ธิชาเข้ามาในร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง นั่งกินหม้อไฟคนเดียว เข้าร้านของหวานคนเดียว มันดีสำหรับเธอแล้วจริง ๆ ตอนนี้ ออกมาข้างนอกฝนก็หยุดพอดี แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดเทียบฟุตบาทที่เธอยืนอยู่ คล้ายว่ารอมานานแล้ว
เมื่อกระจกเลื่อนลงเธอก็ปรับสีหน้าก่อนจะเอ่ยทัก “สวัสดีค่ะพี่ภพ” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้หมายความว่าอะไร แต่ถ้าจะหนีไปตลอดก็ไม่ใช่นิสัยของเธอเองเช่นกัน
“ขึ้นมาสิพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ธิชาปฏิเสธด้วยความสุภาพ แต่เพราะเป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว หากพิภพไม่ขยับรถ คันข้างหลังก็ไปไม่ได้
“ขึ้นมาเถอะชา ข้างหลังบีบแตรไล่แล้ว” ธิชาเม้มปาก แต่ก็ฉุกคิด มันไม่ใช่ปัญหาของเธอ หากเขาไม่เลื่อนรถอยากจะถูกก่นด่าสาปแช่งก็แล้วแต่
“มันเป็นปัญหาของคุณ ลาตรงนี้เลยนะคะ” ธิชาพูดเสร็จก็เดินหันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังสะพานลอย หายไปกับฝูงชน พิภพทำอะไรไม่ได้นอกจากจิ๊ปากอย่างหัวเสีย ก่อนจะเคลื่อนรถจากไป
ธิชากลับห้องมาด้วยความระแวง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหน แม้ว่าคอนโดที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ในมาตรฐานที่ถือว่าดีอยู่ในระดับหนึ่งก็เถอะ หญิงสาวมองซ้าย มองขวาอย่างหวาดระแวงก่อนจะเดินเข้าคอนโดไปโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองแผ่นหลังบางนั้นอยู่นานสองนาน
เช้าวันจันทร์ก็มาถึงธิชาไปทำงานตามเวลาปกติในทุก ๆ วัน แต่ว่าในตอนขากลับสายตาของเธอก็มองเห็นความผิดปกติของพาหนะส่วนตัวที่ยางแบนทั้งสี่ล้อ หญิงสาวเท้าเอวอย่างหัวเสีย ก่อนจะต่อสายหาช่างที่อยู่ในบริเวณนี้ให้มาเปลี่ยนยางหรือสูบลม เพื่อนร่วมงานอย่างอิทธิเห็นหญิงสาวก้ม ๆ เงย ๆ อยู่บริเวณข้างรถจึงเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล
“ธิชารถเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณอิท ชาเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น พอมาเจอก็แบนทั้งสี่ล้อแล้ว” คิ้วสวยขมวดเป็นปมอยู่อย่างนั้น “คุณโทรตามช่างหรือยังครับ”
“โทรแล้วค่ะ เดี๋ยวสักพักคงมา”
“งั้นผมอยู่เป็นเพื่อนนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ธิชาโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม “เกรงใจ เผื่อคุณอิทมีธุระ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง” อิทธิมองเป็นยังบริเวณรอบ ๆ ออฟฟิศก่อนจะเอ่ยชวนเพื่อนร่วมงานไปรอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ ๆ นี้ อีกอย่างก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เกรงว่าอีกไม่นานฝนคงเทลงมาแน่ ๆ
“ไปหาร้านนั่งกันก่อนดีกว่าครับ อีกไม่นานฝนคงตกลงมาแน่”
“ดีเหมือนกัน งั้นมื้อนี้ชาก็เป็นเจ้ามือเองนะคะ เกรงใจแย่”
“ได้ไงครับ ทานก่อนค่อยว่ากัน” และแล้วทั้งคู่ก็เข้าไปนั่งรอในร้านอาหารใกล้ ๆ เพื่อรอช่างมาเปลี่ยนยาง
ธิชาเองก็เพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้ไม่นาน ไม่ได้สนิทกับใครมากนัก วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสมาทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานอย่างอิทธิสองต่อสองแบบนี้ รู้สึกประหม่าอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเอ่ยชวนอีกฝ่ายคุยสัพเพเหระรออาหารมาเสิร์ฟ
“คุณอิททำงานที่นี่มานานกี่ปีแล้วคะ”
“ปีนี้ย่างปีที่ห้า”
“โอ้โห…นานเหมือนกันนะคะเนี่ย”
“แปลกใช่ไหมล่ะครับ” อิทธิตอบยิ้ม ๆ
“ไม่หรอกค่ะ แล้วแต่คน แต่สำหรับชาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำงานที่เดียวยาวขนาดนั้น แต่ไม่แน่ที่นี่อาจเป็นที่แรกก็ได้นะคะ”
“ทำไมล่ะครับ” อิทธิรู้สึกแปลกใจกับคำตอบนั้น
“สำหรับคนอื่นชาไม่รู้นะคะ แต่สำหรับชาคงเลือกความสบายใจมาก่อนเป็นอันดับแรก”
“แม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากอย่างนั้นเหรอครับ”
“ค่ะ…” หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะเอ่ย
“พอมาถึงจุด ๆ หนึ่งเรามักจะเลือกความสบายใจก่อนเงิน” ธิชาถอนหายใจ
“ผมขออนุญาตถาม…งานเก่ามีปัญหาเหรอครับ”
“ก็คงประมาณนั้นแหละค่ะ…” ธิชายิ้มแหย
“แต่ว่าคุณอิทดูเป็นคนสมัยใหม่ ทำไมถึง…”
“เรียกผมว่าอิทก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะตอบ “ผมก็คงเหมือนคุณ…ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะทำที่เดียวยาวนานขนาดนี้ คงเพราะความเคยชินละมั้งครับ สิ่งแวดล้อม ผู้คน ผมเลยไม่ค่อยชอบย้ายงานบ่อย ๆ กว่าอะไรจะเข้าที่เข้าทางใช้เวลาพอสมควร”
ภาพที่เห็นคนทั้งสองต่างนั่งทานอาหาร ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวทำเอาใครบางคนนั่งตบพวงมาลัยรถอย่างหัวเสีย วางแผนมาเสียดิบดีกลายเป็นส่งชิ้นเนื้อเข้าปากเสือเสียอย่างนั้น
เมื่อทานอาหารเสร็จ ช่างก็เปลี่ยนยางเสร็จพอดี ธิชาจ่ายเงินก่อนจะเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานที่มาอยู่เป็นเพื่อน
“ขอบคุณมากนะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
“เอ่อ…หากคุณไม่ว่าอะไร นี่เบอร์ผม” ชายหนุ่มกดเบอร์พร้อมโชว์หน้าจอมายังตรงหน้าหญิงสาว “เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน หากคุณไม่มีใครก็โทรหาผมได้”
“จะดีเหรอคะ” ธิชารู้สึกลำบากใจ แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายมองว่าเธอเข้าหาเพราะผลประโยชน์ ก่อนจะกดเบอร์นั้นโทรออก แลกเบอร์กันเสร็จสรรพก็ขอตัวกลับ ธิชาโคลงหัว เหมือนว่าช่วงนี้ดวงจะซวยยังไงไม่รู้ตั้งแต่เจอคนบางคน เฮ้อ! หรือว่ายังหนีได้ไกลไม่พอ หรือเพราะเบื้องบนรู้ว่าเธอยังเหลือเยื่อใยให้เขาอยู่จึงส่งบททดสอบมาให้ ธิชาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก็จะสตาร์ทรถกลับที่พัก ไม่แน่ปีหน้าเธออาจจะต้องย้ายงาน ย้ายบ้านอีกครั้งก็ได้ ใครจะไปรู้!
วันนี้ธิชาและเพื่อนรักอย่างมัชชุพร ทั้งสองครอบครัวนัดกันมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ทะเลแห่งหนึ่งในภาคใต้มิตรภาพที่ยาวนานร่วมสิบปีของสองสาว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นภาพนี้ด้วยกัน รวมไปถึงสองหนุ่มเพื่อนสนิทอย่างเทวทิณณ์และพิภพ ที่ต่างก็มองภรรยาและลูกน้อยก่อปราสาททรายกันอย่างสนุกสนาน“ถ้ารู้ว่ามีครอบครัวแล้วมีความสุขอย่างนี้ กูมีไปนานแล้ว ไม่น่าไปฟังไอ้พวกนั้นที่เอาแต่บ่นกระปอดกระแปด” เทวทิณณ์ยกเบียร์กระป๋องในมือขึ้นมาจิบก่อนจะยักไหล่ “ก็ไอ้พวกนั้นไม่ได้มีเมียเหมือนมัช และไม่ได้ใจกว้างเหมือนธิชา” เทวทิณณ์ได้ทีเอ่ยชมภรรยาไม่ขาดปาก“ก็จริง ชาเค้าไม่เคยทำตัวแบบว่าเมียใหญ่สุด หรือกูต้องทำตัวเป็นพ่อบ้านใจกล้า ไอ้พวกนั้นทำยังกะว่าเรื่องแต่งเมียเหมือนขายของหรือไง”“ก็โดนคลุมถุงชน เป็นกูก็ไม่อยากกลับบ้านเปล่าวะ”“ดีที่ชาเค้ายังกลับมาหากู ไม่งั้นกูคงไม่ได้เห็นภาพนี้ หรือไม่ก็ไม่มีภาพนี้ในหัวเลย” เทวทิณณ์ตบบ่าเพื่อนรักเพื่อให้กำลังใจ“รักษาเค้าให้ดี ๆ ไม่ใช่ละเลยทำตัวเสเพลเหมือนเดิมอีกนะมึง ลูกเต้าก็มีแล้วทำตัวให้สมกับที่เป็นพ่อคน”“ครับ” พิภพหันมาพนมมือไหว้เพื่อนรัก ที่สั่งสอนยังกะพ่อ ตั้งแต่แต่งงาน
คู่แต่งงานใหม่ก็พากันมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไกลถึงต่างประเทศ ธิชาและพิภพต่างก็กกกอดกันอย่างแนบแน่นทุกเช้าค่ำระหว่างท่องเที่ยวฮันนีมูนในโรงแรมแห่งหนึ่ง “อื้อ สะ สามี เบาหน่อย”ตั้งแต่งานแต่งงาน พวกเขาทั้งสองต่างก็เหนื่อยลากเลือดกันทั้งคู่ ไม่มีเวลามาจู๋จี๋ตามประสาข้าวใหม่ปลามันกันสักเท่าไหร่ สรรพนามที่เอ่ยเรียกกันก็เปลี่ยนไป“ชาจ๋า ชาของพี่หวานที่สุด”“อื้อ”สองเต้าที่ถูกมือใหญ่บีบเคล้น อีกทั้งยังถูกดูดอย่างกระหายอย่างนี้ทำเอาธิชาถึงกับกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ เห็นแต่ผมดกดำที่ขยับอยู่ตรงหน้าอกของเธออยู่นานสองนาน เขาทั้งขบกัด หยอกล้อกับเม็ดบัวทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว ร่างบางสั่นระริกด้วยความเสียว อีกทั้งช่องทางสวาทยังหลั่งน้ำเมือกสีใสออกมาจนต้นขาด้านในเฉอะแฉะไปหมด สองขาถูไถกับเตียงกว้างจนผ้าปูที่นอนยับย่น ข้อมือได้แต่กำมุมหมอนเพื่อระบายความเสียวที่ตีตื้นขึ้นมาทำเอาเธอเกือบจะเสร็จสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง“อ๊ะ”พิภพจูบลูบไล้ร่างกายที่สะโอดสะอง เอวคอดสะโพกผาย ธิชามีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย ผู้ชายอย่างพิภพไม่รู้ว่าร่างกายที่ผอมเพรียวของเธอแบกเต้าทรงโต และเข่าที่แบกสสะโพกผายได้ยังไง ไม่ว
“ไม่ต้องร้องแล้วนะคะคนดี” พิภพเอ่ยปลอบพลางก้มลงจูบหน้าผากเนียนด้วยความรักใคร่ กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น พอเห็นเพื่อนรักแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุข มันก็กระตุ้นความปรารถนาของพิภพให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น เขาประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว แต่ชีวิตคู่กลับตรงกันข้าม เขาจินตนาการการมีครอบครัว แต่งงานมีลูกกับใครสักคนไม่ออก หากตอนแรกเขาไม่เลิกกับธิชาก็คงยังมองภาพนั้นไม่ออก แต่พอได้เลิกรากับอีกฝ่ายไป ภาพที่เคยเลือนรางและคิดว่าไม่มีอยู่จริงกลับมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เขาวาดภาพบ้านและครอบครัวของตัวเองออกมาหลายภาพ และมองเห็นอนาคตที่จะใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปจนแก่เฒ่า และคนคนนั้นก็คือธิชา…หญิงสาวตรงหน้าหากไม่เคยสูญเสียก็ไม่รู้คุณค่าของมันวันนี้เขารู้ซึ้งแล้ว และจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือเป็นครั้งที่สองงานแต่งงานของธิชาและพิภพจัดขึ้นที่ริมทะเลจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ บรรยากาศเรียบง่ายแต่อบอุ่น มีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนสนิทเพียงเท่านั้น มัชชุพรและเทวทิณณ์พร้อมยัยหนูมัชฌิมาในวัยแปดเดือน สวมชุดกระโปรงน่ารักพร้อมผ้าคาดหัว บนแท่นเวทีบ่าวสาวกำลังเอ่ยคำสาบาน‘ข้าพเจ้านายพิภพ รับ นางสาวธิ
ไม่รู้ว่าสถานะนี้คืออะไร แต่ต่างฝ่ายต่างสบายใจที่จะไปมาหาสู่กันอย่างนี้ บางทีเวลาก็ช่วยเยียวยาและตกตะกอนความคิดต่าง ๆ ให้ผู้คนต่างก็เติบโตและไม่จมกับความผิดพลาดในอดีต อีกทั้งตอนนี้พวกเขาต่างก็เดินหน้าด้วยความระมัดระวัง เพราะรู้แล้วว่ากว่าจะเจอรักดี ๆ คนรักดี ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแตกสลายและเสียน้ำตามากมายไปไม่รู้เท่าไหร่กว่าจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง พูดคุยและหัวเราะด้วยกันอีกครั้งแบบนี้ โดยเฉพาะอดีตคาสโนว่าอย่างพิภพ ที่เหมือนจะถูกถอดเขี้ยวเล็บไปจนหมด ตอนนี้กลายเป็นคนที่เจอตัวยากพอ ๆ กับเทวทิณณ์ อย่างเทวทิณณ์ที่กำลังจะเป็นพ่อคนอยู่ติดบ้านก็ไม่แปลก แต่คนที่มักจะออกท่องราตรีเป็นประจำอย่างพิภพกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ติดบ้าน ออกสังสรรค์บ้างแต่ก็นับครั้งได้ ธิชาเองก็ไม่เคยกะเกณฑ์หรือพูดขอร้องอะไร เธอไม่เคยพูดให้เขาเปลี่ยน เพราะหากเขาไม่เปลี่ยน ใครก็คิดที่จะเปลี่ยนเขาไม่ได้ อีกทั้งธิชาก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามครรลอง ถ้าถามถึงความรู้สึก…เธอก็ยังรักตัวเองมากกว่าจะรักใครคนอื่นหลังจากดูหนังจนจบ พิภพก็พาหญิงสาวมาทานอาหารดาดฟ้าโรงแรมดัง “นี่หรือเปล่าคะที่ย้ำนัก
ตั้งแต่วันนั้นธิชากับพิภพก็ไม่ได้เจอกันอีกจนงาน Baby Shower ของยัยมัชที่จัดงานที่บ้านสวนที่อยุธยาบ้านของพี่ทิณ เรียกได้ว่าเป็นงานรวมกัลยาณมิตรเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เพื่อนฝูง ต่างก็มากันเกือบครบหมด ว่าที่คุณแม่ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่ใช่แค่แขกในงานที่ลุ้นเพศ สามีอย่างเทวทิณณ์เองก็ลุ้นจนตัวโก่งเหมือนกัน มีแต่มัชชุพรที่รู้ ลูกโป่งสีสวยบรรจุแผ่นกระดาษไว้ภายใน สีฟ้าลูกชาย สีชมพูลูกสาว เพื่อน ๆ ต่างก็พนันกันอย่างสนุกสนาน ธิชาเองก็เหมือนกัน ลูบท้องยัยมัชออกจะบ่อย ท้องแหลมแบบนี้โบราณเขาว่าจะได้ลูกสาว งานปาร์ตี้เล็ก ๆ แต่ทว่ากลับอบอุ่น ตอนนี้เองพิภพก็เดินมาหาเธอ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเคอะเขิน พูดคุยทักทายกันอย่างออกรสตามประสาคนรู้จัก“ชาว่าไอ้ทิณจะได้ลูกชายหรือลูกสาว”“ต้องลูกสาวอยู่แล้วค่ะ”“ถ้าลูกชายล่ะ?”“งั้นมาพนันกันไหมละคะ” ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่มัชชุพรถือลูกโป่งยักษ์สีขาวไว้ในมือ เพื่อน ๆ ต่างส่งเสียงเชียร์ฝั่งเพื่อนชายก็ส่งเสียง BOY/ ส่วนฝั่งผู้หญิงก็ GIRL ต่างไม่มีใครยอมใคร อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้เด็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ ต่างขนมาให้กองพะเนินจนคุณย่าอย่างสาวิตรีอดที่จะหัวเราะกับคนห
หลังจากเกิดเรื่องทางบริษัทเองก็ไม่ได้ใจดำกับลูกน้อง ทางหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็เอ่ยปากให้ธิชาลาพักได้อีกสักสองสามวัน เพราะเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ และคดีความ แต่ธิชาปฏิเสธอีกทั้งงานตรงหน้าทำให้สมองของเธอหยุดคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ขณะหนึ่ง เพื่อนร่วมงานก็ต่างชวนคุย ดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ที่โรงแรมเป็นไหน ๆ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทางพิภพเองก็บอกว่ารอให้หาคอนโดได้ใหม่จะส่งมาให้ เธอเองก็เห็นว่าไม่เสียหายอะไร จึงเอาตามนั้น แต่ระหว่างนี้ก็ไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก แม้จะพักอยู่ห้องเดียวกันก็ตามธิชาเองก็รู้สึกปลอดภัยที่อีกฝ่ายมาอยู่เป็นเพื่อน หากสภาพจิตใจดีมากกว่านี้อีกสักหน่อยคงต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม…แต่เธอเองก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว พยายามหาห้องใหม่ให้เร็วที่สุด ทางอิทธิเองก็เอ่ยปากช่วยหาห้องใหม่ให้ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานหญิงโสดหลายคนก็แนะนำให้อยู่บ้าง แต่เธอต้องขบคิดสักเล็กน้อย ห้องที่ดี ความปลอดภัยสูงราคาก็แพงตาม ลำพังพนักงานออฟฟิศเงินเดือนไม่มากเท่าไหร่ จะให้หารูมเมทก็ไม่ชอบ เฮ้อ!ธิชากลับโรงแรมที่พักด้วยสภาพอิดโรย หลังเลิกงานต้องตระเวนหาที่อยู่ใหม่อีก “ชา กลับมาแล้วเหรอ ทานอะไรหรือย