แชร์

2.โทษทัณฑ์แสนสาหัส (2)

ผู้เขียน: rasita_suin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-23 12:51:29

ไท่จื่อนำทัพสวรรค์และแม่ทัพใหญ่เผ่าบาดาลกับเผ่าวิหคเข้าเฝ้ารายงานการศึกต่อหน้าจักรพรรดิและขุนนางสวรรค์ แม้จะมีชัยเหนือราชาปิศาจที่บาดเจ็บหนักจนต้องถอยทัพ แต่ยังต้องระแวดระวังดินแดนมนุษย์อยู่เพราะอ่อนแอและถูกครอบงำง่าย ไม่รู้ว่าราชาปิศาจจะกลับมาแข็งแกร่งและคิดมีอำนาจเหนือทุกดินแดนอีกเมื่อไร

“ศึกนี้ข้าต้องขอบใจเผ่าวิหคกับเผ่าบาดาลยิ่งนัก”

จักรพรรดิสวรรค์จินหวงเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น

“แต่ราชาบาดาลต้องสูญเสียบุตรชาย ทั้งบุตรีของท่านก็บาดเจ็บหนักเพราะช่วยไท่จื่อ ถือว่ามีความชอบต้องตอบแทนท่าน”

สือเฟิ่งได้แต่แอบถอนใจ ขณะที่สีหน้าซีเหว่ยไม่ดีนัก เพราะไท่จื่อเอ่ยสั่งไว้ว่าให้การตายของบุตรชายตนเกี่ยวข้องกับการศึก โดยถูกเผ่าปิศาจจู่โจมขณะคุ้มกันพระชายาเดินทางมาหาไท่จื่อที่บาดเจ็บยังเผ่าบาดาล ขอให้เจ้าบาดาลเห็นแก่ไท่จื่อ ในเมื่อได้ลงโทษพระชายาสถานหนักแล้ว

“เป็นพระกรุณาฝ่าบาท บุตรชายข้าอุทิศตนเพื่อการศึกเพื่อหกพิภพดินแดน ซานซานบุตรีของข้าแม้ตายแทนไท่จื่อได้ก็ยินดี”

“สั่งสอนบุตรได้ดียิ่ง น่าชื่นชม น่าชื่นชม”

เผ่าบาดาลช่างหวังสูงนัก คำชมจากจักรพรรดิทำให้สือเฟิ่งคิดพลางกำมือตนแน่น เวลานี้เผ่าวิหคเหมือนน้ำท่วมปาก จำต้องยอมก้มหน้าเห็นดีเห็นงามเชิดชูชายชั่วจิตใจโสมมที่บังอาจล่วงเกินองค์หญิงเผ่าวิหคพระชายาของไท่จื่อ

“ฝ่าบาทชมเกินไป ข้าสั่งสอนบุตรให้ภักดีต่อสวรรค์ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อหกพิภพดินแดน ที่สำคัญลูกสาวข้ามีใจภักดีต่อไท่จื่อ นางย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้เมื่อเห็นว่ามีภัย”

“เป็นเช่นนี้เอง”

จักรพรรดิมองไท่จื่อ บุตรชายคนโตจึงเอ่ยในสิ่งที่ตัดสินใจแล้ว

“พระบิดา บุตรีเจ้าบาดาลภักดีต่อข้าด้วยความจริงใจ ครั้งนี้นางสละตัวเองเพื่อข้า ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

คำบอกของไท่จื่อ ไม่ต้องเอ่ยให้มากความผู้เป็นบิดาก็เข้าใจความหมาย

“ดี ภักดีนับเป็นเรื่องดี ประกาศออกไป บุตรีของเจ้าบาดาลมีความชอบ เพื่อไท่จื่อแล้วยอมสละแม้แต่ชีวิตตัวเอง ข้าจะจัดงานอภิเษกให้บุตรีของเจ้าบาดาลเป็นสนมเอกของไท่จื่อให้สมกับความดีความชอบครั้งนี้โดยเร็วที่สุด”

“เป็นพระกรุณา”

เจ้าบาดาลรีบคุกเข่ารับพระบัญชาอย่างทันท่วงที

เทพวิหคสือเฟิ่งได้แต่ข่มใจตน เจ็บใจที่เผ่าวิหคถูกเผ่าบาดาลหยามแต่กลับได้ความดีความชอบ หลานสาวของตนต้องลำบากทั้งใจและกายเพียงผู้เดียว แม้เรื่องนี้คนรับรู้น้อย แต่หนิงเฟิ่งต้องแบกรับความผิดบาปที่ตนไม่ได้ก่อในสายตาไทจื่อไปตลอด ทั้งยังต้องทนเห็นน้องสาวของคนที่ทำร้ายตนอยู่ในวังเดียวกันอีกด้วย

หนิงเฟิ่งเอ๋ย เจ้าช่างอาภัพนัก

สายฟ้าฟาดลงมาแต่ละครั้ง ตัดผ่าผิวหนังแทรกลงไปถึงวิญญาณ จิตวิหคสวรรค์ของหนิงเฟิ่งนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ใช่ว่าจะรองรับสายฟ้าฟาดได้โดยง่าย แม้ไม่ถึงกับทำให้วิญญาณแตกสลายทว่าก็ต้องเจ็บหนัก เมื่อพลังปราณอ่อนลงนางอาจไม่สามารถทานทนปกป้องกายทิพย์ของตนได้ หากเป็นเช่นนั้นนางต้องมีบาดแผลบนร่างกาย บาดแผลที่สตรีไม่ควรมี แผลนี้จะติดตัวเป็นตราบาปของนางไม่มีวันเลือนหาย

ไท่จื่อสั่งลงทัณฑ์เช่นนี้ ราวรังเกียจเดียจฉันท์ ไม่เห็นนางเป็นชายาของเขา

แม้จะน้อยใจในความหมางเมินและใจร้ายของสวามี แต่สิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของหนิงเฟิ่งอย่างมากคือการที่ไท่จื่อไม่เชื่อใจ ไม่แม้แต่จะถามไถ่ห่วงใยนาง เขาฟังความจากเผ่าบาดาล ลังเลกับคำพูดของธิดาเจ้าบาดาล อยู่ด้วยกันมานานมีหรือที่สีหน้าแววตาเพียงน้อยนิดที่ไท่จื่อแสดงออกมานางจะมองไม่ออก

กระนั้นก็ไม่มีเวลาเสียใจหรือใส่ใจสวามีของตนอีกแล้ว เมื่อนางมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องปกป้องในเวลานี้

ร่างงดงามของหนิงเฟิ่งทรุดลงพร้อมทั้งกระอักเลือดหลังจากรับสายฟ้าจนยามราตรีมาเยือน ความแปลบปลาบระคายไปทั่วผิวเนื้อไม่อนาทรเท่าส่วนที่ปวดหนึบกลางร่างกาย

“พระชายา”

อิงอิงคนสนิทของหนิงเฟิ่งที่ขอติดตามมาด้วยแทบจะถลาเข้าไปพยุง แต่ไม่อาจเข้าใกล้แท่นรับสายฟ้าได้

“ท่านเทพสายฟ้า ได้โปรดหยุดก่อนเถิด พระชายาไม่อาจทนได้แล้ว”

นางหันไปคุกเข่าต่อหน้าเทพสายฟ้าที่มีท่าทางลำบากใจหากก็ยั้งมือที่กำลังลงทัณฑ์ลง

“ไท่จื่อสั่งลงโทษท่านทั้งสามวันสามคืน ข้าไม่อาจขัด ขอพระชายาโปรดเข้าใจ”

เทพสายฟ้าไม่อาจเลือกได้ ตนมีหน้าที่ลงทัณฑ์ตามคำสั่งไท่จื่อ ทั้งที่รู้ว่าพระชายาต้านทานสายฟ้าไม่ไหว

“ไม่มีใครอยู่ในนี้ ข้าไม่พูดท่านไม่พูดย่อมไม่มีใครรู้เห็น ท่านหยุดลงทัณฑ์พระชายาในยามราตรีได้หรือไม่”

อิงอิงเอ่ยขออีกครั้งพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้น

“อิงเอ๋อร์อย่าทำให้เทพสายฟ้าลำบากใจ”

เสียงหวานพร่าอ่อนแรงของพระชายาทำให้นางหันกลับไป

“พระชายา ท่านไม่มีความผิดใดเลย เหตุใดต้องยอมรับโทษเยี่ยงนี้ ฮือ...”

“เทพสายฟ้า ข้าขออยู่ลำพังกับคนของข้าไม่นานได้หรือไม่”

“เอ่อ แต่...”

“ข้าย่อมไม่หนีไปไหน หากคุยกับนางเรียบร้อยแล้ว ข้าจะให้ท่านลงทัณฑ์สายฟ้าใส่โดยไม่จำเป็นต้องหยุดอีกเลย”

คำขอนี่เทพสายฟ้าเองก็หนักใจและไม่เห็นด้วยนัก เขาพร้อมหยุดมือเช่นครั้งนี้หากพระชายารับไม่ไหว

“พระนางไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น หากฝืนเกินไป ร่างกายอาจจะ...”

“อย่ากังวล ท่านทำหน้าที่ของท่านเถิด ขอเวลาข้ากับคนของข้าเล็กน้อยเท่านั้น”

หนิงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่ฟังคำทัดทานของเทพสายฟ้า อีกฝ่ายจำใจถอยออกไปก่อน เพราะอย่างน้อยผู้ถูกลงทัณฑ์ก็จะได้พักด้วย

“พระชายา”

อิงอิงรีบขยับไปใกล้แท่นรับสายฟ้า ขณะที่เห็นว่านายของตนเริ่มกำหนดจิตและพลังปราณ ก่อนมีพลังจิตบางเบาปรากฏขึ้นตรงกลางลำตัว

“นั่นคือ...”

นางเอ่ยเสียงสั่นด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งที่เห็น

==========

ไท่จื่อลงทัณฑ์ครั้งนี้ หนิงเฟิ่งไม่ได้เจ็บตัวแค่คนเดียว T^T

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (4)

    เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้นางหันมอง แล้วก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ เพราะสองคนผู้มาใหม่พร้อมกับบิดามารดานั้นดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ทั้งฝ่ายผู้หญิงยังเดินตรงมาหานางเร็วกว่าคนอื่นและจับมือทันที“ช่างสวยน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก”อวี้หลันยืนงง ขณะอีกฝ่ายลูบผมนาง“หลันเอ๋อร์ นี่คือท่านย่าของเจ้า”มารดาเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเสียงเบา“ท่านย่า”สาวน้อยย่อตัวลงเล็กน้อยแม้จะยังอึ้งแปลกใจ และบิดาก็เอ่ยขึ้นนางจึงต้องหันมองตาม“แล้วนี่ก็ท่านปู่”“ท่านปู่”นางย่อตัวลงอีกครั้ง สบตาคมดูมีอำนาจของผู้เป็นปู่แวบเดียวก็หลบ แล้วก็ต้องยิ้มบางกับท่านย่าที่ประคองสองข้างแก้มตน“ไหนให้ย่าดูชัดๆ สิ เหมือนเจิ้งหานเมื่อยังเด็ก แต่ก็คล้ายหนิงเฟิ่ง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโตถึงเพียงนี้”“หากพวกท่านมาเยี่ยมท่านพ่อบ่อยๆ ก็จะไม่คิดว่าข้าโตเร็ว”“หลันเอ๋อร์”หนิงเฟิ่งดุเสียงเบา ทว่าอวี้หลันไม่ได้สลดนัก นางคิดว่านางพูดความจริง ตนนั้นเห็นว่าบิดาเป็นเซียนปลายแถวทำสวน หากก็รักท่านมาก ทั้งเมื่อเห็นญาติฝ่ายมารดามาเยี่ยมไม่เคยขาด ยังอดคิดไม่ได้ว่าบิดาคงโดดเดี่ยวไร้ญาติ น่าสงสาร แต่นางก็ไม่เคยพูดสิ่งนี้กับผู้ใด“จริงนี่เจ้าคะ ข้าคิดว่

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (3)

    “แล้วนี่จะเรียกว่าท่านปรนนิบัติได้อย่างไร”นางนึกหมั่นไส้คนที่ถูกตำหนิแล้วยังยิ้มกลับมาตรงหน้านัก“อย่างนี้ไงเล่า”มือหนาข้างหนึ่งวางกระชับสะโพกผาย ส่วนอีกข้างทาบเหนือทรวงอวบขาวแล้วฟอนเฟ้นพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังสลับไปมาขณะที่สะโพกแกร่งด้านล่างก็ขยับเร้าร่างหญิงสาวจนในที่สุดหนิงเฟิ่งก็ต้องเคลื่อนไหวสะโพกตนตามอีกฝ่าย“อืม ไม่นะ นี่ข้าปรนนิบัติท่าน”มือเกาะบ่าหนาเป็นหลักขณะเอ่ยแย้ง“แล้วอย่างนี้เล่า”คราวนี้ปลายนิ้วแกร่งเปลี่ยนมาไล้วนเหนือสัดส่วนบอบบางด้านหน้าเร็วรี่จนหญิงสาวต้องกัดฟันครางยาวในลำคอ ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอแกร่งเพราะอ่อนไหวเสียดสยิวจนไม่อาจขยับได้อีกแล้ว ร่างงามเกร็งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกร้อนเหมือนไฟลุกท่วมตัวกระทั่งกระตุกอย่างรุนแรง เอนกายเข้าหาร่างแกร่ง และแขนกำยำก็โอบกอดนางไว้ ขณะที่สะโพกหนาเคลื่อนไหวเชื่องช้าเหมือนกำลังเริ่มต้น หากหนิงเฟิ่งก็รู้ว่าเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้“พอใจหรือยังชายาที่รักของข้า”นางกัดฟันไม่ยอมตอบหากกลับนั่งตั้งหลักอย่างมุ่งมั่น โยกไหวสะโพกสวนกลับชายหนุ่ม เร่งจังหวะให้เร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว เห็นว่าชายหนุ่มเองก็ขบกรามแน่นเช่นกันนางก็นึกพอใจ ในเมื่อถูกเล่นง

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (2)

    “องค์ชายเจิ้งหานมาขอพบเจ้าค่ะ”อิงอิงกระซิบบอกผู้ที่อยู่ในสระอาบน้ำเล็กหนิงเฟิ่งขมวดคิ้ว นึกแปลกใจด้วยปกติแล้วเจิ้งหานจะไม่เข้ามาในตำหนักหากไม่มีกิจจำเป็น ทั้งยังในเวลาส่วนตัวเช่นนี้ทว่าวันนี้เขามาร่วมโต๊ะกับเทพธิดาบุปผาที่ต้อนรับไท่จื่อสวรรค์ในตำหนัก ส่วนหนิงเฟิงกับลูกอยู่ที่ตำหนักเล็กของตน เพราะเห็นว่าเป็นการใหญ่เกินไป นางไม่อยากให้อวี้หลันคิดว่าตนนั้นอยู่เหนือผู้อื่น อยากให้ลูกเป็นเทพเซียนน้อยผู้หนึ่งในดินแดนบุปผาเท่านั้น“เวลาเช่นนี้น่ะหรือ”เวลาที่นางอาบน้ำอยู่...อีกฝ่ายคงเพิ่งแยกจากไท่จื่อจิ่นลี่แล้วมายังตำหนักเล็กนี้“อิงอิงจะไปทูลว่าองค์หญิงยังไม่สะดวก”อิงอิงเอ่ยอย่างรู้ใจ ทว่าเสียงเข้มดังขึ้นห่างออกไป“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า”เจิ้งหานเชิญตนเองเข้ามา ทำเอาอิงอิงหน้าเสีย ตำหนักเล็กของหนิงเฟิ่งนั้นมีเพียงอิงอิง เพราะนางต้องการเพียงเท่านี้ และถือว่าตนนั้นเป็นเพียงผู้อาศัยเทพธิดาบุปผาจึงไม่ต้องการมีคนมาคอยห้อมล้อมเช่นตอนที่อยู่เผ่าวิหค หรือแม้แต่บนสวรรค์ นางต้องการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองแม้มีม่านกั้นหากหนิงเฟิ่งก็รู้สึกขนลุกและวูบวาบตามผิวกายเพียงได้ยินเสียงเข้มของเจิ้งห

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (1)

    ไท่จื่อจิ่นลี่เพิ่งเคยมายังดินแดนบุปผาครั้งแรก ความงดงามชื่นตาชื่นใจจากพันธุ์ไม้ดอกไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นในทันทีที่เหยียบย่างเข้ามา“ท่านมาพบผู้ใด โปรดแจ้งนาม”ผู้ที่เฝ้าประตูทางเข้าดูค่อนข้างมีอายุ หากก็ไม่ถึงกับดุเข้มจนน่ากลัว“ข้ามาพบเจิ้งหาน บอกเขาว่าจิ่นลี่มาเยี่ยมเยือน”ครั้งนี้เขาลงไปแก้ปัญหาน้ำหลากท่วมบ้านเรือนมนุษย์กับหวังหย่ง และผ่านดินแดนบุปผาจึงอยากเยี่ยมพี่ชายที่ไม่พบหน้ากันมาถึงพันสองร้อยปี“ชื่อท่านช่างคุ้นยิ่งนัก”หวังหย่งขยับจะพูด ทว่าจิ่นลี่เหลือบมองห้ามปรามจึงเงียบไป“เชิญตามข้ามาทางนี้”อีกฝ่ายไม่ซักไซ้สงสัย ทั้งยังนำทางโดยง่าย จิ่นลี่ก็ยิ้มบางแล้วเดินตามไปโดยมีหวังหย่งผู้ที่มีหน้าที่ช่วยราชกิจไท่จื่อแบบใช้กำลังตามติดไม่ห่าง ส่วนจางหย่งนั้นเป็นผู้ดูแลงานด้านงบประมาณและฎีกาเมื่อมาถึงหน้ากระท่อมเนินเขาที่มีไร่ดอกไม้ล้อมรอบจิ่นลี่ก็รู้สึกไม่ดียิ่งนัก พี่ชายตนต้องลำบากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่อยู่หลับนอนก็เป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ หากมารดามาเห็นคงปวดใจ ยิ่งบิดาคงยิ่งกรุ่นโกรธผู้นำทางไปแล้วจิ่นลี่กำลังคิดว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ก็มีเสียงหวานใสของผู้หนึ่งดังขึ้นไม่ห่างนัก“พ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   29.หัวใจและดวงจิตข้าอยู่ที่เจ้า (2)

    “ยอดดวงใจของข้า เจ้าเจ็บปวดกับสิ่งที่ข้าทำ ไม่ยกโทษให้ไปอีกแสนปีก็ย่อมได้ ตามแต่ใจเจ้าต้องการ แต่ความรักของข้าก็ยังเป็นเจ้า หัวใจของข้าอยู่ที่เจ้าเสมอหนิงเฟิ่ง”บอกแล้วปากได้รูปก็จูบลงบนหน้าผากสวยราวตอกย้ำคำพูดตน เขาไม่ต้องการขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้อีกแล้ว นับจากได้ยินว่าตนสั่งลงทัณฑ์สายฟ้าจนเกือบสูญเสียลูกน้อยและหนิงเฟิ่งพยายามเพียงไรเพื่อให้อวี้หลันมีชีวิตอยู่ เจิ้งหานก็ปวดร้าวในอก เขาเกือบฆ่าลูกของตนไปแล้ว หากไม่เพราะหนิงเฟิ่งคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหรือได้อุ้มลูกน้อย“ข้าไม่รู้”เสียงหวานพร่าเอ่ยเบาหวิว“แต่ข้ารู้เพียงว่า มีท่านอยู่ใกล้ ข้ากับลูกจะปลอดภัย”ใบหน้างดงามนองน้ำตาเงยขึ้น เจิ้งหานยิ้มรับกับคำพูดของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่นขึ้น เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เขาก้มลงทาบทับปากได้รูปบนหน้าผากสวย เปลือกตาทั้งสองข้าง และข้างแก้มที่ชื้นด้วยน้ำตา ก่อนจะไล่มายังริมฝีปากอิ่ม จูบซับบางเบาแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักขึ้น มือช้อนใต้ศีรษะเล็กเมื่ออีกฝ่ายเริ่มแหงนเงยรับเขาปลายลิ้นอุ่นเริ่มเคลื่อนไล้ก่อนจะรุกล้ำภายในปากนุ่มเพราะอีกฝ่ายเปิดหนทาง หนิงเฟิ่งจูบตอบคลอเคลียกับชายหนุ่มอย่างยินยอม สองแขนเรียวเค

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   29.หัวใจและดวงจิตข้าอยู่ที่เจ้า (1)

    หนิงเฟิ่งลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่จำเหตุการณ์สุดท้ายได้จึงรีบผวาลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าบุตรสาวนอนอยู่ในอ้อมกอดระหว่างกลางร่างตนกับเจ้าของร่างสูงสง่า ทั้งยังหายใจขึ้นลงผะแผ่วเป็นปกติก็ถอนหายใจ เหลือบมองใบหน้าคมคายที่ค่อนข้างซีดแล้วก็แตะหลังมือบนหน้าผากกว้างอีกฝ่ายตัวอุ่นแต่ดูเหมือนคนป่วยทำให้นางขมวดคิ้ว ทว่ามาคิดดูแล้วคงเพราะเจิ้งหานใช้พลังเพื่อช่วยนางกับลูก เห็นอย่างนี้แล้วนางจะพาอวี้หลันกลับไปเลยก็คงไม่ได้ร่างอ้อนแอ้นลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มลูกน้อยไปวางบนเตียงด้านใน ส่วนร่างสูงของเจิ้งหานนางร่ายเวทย์เคลื่อนย้าย เปลี่ยนเสื้อผ้าของทั้งเขากับลูกและตนเอง ห่มผ้าให้ทั้งคู่อย่างเรียบร้อยก่อนจะออกไปด้านนอกหนิงเฟิ่งไปยังบ่อน้ำทิพย์และนำน้ำกลับมาให้เจิ้งหานดื่ม นางพยายามค่อยๆ ประคองอีกฝ่ายให้ดื่มน้ำทิพย์จนสำเร็จ เช็ดปากและห่มผ้าให้เช่นเดิม ทว่าพอจะลุกขึ้นกลับถูกจับข้อมือไว้“นี่ท่านฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ”นางหันไปมองพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้ม“เพิ่งรู้สึกตัวก่อนที่เจ้าจะเข้ามานี่แหละ พอได้ยินเสียงก็เลยหลับตาลงต่อ”“ท่านหลอกข้า”หนิงเฟิ่งพยายามดึงมือออกจากอีกฝ่ายให้ได้“เปล่าเลย แค่หลับตา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status