บทนำ
อี้เหยาหญิงสาวในยุคปัจจุบันไปร้านเหล้าดื่มและบ่นเรื่องชีวิตให้กับเพื่อนสนิทฟัง ใครจะคิดว่าเธอจะเมาหลับตื่นขึ้นมาอีกทีดันทะลุมิติไปอยู่ในร่างงของบุตรสาวคนรองของใต้เท้าตกอับ แม้ว่าจะโชคดีที่ไม่ต้องทำงานแต่เธอกลับต้องมีเรื่องทุกข์ใจเพราะต้องแต่งเข้าจวนอ๋อง ที่ขึ้นชื่อว่ามักมากในกาม บ้าตัณหา โหดเหี้ยมอยากได้อันใดก็ต้องได้ เพื่อให้ตระกูลของตนเองไม่ตกต่ำไปมากกกว่านี้ ท่านพ่อของนางจึงขอร้องให้นางแต่งไปเป็นอนุหรือพระชายารองของชินอ๋องหวังหมิง นางไม่สามารถขัดขืนได้จึงยอมแต่งเข้าจวนทว่าหลัวจตากที่นางเหยียบเข้าจวนอ๋องทุกวันนางคิดหาหนทางออก แต่ไม่ได้ง่ายอย่างที่นางคิดเอาไว้ ไหนจะพระชายาเอกเสวี่ยหมิ่นที่เหมือนจะดีกับนางแต่ก็แอบร้ายอยู่ลึก ๆ นางจึงคิดหาหนทางหนีจากชินอ๋องเพื่อเอาชีวิตรอดไม่สนใจแล้วว่าตระกูลของนางจะเป็นเช่นไร ทว่าสวรรค์ไร้ความเมตตาจะหนีเช่นไรก็ไม่มีทางจะหนีเขาพ้นเสียทีและนางได้ไปล่วงรู้เรื่องที่ไม่สมควรรู้อีกด้วย
คำเตือน
***นิยายเรื่องนี้แต่งตามความเข้าใจของนักเขียนเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อ่านเพื่อความบันเทิง
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ตอนที่ 1 ฉันไม่ใช่คุณหนู
‘ดรุณีน้อยเอ๋ย ถึงเวลาที่เจ้าสมควรตื่นเสียทีต่อจากนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างที่เจ้าต้องการ ชะตาชีวิตของเจ้าต่อจากนี้เจ้าจงกำหนดเองว่าเจ้าจะเดินไปหนทางใด ขอให้เจ้ามีความสุขอย่างที่เจ้าต้องการ’ เสียงกระซิบข้างหูทำเอาสตรีร่างบางที่นอนอุดอู้อยู่บนเตียงใช้มือปิดหูดึงผ้าห่มมาคุมศีรษะของตนเองพร้อมเปล่งเสียงไม่ให้ผู้ใดมารบกวนเวลานอนของตน
“คนจะนอนมาเสียงดังไม่มีมารยาทจริง ๆ ชิอย่ามาพูดอยู่แถวนี้ไปไหนก็ไป” ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ตนเองอยู่ในห้องเพียงผู้เดียวจะมีผู้ใดเสียงดังอยู่แถวนี้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ แต่ว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาต้องตกใจมากกว่าเดิม เพราะเธอไม่ได้ลืมตาขึ้นมาในห้องของตนเอง แต่ตื่นขึ้นมาในเตียงไม้แกะสลักลวดลายโบราณ เธอใช้สายตากวาดมองไปจนทั่ว ขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่าคิดว่าตนเองเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น เมื่อลืมตามาอีกครั้งกลับพบว่าตัวเองยังนั่งอยู่บนเตียงไม้เช่นเคย
“คุณหนูเจ้าคะถึงเวลาที่ต้องลุกแต่งกายเตรียมตัวไปจวนท่านชินอ๋องหวังหมิงแล้วเจ้าค่ะ หากชักช้านายท่านจะเข้ามาตามด้วยตนเองนะเจ้าคะ” ไม่ทันได้ให้เจ้าตัวได้คิดอะไรต่อเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก ร่างเล็กสะดุ้งจ้องมองไปตามต้นเสียงครั้นนั้นมีหญิงสาวเดินมาเปิดผ้าคุมเตียงไปมัดเอาไว้ที่เสาเตียงสองข้าง หญิงสาวอีกสี่คนเดินเข้ามาพร้อมกะละมังน้ำเพื่อล้างหน้าและอีกสองคนถือเสื้อผ้ามาเตรียมแต่งตัวให้เธอ ร่างเล็กลุกพรวดถอยหลังยื่นมือไปด้านหน้าไม่ให้คนพวกนี้เข้ามาใกล้ตัวเอง
“อย่าเข้ามานะ พวกเธอเป็นใครที่นี่ที่ไหนออกไปไกล ๆ เลยนะไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ” หญิงสาวหลายคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย เหตุใดจู่ ๆ คุณหนูของพวกนางถึงได้เอ่ยวาจาพิลึกเช่นนี้
“คุณหนูท่านเอ่ยอันใดพวกข้าไม่เข้าใจสักนิดรีบลงมาจากเตียงเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูก็รู้มิใช่หรือเจ้าคะว่าท่านชินอ๋องหวังหมิงจิตใจโหดเหี้ยมไร้ความเมตตา หากให้รอนานกว่านี้มีหวังพวกข้า มิใช่สิตระกูลซูทั้งตระกูลอาจจะถูกบั่นคอได้นะเจ้าคะ” ตอนนี้สมองของเธอเริ่มสับสนและงวยงง เพราะเธอไม่ใช่คุณหนูของคนเหล่านี้แต่เธอคืออี้เหยาหญิงสาวที่อยู่ในทศวรรษ 2024
‘อะไรของคนพวกนี้ฉันไม่ใช่คุณหนูสักหน่อย มีทางไหนจะพาฉันกลับบ้านได้มั้ยนะ ฉันไปดื่มเหล้ากับเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ปัญหาชีวิตทำไมตื่นมาถึงมาอยู่ที่นี่หรือว่านี่อาจจะเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์หรือยังไงกัน ไม่แน่ฉันวิ่งออกไปหน้าประตูอาจจะมีคนถ่ายทำอยู่ข้างนอกแน่ ๆ’ อี้เหยาเห็นช่องโหว่นางรีบกระโดดลงจากเตียงวิ่งหน้าตั้งไปข้างนอกทว่าเมื่อสองเท้าวิ่งไปหน้าเรือนสิ่งที่น่าตกใจมากกว่าเดิมคือ ไม่ง่าจะมองไปทางใดไม่มีผู้กับกับไม่มีกล้องหรือแม้ผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดสมัยใหม่ จะมีเพียงเหล่าคนรับใช้ที่แต่งกายตามยุคสมัย ต่างก้มโค้งให้นางไม่ว่านางจะวิ่งไปทางใด หญิงรับใช้ในห้องเมื่อครู่ตกใจรีบพากันวิ่งตามจับตัวนาง
"คุณหนูอย่าวิ่งสิเจ้าคะ เดี๋ยวจะได้รับบาดเจ็บ"
"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่คุณหนูของพวกเธอ นี่มันรายการอะไรกัน ฉันไม่ยินดีถ่ายรายการนะฉันจะไปเรียกร้อง" อี้เหยาเหลียวมองไปด้านหลังพร้อมตะโดนบอกสาวใช้ที่กำลังวิ่งไล่ตามเธออยู่ ทว่าตอนนั้นนั่นเองเธอไม่ทันได้มองทางทำให้เธอวิ่งชนเข้ากับเสาเรือนด้านหน้าล้มหงายหลังสลบลงคาที่
"คะ....คุณหนู " สาวใช้ใบหน้าแตกตื่นตกใจรีบเข้าไปประคองร่างของคุณหนูด้วยความเป็นห่วง บ่าวรับใช้ในเรือนเห็นรีบพากันมาช่วยยกร่างของคุณหนูไปที่ห้องของนาง
'ซูอี้หานพ่อผู้นี้ละอายแก่เจ้าจริง ๆ แต่ถ้าเจ้าไม่ทำเรือนของเราอาจจะตกต่ำล้มสลาย นั่นน่าละอายใจต่อบรรพบุรุษมากกว่าเดิม ได้โปรดช่วยเหลือตระกูลเราด้วยเถิด ถือว่าเจ้าได้ทำเพื่อเป็นการตอบแทนตระกูลซู " ชายชรานั่งคุกเข่าต่อหน้าบุตรสาวอ้อนวอนด้วยสีหน้าลำบากใจ ไม่ต่างจากเจ้าตัวที่ทุกข์ใจในคำขอของท่านพ่อครั้งนี้ มิใช่ว่านางดื้อรั้นหรือหัวแข็งทว่าบุรุษที่ท่านพ่อกล่าวมาคือบุรุษที่ไม่สมควรเข้าไปยุ่งด้วยอย่างยิ่ง เหตุใดท่านพ่อถึงจะส่งนางเข้าไปในกรงของเสือร้ายเช่นเขา นางย่อตังลงจับแขนของท่านพ่อให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ท่านพ่อ เรื่องทั้งหมดข้าเข้าใจในเจตนาของท่าน ทว่าท่านพ่อไม่คิดห่วงข้าหรือรักข้าบ้างหรือเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าชินอ๋องหวังหมิงนิสัยเป็นเช่นไร ชื่อเสียงของท่านผู้นั้นเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า บุตรชายเหล้าใต้เท้าตระกูลอื่นหรือแม้แต่บัณฑิตมากมายที่สามารถช่วยเหลือตระกูลเราได้ เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ลองไปให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ให้ข้าแต่งกับบ่าวรับใช้ยังดีกว่าแต่งเข้าจวนชินอ๋องหวังหมิงอีกเจ้าค่ะ”
“ซูอี้หานเจ้าเสียสติไปแล้วหรือไงที่ยอมลดศักดิ์ศรีไปแต่งกับบ่าวรับใช้ แม้ว่าชินอ๋องหวังหมิงจะมักมากบ้าตัณหาสิ่งนั้นก็ไม่ได้แย่มิใช่หรือ ? เจ้าเข้าไปอยู่ในจวนในฐานะชายารอง วัน ๆ เจ้าแสนสบายเหตุใดต้องทุกข์ใจด้วยเล่า” ซูเสี่ยวมี่พี่สาวของซูอี้หานเอ่ยขึ้นพร้อมอุ้มเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขน
“ท่านพี่พูดได้นี่เจ้าคะ เพราะท่านได้ออกเรือนกับคนที่ท่านรัก ไม่เหมือนกับข้า ทั้งท่านพี่ทั้งท่านพ่อไม่มีผู้ใดเข้าใจข้าเพียงสักคน ข้ามิได้ต้องการสามีที่มีฮูหยินหรืออนุภรรยาหลายคน ข้าต้องการสามีที่มีเพียงข้าเพียงผู้เดียว ต่อให้ข้าแต่งกับชาวนาข้าว่ายังดีกว่าหากเขาพร้อมมีข้าเพียงผู้เดียวศักดิ์ศรีข้าไม่ต้องการ”
เพี้ยะ !! เสียงมือฟาดลงกระทบเนื้อดังสนั่นห้องโถง ใบหน้าของร่างบางสะบัดตามแรงมือของบิดา ดวงตาเริ่มเอ่อแดง
“อี้หานเจ้าเลิกฝันเฟื่องหาความรักที่เจ้าหวังเถอะ นั่นไม่ได้ทำให้ชีวิตเจ้าสุขสบายหรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องแต่งงานเข้าไปอยู่ในจวนของชินอ๋องในอีกสามวัน เชื่อข้าเถอะต่อจากนี้ชีวิตของเจ้าจะสุขสบายยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก วันหนึ่งเจ้าจะขอบคุณข้าที่ข้าส่งเจ้าเข้าจวนชิงอ๋อง มิใช่แค่ส่งไปเพื่อให้เขาช่วยเหลือตระกูลซูแต่เป็นการช่วยให้เจ้าสุขสบายอีกด้วย” ใต้เท้าซูโมโหที่บุตรสาวไม่เชื่อฟังบันดาโทสะใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าทว่าในใจของผู้เป็นบิดาก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน แต่จะให้นางไปใช้ชีวิตอยู่อย่างที่นางต้องการ ร่างกายอ่อนแอเช่นนางมีหวังได้ตายตั้งแต่ไปอยู่ได้เพียงไม่กี่วันเป็นแน่ เรื่องนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาวางใจ และหากตระกูลนางตกต่ำไปกว่านี้ ตนเองและอี้หานต้องไปทำงานให้เหล่าใต้เท้าที่มาซื้อตัวไปเป็นข้ารับใช้ ใบหน้าและเรือนร่างอย่างนางมิหวังได้ถูกตาต้องใจของเหล่าใต้เท้า นางอาจจะถูกขืนใจและถูกบังคับให้เป็นอนุเป็นแน่ สู้ให้นางเป็นพระชายารองชินอ๋องหวังหมิงมีหน้ามีตา แถมยังสุขสบายไปทั้งชาติไม่ดีกว่าหรือ ?
“การส่งข้าเข้าไปที่จวนชินอ๋องหวังหมิงเป็นสิ่งที่ท่านพ่อประสงค์ข้าก็มิอาจจะทำตามได้ ทว่าต่อจากนี้ข้าซูอี้หานจะขอทำตามใจท่านพ่อเพื่อเป็นการตอบแทนเป็นครั้งสุดท้ายต่อจากนี้ข้าจะไม่ช่วยเหลือหรือค้างคาบุญคุณต่อท่านอีกถือว่าข้าได้ชดใช้ให้ตระกูลซูแล้ว” ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาพยายามไม่ให้ไหลเอ่ยวาจาไร้เยื่อใยกับท่านพ่อก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความน้อยใจ เสี่ยวมี่จ้องมองตามแผ่นหลังน้องสาวพรางมองท่านพ่อและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ข้าไม่เข้าใจท่านพ่อเลยเจ้าค่ะ เหตุใดไม่บอกความจริงแก่นางล่ะเจ้าค่ะ ว่าเส้นทางที่ท่านพ่อเลือกมันต่อนางเพียงใดจะให้นางเข้าใจผิดเช่นนี้หรือ”
“ปล่อยให้นางเข้าใจไปเช่นนี้ดีแล้ว วันหนึ่งเมื่อนางโตมากกว่านี้นางจะเข้าใจในสิ่งที่ข้ากระทำลงไปในวันนี้” ใต้เท้าซูมองตามแผ่นหลังบุตรสาวคนรองด้วยความเจ็บร้าวในใจ ก่อนจะก้มมองมือที่ร้อนผ่าวสั่นเทานึกเสียใจที่กระทำรุนแรงกับอี้หาน แต่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้เขาทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาพร้อมเดินกลับเข้าห้องกักขังตัวเองอยู่ในความรู้สึกผิด
ตอนที่ 13 ข้าเหนื่อยเหลือเกินฝั่งด้านหวังหมิงเขากลับห้องเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมเดินทางเข้าวังหลวงเนื่องจากมีราชโองการให้เขาไปเข้าเฝ้า ระหว่างนั้นเจิงหลงเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่เขาให้ตามเฝ้าสังเกตการ“ท่านชินอ๋องข้าได้ตามเฝ้าพระชายาเสวี่ยหมิ่นตามที่ท่านบอก พระชายาไม่ได้เป็นคนออกไปนอกตำหนักด้วยตนเองทว่าให้เหม่ยหนิงออกไปยามวิกาล ข้าได้แอบตามออกไปเห็นว่านางออกไปพบกับชายฉกรรจ์เมื่อมองดี ๆ นั่นคือหลางอี้ลูกน้องของใต้เท้าจางขอรับ ”“เหม่ยหนิงนางออกไปแต่ไม่มีทหารที่เฝ้าหน้าจวนมาแจ้งข้าเลยอย่างนั้นหรือ คนพวกนี้เป็นคนของพระชายาหมดเลยหรืออย่างไร”“เอ่อ.. เรื่องนั้นข้าคิดว่าเหม่ยหนิงนางติดสินบนมากกว่าขอรับ ข้าเห็นนางยื่นถุงเบี้ยให้ทหารที่เฝ้าประตู ”“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าทั้งสองหารือเรื่องอันใดกัน”“ข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินขอรับ ”“เช่นนั้นก็จงตามต่อไป และข้ามีอีกเรื่องที่ให้เจ้าทำเจ้าจงไปตรวจสอบการยักยอกเงินจากคลังของข้า เวลาสองปีให้หลังเงินในคลังของข้าหายไปไม่น้อย อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นฝีมือพ่อครัวหรือเป็นฝีมือของเสวี่ยหมิ่นกันแน่”“พะย่ะค่ะ” หลังจากแต่งกายเสร็จหวังหมิงเดินทางเข้าวังหลวง
ตอนที่ 12 เปลี่ยนไปทีละนิด“เฮ้อ! ไม่ว่าข้าจะวางแผนอันใดท่านจับได้เสมอสินะ คำพูดของท่านข้ายังไม่วางใจหรอกนะเพคะ ตอนนี้ช่วยปล่อยกายของข้าได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออกเพคะ” ใจของอี้หานเต้นแรงตึกตักเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงที่จริงจังและหนักแน่นราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยมาคือความจริง เขายอมทำตามที่นางกล่าวมาค่อย ๆ ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน และเอ่ยถามเรื่องที่เขาได้สงสัยตั้งแต่ที่สาวรับใช้กล่าวบอกเขา“เจ้าออกไปที่ตลาดเพราะเรื่องอันใด เสวี่ยหมิ่นมอบหมายงานให้เจ้าทำหรือ ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นต้องออกไปเดินตลาดด้วยตนเอง”“จะไม่ให้ข้าไปที่ตลาดด้วยตนเองเช่นไรเพคะ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าเลิกเล่นและจริงจังข้าเองก็มีเรื่องอยากจะหารือกับท่านเช่นเดียวกัน เพราะต่อจากนี้หน้าที่ของข้าคือการดูแลการเงินหลังจวน ข้ามิอยากจะให้เกิดเรื่องขึ้นทีหลัง” อี้หานหมดสิ้นหนทางหนีจึงนำเรื่องที่นางสงสัยและคาใจบอกพร้อมหารือกับชินอ๋องเลย นางไม่รู้ว่าเขารู้หรือยังเกี่ยวกับบันทึกการจ่ายเงิน อี้หานลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะหน้าห้องบรรทม หวังหมิงอดสงสัยไม่ได้รีบเดินตามนางมา เมื่อมาถึงโต๊ะเห็นบันทึกมากมายที่กองอยู่ และยังมีหมึกใหม่ที
ตอนที่ 11 อับอาย ยามโหย่ว(19.00) อี้หานนอนนิ่งอยู่บนเตียงร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดง ใจจดจ้องอยู่หน้าประตูว่าวันนี้หวังหมิงจะมาที่นี่หรือไม่ ไม่นานนักเสียงของสาวใช้หน้าตำหนักเดินมาแจ้งกับซูซูที่ยืนอยู่หน้าประตู“พระชายาเพคะ ยามนี้ท่านชินอ๋องกำลังเสด็จมาที่นี่แล้วเพคะ”“ดีเลยเจ้าไปบอกชินอ๋องว่าข้าไม่สบาย และเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากตลาดให้ชินอ๋องได้ทราบด้วยจะได้ไม่กล้าเข้ามาหาข้าในห้อง"“เพคะ” ซูซูเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอต้อนรับชินอ๋องตามคำสั่งของอี้หาน เมื่อเขาเดินมาถึงนางรีบไปยืนขวางด้านหน้าทันที“ท่านชินอ๋องเพคะ วันนี้พระชายารองไม่สบายหม่อมฉันเกรงว่าน่าจะติดโรคจากด้านนอกเข้ามาเพคะ”“ติดโรค โรคอันใดกันในเมื่อพระชายาอยู่แต่ในตำหนัก หรือว่านางสร้างเรื่องไม่อยากให้ข้าเข้าไปด้านใน”“มิใช่เพคะ วันนี้พระชายาเดินทางไปตลาดพร้อมกับพ่อครัวเพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายหลังจวน ไม่คิดว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ จะมีโรคระบาดเกิดขึ้น รู้อีกทีก็ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอยู่เพคะ เมื่อกลับมาที่จวนพระชายามีอาการไม่ดี เริ่มจับไข้ปวดเนื่อปวดตัวร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดงราวกับอาการที่เขาลือกันที่ตลาดเพคะ พระชายากลัว
ตอนที่ 10 โรคระบาดฝั่งด้านอี้หานหลังจากที่นางกินข้าวเสร็จได้เดินทางมาที่ห้องเครื่องพร้อมสาวใช้สามสี่คนที่เดินตามมาคอยดูแลและมีซูซูที่ยืนถือร่มตามหลังนางมาติด ๆ เพราะยามนี้แสงแดดเริ่มร้อน“ว้าวนี่หรือห้องเครื่องช่างกว้างใหญ่จริง ๆ นี่ ” อี้หานตื่นเต้นกวาดสายตามองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า สาวใช้ในห้องครับตกใจรีบพากกันออกมาต้อนรับแม้กระทั่งพ่อครัวใหญ่“พระชายารองมีเรื่องอันใดถึงมาเยือนที่ห้องเครื่องหรือพะย่ะค่ะ หรือว่าอาหารที่กระหม่อมทำไม่ถูกปาก”“มิใช่ มิใช่ท่านพ่อครัวมิต้องเป็นกังวลข้าแค่อยากมาเดินสำรวจดูในสิ่งที่ข้าต้องดูแลเท่านั้น พระชายาเสวี่ยหมิ่นมอบงานให้ข้าดูแลบันทึกการใช้จ่ายหลังจวน ข้าอยากรู้ว่าสิ่งของที่ซื้อในแต่ละครั้งต้องใช้เบี้ยอัฐเท่าไหร่ เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ พอดีวันนี้เป็นวันที่ของใช้ในครัวเรือนหมดพอดีพระชายาอยากจะออกไปที่ตลาดกับพวกกระหม่อมหรือไม่จะได้รู้ว่าของที่ใช้มีอะไรบ้างราคาเท่าไหร่พะย่ะค่ะ”“ดีเลย ข้าเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตา เช่นนั้นออกไปตลาดกันเถอะ” อี้หานกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกตั้งแต่ทะลุมิติมานางไม่เคยไปที่ใดเลยนอก
ตอนที่ 9 มีเรื่องให้ตรวจสอบ รุ่งเช้าวันต่อมา อี้หานนอนไม่หลับทั้งคืนไม่ว่าจะข่มตานอนเพียงใดนางก็มักจะคิดถึงยามที่ริมฝีปากของหวังหมิงประทับลงที่ริมฝีปากของนาง หัวใจเต้นโครมครามทั้งคืน ซูซูเดินเข้ามาในห้องถึงกับตกใจเมื่อเห็นพระชายานั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องมืดสลัว“พระชายาทำหม่อมฉันตกใจหมดเลยเพคะ ปกติทุกเช้าหม่อมฉันจะเป็นคนมาปลุกท่านให้ลุกแต่งกายเหตุใดวันนี้ท่านถึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ” ใบหน้าอิดโรยไม่ได้หลับได้นอนหันมามองซูซูยิ่งทำให้นางตกใจมากกว่าเดิมรอบดวงตาของอี้หานดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้หลับได้นอน“ข้าไม่ใช่ตื่นแต่เช้าตรู่แต่ข้าไม่ได้นอนเลยต่างหาก โอ๊ยตอนนี้ข้าปวดหัวจริง ๆ” อี้หานใช้มือทั้งสองข้างจับที่หัวของตนเอง ซูซูรีบเข้าไปนวดบ่าไหล่พร้อมเอ่ยถาม“เหตุใดพระชายาถึงนอนไม่หลับเพคะ ให้ตามท่านหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่ ? หรือว่ามื้อคืนนี้หม่อมฉันลืมจุดกำยานไว้ให้เช่นนั้นเช้านี้พระชายานอนพักสักนิดเถิดเพคะ หม่อมฉันจะจุดกำยามเพื่อให้ท่านผ่อนคลายเอง”“จะเป็นอะไรได้ก็เพราะท่านชินอ๋องบ้านั่นผู้เดียวทำข้าไม่ได้หลับได้นอน ข้าเกลียดเขาจริง ๆ ”ซูซูเริ่มเข้าใจอาการของนายหญิงที่นอนไม่หล
ตอนที่ 8 ค่าเสียเวลาเวลาผ่านไป 1 ชั่วยามอี้หานนอนตัวแข็งทื่อแทบไม่กล้าขยับไปทางใด ในห้องนอนยามนี้มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองและเสียงหัวใจเต้นแรงของอี้หาน'ทำไมถึงไม่ยอมกลับไปกันนะเป็นอย่างนี้ใครจะไปนอนหลับได้ ไม่น่าคิดแผนนี้เลยเพราะความโง่และสมองอันน้อยนิดของข้า โอ๊ย! แล้วอย่างนี้จะหาทางหนีเขาได้อย่างไรนะ' อี้หานคิดในใจพยายามขยับกายเล็กน้อยเพื่อคลายตัวออกจากแขนแกร่งของเขา"พระชายาเจ้ายังไม่หลับหรือ? หรือว่าไข้ขึ้นแต่ว่าร่างกายของเจ้าไม่ได้ร้อนแล้วนะ รู้สึกเหมือนมันจะเย็นราวกับคนปกติ ""เอ่อ..ที่ข้านอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นชินที่ท่านชินอ๋องมานอนกอดเช่นนี้เพคะ อีกอย่างการเจ็บป่วยของข้ามักจะเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นทว่าข้างในยังคงร้อนระอุอยู่เพคะ""เป็นอย่างนี้นี่เอง ตั้งแต่ข้าเกิดมาพึ่งจะเคยได้ยินอาการป่วยของพระชายาช่างแปลกจริง ๆ ข้าอยากให้ร่างกายของเจ้ากลับมาแข็งแรงในเร็ววันเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะกลับไปนอนที่ตำหนักของข้า " อี้หานใลหน้าพลันเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงคิดว่าคืนนี้จะไม่ได้หลับได้นอนต้องคอยระแวงเสียแล้ว“ข้าขออภัยด้วยนะเพคะที่ทำให้ท่านชินอ๋องต้องเสียเวลาอีกวัน”