Share

ตอนที่ 7 ต้นไม้วิเศษ

Penulis: Jiulin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-29 15:50:16

ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้

“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”

“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”

“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”

ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอ

เดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว

“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”

“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอาของเจ้างั้นหรือต่อไปนี้เรียกข้าว่าพี่สาวก็พอแล้ว”

“ไม่เอาหรอกขอรับถึงอย่างไรท่านก็เป็นภรรยาของท่านอาสาม ข้าเรียกอาสะใภ้น่ะถูกแล้ว”

“เฮ้อ…ตามใจเจ้าเถอะ เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยกัดผ้าผืนนี้เอาไว้ทีข้าจะตรวจดูบาดแผลเจ้าเสียหน่อย”

“ขอรับ”

มู่อิงเถาหาเศษผ้าที่สะอาดที่สุดเท่าที่จะหามาได้ให้ซ่งหงอี้กัดเอาไว้ นางตั้งใจจะใช้ไม้มาดามกระดูกที่หักไว้ชั่วคราวเมื่อท่านหมอมาถึงค่อยให้เขารักษาอีกที แม้นางจะมีทักษะทางการแพทย์อยู่บ้างแต่ในยุคที่ไม่มีเครื่องมือสำหรับการรักษาเช่นนี้นางจึงทำได้เพียงแค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น

“นังเด็กโง่”

“เอ๋ อะไรนะ”

“หืม อะไรหรือขอรับอาสะใภ้”

“เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้พูดอะไรงั้นหรือ”

“ไม่เลยขอรับก็ท่านบอกให้ข้ากัดผ้าไว้ไม่ใช่หรือ จะพูดอะไรได้กัน”

“จริงด้วย แล้วเสียงใครกันเล่า”

'ก็ข้าอย่างไรเล่านังเด็กโง่ เมื่อวานตอนหัวค่ำก็เพิ่งพูดคุยกันเจ้าลืมข้าไปแล้วหรือ'

‘เจ้าลิงฮุยงั้นหรือ’ มู่อิงเถาที่เพิ่งจะนึกถึงเรื่องมิติวิเศษขึ้นได้นางจึงได้แต่อุทานในใจเงียบๆ เพราะกลัวว่าซ่งหงอี้จะสงสัยเอาได้

‘ใช่ แต่เอ๊ะ! ลิงงั้นหรือ? นี่เจ้าหลอกด่าข้าอยู่หรืออย่างไร’

‘ใช่ที่ไหนกันเล่าข้าอาจจะออกเสียงผิดไปนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง แล้วเหตุใดซ่งหงอี้ถึงไม่ได้ยินเจ้าเหมือนที่ข้าได้ยินล่ะ’

‘มีเพียงเจ้าที่ได้ยินข้าพูด ในมิติวิเศษมีผลไม้ที่ใช้สมานแผลและเชื่อมกระดูกได้ เจ้าไปเอามันมาให้เจ้าเด็กน้อยคนนั้นกินเสียสิ’

‘จริงหรือนี่!’

‘แต่อย่าลืมว่าเอาอะไรออกไปย่อมต้องตอบแทนทุกครั้ง’

‘ข้ารู้แล้วน่าจะไปไถนาพรวนดินให้ทั้งวันเลย ขอบใจนะ’

มู่อิงเถาเอ่ยออกมาด้วยความดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ แม้ว่าซ่งหงอี้จะไม่ใช่หลานแท้ๆ ของนางแต่เพราะได้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายบาดเจ็บทั้งยังเป็นเด็กอีกด้วยก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร เมื่อรู้ว่ามีหนทางรักษานางดีใจเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกอะไร

“หงเอ๋อเจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ข้าจะไปหาสมุนไพรมาประคบแขนให้เจ้า เดี๋ยวข้ามานะเข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจขอรับ”

“อย่าหลับเชียวล่ะเจ้าต้องรอท่านอาของเจ้ากลับมาก่อน”

“ข้ารู้แล้ว”

มู่อิงเถารีบเดินออกจากห้องนอนก่อนจะแอบไปยังหลังบ้าน หลับตาภาวนาในใจเพื่อเข้าไปในมิติวิเศษเมื่อเข้าไปได้แล้วนางก็ตรงไปยังต้นไม้ที่มีผลอิงเถาอยู่เต็มต้น

"คงจะเป็นต้นนี้กระมัง"

นางยืนพะวักพะวงอยู่นานสองนานด้วยขนาดร่างกายของนางแล้วนั้นคงไม่สามารถปีนขึ้นไปได้อย่างแน่นอน

'แล้วจะเก็บมันลงมาอย่างไรดีเล่า'

"โง่เสียจริง"

"นี่เจ้าด่าข้าอีกแล้วนะ"

"ก็โง่จริงหรือไม่เล่าอยากได้อะไรก็เพียงแค่ขอ ลองดูสิ"

'อยากได้อะไรก็เพียงแค่ของั้นหรือ'

"ท่านต้นไม้เจ้าคะ ข้าขอผลไม้จากต้นของท่านเพื่อไปช่วยหลานชายของข้าได้หรือไม่"

เมื่อนางพูดจบในใจก็ยังไม่หายกังวลพลางสงสัยว่าเจ้าลิงฮุยเจ้าของมิติวิเศษแห่งนี้กำลังหลอกนางอยู่หรือไม่ ทันใดนั้นผลอิงเถาที่กำลังสุกได้ที่ก็หล่นลงมาบนพื้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของนาง

"มะ ไม่ได้หลอกกันนี่นา"

"ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง! รีบเก็บแล้วรีบออกไปได้แล้วรบกวนเวลาพักผ่อนของข้า"

"เจ้าค่ะท่านหลิงฮุยผู้เก่งกาจ ข้าจะรีบเก็บแล้วก็รีบออกไปไม่รบกวนท่านแน่นอนเลยเจ้าค่ะ"

"ให้มันจริงเถอะ"

มู่อิงเถาคร้านจะต่อความกับเขานางรีบเก็บผลไม้ที่หล่นอยู่บนพื้นหญ้าติดมือไปสี่ห้าลูก

ขณะที่กำลังจะออกจากมิติวิเศษนางก็เหลือบไปเห็นบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากต้นไม้ใหญ่นั้น พื้นที่บริเวณโดยรอบมีต้นหญ้าเขียวขจีงดงามต่างจากบ่อน้ำที่แห้งเหือดนั้นอย่างมาก

“น่าแปลกเสียจริง”

“บ่อน้ำพุแห่งกาลเวลา”

“อะไรนะ”

“บ่อนั่นคือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคอันใดก็รักษาหายได้ทั้งนั้น”

“จริงหรือ”

“แต่น่าเสียดาย มันแห้งเหือดแบบนี้มานานแล้วล่ะ”

“ทำไมล่ะ”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเลิกถามข้าได้แล้ว นี่เจ้าน่ะเอาไปแล้วอย่าลืมมาทำหน้าที่ของตนเองล่ะ”

“รู้แล้วน่าเหตุใดเจ้าถึงพูดมากเช่นนี้นะ”

“ชิ”

มู่อิงเถาบ่นร่ายยาวให้เจ้าของมิติวิเศษก่อนจะออกไปหาซ่งหงอี้ด้วยความรวดเร็ว นางเดินกลับมาที่ห้องนอนก็เห็นว่าเด็กน้อยผู้นั้นหลับไปแล้ว

“คงจะเจ็บมากสินะน่าสงสารเสียจริง”

เฮ้ย! ไม่สิในนิยายหลานชายของซ่งอวี่ถงเองก็ร้ายไม่ใช่เล่น หาวิธีกลั่นแกล้งนางไม่น้อยเหมือนกันนี่นา หน้าตาธรรมดาดูไม่มีพิษสงทั้งคู่ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเป็นตัวร้ายไปได้

มู่อิงเถาส่ายหน้าให้เด็กชายตัวน้อยก่อนจะนำผลไม้วิเศษไปจัดการผ่าเป็นชิ้นเล็กๆ เก็บเอาไว้ให้เขากินหลังตื่นขึ้นมา นางไม่ลืมที่จะนำสมุนไพรที่เก็บติดมือมาจากมิติวิเศษมาตำจนละเอียดแล้วห่อด้วยผ้าบางๆ ค่อยๆ ประคบที่แขนของเขา

เป็นเวลากว่าสองชั่วยามในที่สุดซ่งอวี่ถงก็เดินทางกลับมาแต่ด้านหลังของเขากลับพบเพียงความว่างเปล่า สีหน้าที่ดูไม่สู้ดีนั้นบ่งบอกว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“ท่านพี่ ท่านหมอไม่มากับท่านด้วยหรือ”

เขาส่ายหน้าให้นางเบาๆ ก่อนจะชำเลืองมองไปที่ซ่งหงอี้ผู้เป็นหลานชาย

“ค่ารักษามากเกินไปเงินที่เรามีไม่พอข้าจึงทำได้เพียงแค่ซื้อยากลับมาให้เขากินเท่านั้น”

“งั้นหรือ”

“หลับไปแล้วหรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ”

“แล้วนั่นอะไร”

“คือว่า ตอนข้ายังเด็กท่านแม่เคยสอนข้าเรื่องการใช้สมุนไพรรักษาคนน่ะเจ้าค่ะ เมื่อวานตอนทำความสะอาดที่สวนหลังบ้านข้าเห็นว่ามีสมุนไพรนั่นพอดีจึงนำมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาประคบให้เขา”

“ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วย”

“ข้าก็แค่โง่เขลาในบางเรื่อง”

ซ่งอวี่ถงยิ้มให้นาง ช่างเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่่นางเคยได้รับจากเขา

'คนอะไรหล่อเสียจริง'

‘ไม่ได้ๆ อย่าให้ภาพมันลวงตาเป็นอันขาดเขาคนนี้คือคนที่จะสังหารเจ้าเชียวนะมู่อิงเถา’

มู่อิงเถาสะบัดศรีษะไปมาจนซ่งอวี่ถงถึงกับขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยปากถามนางไปว่า

“เจ้าเป็นอะไรไม่สบายงั้นหรือ”

“ห๊ะ ไม่นะข้าสบายดี”

“ก็เมื่อครู่”

“อ้อ แมลงวันมันมาตอมหน้าข้าน่ะข้าว่านะท่านมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำเถอะ วันนี้ข้าจะเป็นคนทำอาหารเอง”

“อืม เช่นนั้นข้าจะดูแลหงเอ๋อเอง”

"เจ้าค่ะ”

‘ใจสั่นอะไรเช่นนี้สงสารจนหวั่นไหวไม่ได้นะมู่อิงเถา ให้ตายสิ’

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 48 ชีวิตที่สงบสุข

    เพราะที่ผ่านเซี่ยอิงอิงต้องไปเรียนปักผ้าตามที่มารดาเลี้ยงของนางต้องการจึงไม่มีเวลามาพบปะสนทนากับมู่อิงเถานั่นเอง วันนี้ทั้งวันนางจึงมาอยู่เฝ้าพูดคุยกับมู่อิงเถาจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามเย็น เมื่อถึงเวลากลับบ้านดูสาวน้อยผู้นั้นจะอาลัยอาวรณ์นางอยู่ไม่น้อยมู่อิงเถาออกมาส่งนางที่หน้าประตูจวนทั้งยังโบกมือลาให้เด็กสาวเมื่อรถม้าของนางพ้นจากระยะสายตาแล้วก็ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นมาว่า“นั่นแม่นางเซี่ยนี่นา นางมาทำไมหรือขอรับอาสะใภ้”“หืม หงเอ๋อเจ้าเองหรอกหรือหายไปไหนมาข้าไม่เจอเจ้าเลยตั้งแต่ที่เข้าเมืองหลวง”“ข้าไปฝึกเรียนวรยุทธ์มาน่ะขอรับอาสะใภ้ ไม่ใช่สิพระชายา”“เรียกข้าว่าอาสะใภ้แบบเดิมน่ะดีแล้ว”“ไม่ได้หรอกขอรับตอนนี้ท่านเป็นถึงพระชายาแล้วจะให้เรียกแบบเดิมได้อย่างไรกัน”“ตามใจเจ้าเถอะ แล้ววันนี้ไม่มีเรียนงั้นหรือ”“ท่านอาจารย์ให้ข้าหยุดได้สิบวันขอรับ ข้าจึงรีบเดินทางมาหาพวกท่าน”“ดีเลยเช่นนั้นช่วงเวลาสิบวันนี้ก็ทำตัวให้ว่างล่ะพวกเราจะไปเที่ยวกัน”“เที่ยว?”“อืม”“ไปไหนขอรับ”หมู่บ้านต้าไห่ เมืองเป่ยเย่-บ้านตระกูลซ่ง-“ท่านแม่ท่านรู้มานานแล้วเช่นนั้นหรือ ที่ท่านไม่อยากให้ข้าไป

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 47 พานพบอีกครั้ง

    -เจ็ดวันผ่านไป-เมื่องานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของพระชายารัชทายาทและองค์ชายน้อยมาถึงในวังหลวงก็ดูจะครึกครื้นกันยิ่งนักบรรดาเหล่าขุนนางและฮูหยินของพวกเขาต่างก็ทยอยเดินเข้ามาในงานกันเรื่อยๆขณะที่มู่อิงเถาเดินอยู่เคียงข้างกับเยี่ยอ๋องอยู่นั้นก็ได้ยินขุนนางที่ยืนจับกลุ่มกันกำลังซุบซิบนินทานางอยู่แม้จะพูดคุยกันด้วยเสียงอันเบาแต่กับคนที่มีวรยุทธ์แล้วนั้นย่อมได้ยินชัดทุกถ้อยคำ“ท่านอ๋องผู้นี้ช่างเก่งกาจและมีบุญบารมีมากเหลือเกินแต่น่าเสียดายที่ชายาของเขานั้นกลับเป็นหน้าเป็นตาให้เขาไม่ได้”“จริงดังที่ใต้เท้ากล่าวสตรีผู้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดาไหนเลยจะส่งเสริมท่านอ๋องได้กัน”“บุตรสาวของใต้เท้าซู ‘ซูม่านอวี้’ ผู้นั้นท่านว่าเป็นอย่างไรนางพึ่งผ่านวัยปิ่นปักไปได้ไม่นานทั้งยังไม่มีคู่ครองอีกด้วยดูเหมือนว่า….”เยี่ยอ๋องที่หยุดเดินกะทันหันก็ทำให้มู่อิงเถางุนงงไปไม่น้อย“มีอะไรหรือเจ้าคะ”เยี่ยอ๋องไม่ตอบนาง เขาหันหลังกลับไปจ้องมองขุนนางกลุ่มนั้นก่อนจะชำเลืองมองไปด้วยแววตาที่น่ากลัวยิ่งนักทำเอาใจของคนที่พบเห็นใจสั่นไหวไม่น้อย“ใต้เท้าผู้นี้พูดถึงชายาของข้าอยู่กระนั้นหรือ”“อะ เอ่อกระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะท

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 46 ปรับความเข้าใจ

    มู่อิงเถาไม่มีอารมณ์เดินเที่ยวเล่นต่อแล้วนางเลือกที่จะกลับจวนก่อนจะเดินหนีเขาเพื่อกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว“เจ้าเดินช้าๆ หน่อยสิเดี๋ยวก็หกล้มหรอก”“ข้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”มู่อิงเถาไม่หยุดฟังเขาพูด นางเดินต่อไปด้วยย่างก้าวที่เร็วขึ้นเหมือนไม่ต้องการที่จะเดินอยู่เคียงข้างเขาอย่างไรอย่างนั้น จนซ่งอวี่ถงต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปประชิดจนถึงตัวของนางก่อนจะคว้าแขนเล็กนั้นเอาไว้มั่น“อิงเอ๋อข้าบอกว่าอย่าเดินเร็วอย่างไรเล่า เดี๋ยวก็หกล้มหรอก”“ท่านสนใจด้วยหรือ”“เป็นอะไร”มู่อิงเถาหลับตาลงก่อนจะพยายามสงบจิตใจที่ว้าวุ่นของนาง‘ใช่นางเป็นอะไรไป พักนี้ก็ยังไม่เข้าใจตนเองเท่าใดนักก็แค่สตรีคนนั้นคนเดียวนางจะคิดอะไรมากกัน’“ท่านมีอะไรจะพูดกับข้า”“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“พูดตรงนี้ก็ได้”ซ่งอวี่ถงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านางมืออีกข้างของเขาล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบบางอย่างออกมาก่อนจะจับไปมือของนาง มู่อิงเถาคิดอยากจะสะบัดออกแต่ซ่งอวี่ถงกับจับมือของนางเอาไว้แน่น“อยู่นิ่งๆ สิ”“ท่านจะทำอะไร”ซ่งอวี่ถงไม่ตอบเขาชำเลืองมองนางเล็กน้อยก่อนจะหยิบของสิ่งนั้นมาสวมที่นิ้วมือของนาง‘นี่มันแหวนที่ข้าไปจำน

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 45 แยกย้าย

    -ท้องพระโรง-มู่อิงหลันเคยเป็นหนึ่งในกุ้ยเหรินของฮ่องเต้มู่หรงฉีนางเคยร่วมมือกับเสียนเฟยมารดาขององค์ชายใหญ่ลอบทำร้ายอดีตฮองเฮา แต่ถูกเสียนเฟยโยนความผิดให้นางทั้งหมดจึงถูกขับไล่ออกจากวังหลวงนางจึงได้คิดการก่อเรื่องราวใหญ่โตจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เสียนเฟยที่ก่อนหน้านี้ถูกลดอำนาจกักขังเพียงในตำหนักของตนแต่เมื่อถูกเยี่ยอ๋องรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาและปรากฎว่าเป็นนางที่เป็นคนบงการให้สังหารอดีตฮองเฮาจึงได้ถูกฮ่องเต้ตัดสินให้จองจำในตำหนักเย็นจากนั้นเป็นต้นมาซูเฟยพระมารดาของรุ่ยอ๋องเองก็มีความผิดฐานยุยงส่งเสริมและเคยมอบกองกำลังของสกุลซูแก่องค์ชายใหญ่นางจึงถูกเนรเทศให้ไปอยู่ที่เมืองเล่อซีแดนตะวันตกกับรุ่ยอ๋องโอรสของนางที่เดินทางไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นเองฮ่องเต้น่าจะระแคะระคายเรื่องนี้มาบ้างแล้วถึงได้ส่งองค์ชายสามรุ่ยอ๋องไปก่อนแล้วจึงส่งซูเฟยให้ตามเขาไปทีหลัง นับว่าเขายังมีคุณธรรมมากพอไม่คิดสังหารลูกเมียไปจนหมดสิ้นเรื่องราวในราชวงศ์ซับซ้อนและน่ากลัวดังที่เยี่ยอ๋องหรือก็คือซ่งอวี่ถงเคยพูดเอาไว้นั่นเอง เขาจึงไม่มีความคิดอยากที่จะมาเหยียบที่แห่งนี้เลยสักเพียงนิดหากไม่ใช่เพราะอยากเรียกร้องที่มารด

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 44 ความกังวลใจ

    การเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงนั้นใช้เวลาถึงสิบวันเต็มเมื่อครั้งที่นางหนีจากเมืองเป่ยเย่ไปยังเมืองฉางอันใช้วิธีล่องเรือไปนั่นก็ทรมานปวดมวนท้องไปตลอดเส้นทางแล้ว มาครั้งนี้การที่ต้องมานั่งอยู่บนรถม้าก็ยิ่งทำให้นางปวดระบมไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว“อดทนหน่อยนะอีกไม่กี่ลี้ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว”“ข้าทนได้”“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าอย่าเพิ่งกลับมาก็ไม่เชื่อเห็นหรือไม่ว่าตอนนี้ร่างกายของเจ้ายิ่งแย่เข้าไปใหญ่”“ที่ข้าปวดเนื้อปวดตัวนั่นไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือ”“พูดอะไร”เขาจ้องมองนางเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูดหรือเขาแค่คิดไม่ทันกันแน่ ชายหนุ่มได้แต่บีบๆ นวดๆ ให้นางเพื่อให้อาการปวดเกร็งนั้นผ่อนคลายลงแต่นั่นกลับยิ่งทำให้นางเจ็บปวดมากขึ้น“พอแล้วๆ น้ำหนักมือของท่านมากเกินไปมันทำให้ข้าเจ็บมากกว่าเดิมเสียอีก”“ข้าทำเบามือสุดๆ แล้วนะ”มู่อิงเถาหันขวับไปจ้องมองใบหน้าใสซื่อของคนด้านข้าง“เบากระนั้นหรือเมื่อคืนวานไม่ใช่ท่านเป็นคนบอกข้าเองหรอกหรือว่าจะทะนุถนอมข้า แต่เหตุไฉนถึงได้เอาแต่ใจตนเองเช่นนั้นเห็นร่องรอยบนตัวข้าหรือไม่ยังดีที่เย่หยุนฟางเอาแต่ตามติดคุณชายเซี่ยนางถึงไม่ทันได้สังเกตมิเช่นนั้นข้าคงได้

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 43 กลับเมืองหลวง

    สวนไผ่ที่ตั้งอยู่หลังบ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบของนางนั้นเต็มไปด้วยต้นไผ่เขียวชอุ่มที่สั่นไหวไปตามแรงลมเสียงใบไผ่เสียดสีกันดังเป็นจังหวะ เมื่อก่อนนางมักมาเดินเล่นและพักผ่อนในที่แห่งนี้เป็นประจำหลังอาหารมื้อบ่ายมู่อิงเถาตั้งใจจะนอนพักสักงีบแต่ไม่ว่าอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจหลับตาลงได้จึงออกมาเดินเล่นรับลมในที่แห่งนี้ก่อนที่สองเท้าจะพาตนเองเดินทอดน่องไปจนถึงทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนักมู่อิงเถาเข้าไปนั่งเล่นที่ศาลาไม้มองเห็นเรือไม้ลำเล็กที่ถูกผูกเอาไว้ที่ท่าน้ำ น่าจะเป็นเรือที่ซ่งอวี่ถงจัดหามานั่นเอง“อากาศเย็นเพียงนี้ยังออกมาเดินเล่นอีกเดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก เหตุใดถึงไม่ใส่เสื้อหนาๆ มาด้วยนะ”‘ตะ ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย’ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกก่อนจะคลุมไปที่ไหล่บางของนาง ความอบอุ่นของเสื้อคลุมที่เพิ่งถอดออกจากตัวของเขาและกลิ่นกายที่คุ้นเคยนั้นทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเสียอย่างนั้นปากของเขาก็เอาแต่พร่ำบ่นไม่มีหยุด‘บ่นเป็นตาแก่ไปได้’“เมื่อก่อนท่านไม่เห็นบ่นเช่นนี้เลยนะ”“นั่นมันเมื่อก่อน”พูดจบก็นั่งลงข้างๆ นางจ้องมองใบหน้าหวานนั้นไม่วางตา“เมื่อก่อนข้านั้นโง่เขลายิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status