เสียงกรีดร้องของคนในงานดังขึ้น เมื่อกระดาษสำหรับเผาส่งวิญญาณให้คนตายลอยลงมาพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่เปื้อนอยู่ ด้านบนเพดานมีหัวของสุนัขสีดำตกลงมาตรงหน้าเจ้าสาวจนเปื้อนผ้าคลุม เจ้าสาวกรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับแขกเหรื่อที่รีบวิ่งหนีออกจากงาน เพราะเกรงว่าจะมีความอัปมงคลติดตัวกลับจวน
“กรี๊ด!!!”
“ยินดีด้วยนะ หลินเสี่ยวถง”
“เร็วเข้า! รีบให้คนมาจัดการ”
หยุนซีลุกและเดินออกจากห้องโถงไปในทันที ท่ามกลางความวุ่นวายที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ไม่นานนางก็กลับไปยังเรือนพักของตัวเอง และเริ่มดึงของที่เก็บไว้ออกมา สองสาวใช้มายืนตรงหน้าพร้อมกัน
“คุณหนู ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"
“ไม่มีคนอยู่แถวนี้แล้วใช่หรือไม่”
“ทุกคนมุ่งไปที่ห้องโถงหมดเลยเจ้าค่ะ รถม้าก็มาจอดรออยู่ประตูหลังแล้ว รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี ได้เวลาไปจากที่นี่แล้ว”
""เจ้าค่ะ""
หลินหยุนซีเดินออกมาจากเรือน และตรงไปยังประตูหลังซึ่งมีรถม้าที่นางจ้างมารอรับอยู่แล้ว สาวใช้ของนางรีบเก็บของที่เหลือขึ้นรถเพื่อรอนาง หยุนซีหันไปมองจวนสกุลหลินเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งแต่เกิดมาจนโตถึงตอนนี้ นางยังไม่เคยก้าวออกนอกเมืองซานตงเลยสักครั้ง
“จบสิ้นกันเสียที จากนี้ไปข้าจะทิ้งชื่อ “หลินหยุนซี” ไว้ข้างหลัง ไม่หวนกลับมาอีกต่อไป”
เสียงอึกทึกในห้องโถงใหญ่ยังคงดังขึ้นมาต่อเนื่อง ตอนนี้ไม่มีผู้ใดทันสังเกตว่า คุณหนูใหญ่จะแอบหนีออกจากจวนไปแล้ว เพราะกำลังวุ่นวายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องโถงใหญ่ด้านหน้า
“เร็วเข้า! โอ๊ย…เหตุใดจึงปวดท้องเช่นนี้นะ แย่แล้ว โอ๊ย!”
“ท่านแม่…พวกท่านเป็นอะไรกัน”
ทั่วทั้งจวนในตอนนี้เหมือนจะท้องเสียขึ้นมาพร้อมกัน จนหลงลืมเรื่องพิธีแต่งงานกันจนหมด เป้าเซี่ยและจินถานแอบนำผงสลอดมาเคลือบเอาไว้ที่ถ้วยชาของอนุเหวินและคนของนาง เว้นไว้ก็แต่ท่านแม่ทัพ
“ฮูหยิน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
“ระ เรียกหมอ…เรียกหมอให้ข้า…ไม่ทันแล้ว”
ข่าวว่าจวนแม่ทัพต้อนรับแขกที่มางานแต่งด้วยเลือดสุนัข และมีกระดาษไหว้ศพปลิวว่อนทั่วงาน เป็นที่เลื่องลือในซานตงหลังจากนั้นอีกนาน แต่ผู้ที่วางแผนทำเรื่องนี้ขึ้นมา กลับไม่ได้รอดูผลงานของตัวเอง
“ข้าฝากท่านจ่ายเงินให้สำนักอี้หลุนด้วย พวกเขาจัดการได้อย่างดีเยี่ยมไร้คนสงสัย”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณหนูหลินขอรับ คนของสำนักอี้หลุนจะไปส่งคุณหนูตามคำสั่งพร้อมกับองครักษ์”
“ขอบคุณมาก ไว้พบกันใหม่”
“ไว้พบกันใหม่”
สามวันถัดมา / เมืองม่านโจว / แคว้นเฉิน
“คุณหนูหลิน ถึงแล้วขอรับ”
“ขอบคุณท่านมาก”
เมื่อนหยุนซีเดินลงมาจากรถม้า ก็เห็นร้านค้าขนาดเล็กที่นางให้คนของสำนักอี้หลุนจัดการซื้อเอาไว้ให้
“เมืองม่านโจว ข้ามาแล้ว…”
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน นางก็พบกับเจ้าของร้านเดิมที่รอส่งมอบโฉนดร้านค้าให้กับนาง
“แม่นางคือ…”
“ท่านก็คือเถ้าแก่เถาสินะ ข้าน้อย "ไป๋หรูเฟย" นี่คือสัญญาซื้อขายที่ข้าลงนามเอาไว้"
“อ้อ ข้าน้อยขอตรวจสอบสักครู่”
“เชิญ”
นางเลือกมาที่เมืองม่านโจวเพื่อทำการค้า แม้จะเกิดจากครอบครัวขุนนางที่เป็นแม่ทัพ แต่หยุนซีก็ร่ำเรียนวิชาอื่น ๆ มาจากอาจารย์ที่หลากหลายตั้งแต่เด็ก
“ไม่ทราบว่าแม่นางไป๋จะเปิดร้านนี้เพื่อทำการค้าใดหรือขอรับ”
“ที่นี่คนพลุกพล่าน เป็นแหล่งชุมชนเหมาะสำหรับทำร้านขายขนม”
“หา ร้านขนมงั้นหรือ แต่ว่าตรอกมู่เซินก็มีร้านใหญ่อยู่ หากท่านจะเปิด เอ่อ….”
“ข้าไม่ได้จะเปิดแค่ร้านขนมยังทำอย่างอื่นด้วย ท่านบอกว่าที่นี่เคยเป็นโรงน้ำชาและร้านอาหารมิใช่หรือ แม้ว่าจะเล็กแต่ก็อบอุ่น เช่นนั้นข้าก็จะทำอาหารขายด้วย”
“คุณหนูอย่าว่าข้าสอดรู้เลย แต่ทำหลายอย่างเช่นนี้ ท่านคนเดียวจะทำได้หรือ”
“ก็ต้องลองดูกันสักหน่อย ขอบคุณเถ้าแก่มาก”
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ขอให้คุณหนูโชคดี”
เมื่อเถ้าแก่เดินออกไปแล้วหยุนซีก็เดินมาพร้อมกับโฉนดที่ดินยกขึ้นมาให้กับสาวใช้ดู
“จากนี้ไปข้าจะทำการค้าที่เมืองม่านโจว ร้านของเราจะค่อยเป็นค่อยไป อีกอย่างพวกเจ้าอย่าลืมว่าข้าชื่อ “ไป๋หรูเฟย” จากนี้เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปพร้อมกัน”
พวกนางทั้งสามคนเริ่มจัดเก็บกวาดร้าน ส่วนหรูเฟยนั้นเริ่มจัดแจงเรื่องที่พัก พวกนางตัดสินใจจะพักที่ร้านนี้ไปก่อน หรูเฟยเห็นว่าพวกนางล้วนมีแต่สตรี จึงตัดสินใจที่จะเดินสำรวจเมืองหลวง ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเมื่อร้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างพอจะเริ่มทำการค้าได้ จุงตัดสินใจนำทรัพย์สินและเงินบางส่วนไปฝากเอาไว้ที่โรงรับฝากเงิน
หนึ่งเดือนถัดมา
“เห็นว่าโรงรับฝากเงินนี้ เป็นของท่านอ๋องที่ปกครองเมืองม่านโจวเจ้าค่ะ ไว้ใจได้”
“อืม เช่นนั้นก็ดี เลือกฝากที่นี่แหละ”
เมื่อนางฝากทรัพย์สินและเงินทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินกลับมาที่ร้าน หรูเฟยเห็นว่าในม่านโจวแตกต่างกับที่ซานตงมากจริง ๆ เหล่าบรรดาคุณหนู บุตรสาวขุนนางสูงศักดิ์ในเมืองต่างก็ออกมานอกจวน ถือเป็นเรื่องปกติ บางคนมาพร้อมกับสาวใช้ บางคนก็จะสวมหมวกปิดบังใบหน้า
“ที่นี่คึกคักกว่าซานตงจริง ๆ ด้วย ว้าวเจ้าดูนั่นสิ ยอดไปเลย”
“เดินระวังหน่อยนะ ถึงแม้จะคึกคักแต่บางอย่างก็ควรจะต้องระวัง”
""เจ้าค่ะ""
ไป๋หรูเฟยเอ่ยเตือนสองสาวใช้ ที่กำลังตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ของตลาดในเมืองจนลืมระมัดระวังตัว นาเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เดินตามหลังมาก็เริ่มกังวลใจ ไม่นานเมื่อทั้งสามเดินไปที่ท้ายตลาด พวกมันก็ลงมือทันทีแต่หรูเฟยที่มีวรยุทธ์ไหวตัวทัน จึงได้หันไปจัดการพวกเขา
“กรี๊ด!! มีคนร้าย!”
เสียงคนรอบข้างดังขึ้น คนร้ายเห็นว่าทำอะไรนางไม่ได้จึงได้รีบหันไปจัดการสาวใช้ของนางแทน มันจับจินถานสาวใช้ของนางเป็นตัวประกัน
“หยุด! อย่าเข้ามานะไม่งั้นนางตาย เจ้ากล้าหรือ!”
“คุณหนูอย่าไปสนใจพวกมัน รีบหนีไป”
“จินถาน!”
พวกมันยกมีดขึ้นมาขู่และจ่อไปที่คอของจินถาน หรูเฟยคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางกำหมัดแน่นเพราะไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ไม่นานกลุ่มยอดฝีมือที่ลงมือรวดเร็ว แม้แต่หรูเฟยก็มองไม่ทัน
พวกเขาดีดเพียงหินก้อนเล็ก ๆ มากะเทาะแค่ด้านหลังคนร้ายก็นิ่งไปทันที จินถานหลุดออกมาก็รีบวิ่งมาหานาง
“จินถาน! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะคุณหนู ไม่บาดเจ็บ”
“ดีแล้ว”
“จับตัวพวกมันไปให้หมด ส่งให้ทางการจัดการ”
“รับทราบ”
ไป๋หรูเฟยหันไปมองบุรุษหนุ่ม ในชุดลำลองหรูหราที่ปักด้วยเลื่อมสีทอง แม้ว่าจะยังไม่ทราบแต่เพียงการแต่งกายก็บ่งบอกถึงฐานะของเขา ว่าต้องมิใช่เพียงแค่คุณชายธรรมดา
อีกทั้งใบหน้าที่คมคาย จมูกเป็นสัน คิ้วเข้มดุจหมึกและสายตาประดุจพยัคฆ์ที่หันมามองพวกนาง ทำให้หรูเฟยต้องรีบก้าวออกมาทันที
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ หากมิได้ท่านพวกเราคงไม่รอด”
เขาหันมามองใบหน้าที่หมดจด ดวงตากลมโตจมูกเชิดอย่างถือดีเล็กน้อย ริมฝีปากเล็กสีชมพูอิ่มแม้จะมิได้แต่งเติมด้วยเครื่องประทินโฉมเหมือนกับสตรีทั่วไปในเมือง เรียกได้ว่าสะดุดตาตั้งแต่ที่เห็นเลยก็ว่าได้
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่บาดเจ็บก็ดีแล้ว ในเมืองม่านโจวทุกที่ล้วนมีแต่อันตรายโดยเฉพาะกับสตรีอ่อนแอ ข้าแนะนำให้พวกเจ้าระวังตัวเอาไว้ให้มากจะดีกว่า”
คำว่า “สตรีอ่อนแอ” ทำเอาไป๋หรูเฟยเชิดหน้าไม่พอใจใส่เขาทันที
“คุณชายกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าประมาทเกินไปจริง ๆ วันนี้ขอบคุณท่านมาก ขอตัวก่อน”
ไม่นานทหารของทางการก็วิ่งมาโอบล้อมเขา หรูเฟยเริ่มตกใจเพราะจำนวนทหารองครักษ์ที่วิ่งมานั้นดูไม่เหมือนกับทหารทั่วไป
“ทูลท่านอ๋อง คนร้ายถูกส่งตัวไปศาลาว่าการแล้ว เป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ที่หนีการจับกุมเมื่อหลายวันก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องงั้นหรือ…”
ร้านขนมหรูเฟย“ไม่ได้นะเพคะพระชายา นั่งอยู่เฉย ๆ เถิดเพคะ”หรูเฟยลุกขึ้นมาหยิบขนม เพื่อจะนำออกไปหน้าร้านแต่กลับถูกจินถานดึงเอาไว้“พี่หรูเฟยท่านอย่ายืนตรงนี้สิเพคะ เดินไปนั่งในสวน แต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็กลับตำหนักไปก่อนเถิดเพคะ เดี๋ยวหกล้มไปท่านพี่จะหาว่าข้าไม่ดูแลท่านเอานะ"“ท่านหญิงเพคะ! เหตุใดจึงต่อว่าพระชายาเช่นนั้น พระชายาเพคะ…”“แม่นมเซี่ยอย่าไปต่อว่านางเลย อันถิงก็มักจะพูดเช่นนี้ท่านยังไม่ชินอีกหรือ ข้าไปนั่งตามที่นางสั่งดีกว่าจะได้ไม่วุ่นวายคนอื่นด้วย”“หม่อมฉันพยุงไปเองนะเพคะ”แม่นมเซี่ยเป็นฝ่ายช่วยพยุงนางไปนั่ง ตอนนี้อันถิงแทบจะทำงานแทนนางได้ทุกอย่างในร้านแล้ว เพราะหรูเฟยสอนให้นางเริ่มดีดลูกคิดและทำบัญชี แม้ว่าจะยังไม่เก่งมากแต่อันถิงเป็นเด็กหัวไว สอนเพียงนิดเดียวก็จำได้แล้ว หรูเฟยนั่งมองทั้งสามคนดูแลลูกค้า สักพักอันถิงก็ยกขนมมาวางให้นาง“นี่อะไรหรือ”“พี่หรูเฟยเมื่อครู่นี้ข้าตะคอกใส่ท่านรุนแรงไปหน่อย เพราะเป็นห่วงกลัวว่าท่านจะหกล้ม ข้าขอโทษด้วยเพคะ"“เด็กดี ข้าต่างหากที่มาเพิ่มความวุ่นวายให้เจ้า นี่หมั่นโถวที่เจ้าทำเองหรือ ฝีมือเจ้าเก่งขึ้นมากเลยนะ”“ใช่เพคะ ข้าให้พี่จินถานส
“อะไรนะเพคะ เมื่อครู่นี้ในห้องอาบน้ำนั่น…ก็ตั้งหลายรอบแล้ว”“ข้ารู้ว่าเจ้าคงเหนื่อยสินะ เห็นแม่นมเซี่ยบอกว่าช่วงนี้เจ้าเอาแต่ง่วงนอนในช่วงบ่าย ขนาดสอนอันถิงเดินหมากเจ้ายังเผลอหลับ จริงหรือไม่”“หม่อมฉันแค่รู้สึกเพลียมากกว่าปกติ อีกอย่างอากาศเย็นร่างกายก็เลยมีแรงน้อยลงกระมังเพคะ”“เช่นนั้นเราก็ควรจะรีบกินให้อิ่ม แล้วพักผ่อนให้มาก ๆ คืนนี้ข้าจะไม่รังแกเจ้าแล้ว จะได้พักผ่อนให้เต็มที่”“เพคะ”ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันถึงหัวข้อเหล่านี้อีก แม้ว่าหรูเฟยเองจะยังรู้สึกเห็นใจท่านอ๋อง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากช่วยเขาและทำหน้าที่พระชายาให้ดีอย่างไร้ที่ติ ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนก็ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่านางเป็นสตรีที่เหมาะสมกับท่านอ๋องสิบวันถัดมา / ประชุมราชสำนัก“นอกจากเรื่องปัญหาชายแดนแล้ว ยังมีอะไรอีกหรือไม่”“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมกับเหล่าขุนนางเห็นว่าในตอนนี้ บ้านเมืองสงบไร้ศึกสงคราม เหมาะสำหรับที่จะเพิ่มตำแหน่งสตรีสูงศักดิ์ เพื่อช่วยเหลือพระองค์คลายกังวลเกี่ยวกับ…”“พอเถอะใต้เท้าจาง สุดท้ายแล้วก็อยากให้ข้าแต่งตั้งสนม หรือไม่ก็พระชายารองเพิ่มงั้นสินะ”ใต้เท้าจางกระแอมออกมา และรีบหันไปหาคนอื่น ๆ เพื่อช่วย
ตำหนักท่านอ๋องวันนี้เป็นการประชุมราชสำนักประจำเดือนที่ค่อนข้างตึงเครียด เมื่อท่านอ๋องกลับมาถึงตำหนัก ก็มุ่งหน้าไปแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายในทันที เสียงประตูห้องอาบน้ำเปิดออกมา พระองค์คิกว่าหยวนจื่อนำผ้ามาให้จึงได้ตะโกนออกไป“วางเอาไว้แล้วออกไปเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”“เหตุใดจึงรีบไล่ถึงเพียงนี้เล่าเพคะ หม่อมฉันก็แค่อยากจะมาอาบน้ำให้พระองค์เท่านั้น”“หรูเฟยเจ้าเองหรือ แล้วหยวนจื่อเล่า”“หม่อมฉันให้หยวนจื่อไปรับอันถิงที่ร้านเพคะ วันนี้ควรจะกลับตำหนักเล็กได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนกับอาจารย์สอนวาดภาพ”“เช่นนี้เองสินะ”ไป๋หรูเฟยเดินมาใกล้ ๆ และพลันถอดชุดออกและเดินลงมาในสระน้ำอุ่น ท่านอ๋องกับนางแม้จะอภิเษกกันมากว่าสามเดือน แต่ก็ยังไร้วี่แววทายาท บัดนี้เริ่มถูกเหล่าขุนนางกดดันอีกครั้งด้วยเรื่องของผู้สืบทอด ซึ่งหากจะพูดให้ถูกก็คือ อยากให้ท่านอ๋องแต่งตั้งพระสนมเข้าวังมาเพิ่ม หรูเฟยรับรู้เรื่องนี้จากหยวนจื่อมาก่อนแล้ว จึงได้เข้ามาหาเขา“เอนศีรษะมาสิเพคะ วันนี้พระองค์คงเหนื่อยล้ามาก หม่อมฉันจะนวดให้นะเพคะ”“อืม… ยังคงเป็นเจ้าที่รู้ใจข้ายิ่งนัก วันนี้ประชุมหลายเรื่องมากจริง ๆ เลยรู้สึกล้า ก็เลยอยากอา
หรูเฟยมิได้ขัดขืน นางเพียงแค่โอบรอบคอเขาให้แน่นกว่าเดิมเพื่อให้ท่านอ๋องอุ้มไปที่ห้องนอน ซึ่งทั้งคู่มีค่ำคืนแห่งความทรงจำครั้งแรกด้วยกันที่นี่ และบัดนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ได้กลับมา“ยังจำได้หรือไม่”“จำได้สิเพคะ ไม่มีวันลืม”“เช่นนั้นเรามารำลึกความหลังกันอีกครั้ง ในวันนั้นเจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องวุ่นวายในใจ ครั้งนั้นพวกเราช่วยกันก้าวข้ามเรื่องนั้นมาได้ วันนี้มาที่นี่ในฐานะพระชายาของข้า ดังนั้นคืนนี้ก็เริ่มทำหน้าที่ของเจ้าเสียแต่โดยดี”“หม่อมฉันยินดีเพคะ”หรูเฟยเริ่มจากจูบเขาและค่อย ๆ ดึงฉลองพระองค์ของท่านอ๋องออกและเริ่มปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกต่อหน้าเขา ท่านอ๋องแทบจะทนไม่ไหวเมื่อนางทำเช่นนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผิวเนื้อเนียนตรงหน้าที่ผ่านการขัดและอบร่ำสมุนไพรตามตำรับวังหลวง ทำเอาพระทัยท่านอ๋องสั่นไม่เป็นจังหวะ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว และเริ่มระเริงรักอุ่นเตียงก่อนที่เสียงดอกไม้ไฟลูกสุดท้ายจะดังขึ้น“อื้อ…อ๊าา เบาหน่อยเพคะ”“หอคอยในคืนนี้ไม่มีคนอื่น มีเพียงเราสองคน ต่อให้เจ้าร้องดังมากเท่าใดก็ไม่มีใครได้ยิน”“อ๊าา….”ลิ้นของเขาฉกช่วงชิงความหวานจากยอดปทุมคู่งามอีกครั้ง มือหนาบีบเคล้นจนนาง
“เฟิงหมิง! ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเหตุใด….”“ก็มาตอนที่เจ้ากำลังคิดแผนการจะหนีงานแต่งน่ะสิ”“ข้าเปล่านะเพคะก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย”ท่านอ๋องจับตัวนางพลิกขึ้นมา และทาบตัวลงไปกดทับนางเอาไว้มิให้หนีทันที เขาใช้นิ้วหยอกไปที่ปลายจมูกของนางอีกครั้ง“ก็ลองทำดูสิ ดูว่าเจ้าจะถูกลงโทษเช่นไร”“ท่านอย่าทำรุ่มร่ามนะ ข้าไม่อยากมีรอยบนตัวในช่วงนี้ อายคนอื่น”“อายทำไมกัน เจ้าคิดว่าพวกนู่กวนหรือหมัวมัวพวกนั้นไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนหรือ ไม่เอาน่ายิ่งเจ้ามีครรภ์เร็วเท่าใดก็ยิ่งดี ข้าจะได้ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องตอบคำถามของเหล่าขุนนาง ก่อนหน้านั้นก็เร่งให้ข้าแต่ง หลังจากแต่งก็คงเร่งให้มีบุตร ไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ”“เหนื่อยหรือเพคะ”“นิดหน่อยน่ะ วันนี้หลังจากประชุมเสร็จ หลิวกงกงก็พาช่างภูษามาวัดตัวและคุยเรื่องงานอภิเษก เจ้ากรมพิธีการคนใหม่ก็เร่งทำผลงานเสียจริง เอาแต่ถามข้าไม่หยุดว่าเจ้าชอบหรือไม่ชอบอะไร แม้แต่ม่านในห้องส่งตัวยังถามอยู่ตั้งสามสี่ครั้งว่าข้าชอบหรือไม่ ขอเอนหลังนอนตักเจ้าพักสายตาสักครู่เถอะ"ท่านอ๋องขยับไปนอนที่ตักของหรูเฟย ซึ่งลุกขึ้นมานั่งและให้เขานอนที่ตัก มือนางถูกเขาดึงไปจูบและกอดเอาไว
หรูเฟยเงยหน้าขึ้นมา และประทับจูบลงบนจมูกคมคายตรงหน้า นางลูบไปตามใบหน้าคมของเขา ท่านอ๋องหลับตาคล้อยตามสัมผัสของนาง ริมฝีบางอุ่นของหรูเฟยค่อย ๆ บดลงมาประกบกับปากอิ่มของเขา ร่างของทั้งคู่เริ่มเบียดกันจนผ้าห่มเริ่มหลุดรุ่ยลงไปจากเตียง“หรูเฟย…ข้าสัญญาว่าจะเบามือ”“กอดหม่อมฉันเถิดเพคะ”ท่านอ๋องมิได้รั้งรอหลังจากนั้น เขาอดทนรอให้นางหายมาหลายวัน จนวันนี้ที่ทุกอย่างถูกจัดการจนจบสิ้น คนร้ายได้รับโทษตามที่สมควร และท่านอ๋องก็ทำตามที่เคยให้คำมั่นไว้ “จัดการให้หมดทุกคนไม่มีข้อยกเว้น”“ข้ารักเจ้ายิ่งนัก หากทนไม่ไหวก็รีบบอก ข้าจะอ่อนโยนลง”“ข้ารักท่านจ้าวเฟิงหมิง ได้โปรดรักข้าเถิดเพคะ”จุมพิตเร่าร้อนได้เริ่มขึ้น ท่ามกลางค่ำคืนอากาศที่เริ่มหนาวเย็นกลางฤดูใบไม้ร่วง แผลบนเรือนร่างของนางตอนนี้เริ่มหายสนิทแล้ว เหลือแค่ที่ศีรษะซึ่งยังต้องทำแผลอยู่ แต่โดยรวมแล้วถือว่าหายดีแล้ว“อ๊ะ…ท่านอ๋อง…”หน้าอกอวบถูกเขาบีบเคล้น ยอดอกที่แข็งเป็นไตสู้มือเมื่อถูกลิ้นอุ่นโลมเลียจนเปียก ร่องรักที่เริ่มแฉะถูกกระตุ้นด้วยนิ้วเริ่มส่งเสียงออกมา บทรักท่านอ๋องเร่าร้อนขึ้นตามไฟปรารถนาที่ลุกท่วม “อ๊าา…เฟิงหมิง อื้อ…”เสียงบดกระแท