“แล้วนี่ก็ท่านปู่”“ท่านปู่”นางย่อตัวลงอีกครั้ง สบตาคมดูมีอำนาจของผู้เป็นปู่แวบเดียวก็หลบ แล้วก็ต้องยิ้มบางกับท่านย่าที่ประคองสองข้างแก้มตน“ไหนให้ย่าดูชัดๆ สิ เหมือนเจิ้งหานเมื่อยังเด็ก แต่ก็คล้ายหนิงเฟิ่ง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโตถึงเพียงนี้”“หากพวกท่านมาเยี่ยมท่านพ่อบ่อยๆ ก็จะไม่คิดว่าข้าโตเร็ว”“หลันเอ๋อร์”หนิงเฟิ่งดุเสียงเบา ทว่าอวี้หลันไม่ได้สลดนัก นางคิดว่านางพูดความจริง ตนนั้นเห็นว่าบิดาเป็นเซียนปลายแถวทำสวน หากก็รักท่านมาก ทั้งเมื่อเห็นญาติฝ่ายมารดามาเยี่ยมไม่เคยขาด ยังอดคิดไม่ได้ว่าบิดาคงโดดเดี่ยวไร้ญาติ น่าสงสาร แต่นางก็ไม่เคยพูดสิ่งนี้กับผู้ใด“จริงนี่เจ้าคะ ข้าคิดว่

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (3)

    “แล้วนี่จะเรียกว่าท่านปรนนิบัติได้อย่างไร”นางนึกหมั่นไส้คนที่ถูกตำหนิแล้วยังยิ้มกลับมาตรงหน้านัก“อย่างนี้ไงเล่า”มือหนาข้างหนึ่งวางกระชับสะโพกผาย ส่วนอีกข้างทาบเหนือทรวงอวบขาวแล้วฟอนเฟ้นพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังสลับไปมาขณะที่สะโพกแกร่งด้านล่างก็ขยับเร้าร่างหญิงสาวจนในที่สุดหนิงเฟิ่งก็ต้องเคลื่อนไหวสะโพกตนตามอีกฝ่าย“อืม ไม่นะ นี่ข้าปรนนิบัติท่าน”มือเกาะบ่าหนาเป็นหลักขณะเอ่ยแย้ง“แล้วอย่างนี้เล่า”คราวนี้ปลายนิ้วแกร่งเปลี่ยนมาไล้วนเหนือสัดส่วนบอบบางด้านหน้าเร็วรี่จนหญิงสาวต้องกัดฟันครางยาวในลำคอ ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอแกร่งเพราะอ่อนไหวเสียดสยิวจนไม่อาจขยับได้อีกแล้ว ร่างงามเกร็งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกร้อนเหมือนไฟลุกท่วมตัวกระทั่งกระตุกอย่างรุนแรง เอนกายเข้าหาร่างแกร่ง และแขนกำยำก็โอบกอดนางไว้ ขณะที่สะโพกหนาเคลื่อนไหวเชื่องช้าเหมือนกำลังเริ่มต้น หากหนิงเฟิ่งก็รู้ว่าเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้“พอใจหรือยังชายาที่รักของข้า”นางกัดฟันไม่ยอมตอบหากกลับนั่งตั้งหลักอย่างมุ่งมั่น โยกไหวสะโพกสวนกลับชายหนุ่ม เร่งจังหวะให้เร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว เห็นว่าชายหนุ่มเองก็ขบกรามแน่นเช่นกันนางก็นึกพอใจ ในเมื่อถูกเล่นง

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (2)

    “องค์ชายเจิ้งหานมาขอพบเจ้าค่ะ”อิงอิงกระซิบบอกผู้ที่อยู่ในสระอาบน้ำเล็กหนิงเฟิ่งขมวดคิ้ว นึกแปลกใจด้วยปกติแล้วเจิ้งหานจะไม่เข้ามาในตำหนักหากไม่มีกิจจำเป็น ทั้งยังในเวลาส่วนตัวเช่นนี้ทว่าวันนี้เขามาร่วมโต๊ะกับเทพธิดาบุปผาที่ต้อนรับไท่จื่อสวรรค์ในตำหนัก ส่วนหนิงเฟิงกับลูกอยู่ที่ตำหนักเล็กของตน เพราะเห็นว่าเป็นการใหญ่เกินไป นางไม่อยากให้อวี้หลันคิดว่าตนนั้นอยู่เหนือผู้อื่น อยากให้ลูกเป็นเทพเซียนน้อยผู้หนึ่งในดินแดนบุปผาเท่านั้น“เวลาเช่นนี้น่ะหรือ”เวลาที่นางอาบน้ำอยู่...อีกฝ่ายคงเพิ่งแยกจากไท่จื่อจิ่นลี่แล้วมายังตำหนักเล็กนี้“อิงอิงจะไปทูลว่าองค์หญิงยังไม่สะดวก”อิงอิงเอ่ยอย่างรู้ใจ ทว่าเสียงเข้มดังขึ้นห่างออกไป“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า”เจิ้งหานเชิญตนเองเข้ามา ทำเอาอิงอิงหน้าเสีย ตำหนักเล็กของหนิงเฟิ่งนั้นมีเพียงอิงอิง เพราะนางต้องการเพียงเท่านี้ และถือว่าตนนั้นเป็นเพียงผู้อาศัยเทพธิดาบุปผาจึงไม่ต้องการมีคนมาคอยห้อมล้อมเช่นตอนที่อยู่เผ่าวิหค หรือแม้แต่บนสวรรค์ นางต้องการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองแม้มีม่านกั้นหากหนิงเฟิ่งก็รู้สึกขนลุกและวูบวาบตามผิวกายเพียงได้ยินเสียงเข้มของเจิ้งห

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (1)

    ไท่จื่อจิ่นลี่เพิ่งเคยมายังดินแดนบุปผาครั้งแรก ความงดงามชื่นตาชื่นใจจากพันธุ์ไม้ดอกไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นในทันทีที่เหยียบย่างเข้ามา“ท่านมาพบผู้ใด โปรดแจ้งนาม”ผู้ที่เฝ้าประตูทางเข้าดูค่อนข้างมีอายุ หากก็ไม่ถึงกับดุเข้มจนน่ากลัว“ข้ามาพบเจิ้งหาน บอกเขาว่าจิ่นลี่มาเยี่ยมเยือน”ครั้งนี้เขาลงไปแก้ปัญหาน้ำหลากท่วมบ้านเรือนมนุษย์กับหวังหย่ง และผ่านดินแดนบุปผาจึงอยากเยี่ยมพี่ชายที่ไม่พบหน้ากันมาถึงพันสองร้อยปี“ชื่อท่านช่างคุ้นยิ่งนัก”หวังหย่งขยับจะพูด ทว่าจิ่นลี่เหลือบมองห้ามปรามจึงเงียบไป“เชิญตามข้ามาทางนี้”อีกฝ่ายไม่ซักไซ้สงสัย ทั้งยังนำทางโดยง่าย จิ่นลี่ก็ยิ้มบางแล้วเดินตามไปโดยมีหวังหย่งผู้ที่มีหน้าที่ช่วยราชกิจไท่จื่อแบบใช้กำลังตามติดไม่ห่าง ส่วนจางหย่งนั้นเป็นผู้ดูแลงานด้านงบประมาณและฎีกาเมื่อมาถึงหน้ากระท่อมเนินเขาที่มีไร่ดอกไม้ล้อมรอบจิ่นลี่ก็รู้สึกไม่ดียิ่งนัก พี่ชายตนต้องลำบากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่อยู่หลับนอนก็เป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ หากมารดามาเห็นคงปวดใจ ยิ่งบิดาคงยิ่งกรุ่นโกรธผู้นำทางไปแล้วจิ่นลี่กำลังคิดว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ก็มีเสียงหวานใสของผู้หนึ่งดังขึ้นไม่ห่างนัก“พ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   29.หัวใจและดวงจิตข้าอยู่ที่เจ้า (2)

    “ยอดดวงใจของข้า เจ้าเจ็บปวดกับสิ่งที่ข้าทำ ไม่ยกโทษให้ไปอีกแสนปีก็ย่อมได้ ตามแต่ใจเจ้าต้องการ แต่ความรักของข้าก็ยังเป็นเจ้า หัวใจของข้าอยู่ที่เจ้าเสมอหนิงเฟิ่ง”บอกแล้วปากได้รูปก็จูบลงบนหน้าผากสวยราวตอกย้ำคำพูดตน เขาไม่ต้องการขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้อีกแล้ว นับจากได้ยินว่าตนสั่งลงทัณฑ์สายฟ้าจนเกือบสูญเสียลูกน้อยและหนิงเฟิ่งพยายามเพียงไรเพื่อให้อวี้หลันมีชีวิตอยู่ เจิ้งหานก็ปวดร้าวในอก เขาเกือบฆ่าลูกของตนไปแล้ว หากไม่เพราะหนิงเฟิ่งคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหรือได้อุ้มลูกน้อย“ข้าไม่รู้”เสียงหวานพร่าเอ่ยเบาหวิว“แต่ข้ารู้เพียงว่า มีท่านอยู่ใกล้ ข้ากับลูกจะปลอดภัย”ใบหน้างดงามนองน้ำตาเงยขึ้น เจิ้งหานยิ้มรับกับคำพูดของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่นขึ้น เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เขาก้มลงทาบทับปากได้รูปบนหน้าผากสวย เปลือกตาทั้งสองข้าง และข้างแก้มที่ชื้นด้วยน้ำตา ก่อนจะไล่มายังริมฝีปากอิ่ม จูบซับบางเบาแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักขึ้น มือช้อนใต้ศีรษะเล็กเมื่ออีกฝ่ายเริ่มแหงนเงยรับเขาปลายลิ้นอุ่นเริ่มเคลื่อนไล้ก่อนจะรุกล้ำภายในปากนุ่มเพราะอีกฝ่ายเปิดหนทาง หนิงเฟิ่งจูบตอบคลอเคลียกับชายหนุ่มอย่างยินยอม สองแขนเรียวเค

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   29.หัวใจและดวงจิตข้าอยู่ที่เจ้า (1)

    หนิงเฟิ่งลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่จำเหตุการณ์สุดท้ายได้จึงรีบผวาลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าบุตรสาวนอนอยู่ในอ้อมกอดระหว่างกลางร่างตนกับเจ้าของร่างสูงสง่า ทั้งยังหายใจขึ้นลงผะแผ่วเป็นปกติก็ถอนหายใจ เหลือบมองใบหน้าคมคายที่ค่อนข้างซีดแล้วก็แตะหลังมือบนหน้าผากกว้างอีกฝ่ายตัวอุ่นแต่ดูเหมือนคนป่วยทำให้นางขมวดคิ้ว ทว่ามาคิดดูแล้วคงเพราะเจิ้งหานใช้พลังเพื่อช่วยนางกับลูก เห็นอย่างนี้แล้วนางจะพาอวี้หลันกลับไปเลยก็คงไม่ได้ร่างอ้อนแอ้นลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มลูกน้อยไปวางบนเตียงด้านใน ส่วนร่างสูงของเจิ้งหานนางร่ายเวทย์เคลื่อนย้าย เปลี่ยนเสื้อผ้าของทั้งเขากับลูกและตนเอง ห่มผ้าให้ทั้งคู่อย่างเรียบร้อยก่อนจะออกไปด้านนอกหนิงเฟิ่งไปยังบ่อน้ำทิพย์และนำน้ำกลับมาให้เจิ้งหานดื่ม นางพยายามค่อยๆ ประคองอีกฝ่ายให้ดื่มน้ำทิพย์จนสำเร็จ เช็ดปากและห่มผ้าให้เช่นเดิม ทว่าพอจะลุกขึ้นกลับถูกจับข้อมือไว้“นี่ท่านฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ”นางหันไปมองพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้ม“เพิ่งรู้สึกตัวก่อนที่เจ้าจะเข้ามานี่แหละ พอได้ยินเสียงก็เลยหลับตาลงต่อ”“ท่านหลอกข้า”หนิงเฟิ่งพยายามดึงมือออกจากอีกฝ่ายให้ได้“เปล่าเลย แค่หลับตา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status