Share

บทที่ 3-1 แผนการปั่นป่วน

last update Last Updated: 2025-05-16 12:01:40

ตั้งแต่ได้พบกับฟ่านเฉินในวันนั้น เย่หลีก็เฝ้ารอการตอบกลับจากเขาอย่างใจจดใจจ่อ นางรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังไม่น้อยเลย

สามวันต่อมา กลางดึกคืนหนึ่ง ฟ่านเฉินก็ส่งคนนำจดหมายลับมามอบให้กับนาง ในจดหมายบอกแผนการทุกอย่างเอาไว้เสร็จสรรพ รวมถึงสถานที่ที่เขาเตรียมการเอาไว้ก็ค่อนข้างรอบคอบไม่น้อย นางอ่านเนื้อหาในจดหมายโดยละเอียดดวงตาก็ทอประกายความพึงพอใจอย่างเด่นชัด

นับว่านางร่วมมือไม่ผิดคน

เขาทั้งฉลาดและจัดแจงแผนการได้อย่างรอบคอบรัดกุมไม่น้อยเลย

ยิ่งแผนการสำเร็จลุล่วงเท่าใดนางก็ต้องเตรียมรับมือ คนเช่นฟ่านเฉินหากปล่อยเอาไว้ย่อมจะส่งผลร้ายต่อนางในอนาคต เมื่อทุกอย่างลุล่วงนางจะต้องจัดการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม

ฆ่าทิ้งเสีย!

นับแต่ได้รับจดหมายฉบับนั้นมาจากฟ่านเฉิน เย่หลีก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร อีกทั้งยังอารมณ์ดียิ่ง นางใช้ชีวิตปกติ และไม่ได้กลั่นแกล้งเย่หลีเท่าแต่ก่อนอีก

จะเสียเวลาคิดแผนกลั่นแกล้งไปไย อีกไม่นานนางก็จะได้ทุกอย่างดั่งที่ใจของตนเองปรารถนาแล้ว

นางคิดถูกที่ชิงร่วมมือกับฟ่านเฉินก่อน

เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงค่อนข้างจะอบอ้าวขึ้นมาเล็กน้อย วันนี้เย่หลีอารมณ์ดี นางจึงสั่งให้คนไปตามเย่จิ้นอันและเย่หลิงมาร่วมจิบชาชมดอกมู่ตานด้วยกัน เย่จิ้นอันนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ไหนแต่ไรนิสัยของเย่หลีก็เป็นเช่นนี้ นางชื่นชอบความสำราญ ทว่าเย่หลิงนั้นค่อนข้างแปลกใจอยู่ไม่น้อย ร้อยวันพันปีพี่สาวต่างมารดาของนางผู้นี้ไม่เคยอยากจะเห็นหน้านาง แต่วันนี้กลับชวนนางไปนั่งจิบชาชมสวนด้วยกัน

เมื่อคนทั้งสองมาถึงก็พบว่าเย่หลีวันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษถึงกับให้สาวใช้ทำขนมมาหลายอย่าง 

"น้องสาว วันนี้เจ้าไปพบเรื่องเบิกบานใจมาหรือ จึงชวนพวกเรามาร่วมดื่มชาด้วย"

เย่จิ้นอันสอบถามด้วยความสงสัย เย่หลีเงยหน้ามาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นพี่ชาย ก่อนจะตอบ

"ย่อมมีเรื่องดีแน่นอนเจ้าค่ะ แต่เรื่องดีนี้เป็นความลับของข้าคนเดียว ข้ายังไม่อาจบอกพี่ใหญ่ได้"

เย่หลีเอ่ยไปพร้อมกับยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเหลือบตามองเย่หลิงปราดหนึ่ง เห็นเพียงนางยามนี้กำลังนั่งก้มหน้างุดไม่เอ่ยวาจาใดแม้เพียงครึ่งคำ เย่หลียื่นมือไปหยิบกาชามาเทใส่ถ้วย ก่อนจะส่งให้เย่หลิง เย่หลิงจ้องมองชาในถ้วยนั้นด้วยแววตาที่วูบไหว เย่หลีที่เห็นเช่นนั้นก็เพียงยิ้มก่อนจะกล่าว

"ทำไม คิดว่าข้าจะวางยาเจ้าหรือ เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ได้สนใจแล้วว่าคังอ๋องจะแต่งกับผู้ใด เจ้าอยากได้ก็เอาไปเถิด ในใต้หล้านี้บุรุษที่พึงใจในตัวข้าย่อมมีอีกมาก อีกอย่างข้ากับพี่ใหญ่ก็ดื่มชาในกานี้เช่นเดียวกับเจ้า เจ้าจะกลัวไปไย รีบรับไปสิ"

เย่หลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มออกมาอย่างฝาดเฝื่อน ก่อนจะรับชาถ้วยนั้นมาดื่ม พบว่ารสชาติดีกว่าชาที่เรือนของนางเสียอีก เย่หลียิ้มอย่างพึงพอใจ ตลอดเวลานางไม่ได้พูดวาจาเหน็บแนมหรือหาเรื่องเย่หลิงเลยแม้แต่น้อย

เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามบ่ายแก่ ๆ เย่หลิงจึงขอตัวกลับเรือน เพราะมีหมัวมัวในวังหลวงมาสอนเรื่องมรรยาทก่อนจะแต่งงาน เรื่องนี้ฟ่านหลิ่นเป็นคนจัดการให้นาง เขาบอกว่าอยากให้นางเรียนรู้เอาไว้เสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อวันนั้นมาถึงจะได้ไม่ตื่นเต้น อีกทั้งนางยังต้องเตรียมชุดสำหรับเอาไว้ใช้เข้าพิธีแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้อีกด้วย เย่หลีเพียงพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าแววตาไม่ได้แสดงท่าทางทุกข์ร้อนหรือโมโหโทโสใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อเย่หลิงจากไปแล้ว เย่จิ้นอันก็ช้อนสายตาขึ้นมามองเย่หลีคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือสั่งให้สาวใช้ทั้งหมดออกไป เย่หลีจ้องมองพี่ชายของตนพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วจึงถามขึ้นมาว่า

"พี่ใหญ่ ท่านมีเรื่องสำคัญอะไรหรือ จึงต้องไล่สาวใช้พวกนั้นออกไป"

เย่จิ้นอันจ้องมองน้องสาวของตนที่ยามนี้กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะเอ่ย

"หลายวันก่อนข้าได้ยินว่าเจ้าพบกับองค์ชายรองที่หอเซียนสุราเมามายหรือ"

เย่หลีที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มพลันชะงักไปชั่วอึดใจ นางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะตอบคำถามผู้เป็นพี่ชาย

"หูตาของพี่ใหญ่นี่ช่างกว้างไกลเสียจริง"

"เจ้าคิดจะทำสิ่งใด"

"ทำสิ่งใดในที่นี้หมายความว่าอย่างไรหรือ ข้าไม่เข้าใจที่พี่ใหญ่พูด"

เย่หลีทำท่าทางไร้เดียงสาเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เย่จิ้นอันถามออกมา เย่จิ้นอันมองน้องสาวด้วยแววตาที่ล้ำลึก มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าเย่หลีหลายวันมานี้มีท่าทางแปลกไป ไม่โวยวาย ไม่เอะอะทุบตีเย่หลิง อีกทั้งยังอารมณ์ดีผิดปกติ ย่อมต้องมีเรื่องที่ทำให้นางเปลี่ยนไปเช่นนี้เป็นแน่

และเรื่องนั้นอาจจะเกี่ยวพันกับองค์ชายรองฟ่านเฉิน

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา แล้วจึงพูดอย่างใจเย็น

"หลีเอ๋อร์ หากเจ้าพบกับเขาโดยบังเอิญและไม่ได้มีเรื่องอื่นต่อจากนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่หากว่ามันไม่ได้จบลงเพียงแค่การพบกันที่หอเซียนสุราเมามายเฉย ๆ ข้าก็จะขอเตือนเจ้าสักประโยค องค์ชายรองเป็นบุตรชายของสวีกุ้ยเฟย แต่ไหนแต่ไรสวีกุ้ยเฟยและหนิงฮองเฮาไม่ค่อยจะลงรอยกัน สวีกุ้ยเฟยผู้นี้มักใหญ่ใฝ่สูงเจ้าเล่ห์มากกล บุตรชายของนางก็ย่อมไม่ต่างกัน หากเกิดสิ่งใดขึ้นมาไม่ใช่เพียงแค่เจ้าที่จะเดือดร้อน แต่อาจจะนำพาตระกูลเย่ของเราให้พินาศทั้งตระกูลเจ้าเองรู้ดีแก่ใจว่าที่ท่านพ่อนั้น ไม่เคยเข้าฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็เพื่อให้ฝ่าบาททรงสบายพระทัย"

"พอสักที!"

เย่หลียกมือตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะเอ่ยกับเย่จิ้นอันอย่างไม่พอใจ

"ข้ารู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่ พี่ใหญ่อย่าสอดมือเข้ามายุ่ง แสร้งทำเป็นว่ารักและห่วงข้า ทุกคนในบ้านนี้ก็เอาใจแต่นังเย่หลิงกันทั้งนั้น แม้แต่คังอ๋องและคนอื่น ๆ ก็ยังเห็นนางเป็นดั่งหยกในฝ่ามือ แล้วข้าเล่า ข้าทำสิ่งใดพวกท่านก็เอาแต่จับผิดข้า ทำไม ข้าจะหาความสุขให้ตนเองเล็กน้อยจะเป็นอันใดไป!"

"หลีเอ๋อร์!"

"เงียบสักที! ต่อไปไม่ต้องมาสนทนากับข้า เชิญท่านไปสนทนากับน้องสาวสุดรักของท่านอย่างนังเย่หลิงเถิด"

กล่าวจบเย่หลีก็เดินกระฟัดกระเฟียดจากไปทันที เย่จิ้นอันถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เย่หลีถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจนเสียนิสัยจนยากจะแก้ไขเสียแล้ว แรกเริ่มเขาคิดจะส่งคนไปจับตาดูเย่หลีเอาไว้ แต่ในเมื่อนางรู้ทันความคิดนี้ของเขาแล้วย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก หากเขายังวุ่นวายเรื่องของนางไม่เลิก อาจจะทำให้นางอาละวาดหนักขึ้น

หวังว่านางจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นภัยมาสู่ตระกูลเย่!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   ตอนพิเศษ

    ฟ่านเฉินพานางไปไหว้หลุมศพของหยางกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาหลังจากแต่งงานกันได้ไม่นาน อีกทั้งยังขอให้พระนางอวยพรให้เขาและนางใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น มีสายลมพัดเข้ามาแผ่วเบาราวกับว่าหยางกุ้ยเฟยรับรู้ถึงคำขอของนางและฟ่านเฉินแล้วเดิมทีฟ่านเฉินตั้งใจว่าจะเอาเลือดของสวีกุ้ยเฟยมาเซ่นสังเวยหลุมศพมารดา แต่เมื่อได้คิดอีกคราเขากลับพบว่าตนเองคิดถูกที่ไม่ทำเช่นนั้น เพราะเสด็จแม่เองก็คงไม่ต้องการให้เลือดชั่วของสวีกุ้ยเฟยมาแปดเปื้อนหลุมศพของนาง!หนึ่งปีแรกหลังจากแต่งงาน เย่หลียังคงไม่ตั้งครรภ์ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาและนางเลยแม้แต่น้อย นางไม่มีแม่สามีคอยกดดัน อีกทั้งพ่อสามีก็ไม่เร่งรัดนางจากนั้นไม่นาน เย่หลีก็ได้เอ่ยถามฟ่านเฉินว่าเขาคิดจะถอนพิษให้ไป๋ซู่ฮวาหรือไม่ ยามนี้แผนการก็สำเร็จลุล่วงแล้ว อย่างไรก็ควรจะเมตตานางเสียหน่อย แต่ฟ่านเฉินกลับไม่ตกลงทำตามที่นางบอก เขาเอ่ยว่าไป๋ซู่ฮวากลับมาแล้วยังไม่รู้จักประมาณตน ปล่อยไว้ย่อมเป็นภัย ให้นางเป็นใบ้ไปชั่วชีวิตเช่นนั้นก็ดีแล้ว จะได้ไม่ก่อคลื่นลมให้เขาและนางต้องปวดหัวได้อีก เย่หลีเองก็ไม่ได้คัดค้านอันใดส่วนเย่หลิงนั้นนางได้แต่งงานกับหวังฉงคน

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   ตอนจบ

    เมื่อทุกอย่างจบลง แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำคือการปลอบขวัญกำลังใจเหล่าทหารกล้า พวกเขาทุกคนช่วยกันนำศพไปฝังเพราะอย่างไรเสียคงไม่อาจนำศพของพวกเขากลับบ้านเกิดได้อีกแล้ว เหล่าชาวบ้านก็ล้มตายไปไม่น้อยที่เหลือรอดก็มีอยู่ไม่มากและยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฟ่านหลิ่นและฟ่านเฉินจึงสั่งให้ทหารช่วยดูแลชาวบ้านและปลอบขวัญพวกเขาจนมีอาการดีขึ้นเวลาผ่านมาร่วมหลายวัน คนทั้งหมดก็เดินทางกลับเมืองหลวง อย่างไรเสียย่อมต้องกลับไปรายงานความดีความชอบนี้ให้ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นได้ทราบเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นนั้นค่อยจัดการหารือกันภายหลังระหว่างที่เดินทางกลับนั้นเย่หลีนั่งรถม้ามาพร้อมกับสาวใช้น้อยนางนั้น เดิมทีเย่หลีไม่ได้คิดจะพานางติดตามกลับเมืองหลวงมาด้วย แต่เพราะสตรีนางนั้นบอกว่าไม่มีที่ไปแล้ว เย่หลีสงสารจึงรับนางเอาไว้และตั้งชื่อให้ว่าอาหลวนเดินทางมาจนถึงจุดพักม้าอย่างไรย่อมต้องหยุดพักเสียหน่อยเพราะอีกหลายวันกว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงและยามนี้ม้าก็อ่อนแรงลงไปไม่น้อยแล้ว ทางการรีบจัดที่พักให้พวกเขาและดูแลเรื่องอาหารอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เย่หลีได้พักที่เรือนรับรองที่สะดวกสบายที่สุด เดิมทีเรือนนี้คนของท

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 44 ปิดฉากสงคราม

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่เย่หลีตื่นขึ้นมา ก็พบว่าฟ่านเฉินรวมถึงบิดาและพี่ชายของนางได้ออกรบกับแคว้นฉีอีกครั้งแล้วเมื่อคืนนี้หลังจากปรับความเข้าใจกันได้แล้ว นางก็กลับมาพักยังที่พักของตน ยามนอนหลับนางฝันดีตลอดทั้งคืนในขณะที่เย่หลีเพิ่งจะกินมื้อเช้าเสร็จและเดินออกมาภายนอกกระโจมก็พบว่ายามนี้ภายในค่ายทหารกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกหามเข้ามาคนแล้วคนเล่า บางคนถูกธนูยิงจนทะลุหน้าอก บางคนแขนขาด บางคนเลือดไหลโทรมกาย ช่างเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวไม่น้อยเลย สาวใช้น้อยข้างกายของนางถึงกับเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองเพราะหวาดกลัวเย่หลีย่นหัวคิ้ว ไม่คิดว่าทหารของแคว้นซ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ นางมองไปโดยรอบก่อนจะพบกับฟ่านหลิ่นที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางจึงรีบเอ่ยกับเขาทันที"คังอ๋อง เกิดเรื่องใดขึ้นหรือเพคะ"ฟ่านหลิ่นมองเย่หลีก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีเท่าใดนัก"เสด็จอาเล่นลูกไม้สกปรก ลอบส่งทหารไปซุ่มโจมตีทหารของพวกเราจากที่ลับ ก่อนหน้านี้ก็ส่งคนมาเผาเสบียงอาหาร อีกทั้งยังใช้ดินประสิวระเบิดภูเขาทำให้ก้อนหินร่วงลงมาทับทหารของแคว้นซ่งตายไปหลายพันนาย สถานกา

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 43 เริ่มใหม่

    ฟ่านเฉินรีบหันกลับมามองก่อนจะต้องตกตะลึงอยู่เช่นนั้น เขาคิดว่าตนเองคงจะฝันไป แต่เมื่อได้เห็นว่ายามนี้สตรีตรงหน้ากำลังแย้มยิ้มให้เขา เขาจึงตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นนางจริง ๆเย่หลีมองพิจารณาบุรุษตรงหน้า ยามนี้เขายังคงดูหล่อเหลาเช่นเดิม แต่ทว่าผิวกลับคล้ำลงไปไม่น้อย ดูคมเข้มชวนมองขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก"เจ้ามาได้เช่นไร"ฟ่านเฉินเอ่ยถามเย่หลีด้วยความสงสัย เขาเองก็มองนางอย่างพิจารณาเช่นเดียวกัน แม้ยามนี้ผิวของนางจะดูคล้ำลงแต่ความงามนั้นไม่ด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อยเย่หลียิ้มก่อนจะตอบ"ข้าก็เดินทางมากับขบวนเสบียงน่ะสิ มาพร้อมพี่ชายของท่าน"เมื่อได้ยินว่าเย่หลีมาพร้อมกับฟ่านหลิ่น ในใจของฟ่านเฉินก็พลันขมขื่นขึ้นมา นางมาพร้อมพี่ชายของเขา ไม่คิดว่าเวลาเพียงไม่นานความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้แล้วที่นางเคยบอกว่าไม่ชอบพี่ชายเขา คงเป็นเพราะนางจะยังไม่รู้หัวใจตนเองใช่หรือไม่ เมื่อรู้แล้วนางจึงเลือกพี่ชายของเขาอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าฟ่านเฉินเอาแต่เงียบ เย่หลีก็รู้สึกสงสัยไม่น้อย อันใดกัน ไม่เจอกันนานก็ไม่มีเรื่องจะสนทนากันแล้วหรือเมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยถามเขาอีกครั

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 42 เดินทางตามหัวใจกลับคืน

    เย่หลีนั่งอยู่ในเรือนนั้นอีกสักพัก ก่อนที่นางจะตัดสินใจเรื่องราวบางอย่างได้ ก่อนกลับนางได้บอกกับอาหลันว่าให้นำชุดแต่งงานสองชุดนั้นส่งกลับไปให้นางที่จวนตระกูลเย่ด้วย อาหลันรับคำ เย่หลีพยักหน้ารับก่อนจะกลับจวนของตนไปเมื่อเย่หลีกลับมาที่จวนนางก็จัดการล้างหน้าของตนให้สะอาด ทำเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เช้าวันต่อมานางก็ได้ยินข่าวหนึ่ง นับว่าเป็นข่าวดีของแคว้นซ่ง เมื่อมีจดหมายจากชายแดนว่าครั้งนี้ได้รับชัยชนะต่อเนื่องกัน พวกกบฏแคว้นฉีระส่ำระสาย เรื่องนี้สร้างความดีใจต่อฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าหากฟ่านเฉินกลับมาอาจจะมอบตำแหน่งดี ๆ ใหบุตรชาย เพราะยามนี้เหล่าขุนนางต่างถกเถียงกันว่าคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทก็คือหลิงอ๋อง เพราะการศึกที่ชนะได้ในครั้งนี้เก้าในสิบส่วนเพราะเป็นความปรีชาสามารถของหลิงอ๋องแต่ทว่านอกจากจดหมายของทางการทหารแล้ว กลับมีจดหมายของฟ่านเฉินแนบมาด้วย เมื่อเขาเปิดออกก็ถึงกับทอดถอนใจออกมาฟ่านเฉินบอกว่าไม่ต้องการตำแหน่งใดทั้งสิ้นเพราะหลังจบสงครามก็จะไม่ขอกลับเมืองหลวงอีก จะใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ นับแต่นี้ท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า ไม่

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 41 เรือนหอ

    "พี่สาวท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ"เย่หลีที่กำลังคิดสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อยพลันได้สติกลับคืนมาเมื่อเย่หลิงเอ่ยถามตน นางหันไปยิ้มให้น้องสาวก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วจึงเอ่ยกับเย่หลิง"ข้าจะไปหาที่เดินเล่นสงบใจเสียหน่อย อีกไม่นานจะกลับมา""เจ้าค่ะ"เย่หลีเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับเถาเป่า เดิมทีนางอยากนั่งอยู่เงียบ ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดอยู่ ๆ นางจึงอยากจะเดินเล่นรอบ ๆ จวนองค์ชายรองที่ยามนี้กลายเป็นจวนหลิงอ๋องเสียหน่อย"เจ้าไม่ต้องตามข้ามา รออยู่ตรงนี้ก็พอ""เจ้าค่ะคุณหนู"เถาเป่าพยักหน้ารับเพราะไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านาย เย่หลีเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ยามนี้โดยรอบจวนอ๋องมีดอกไม้และใบไม้เขียวชอุ่มให้ความรู้สึกที่สบายตาไม่น้อยเลย สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเล็กน้อย เย่หลีมองไปโดยรอบด้วยแววตาที่วูบไหว อยู่ ๆ นางก็หยุดฝีเท้าอยู่ที่ด้านหน้าเรือนแห่งหนึ่งมันคือเรือนที่นางเคยอยู่ในชาติก่อนที่จวนแห่งนี้เดิมทีมีแต่ความทรงจำที่ขมขื่นและเจ็บปวดมากมาย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงอยากจะมองมันให้ชัดเจนอีกสักคราราวกับว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้เยียบย่างเข้ามาในที่ที่เป็นความหลังแห่งนี้ราวกับภา

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 40 ล้างบางคนชั่ว

    เวลาผ่านมาร่วมหลายวัน ในที่สุดอาการบาดเจ็บของฟ่านเฉินก็หายดีจนเป็นปกติ เพราะได้รับบาดเจ็บระยะนี้จึงได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องเข้าร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวงหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้ามาที่วังหลวงเพื่อเยี่ยมเยือนบิดา ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่เป็นอันใดแล้วก็ดีใจไม่น้อย ฟ่านเฉินอยู่สนทนากับบิดาต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อเดินออกมาแล้ว เขากลับยังไม่ได้ออกจากวังหลวง ชายหนุ่มเดินตรงมาที่คุกหลวงซึ่งเป็นสถานที่กักขังสวีกุ้ยเฟยเอาไว้ นางยังไม่ถูกลงโทษ เพราะเสด็จพ่อเดิมทีก็เหมือนจะมีเยื่อใยต่อนางอยู่ไม่น้อยเขาเดินเข้ามาในคุกหลวงที่มืดมิด ได้กลิ่นสาบจาง ๆ โชยมาต้องนาสิกเป็นระยะ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับหาได้สนใจแม้แต่น้อย เขาเดินตรงมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าห้องขังห้องหนึ่ง เมื่อมองเข้าไปก็พบกับสตรีวัยกลางคนที่กำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ ใบหน้าของนางที่เคยงดงามยามนี้แก่ชราลงไปหลายปี ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เมื่อได้ยินเสียงห้องขังเปิดออกนางจึงหันมามอง เมื่อพบว่าเป็นฟ่านเฉิน นางก็รีบลนลานเข้ามากอดเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย"เฉินเอ๋อร์ ช่วยแม่ด้วย ได้โปรดช่วยแม่ด้วย

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 39 ขมขื่น

    ยามนี้ฟ่านเฉินกำลังควบม้ามุ่งหน้าตรงมาที่จวนของฟ่านหรง เมื่อมาถึงเขาก็สั่งให้คนค้นทั่วทั้งจวน หลังจากสำรวจโดยรอบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถึงกับส่งเสียงเหอะออกมาคาดเดาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลสวีก่อนหน้านี้จะต้องเป็นฝีมือของฟ่านหรงถึงสิบส่วน คนของเขาบอกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนสวีกุ้ยเฟยคลุ้มคลั่งแทบเสียสติเพราะตราคำสั่งทางทหารของบิดานางหายไป เขาเคยเห็นตราสั่งการทางทหารนั้นมาก่อน ย่อมจำได้เป็นอย่างดี การที่ฟ่านหรงหนีไปครั้งนี้ย่อมไม่ได้หนีไปตัวเปล่า แต่เขานำกองกำลังนั้นไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ก็ย่อมอันตรายมากยิ่งนักเมื่อเขาออกมาจากจวนฟ่านหรงก็พบกับเย่จิ้นอันที่ควบม้าตามมา ชายหนุ่มมองฟ่านเฉินครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"องค์ชายรอง คนเล่า เขาหนีไปได้เช่นไร เห็นอยู่ว่าพิการเช่นนั้นไปแล้ว"ฟ่านเฉินมองเย่จิ้นอันก่อนจะเอ่ยตอบ"ถึงเขาจะพิการ แต่คนของเขาฝีมือไม่ได้ด้อย ข้าเชื่อว่าเขาต้องหนีไปพร้อมกับตราคำสั่งทางทหารของสวีกุ้ยเฟย อีกทั้งการที่ทหารในค่ายถูกโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นฝีมือของเขารวมไปถึงการที่จวนตระกูลสวีเกิดเหตุในคืนนั้นก็เป็นฝีมือเขาด้วยเช่นกัน""เกิดการหักหลังกันเช่นนั้นหรือ""ถูกต้อง"เ

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 38 งานเลี้ยงของสวีกุ้ยเฟย

    ฟ่านเฉินเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายทำให้เขารับมือไม่ได้ จึงบอกให้เย่จิ้นอันจับตาดูฟ่านหรงเอาไว้เย่จิ้นอันพยักหน้ารับคำ เอ่ยปากอำลากลับมาที่จวนของตนเรื่องนี้เขาได้ปรึกษากับบิดาก่อนหน้านี้แล้ว ท่านพ่อเองก็คอยช่วยเหลือพวกเขาอย่างลับ ๆ อีกอย่างค่ายทหารที่ฟ่านเฉินบอกก็เป็นความจริง ชายหนุ่มนั่งสนทนากับบิดา ก่อนจะเอ่ย"ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ความฝันของหลีเอ๋อร์เหมือนจะเป็นจริงหลายส่วน แต่ว่าไม่ตรงกับฟ่านเฉิน เขาไม่ได้เลวร้ายหรือคิดแย่งบัลลังก์ เรื่องนี้ท่านคิดเห็นเช่นไร"แม่ทัพใหญ่เย่มีท่าทางครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า"บางทีความฝันก็อาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป เอาเถิด เจ้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำก็ทำอย่างรอบคอบ หากต้องการความช่วยเหลือพ่อจะคอยช่วยเจ้าอีกแรง ไว้จับคนร้ายได้เมื่อไหร่และเปิดโปงคนชั่วได้สำเร็จ คาดว่าเรื่องนี้คงจะทำให้ฝ่าบาทปวดหัวไม่น้อยเลย เรื่องนี้พ่อไม่ได้ทูลฝ่าบาทเพราะเกรงว่าอาจกระทบกับแผนการที่พวกเจ้าลงมืออยู่ แต่อย่างไรพ่อจะคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ”"ขอรับท่านพ่อ"เย่จิ้นอันพยักหน้าแล้วขอตัวเดินออกมา ระหว่างทางได้พบกับเย่หลีที่เพิ่งเดินกลับมาจากเรือนใหญ่พอดี สองพี่น้องยิ้ม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status