ยิ่งใกล้เวลาเริ่มงาน เคทก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นตามลำดับ อยากไปเข้าห้องน้ำใจจะขาดแต่ก็ไปไม่ได้ เธอเหลือบตามองนาฬิกาแวบนึงแล้วทำได้แค่ยืนบิดไปมาพยายามอดทนต่อไป
“สวัสดีค่ะท่านประธาน / สวัสดีครับท่านประธาน”
เคทยืดสันหลังขึ้นตั้งตรงโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงทักทายดังขึ้นประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียงลอยมาแต่ไกล
เธอยืนก้มหน้าประสานมือทั้งสองข้างไว้ข้างหน้าลำตัว ใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น เฝ้ามองแต่พื้นตรงหน้าว่าเมื่อไหร่ท่านประธานจะเดินผ่านไป
เธอแทบกลั้นหายใจเมื่อรองเท้าหนังสีดำคู่โตโผล่เข้ามาในขอบเขตสายตา ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเธอพอดิบพอดี
ชายหนุ่มเหล่ตามองหญิงสาวในชุดนักศึกษาพอดีตัวที่กำลังยืนก้มหน้าข้างๆ เลขาคู่ใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น
หึ! ดีเลย กำลังอยากหาอะไรสนุกๆ ทำอยู่พอดี
“อีกสิบนาทีให้เด็กฝึกงานเอากาแฟมาเสิร์ฟ”
สั่งการเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องทำงานไปทันที
หะ? ฉันเหรอ?
เคทกะพริบตาปริบๆ ยกมือขึ้นชี้ตัวเองแล้วหันมองหน้ารุ่นพี่เพื่อขอความช่วยเหลือ มือบางแตะหลังเธอเบาๆ คล้ายจะปลอบประโลมว่า ใช่จ๊ะ ได้ยินไม่ผิดหรอกจ๊ะ
ทำให้เธอจำต้องเดินคอตกไปจัดการตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเลี่ยงไม่ได้
“หึ ๆ หวังว่าจะไม่เล่นงานฉันตั้งแต่วันแรกนะคะ ท่านประธาน”
เคทสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกลั้นใจเคาะประตูสามที
ก้อกก้อกก้อก
“เข้ามา”
เคทผลักประตูเข้าไปหลังได้ยินเสียงตอบรับ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น รู้สึกกดดันคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นกำลังเอามีดจี้คอให้เดินตรงไปข้างหน้า
เธอมองเก้าอี้ตัวใหญ่ที่หมุนหันหลังให้แล้วรีบหลุบตาลงต่ำ สองมือประคองถ้วยกาแฟหอมกรุ่นเดินมาวางลงบนโต๊ะทำงานอย่างระมัดระวัง
“กาแฟค่ะ”
เงียบ.....
“งั้นดิฉันขอตัวนะคะ”
เมื่อไร้เสียงตอบรับ เธอจึงเลือกที่จะถอยออกจากห้องมาอย่างเงียบ ๆ
ทันทีที่ปิดประตูสนิทเธอก็ถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันมาแบะปากทำหน้าจะร้องไห้ใส่พี่เจนอย่างน่าสงสาร
เข้าไปแปบเดียวแต่เหมือนผ่านไปเป็นชั่วโมง ทำไมบรรยากาศในห้องเขาถึงมืดมนอึมครึม อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกได้ขนาดนั้นนะ
“น่ากลัวเป็นบ้าเลยพี่เจน ฮือออออ”
เจนอมยิ้ม เพราะรู้ซึ้งถึงกิตติศัพท์อันขึ้นชื่อลือชาของท่านประธานดีกว่าใคร ๆ คงจะมีเพียงแค่เธอแหละมั้งที่คงยืนหยัดอดทนกับคนน่ากลัวในสายตาคนอื่น ๆ มาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้ามองถึงผลตอบแทนที่ได้ ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว
กริ้งงงงงง
“ค่ะ ท่านประธาน”
( กาแฟเข้มไป ให้เด็กฝึกงานชงมาใหม่ )
สัญญาณเตือนภัยในหัวเปิดไฟแดงวิบวับ ส่งเสียงดังวี้หว่อ ๆ ไม่หยุด ทันทีที่เธอสบเข้ากับสายตาของพี่เจนที่หันมายิ้มอ่อน
“ท่านประธานให้เคทชงกาแฟเข้าไปใหม่จ๊ะ บอกว่าแก้วที่แล้วมันเข้มไป เคทจำสูตรที่พี่บอกไปได้ใช่ไหม”
เคทพยักหน้ารัว ๆ แล้วพึมพำท่องสูตรที่เธอจำจนขึ้นใจออกมาให้รุ่นพี่ฟัง
“กาแฟ 3 ครีม 1 น้ำตาล 1 ก็ถูกนะคะ”
“งั้นดูระดับน้ำดี ๆ นะ เอาให้เท่าขอบหูจับด้านบนนะจ๊ะ”
“อ่า...ค่ะ”
เคทยิ้มอ่อนอกอ่อนใจแล้วเดินเลี่ยงออกไปทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
รอบนี้เธอตั้งใจตักตวงปริมาณอย่างพิถีพิถัน ปาดให้ส่วนผสมเทียบเท่าขอบช้อนตวงทุกครั้ง เพ่งตอนเทน้ำร้อนจนตาแทบเข ถ้ายังไม่ถูกใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
ก้อกก้อกก้อก
“เข้ามา”
เคทรีบปรับสีหน้าให้ดูอ่อนน้อม ก้มหน้าก้มตาประคองถ้วยกาแฟหอมกรุ่นถ้วยที่สองวางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็หยิบถ้วยเก่าเดินถอยออกไปเงียบ ๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
มันเข้มเกินไป?
คิ้วเรียวขมวดเข้ากันขณะก้มมองถ้วยในมือด้วยความสงสัย ก่อนจะยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อพิสูจน์
อึกๆ
หลังชิมรสชาติคิ้วเธอก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่เธอได้รับคือรสชาติอย่างมันควรจะเป็น
ไม่เห็นจะเข้มเกินไปตรงไหนเลย กาแฟมันก็รสชาติแบบนี้เหมือนกันหมดป่ะ
กริ๊งงงงงงงง
( หวานไป ชงมาใหม่ )
เคทยิ้มอ่อนแล้วถอนหายใจเบาๆ ไม่ต้องฟังก็รู้ว่าต้องชงใหม่อีกรอบแน่นอน เหอะ ๆ พรุ่งนี้ฉันจะเตรียมถ้วยตวงมาด้วย!! บ่นไปก็เท่านั้นเพราะสุดท้ายเธอก็ต้องเอากาแฟไปเสิร์ฟใหม่อยู่ดี
เคทฉีกยิ้มให้ประตูหนึ่งที เคาะเสร็จก็ผลักเข้าไปโดยไม่รอการตอบรับอีกแล้ว
“กาแฟแก้วที่สามมาแล้วค่ะ”
เคทจงใจเอ่ยขึ้นแล้วบรรจงวางถ้วยกาแฟหอมกรุ่นลงบนโต๊ะอีกรอบ
เธอสะดุ้งเล็กน้อยรีบหลุบตาลงต่ำมองแค่ปลายเท้าตัวเองเมื่อจู่ ๆ เบาะเก้าอี้ที่หันหลังให้ก็หมุนกลับมา
ปากพาซวยอีกแล้วนะยัยเคท! เตรียมตัวเก็บของกลับมหาลัยได้เลย
ร่างเล็กสะดุ้งหลับตาปี๋อีกครั้ง เมื่อได้ยินท่านประธานออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เงยหน้า!”
เคทเม้มปากแน่นค่อย ๆ พลางเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ตามคำสั่ง เปลือกตาค่อยๆ เผยอลืมขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความประหม่า
ทันใดนั้นดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้น เกิดอาการเข่าอ่อนจนเผลอก้าวถอยหลังเมื่อเห็นใบหน้าของท่านประธานตรงหน้าอย่างชัด ๆ เต็ม ๆ ตา
โลกคะ โลกไม่ควรกลมขนาดนี้ค่ะ!
“ขะ...ขออภัยค่ะท่านประธาน”
เคทรีบก้มหน้าหลุบตามองต่ำหลังได้สติ ใจดวงน้อยเต้นแรงไม่ส่ำด้วยความหวาดหวั่น แย่แล้ว ๆ ๆ หวังว่าเขาจะจำหน้าเธอไม่ได้นะ
สายตาคมกริบหรี่จ้องมองปฏิกิริยาของลูกนกตัวน้อยแล้วยกยิ้มมุมปาก
แสร้งทำเป็นจำเขาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่หน้าเธอมันฟ้องชัดเจนขนาดนี้เนี้ยนะ หึ
ก้อกก้อกก้อกกวินมองหน้าหญิงสาวบอกให้อยู่ข้างใน ส่วนตัวเขาเดินออกไปรับของจากพายุพร้อมกับฟังรายงานเรื่องคู่แข่งอีกนิดหน่อย“นี่ของที่นายต้องการครับ ส่วนหมอนั่นมีคนที่คลับพาส่ง รพ แล้วครับนาย”กวินเหยียดยิ้มสะใจ คิดจะแตะต้องของ ๆ คนอื่น ก็ต้องรู้จักยอมรับผลของการกระทำตัวเอง เหอะ!“อืม วันนี้ไปคุมงานที่คลับแทนกูด้วย”“ครับนาย”กวินสั่งงานพายุต่ออีกครู่หนึ่งแล้วจึงเดินถือถุงกระดาษกลับเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะส่งมันพร้อมผ้าขนหนูให้หญิงสาวไปจัดการตัวเองเคทคว้าถุงกระดาษมากอดไว้แล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรต่อ ด้านในมีถุงยาและเสื้อผ้าอยู่จำนวนหนึ่ง เธอหยิบออกมาสำรวจทีละชิ้นจนมาถึงชุดชั้นใน แก้มนวลก็ขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อเห็นป้ายไซส์ เดาเก่งจริงนะ!ไม่นานก็มีเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำ กวินทิ้งตัวลงนอนรอบนเตียงพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้โดยปกติคู่ค้าและเขามักจะนัดที่บริษัทไม่ก็โรงแรม ซึ่งหลังเสร็จกิจแล้วแต่ละคนก็จะแยกย้ายกันไป เพราะทุกคนจะรู้ดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น ไร้ข้อผูกมัดใด ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมีความสั
เคทมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันพลางขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอกระเถิบกายหนีความร้อนจัดที่แผ่ออกมาจากร่างกายของคนข้างๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกเมื่อยขบไปทั้งตัว ปวดร้าวไปตามเรียวขาทั้งสองขาจนนึกแปลกใจ“เมื่อคืนฉันไปวิ่งมาราธอนมาหรือยังไง ปวดไปทั้งตัวเลย”ร่างบางหยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างสะลึมสะลือก่อนจะทรุดตัวลงนั่งปลายเตียงดังเดิม เธอนิ่วหน้ารู้สึกเจ็บระบมบริเวณกลางกายร้าวไปถึงก้นกบ แต่ก็ยังฝืนข่มความเจ็บแสบ ปรือตาเดินไปเข้าห้องน้ำทั้ง ๆ ที่ยังเปลือยกายล่อนจ้อนด้วยความเคยชิน“Shit! ทำไมแสบแบบนี้”เคทสะดุ้งสุดตัวหลุดอุทานเสียงดังขณะกำลังนั่งทำธุระส่วนตัว ความแสบขัดภายในเล่นงานจนน้ำตาคลอเต็มสองเบ้า แต่เปลือกตาก็หนักอึ้งเกินกว่าจะเผยอขึ้นมาสำรวจตัวเองได้เธอกัดฟันทำความสะอาดเฉพาะจุดแล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงเตียงนอนอีกครั้งอย่างอ่อนเพลียกวินรู้สึกตัวตื่นเพราะแรงยุบยวบบนที่นอนนุ่ม แขนแกร่งรั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามาสวมกอดพลางซุกใบหน้าเข้าหาอกอวบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย“หืมมม ไปไหนมา”“ห้องน้ำ”เคทพึมพำตอบทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา ร่างบางชะงักแข็งค้างเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง นี่เธอเมาหนัก
และไม่หยุดคิดให้เสียเวลา!ใบหน้าคมฟุบลงกลางกายสาวอย่างรวดเร็ว ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียลงบนยอดเกสรระรัว มือกดล็อคร่างบางที่ดิ้นพล่านเอาไว้แน่นแล้วใช้มืออีกข้างกดนิ้วกลางแทรกเข้าไปด้านในจนสุดความยาว“ฮืมมม แน่น”แค่นิ้วยังแน่นขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเกิดเป็นของเขาสอดเข้าไป มันจะแน่นสักแค่ไหน กวินครางงึมงำแล้วเร่งจังหวะปลายลิ้นให้เร็วขึ้น นิ้วมือชักเข้าออกรัวเร็วก่อนเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก“อื้อออ เจ็บ!”เคทนิ่วหน้าสะดุ้งกับความคับแน่นกลางกาย ร่างกายร้อนรุ่มไปทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบและเสียวซ่านปะปนกันไป ขาเรียวเหยียดเกร็งสั่นระริก มือเล็กสอดเข้าใต้เรือนผมดกดำดึงทึ้งเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังโจมตีเธออย่างต่อเนื่องร่องรักคับแคบตอดรัดระรัวทำให้เขารับรู้ได้ว่าหญิงสาวกำลังจะแตะเส้นชัยในไม่ช้า เขาเร่งความเร็วของนิ้วมือมากขึ้นพร้อมทั้งดูดดึงยอดเกสรอย่างแรงสะโพกอวบยกลอยขึ้นตามลิ้นร้อนเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนชุ่มฉ่ำ“พะ...พอก่อน อะ อ๊าย”ร่างบางทิ้งสะโพกลงบนที่นอนอย่างหมดแรง เสียวสะท้านจนแก้มนวลแดงระเรื่อกับการเสร็จสมอย่างรุนแรงหอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ท้องน้อยว
“รอบนี้เอาเบา ๆ ก็พอ ไม่ต้องให้ถึงตาย”กวินสั่งการเสียงเย็นเยียบทิ้งท้าย ก่อนจะช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้มแนบอกเดินออกมายังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ในโซน VVIP เขาวางร่างบางลงบนเบาะแล้วรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย“เห็นที่วันนี้คงต้องสั่งสอนกันยาว โทษฐานที่เธอหนีเที่ยว!”กวินกล่าวคาดโทษคนเมาแล้วขับรถมุ่งตรงไปยังเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวสุดหรูในย่านสุขุมวิทเพียงไม่กี่นาทีจากคลับ รถยนต์คันหรูก็แล่นเข้าไปจอดในที่ประจำใต้ตึก ลิฟท์ส่วนตัวเคลื่อนขึ้นสูงหลังเขาสแกนลายนิ้วมือแล้วกดชั้นที่ต้องการเขามักจะแวะมานอนที่นี่เป็นประจำเพราะไม่อยากกลับไปเหยียบบ้านหลังเก่า นอกจากเดินทางสะดวกสบายแล้วยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม หมดห่วงเรื่องนักข่าวที่ตามเกาะแกะให้รำคาญใจติ้ง!ประตูลิฟท์เปิดกว้างพร้อม ๆ กับประตูบ้านที่เป็นกระจกขนาดใหญ่เลื่อนเปิดปิดอัตโนมัติ กวินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก่อนจะวางร่างบางลงบนเตียงที่ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนย่างกรายเข้ามานอนบนนี้มาก่อน“อืมมม ใครน่ะ?”เคทผุดลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อเอ้ เธอเอียงคอแล้วปรือตาพยายามเพ่งมองใบหน้าคมคายตรงหน้าอย่างตั้งใจมือเล็กยกขึ้นประกบสองแก้มสากแล้
Happy birthday to youHappy birthday to youHappy birthday dear SunHappy birthday to you ~ มือเล็กประคองเค้กผลไม้ในมือ ด้านบนปักเทียนวันเกิดเป็นตัวเลข 22 ถูกจุดสว่างไสวส่องให้มองเห็นใบหน้าสวยของหญิงสาวผู้ถือเค้กอย่างชัดเจนหัวใจแกร่งพองโตจนคับอกขณะจ้องมองหญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางก้าวเดินผ่านผู้คนมากมายตรงไปหาเพื่อนชายคนสนิท ปากเล็กเอ่ยร้องเพลงคลอไปด้วย ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเจ้าของวันเกิด“Happy birthday มีความสุขมาก ๆ นะ”เคทคลี่ยิ้มละมุนยื่นเค้กให้ซันอธิษฐานแล้วเป่าเทียน เสียงปรบมือประสานกับเสียงโห่แซวชายผู้โชคดีดังสนั่นซันยกแขนขึ้นคล้องคอหญิงสาวรั้งเข้ามาใกล้พลางกระซิบขอบคุณข้างหู ท่ามกลางสายตายินดีปนอิจฉาของบรรดาหนุ่มๆ น้อยใหญ่ที่กำลังมองดูอย่างสนอกสนใจ เพราะหญิงสาวถือได้ว่าเป็นระดับดาวเด่นในคลับเลยก็ว่าได้กวินยกแก้วที่บรรจุแอลกอฮอล์ดีกรีสูงไร้มิกเซอร์ผสมขึ้นดื่มจนหมด ก่อนกระแทกแก้วลงบนเคาน์เตอร์บาร์อย่างแรง สายตาคมกริบจ้องมองคู่ชายหญิงที่ยืนใกล้ชิดกันอยู่อย่างไม่วางตาทั้งสองเอาแต่กระซิบกระซาบกันแล้วหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุขราวกับโลกทั้งใบมีเพียง
โชคดีที่ไฟลท์กลับเป็นรอบเช้า เคทจึงไม่ต้องอยู่ใกล้กับเขานานเกินไป เธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมปิดหน้าตลอดการเดินทางเพราะยังทำใจมองหน้าหรือพูดคุยกับเขาเหมือนเดิมไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงติดตาตรึงอยู่ในความทรงจำไม่จางหาย ทั้งอายทั้งสับสนปนเปกันไปหมดทันทีที่เดินพ้นประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า เธอก็รีบหันมาก้มหัว กล่าวอำลาท่านประธานอย่างเป็นทางการ“ขอบคุณที่ให้ลาหยุด ไว้วันจันทร์จะรีบทำรายการสรุปการประชุมไปให้นะคะ สวัสดีค่ะ”กวินมองตามแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาววิ่งหน้าตั้งหนีหายไปแล้วยกยิ้มมุมปาก ทั้ง ๆ ที่ลึกซึ้งกันจนถึงขั้นนั้นแล้ว ทำไมเธอก็ยังคงเว้นระยะห่างจากเขาอยู่ดี แถมดูเหมือนว่ามันจะยิ่งถูกเว้นให้ห่างมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก สงสัยคงต้องทำการกระชับมิตรกันหน่อยแล้วครืดดดด ครืดดดด‘เตชินท์’เสียงโทรศัพท์สั่นเตือนสายเรียกเข้า กวินมองรายชื่อที่โชว์แล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา“เออว่าไง!”( ได้ข่าวว่ามึงเหมาโรงแรมกูหมดเลยเหรอครับคุณกวิน )“เออ! ทำไม? ก็กูรวย!”( พาหญิงไปเชือดไกลนะมึง )“มึงมีธุระกับกูแค่นี้ใช่ไหม แค่นี้นะกูยุ่งอยู่!”กวินตัดสายทิ้งโดยไม่รอให้อีกฝ่