 LOGIN
LOGINวันต่อมา
ฉันกลับถึงกรุงเทพตอนเย็น เรซมาส่ง แต่ไม่มีอะไรให้น่ายินดีสักนิด ฉันกับเขาไม่คุยกันด้วยซ้ำ หลังจากที่เรามีอะไรกันบนเตียง ก็ไม่ได้พูดกันอีกเลย ยกเว้นตอนที่เขาถามถึงทางมาหอพักฉัน
ฉันขอให้เรซส่งแค่ป้ายรถเมล์ แต่หมอนั่นไม่ฟังและขับดิ่งมาจนถึงร้านสะดวกซื้อร้านเดียวกับเมื่อตอนนั้น ทำให้ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเส้นทางที่ถูกต้องกับเขาไป และพอลงจากรถฉันก็หิ้วกระเป๋าเข้าหอทันที ไม่หันกลับไปมองและไม่คิดอยากขอบคุณเขาสักนิด จนตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเรซพาฉันไปด้วยทำไม แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากสนใจหมอนั่นแล้ว จะให้ดีก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยดีกว่า
ฉันสแกนคีย์การ์ดเข้ามาในห้อง เห็นไฟตรงระเบียงเปิดทิ้งเอาไว้แต่ดวงอื่นปิดมืดหมด
แปลก… หรือว่าฉันจะลืมปิด
ฉันเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟที่ห้องโถง วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะ เดินออกมาดูที่ระเบียงเพื่อจะปิดไฟแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นแผ่นหลังของร่างสูงยืนอยู่ด้านนอก
หัวใจฉันกระตุกวูบ
“พี่แสง!”
สีหน้าพี่แสงเรียบสนิท สายตาเย็นชาที่มองมาทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีอะไรหรือเปล่านะ ทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้ แล้ว… คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวฉันเต็มไปหมด ยังไม่ทันที่ฉันจะตั้งตัวได้พี่แสงก็พูดขึ้นว่า
“น้องชายอาการเป็นยังไงบ้าง”
“คะ?”
ฉันงงชั่วขณะก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยโกหกไว้ยังไง
“อ้อ เอ่อ… ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ พี่แสงมาทำอะไรตรงนี้คะ ทำไมไม่บอกเทียนว่าจะมา ตกใจหมดนึกว่าขโมย” ฉันถือโอกาสนี้เดินกลับเข้ามาในห้อง จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนสายตาพี่แสงกำลังจับผิดฉันอยู่
ผิวแก้มฉันร้อนวูบ มือที่กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มชะงัก หันกลับไปมองที่ระเบียงห้องอย่างกระวนกระวาย หรือว่าพี่แสงจะรู้อะไรมา
ไม่… ไม่มีทาง อย่าเพิ่งร้อนตัวเทียน ใจร่มๆ แล้วเนียนๆ เอาไว้ พี่แสงไม่รู้หรอกน่า
“สนุกมากหรือไง” เสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง ฉันหันขวับ แววตาคมกริบที่คล้ายมีใบมีดพุ่งออกมาทำฉันเจ็บแปลบๆ ที่ใจ
“พี่แสงหมายความว่ายังไง”
“ทางนี้ต่างหากที่ต้องถามว่ามันหมายความว่ายังไง” พี่แสงเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ฉันกำลังจะเถียงแต่พอเห็นรูปก็เงียบไปเลย มันเป็นรูปถ่ายที่ฉันขึ้นรถไปกับเรซ… หัวใจฉันกระตุกวูบ
“พี่แสง… ”
“เห็นพี่โง่หรือไง ทำไมต้องโกหก”
“เทียน… เทียนเปล่านะคะ นั่นน่ะเพื่อนเทียนเอง เขา… เขาผ่านมาพอดีเห็นเทียนยืนรอรถอยู่ก็เลยเรียกขึ้นรถไปด้วย”
“เหรอ แล้วมันไปส่งเทียนที่โรงพยาบาลด้วยมั้ย”
“พี่แสง”
ฉันมองหน้าคนพูดอย่างเดาทางไม่ถูก สายตาพี่แสงเย็นยะเยือกและเอาเรื่องจนฉันไม่กล้าโกหกต่อ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ ฝืนยิ้มซื่อๆ ออกไป
“พี่แสงโกรธที่เทียนนั่งรถไปกับคนอื่นเหรอคะ ก็เทียนบอกแล้วไงว่าแค่เพื่อน”
“แล้วนี่หมายความว่ายังไง”
จู่ๆ พี่แสงก็กดโทรศัพท์แล้วเปิดเฟซบุ๊กที่มีคนแท็กภาพไอ้ธูปกำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่บนระเบียงห้องพักในโรงแรมที่พัทยาให้ฉันดู
ติดแท็กด้วยว่า
#ธูปผู้กล้าแห่งพัทยาเหนือ
อีเชี่ยยยยยธูป มันไปเที่ยวพัทยางั้นเหรอแล้วนี่ใครแท็กมันวะ แล้ววันที่เช็กอินคือเมื่อวาน เป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่ฉันบอกพี่แสงว่ามันขี่รถล้ม
หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ เหลือบตาขึ้นมองพี่แสงด้วยสีหน้าซีดๆ นึกไม่ออกว่าจะแก้ตัวยังไงดี
ฉันไม่อยากโกหก แต่ให้บอกความจริง ใครที่ไหนจะไปรับได้ พี่แสงไม่ยอมฟังแน่ๆ แถมฉันเพิ่งจะทำสร้อยข้อมือที่เขาซื้อให้หายอีก ความผิดมันเยอะเกินไป
“เทียน… คือเทียน…”
“เทียนไปไหนมา”
“เทียน...”
“ถามว่าไปไหนมา!”
ฉันสะดุ้งเฮือก มองสบสายตาเดือดระอุของพี่แสงแล้วได้แต่อ้าปากพะงาบๆ นึกคำตอบไม่ออก เครียดจนตะคริวกินปาก ต้องพูดวิธีไหนถึงจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ ฉันไม่รู้จริงๆ
“เทียน… เทียนไปโรงพยาบาลมาจริงๆ แม่... แม่ของเพื่อนไม่สบายแล้วอยากให้เทียนไปอยู่เป็นเพื่อน เทียนขอโทษที่โกหกเรื่องน้อง พี่แสงไม่โกรธเทียนนะคะ”
ฉันกลั้นใจพูดปดคำโต ตรงเข้าไปกอดแขนพี่แสงอย่างออดอ้อน
“คิดว่าพี่โง่หรือไง” พี่แสงดึงแขนออกพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาผลักไส
“พี่แสงเทียนพูดจริงๆ นะคะ”
“บอกความจริงมาเทียน อย่าให้พี่หมดความอดทน”
“ความจริง ความจริงอะไรคะ ถ้าเรื่องธูปเทียนผิดจริงๆ เทียนขอโทษ พี่แสงอย่าโกรธเทียนนะ นะคะ น๊า”
“เทียน!”
เขาผลักฉันออก คราวนี้รุนแรงขนาดที่ร่างฉันถลาไปชนกับอ่างล้างจาน แต่ฉันไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากแค่รู้สึกช็อก
“พี่แสง”
“พี่เตือนแล้วนะเทียน” เขากัดฟันกรอด ความโกรธที่ทะลุผ่านแววตาออกมาบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดหรือเสียใจที่ผลักฉันจนกระเด็น
“พี่แสง...” ฉันพยายามจะอธิบายแต่พี่แสงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ชี้หน้ากล่าวหาฉันอย่างไม่เคยทำมาก่อน
“รถคันนั้นเป็นของไอ้เรซ เรซจากทีมเรดซันคิดว่าพี่ไม่รู้เหรอ เทียนจะบอกว่ามันเป็นเพื่อนทั้งที่เทียนกับมันไม่เคยรู้จักกันมาก่อนงั้นเหรอ พี่ไม่ได้โง่! ถ้าเทียนคิดจะสวมเขาพี่ก็ออกไป แล้วอย่ากลับมาอีก”
ฉันใจหายวาบ ทำไมพี่แสงพูดแบบนั้น สมองฉันรวนไปหมด ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดตัดเยื่อใยจากพี่แสงอย่างนี้
แต่ที่น่าตกใจคือเขารู้จักเรซ…
นั่นสิ ฉันลืมไปว่าเขาเป็นผู้ชาย แล้วผู้ชายก็สนใจเรื่องรถอยู่แล้ว และคงไม่แปลกถ้าเขาจะรู้จักคนในแวดวงรถแข่งด้วย
“งั้นพี่แสงก็ต้องรู้จักริกกี้ และสมาชิกคนอื่นๆ ของเรดซัน”
“เทียนจะพูดอะไร”
“เทียนไม่ได้บอกเหรอว่าเพื่อนเทียนเป็นแฟนกับริกกี้ ริกกี้ที่อยู่ทีมเรดซัน และเทียนก็ไปหัวหินกับพวกนั้น พี่แสงเลิกสงสัยเทียนได้แล้ว”
พี่แสงชะงักไปชั่วขณะ ท่าทางจะลืมเรื่องนั้นไปจริงๆ และก็ทำให้ฉันแอบไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ด้วย พูดอะไรไปก็ไม่เคยจำได้จะหงุดหงิดแทนแล้วนะ

ความรู้สึกหนักอึ้งที่เคลือบทาเปลือกตาให้ความรู้สึกทรมานไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ฉันค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเพดานขาวโพลน ในคอแสบปร่า มือควานหาโทรศัพท์มาดูเวลา บ่ายโมง... ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ยฉันดันร่างลุกขึ้นนั่งหย่อนขาลงข้างเตียง นั่งมึนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จะเริ่มทำอะไรจากตรงไหนก่อน รู้อยู่อย่างเดียวคือร่างกายกำลังแย่เพราะถูกพิษไข้เล่นงาน ระหว่างที่กำลังกล้ำกลืนความเจ็บป่วยลงไปประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเรซ...ฉันจ้องเขาอย่างแปลกใจ อยากถามว่ามีอะไรแต่เพราะเจ็บคอเลยไม่อยากพูด ได้แต่รอให้เรซบอกออกมาเอง เมื่อคืนหมอนี่เกือบจะต่อยฉันด้วยซ้ำ นี่นึกแล้วยังหลอนไม่หายเลย“ตื่นได้แล้วเหรอ”เสียงเย็นชามาพร้อมกับสายตาทิ่มแทง ซึ่งฉันเจอจนชิน ตอนนี้แทบไม่รู้สึกอะไรกับมันแล้ว“ฉันไม่สบายน่ะ นายกินอะไรหรือยัง ถ้ายังจะได้ไปทำให้ ส่วนเรื่องความสะอาดฉันขอเลื่อนแค่กๆ ไปเป็นวันอื่นได้มั้ย” ฉันไม่อยากถูกหาเรื่องว่าอู้งาน สภาพฉันตอนนี้ทำงานหนักๆ ไม่น่าไหวแต่แค่เตรียมอาหารคิดว่ายังพอทำได้เรซชักสีหน้าใส่ฉันเหมือนคนไม่รู้จักเจียมตัว ก่อนที่น้ำเสียงรำคาญกึ่งๆ โมโหจะดังขึ้น “แฮคมันซื้อยามาให้อยู่ข้างล่าง”“แฮค...”ฉันรีบ
เฮียโม้สรรพคุณที่พักตัวเองพลางขยิบตาส่งให้ยัยนั่นอย่างมีเลศนัย กลายเป็นศึกยื้อแย่งตัวยัยนั่นระหว่างเฮียกับไอ้แฮคขึ้นมากะทันหัน “เลิกเล่นกันได้มั้ย” ริกกี้หมดความอดทน พูดสวนขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย มันส่งสายตาเขียวขุ่นให้เฮียกับแฮคคนละทีก่อนเล็งสายตาคมกริบไปที่เทียน “เราไม่ต้องการแม่บ้านประจำ ที่นี่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์อยู่แล้ว” “จริง” ผมสำทับเสียงนิ่ง เทียนตวัดสายตาเขียวปัดมาทางผมคล้ายจะด่าว่าให้อยู่เงียบๆ ก่อนพูดกับริกกี้ด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร “ขอร้องล่ะริกกี้เห็นใจฉันเถอะนะ ฉัน... เพิ่งเลิกกับแฟนแล้วเงินที่มีก็ไม่พอจะไปเช่าห้องใหม่ด้วย ฉันทำงานบ้านเก่ง ทำอาหารอร่อยด้วย ถ้าทุกคนให้ฉันอยู่ที่นี่ฉันสัญญาจะตั้งใจทำงานและไม่สร้างปัญหาให้เด็ดขาด นะ... ขอร้องล่ะ ฉันไหว้ก็ได้หรือจะให้กราบก็ยินดี” “เฮ้ยๆ เทียน” แฮคกับเฮียหมูรีบถลาเข้าไปรั้งยัยนั่นที่ทำท่าจะลงไปนั่งคุกเข่าแล้วประนมมือกราบทุกคนจริงๆ “ขอร้องล่ะ ฉันไม่มีที่ให้ไปแล้วจริงๆ” นัยน์ตากลมสวยแดงรื้น ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกกัดเม้มแน่น
ผมนั่งรอแฮคที่โซฟาในห้องโถงไม่ถึงห้านาทีมันก็ลงมา แฮคหยุดยืนอยู่ข้างโซฟา มันกับผมประสานสายตากันนิ่งอยู่เกือบหนึ่งนาที ไอ้แฮคก็ยักไหล่ เดินไปฉวยรีโมตเปิดทีวีแล้วหย่อนก้นลงนั่งโซฟายาวตัวเดียวกัน เว้นระยะห่างเอาไว้พอประมาณเสียงรายการทีวีช่วยผ่อนบรรยากาศลงเล็กน้อย ระหว่างผมกับมันเหมือนถูกความคิดของตัวเองกลืนกิน ไอ้แฮคก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน“มึงทำงี้ได้ไงวะ”น้ำเสียงมันปะปนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตกใจ โกรธ หรือแม้แต่เสียดาย ดวงตาคมกริบของแฮคเหมือนสว่านที่ต้องการจะเจาะเข้ามาในหัวผม “สัส กูเกลียดมึงจริงๆ เรซ”แล้วมันก็ถีบโต๊ะตรงหน้าไปทีหนึ่ง ไม่แรงมาก แต่ก็เพียงพอจะทำให้เกิดเสียงกระทบของที่เขี่ยบุหรี่เซรามิกโมเดลรถแข่งที่วางอยู่บนโต๊ะผมรู้ว่าแฮคมันอยากโวยวายเรื่องอะไร ผมไม่คิดแก้ตัว และไม่เห็นความจำเป็นต้องอธิบายเรื่องผมกับเทียนให้มันฟัง ต่อให้มันอยากรู้จนแทบคลั่งแล้วก็เถอะ“มึงไปตกลงอะไรกับยัยนั่น” ผมถามในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ควานบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงออกมาจุดสูบ ก่อนหน้านี้ผมก็สูบไปตั้งเท่าไหร่แต่รู้สึกว่าสมองยังไม่ค่อยโล่งเลย ผมประเมินยัยนั่นต่ำไป ไม่คิดว่าการพามาที่นี่เพียงครั้งเดียว
หลังจากนั้น แฮคพาฉันขึ้นมาชั้นสอง เปิดประตูห้องที่อยู่ติดกับห้องที่มีชุดชั้นในของคะนิ้ง จูงกระเป๋าเดินทางฉันเข้าไปข้างใน“คืนนี้ก็ใช้ห้องนี้ไปก่อน” “คืนนี้? ...แล้วพรุ่งนี้ล่ะ” ฉันเหลือบมองไปทั่วห้องก่อนดึงสายตากลับมาจ้องแฮคด้วยสายตาหวาดๆ แฮคผ่อนลมหายใจยาว ท่าทางกลัดกลุ้มไม่แพ้กัน “ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินเรื่องนี้ จะว่าไงดี เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้” “งั้น... ทำยังไงฉันถึงจะอยู่ที่นี่ได้” “ถ้าเป็นผู้หญิงของใครสักคนในกลุ่มก็ไม่มีปัญหาหรอก” “เข้าใจแล้ว” ฉันบอกอย่างรู้สึกหดหู่ แฮคพยักหน้า ท่าทางโล่งใจเปลาะหนึ่ง เขาคงคิดว่าฉันยอมแพ้ที่จะอยู่ที่นี่แล้ว หมอนั่นพูดอะไรอีกสองสามประโยคเกี่ยวกับของกินในครัวและห้องน้ำ แต่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง ในหัวเอาแต่คิดว่าต้องทำยังไงถึงจะอยู่ที่นี่ได้ ร่างสูงกำลังจะออกจากห้อง ฉันรู้สึกว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว “แฮคเดี๋ยว...” ฉันคว้ามือหนาเอาไว้อย่างร้อนใจ แฮคชะงัก ก้มลงมองมือที่ถูกจับก่อนเหลือบตาขึ้นมองหน้าฉันด้วยสายตาเป็นคำถาม
ปังๆ “ไอ้เรซ เปิดประตู!” แฮคเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง ฉันยืนกระสับกระส่ายอยู่ด้านหลัง แค่ฉันบอกว่าจะมาขออยู่ที่นี่สักพักแต่เรซปิดประตูไม่ยอมให้ฉันเข้าไปตั้งแต่เช้า แฮคก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แทบจะพุ่งถีบประตูอย่างที่เห็น “ไอ้เรซมึงเปิด...” ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เรซยืนกอดอก สีหน้ารำคาญกึ่งโมโหที่เห็นแล้วชวนหงุดหงิด แต่ยังไม่ทันที่เรซจะพูดอะไรกับแฮค เขาก็ถูกคนเลือดร้อนกว่าผลักอกเข้าไปข้างในอย่างเอาเรื่อง เรซเซถอยหลังไปสองก้าวแต่แฮคเหมือนยังไม่พอใจ ตามเข้าไปกระชากคอเสื้อเรซแล้วเหวี่ยงแรงๆ จนร่างสูงถลาไปชนกับโซฟาดังพลั่ก“มึงเป็นเหี้ยอะไรวะแฮค!” เรซหันกลับมาตะคอกเสียงขุ่น ดวงตาคมฉายแววร้อนระอุตวัดมองฉันที่อยู่ด้านหลังแฮค ฉันสะดุ้งเฮือก ก้มหน้าหลบสายตาคมปลาบเลิ่กลั่ก “เฮ้ย! มึงมองเทียนแบบนั้นมึงคิดจะทำอะไร” เสียงกรรโชกของแฮคทำฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉันถึงขนาดนี้“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร”“มึงทำเหี้ยอะไรเอาไว้ล่ะ!” แฮคสวนกลับอย่างร้อนแรง สองคนนั้นจ้องตากันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ก่อนท
ราวกับโดนสาดหน้าด้วยน้ำเย็นแล้วราดน้ำเดือดตาม ฉันเย็นวาบไปทั้งตัวก่อนจะรู้สึกเห่อร้อนในทุกอณูผิวหนัง มองใบหน้าด้านชาของเรซอย่างหายใจไม่ออก คิดว่าต้องพูดอะไรสักอย่างกลับไปเอาให้เขาเจ็บแสบบ้าง แต่ว่าในหัวฉันตอนนี้มันตื้อไปหมด ทั้งเพลียทั้งง่วง แถมยังมวนท้องเหมือนลมจะตีตื้นขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา สายตาที่มองเรซพร่ามัวชั่วขณะ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฉันอ้วกออกมา พุ่งใส่ท้องเรซเต็มๆ “เชี่ย!”เรซอุทานหยาบคายออกมาคำหนึ่ง รีบดันร่างฉันออกห่างแต่ไม่ทันแล้ว อ้วกสองสายราดอยู่บนเสื้อราดลงไปถึงกางเกงและรองเท้าแตะที่เขาสวมอยู่“นี่เธอ...” เรซโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ฉันได้แต่มองไม่มีแรงจะตอบโต้แล้วภาพตรงหน้าก็ดับวูบ!ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงหนานุ่ม กลิ่นหอมอ่อนจางจากผ้าห่มและปลอกหมอนให้ความรู้สึกผ่อนคลายจนไม่อยากลืมตาตื่น หากแต่เสียงเปิดประตูห้องฉุดสติฉันที่กำลังสะลึมสะลือให้แจ่มชัด เป็นเรซเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง ใบหน้าหล่อเหลายังคงบึ้งตึงเหมือนโดนใครเหยียบเท้าตลอดเวลา สายตาเรซราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ฉันยันตัวลุกขึ้น กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องอย่างงวยงง“ฉันมาอยู่ที่น








