LOGIN“เธอมันก็แค่นางบำเรอขัดดอก อย่าบีบน้ำตาเรียกราคาให้มากหน่อยเลย" ครั้งหนึ่งคนพูดเคยเป็นสุภาพบุรุษแต่ความผิดหวังทำให้เขากลายเป็นเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่ออย่างเธอ” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับคอยาวระหงของหญิงสาว เขาซุกไซร้มันอย่างรุนแรงรุกขึ้นจากข้างเตียง ขึ้นมาคร่อมคนร่างบางไว้ หญิงสาวที่กำลังตกใจตื่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามกลั้นเสียงร้องไห้ที่มันดังอยู่ข้างในหัวใจ แต่มันก็สุดที่จะกลั้นมันไว้จริงๆ
View Moreบทที่1
หัวใจที่แตกสลาย
“ผมยังไม่มีจริงๆ ครับ ถ้าหาได้เมื่อไหร่ ผมจะรีบเอามาใช้ให้เลย” ชายวัยกลางคนพนมมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นลูก
“ก็พูดแบบนี้ทุกราย ไม่มีปัญญาใช้หนี้ แต่! เสือกมีปัญญาลงขันจ้างมือปืนมายิงพ่อกู” คนพูดชี้หน้า จ้องตาแบบหมายจะเอาถึงชีวิต
“ผมไม่เกี่ยว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย ท่านมีพระคุณ เมตตาผมมาตั้งหลายครั้ง ผมจะทำกับผู้มีพระคุณแบบนั้นได้อย่างไรกัน” คนพูดมือไม้สั่นรนราน
“ก็ถ้ามึงไม่เกี่ยว แล้วใครเกี่ยว พ่อกูใจดีกับพวกมึง ไม่มีเงิน ก็ให้กู้ แต่พวกมึงเสือกไปเล่นเสียกันเอง ยืมแล้วมันก็ต้องใช้ พอทวงพวกมึงก็หาว่าใจร้าย มึงอย่านึกว่ากูโง่นะ”
เท้าใหญ่ถีบเก็าอี้ที่อยู่ใกล้ๆชายที่ยืนพนมมือด้วยความกลัว กลิ้งระเนะนาด เสียงดังโครมคราม คนข้างนอกห้องที่กำลังมุ่งมั่นกับการพนันต่างพากันหันมาดู
“ถ้าภายในหนึ่งเดือนมึงหาต้นมาคืนกูไม่ได้ มึงก็เอาลูกสาวคนสวยของมึง มาเป็นนางบำเรอขัดดอกกูแล้วกัน ” รอยยิ้มแบบสะใจปรากฏบนใบหน้าที่ดุร้ายของคนพูด
“เอ่อ....” ลูกหนี้รุ่นพ่อพูดไม่ออก
“ถ้าทำไม่ได้ มึงก็บอกลูกสาวคนสวยของมึง ให้เตรียมทำศพพ่อมันได้เลย”
“ครับๆ คุณติณห์ ผมจะหาเงินมาคืนให้ได้ครับ” ทัตเทพยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนรีบร้อนเดินออกไป อย่างรนราน
ตั้งแต่กิตต์ขจร พ่อของติณห์ ถูกพวกลูกหนี้ในบ่อน ลงขันกันจ้างมือปืนมายิง เขาก็กลายเป็นอัมพฤกษ์ส่วนล่าง ลูกชายคนเดียวของเขา จากที่เคยตั้งใจว่าจะไม่เข้ามายุ่งกับธุรกิจมืดของบิดา แต่ด้วยความแค้น ติณห์จึงลงมาดูแอย่างเต็มตัว
ชายหนุ่มที่สุขุม ใจเย็น กลับกลายเป็นเสือร้าย ที่พร้อมจะจัดการทุกคน ที่เขาคิดว่าอยู่เบื้องหลังความพิการของบิดา และทัตเทพก็คือหนึ่งในนั้น ในเมื่อทางการหาตัวคนผิดมารับกรรมไม่ได้ ชายหนุ่มตั้งใจจะเป็นคนพาพวกมันทุกคนไปใช้กรรมในนรกเอง
“ถึงคิวมันแล้วไอ้ทัตเทพ” ติณห์หันไปสบตากับลูกน้องคนสนิทของบิดา
“ต้องเอาให้สาสม” ฤทธิ์สำทับเจ้านาย
“กลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้ไปหาลูกหาเมียคุณมาหรือยังล่ะ” เกสรายืนรอทัตเทพผู้เป็นสามีอย่างร้อนใจ
“คุณพูดเรื่องอะไร ผมทำงานกับมาเหนื่อยๆ อย่ามาหาเรื่องกันได้ไหม” คนเพิ่งมาถึงทำท่าทางหงุดหงิดใส่
“ก็แม่แก็วตา กับลูกสาวมัน ลูกคุณใช่ไหม” เกสราเดินตามไปที่บันไดขึ้นชั้นสอง
“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง พูดอะไร น่ารำคาญที่สุด เพราะคุณเป็นแบบนี้ผมถึงไม่อยากกลับบ้าน ดูสภาพตัวเองในกระจกบ้างนะ เหมือนผีขึ้นไปทุกวัน”
“ลงมาคุยกันให้รู้เรื่อง ” เกสราดึงทัตเทพที่กำลังเดินขึ้นบันได ให้ลงมาคุยให้รู้เรื่อง จนชายวัยกลางคนเดินโซซัดโซเซ เหมือนจะล้ม
“อีบ้า จะบ้าก็บ้าไปคนเดียว เดี๋ยวไปเอง”
“คุณจะไปหาอีแก็วตาใช่ไหม วันนี้ลูกเมียคุณมันพากันมาที่นี่ มันมาแสดงตัว เพื่อให้ฉันรับผิดชอบในสิ่งที่คุณสร้างขึ้น คุณอยู่กับมันมาเกือบสิบปี ฉันเป็นควายให้คุณหลอกมานานขนาดนี้ คุณมันเลว เลวเหมือนสัตว์”
เพี้ย! !
ทัตเทพหมดความอดทน มือหนาตบเข้าอย่างแรงจนใบหน้าของเกสราหันตามแรงมือ เลือดที่หยดอยู่มุมปาก บอกได้ถึงความเจ็บที่เธอได้รับ
“คุณตบฉัน” กัดฟัน กำมือแน่น ด้วยความแค้น ที่ถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้าย
“ใช่กูมันเลว แก็วตาเขาเป็นเมียกู และนั่นก็ลูกกู มึงอยู่กับกูมากี่ปี มึงก็ไม่เคยยอมท้อง ใช้ให้กูเลี้ยงลูกไอ้พ่อไม่เอา มึงนึกว่ากูมความสุขนักเหรอ ถ้ามึงรับไม่ได้ มึงก็ไปตายซะ”
ก่อนกลับบ้าน เขาก็เพิ่งโดนเล่นงานจนหมดศักดิ์ศรี หวังจะได้มาพัก คิดหาทางออกที่บ้าน กลับต้องมาโดนเมียด่า เพราะรู้ความจริง ที่เขามีเมียอีกคนและอยู่ด้วยกันมานานเป็นสิบปี จนมีลุก ทัตเทพทนไม่ไหวแล้ว เขาขับรถออกมา คืนนี้คงต้องหาโรงแรมนอนพักใจสักคืน
บทที่13โซ่น้อยคล้องใจ ผ่านไปแค่เพียงสองวัน ทางทนายก็โทรมาแจ้งให้ติณห์ไปรับนาเดียร์มาดูแลได้เลย เขาจัดการเรื่องกฎหมายเรียบร้อยแล้ว “เราไปรับเย็นนี้เลยไหมคะ คุณมีเบอร์ติดต่อแม่บ้านที่ดูแลไหม” ลลิลตื่นเต้น “ผมว่าจะจ้างแม่บ้านคนที่เลี้ยงนาเดียร์ ให้มาอยู่ที่นี่ด้วย ผมได้เบอร์จากทนายก็เลยโทรคุยกันเรียบร้อยแล้ว โดยที่เธอขอกลับไปดูแลบ้านของเจ้ายายเธอเดือนละครั้ง” ติณห์จัดการก่อนที่หญิงสาวจะบอกเสียอีก “แล้วเราจะให้ลูกนอนที่ไหนคะ” หญิงสาวเรียกลูกอย่างเผลอตัว “ลูก...อ๋อ เราจะเป็นพ่อแม่กันแล้วเนาะ นอนบ้านใหญ่ยังมีห้องว่างอยู่ ผมจะให้นอนกับแม่บ้านที่เลี้ยงเขามานั่นแหละ” ติณห์วางแผนไว้เรียบร้อย โดยผ่านการปรึกษาบิดาและป้าช่วยก่อน “ลลิลคิดว่าตื่นเต้นอยู่คนเดียว ที่แท้คุณแอบจัดการทุกอย่างไว้แล้ว ก่อนลลิลจะคิดอีกนะคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขให้กับคุณพ่อคนใหม่ที่ดูตื่นเต้นกว่าเธอแต่เก็บอาการไว้ ได้เวลาไปรับลูกสาวคนใหม่ของบ้าน นอกจากคุณพ่อคุณแม่จำเป็น แล้วยังมีคุณปู่อีกคน ที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน กิตต์ขจรอยากให้บ้านนี้มี
บทที่12คุณพ่อคุณแม่จำเป็น “ขากลับทำไมของเยอะกว่าขามาเยอะเลยนะ” ชายหนุ่มยืนมองท้ายรถของตัวเอง ที่ไม่มีที่วางเหลือเหมือนตอนมา ท้ายรถเต็มไปด้วยของฝากที่หญิงสาวซื้อไปฝากคนที่บ้าน “ทำเป็นบ่น ขึ้นรถเถอะค่ะ เดี่ยวจะถึงมืด” ลลิลไม่อยากยืนเถียงด้วย เพราะข้างหลังมีแต่ของเธอจริงๆ “ผมจัดการเรื่องเงินให้พ่อคุรเรียบร้อยแล้วนะ” ติณห์จัดการทุกอย่างตั้งแต่วันที่พ่อหญิงสาวโทรศัพท์มาแล้ว แต่เขายังไม่อยากพูดเรื่องนี้กับลลิล เพราะไม่อยากทำให้เธอเครียดขึ้นมาอีก โชคดีที่รถไม่ติดมาก ทั้งคู่จึงมาถึงบ้านในช่วงหัวค่ำ ลลิลรีบหยิบของฝากที่เธอซื้อมฝากป้าช่วย และบิดาของติณห์ “ทำไมกลับกันมาเร็ว กว่าที่บอกพ่อไว้” กิตต์ขจรคิดว่าลูกชายคงไปนานกว่านี้ “มีงานด่วนนิดหน่อยครับพ่อ” ติณห์ยังไม่อยากเล่าให้บิดาฟัง เขาอยากรอให้เรื่องราวที่จะเปิดพินัยกรรมพรุ่งนี้เสร็จสิ้นไปก่อน “คุณพ่อคะ ลิลซื้อเสื้อหล่อๆ มาฝากคุรพ่อหลายชุดเลยค่ะ เดี๋ยวให้ป้าช่วยเอาไปซักก่อนนะคะ พรุ่งนี้คุณพ่อจะเป็นหนุ่มเหนือ” หญิงสาวหยิบเสื้อออกจากถุง มากางให้คนนอนป่วยดู
บทที่11เผชิญหน้ากับปัญหา ปัญหาชีวิตของลลิล ทำให้ติณห์ชายหนุ่มที่มีความพร้อมกว่าทุกอย่าง อย่างน้อยเขาก็ยังเหลือพ่อ เขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่เขาได้ก่อไว้ เขาตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปหาฤทธิ์ลูกน้องคนสนิท ที่เฝ้าโทรหาเขาไม่รู้กี่ร้อยสาย ป่านนี้คงตื่นแล้ว เพราะก็ใกล้เวลาไปจัดการเรื่องเอาเงินเข้าธนาคาร ซึ่งตอนนี้ ลูกน้องคนนี้ต้องทำหน้าที่แทนลูกพี่ทุกอย่าง “ฤทธิ์ มีอะไร โทษที ใจยังแย่เลยไม่อยากรับสายใคร” ชายหนุ่มออกมาคุยด้านนอก เพราะไม่อยากให้ลลิลรับรู้ด้านมืดของเขา “ผมจะโทรมาบอกคุณติณห์ว่า สองคนนั้นเขาฆ่าตัวตาย เพราะป่วยเป็นเอดส์ และจากที่เราเอาคลิปลงคนเป็นเมียเลยจับผัวไปตรวจเลือด และเมื่อรู้ผล ก็ตรวจของตัวเอง จนรู้ว่าทั้งคู่ติดเชื้อ” ลูกน้องรีบอธิบาย “แกไม่ได้โกหกใช่ไหม” ติณห์ดีใจที่ตัวเองไม่ใช่สาเหตุ “แต่มันยังมีบางอย่างมากกว่านั้น แต่ผมไม่รู้ ทางตำรวจและทนายความส่วนตัวของบ้านนู้น ติดต่อมาต้องการพบคุณโดยด่วน ผมจึงพยายามติดต่อคุณ” ฤทธิ์รายงานแบบคนลืมหายใจ “ในเมื่อฉันไม่ใช่สาเหตุแล้วทำไมต้องอยากเจอ
บทที่10รสรักบำบัดความเครียด อาหารมือเย็น มื้อแรกของที่นี่ เป็นกับข้าวทางเหนือ ที่ทั้งคู่ซื้อมาจากตลาดนัดที่อยู่ใกล้ๆ ระเบียงหน้าห้องมีตะสำหรับนั่งกินอาหาร บรรยากาศยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน สวยงามมากกว่าทุกวันที่ทั้งสองเคยพบเจอ “อยากให้พ่อหายเป็นปกติ นานแล้วที่ท่านไม่เคยได้ออกไปไหน” ติณห์คิดถึงภาพเมื่อครั้งที่เขากับพ่อมาเที่ยวด้วยกัน “หมอบอกว่ามีโอกาสไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความมารู้ถึงอาการ “มีโอกาสกลับมาลุก นั่งได้ แต่เดินคงยาก เพราะพ่อเอาแต่นอน เหมือนไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ร่างกายส่วนล่างก็ลีบลงเรื่อยๆ” เสียงของคนพูดหมดหวัง “คุณเป็นลูกย่อมเข้าใจดี ว่าทำอย่างไรพ่อของคุณถึงจะกำลังใจ ในการมีชีวิตอยู่มากขึ้น ถ้ามีอะไรให้ลิลช่วยก็บอกนะคะ อย่างน้อยมันคงช่วยลดกรรมที่พ่อลิลทำไว้กับพ่อของคุณ”“กินข้าวกันเถอะ ผมทำเสียบรรยากาศหมด มีแต่อาหารเหนือทั้งนั้นเลย น้ำพริกหนุ่มลองกินสิลิล คุณน่าจะชอบ”ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูดสำเร็จแต่เขาเปลี่ยนสีหน้าแววตาที่เก็บงำความเครียดไว้ไม่สำเร็จ ลลิลสัมผัสมันได้ตลอดเวลา เขาคุยกับเธอแค่เพียงร่างกาย แต่