Share

บทที่ 5

เวินเหลียงรู้สึกแสบบริเวณปลายจมูก ภาพตรงหน้าถูกปกคลุมด้วยม่านน้ำตา หัวใจทุกข์ระทมขื่นขมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เธอไม่เคยเห็นท่าทางอ่อนโยนอย่างนี้ของฟู่เจิงเลย แต่งงานกันสามปีเขามักเมินเฉยใส่เธอเสมอ

เธอมักปลอบใจตัวเองว่าเขาเป็นคนอย่างนี้เอง

โกหกจนแม้แต่ตัวเองเธอก็ยังเชื่อ

เวลานี้เธอเห็นแล้วว่าเขาก็อ่อนโยนเป็นเหมือนกัน เพียงแค่มอบให้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งเท่านั้น

พวกเขาเดินผ่านหน้ารถของเธอไป เขาไม่ได้สังเกตว่านั่นคือรถของเธอ และแน่นอนว่าไม่เคยสังเกตตัวเธอเช่นกัน

“คุณผู้หญิง กลับมาแล้วเหรอคะ กลางคืนจะกิน...”

แม่บ้านเห็นหยดน้ำตาบนใบหน้าของเวินเหลียงแวบ ๆ ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นเธอเข้าห้องนอนไปเลย จึงไม่กล้าถามอีก

เวินเหลียงทรุดหลังพิงกับประตู ลำคอรู้สึกถึงรสชาติขมเฝื่อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากอดกลั้นมาทั้งวันในที่สุดเธอก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ม่านน้ำตาเอ่อขึ้นมาในเบ้าตาอย่างรวดเร็ว มันมากเสียจนล้นออกมาจากขอบตาและไหลลงตามพวงแก้ม

เธอปวดหัวใจมาก ปวดมากจริง ๆ

หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน เธอก็ทนรับกับความทุกข์ของครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวมากพอแล้ว เธอจึงไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเป็นเหมือนกับเธอ

เธออยากให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุข

แต่ใครบอกเธอได้บ้างว่าเธอควรทำยังไงดี?

เวลาผ่านไปนาน แม่บ้านจึงเคาะประตูห้องนอนเธอด้วยความระมัดระวัง “คุณผู้หญิงคะ รับประทานอาหารได้แล้วค่ะ”

ครู่หนึ่งเวินเหลียงจึง “อืม” ตอบไป ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ

ตอนออกจากห้อง จู่ ๆ เธอก็นึกถึงข้อความของฟู่เจิง

เขาบอกว่าตอนไปดูงานได้เอาของขวัญมาฝากเธอ

จะเป็นของขวัญอะไรกันนะ?

เวินเหลียงไปหากระเป๋าเดินทางของเขาในห้องแต่งตัวและเปิดออก

เป็นแผ่นซีดีที่มีลายเซ็นของนักร้องต่างประเทศที่เธอชอบมากที่สุดแผ่นหนึ่ง

ไม่ใช่แก้วแหวนเงินทองอะไร

เวินเหลียงกอดไว้ในอก

ต้นกล้าเขียวอ่อนผุดขึ้นท่ามกลางความรกร้าง

อย่างน้อยเขายังจำได้ว่าเธอชอบอะไรและยังไม่ลืมที่จะเอาของขวัญมาฝากเธอ

อย่างนั้นก็ไม่ถือว่าเธอล้มเหลวทั้งหมดไม่ใช่เหรอ

เวินเหลียงงัวเงียตื่นขึ้นมาในยามเช้าทว่าข้างกายว่างเปล่า

เธอนั่งอยู่บนเตียง เหม่อลอยเนิ่นนาน

เมื่อคืนเขาคงค้างคืนกับฉู่ซืออี๋นั่นสินะ

เธอควรเตรียมใจตั้งนานแล้ว

แต่ทำไมหัวใจกลับว่างเปล่า ราวกับถูกคนควักเอาไปจนเลือดสดหลั่งรินทั้งอย่างนั้น

“เอี๊ยด” ประตูห้องนอนถูกเปิดออกจากข้างนอก ฟู่เจิงเห็นเวินเหลียงนั่งใจลอยอยู่บนเตียง หน้าซีดเซียว ขายาวจึงก้าวมานั่งลงข้างเตียง “เวินเหลียง ไม่สบายเหรอ?”

เวินเหลียงผงะตอนเห็นเขา แอบใจฟูขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นลงจากเตียง “เปล่าค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้น? บอกฉันสิ”

บอกเขาเหรอ?

บอกเขาว่าเธอไม่อยากหย่า ไม่อยากหย่าสักนิดเหรอ?

การที่เขาเอาของขวัญมาฝากเธอและไม่อยู่กับฉู่ซืออี๋เมื่อคืน จะหมายความว่าเขายังมีใจให้เธอนิด ๆ หรือเปล่านะ?

ถ้าเธอขอให้อยู่ เขาจะรับปากไหม?

เวินเหลียงอ้าปาก แต่ได้ยินเขาพูดเสริมอีก “ถึงต่อไปฉันจะไม่ใช่สามีเธอ แต่ก็เป็นพี่ชายเธอ ถ้าเธอถูกรังแกอะไรก็บอกฉันได้”

เวินเหลียงสะอึก รู้สึกขมเฝื่อนปานกลืนทรายลงไปคำหนึ่ง คำพูดที่จะออกจากปากติดอยู่ในลำคอจนพูดออกมาไม่ได้อีก

ผ่านไปนานเธอจึงหันไปยิ้มน้อย ๆ กับฟู่เจิง “ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ คุณลงไปข้างล่างก่อนเถอะ ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะลงไป”

ฟู่เจิงมองเธอ พลางดึงคอเสื้อและเม้มริมฝีปาก “เวินเหลียง พวกเรายังไม่ทันหย่ากัน ตอนนี้เธอก็คิดจะตีตัวออกหากฉันแบบนี้แล้วเหรอ?”

เวินเหลียงขยับริมฝีปาก กลั้นความขมเฝื่อนในลำคอ ยิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหน้า “ฉันเปล่าสักหน่อย”

ฟู่เจิงหรี่ดวงตาลงต่ำ สีหน้ามีความไม่พอใจนิด ๆ “ในเมื่อเธอไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่ฝืนใจ งั้นฉันไปบริษัทก่อนนะ”

พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากประตูห้อง ไม่มีความอาลัยสักนิด

ประตูเปิดแล้วปิด รอจนในห้องว่างเปล่าแล้ว ในที่สุดก็รักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่ได้อีกต่อไป

เขากำลังโกรธเหรอ?

เพราะฉู่ซืออี๋กลับมาแล้ว เขาก็เลยรำคาญเธอมากกว่าเดิมเหรอ?

เวินเหลียงพยายามยกมุมปากที่ขมขื่นขึ้น แต่มันกลับจมดิ่งลงไปอย่างห้ามไม่อยู่ ซึ่งทำให้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก

……

ฟู่ซื่อ

ผู้ช่วยรีบร้อนเดินเข้ามา “ผู้อำนวยการเวินคะ สายของผู้จัดการส่วนตัว หลินเยียนหรันค่ะ!”

คนที่เชิญมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เสื้อผ้าไตรมาสใหม่ของแบรนด์เอ็มคิวซึ่งจะเปิดตัวในตลาดก็คือหลินเยียนหรัน ดาราสาวที่กำลังโด่งดังร้อนแรงในขณะนี้

เธอได้รับการยอมรับจากมวลชนด้วยภาพลักษณ์วัยรุ่นสดใส ซึ่งเข้ากับธีมเสื้อผ้าไตรมาสนี้มาก

“มีอะไรเหรอ?”

“เขาไม่ได้บอกค่ะ แต่จะคุยสายกับคุณให้ได้”

เวินเหลียงหยิบหูฟังรับสาย “ฮัลโหล พี่ลี่เหรอคะ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status