Share

บทที่ 4

Author: Mu lingxi
last update Last Updated: 2025-09-19 08:18:49

ตอนที่ 4

แต่เมื่อสายตาบังเอิญสบกับใบหน้าโง่งม

ดวงตากลมใสไร้เดียงสาที่เต็มไปด้วย ความคาดหวังของอีกฝ่าย ความโกรธที่ลุกโชนกลับเหมือนถูกตบด้วยความอับอาย

นางแทบระเบิดสมองตายตรงนั้นเอง หลินอวี้ซิงข่มอารมณ์ที่เดือดพล่าน พ่นลมหายใจฮึดฮัดออกมาอย่างแรง “เหอะ!”

นางถลึงตาใส่ ก่อนหมุนตัวเดินออกจากเรือนด้วยฝีเท้าหนักหน่วง ประตูบานเก่าถูกลมปะทะปิดลงเสียงดัง

ปัง! ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่กดดันจนบรรยากาศหนักอึ้ง

ทันทีที่เงาร่างของนางลับตา ใบหน้าของหลินเยว่ซินก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเค้าของหญิงโง่เขลาหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย แทนที่ด้วยสีหน้าคมกริบเฉียบเย็น

ดวงตาทอแสงเจิดจ้าราวกับเปลวเพลิงที่ถูกกักเก็บไว้

ราวกับเมื่อครู่…ไม่ใช่นาง แต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่หลอกคนเขลาจนสิ้นท่า

เสี่ยวถิงที่ยืนข้างเตียง อ้าปากค้างจนแทบพูดไม่ออกดวงตากลมเบิกกว้างราวกับถูกสายฟ้าฟาด พึมพำเสียงสั่น

“คุณหนู…ท่าน…ท่านช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน…”

หลินเยว่ซินเหลือบตามอง พลางกลอกตาเล็กน้อย น้ำเสียงเรียบเย็น ราวกับไม่เห็นคุณค่าแม้แต่น้อย

“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่หมากตัวเล็กที่โง่เขลาเท่านั้นเอง”

แววตาของเสี่ยวถิงพราวระยับ เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

“แต่ท่านหลอกนางได้สนิทใจเสียขนาดนั้น…ยังจะกล้าบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเจ้าคะ!”

หลินเยว่ซินกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา

“นั่นไม่ใช่การหลอก แต่เป็นการ ‘ปั่นหัว’ จนอีกฝ่ายเชื่อเองต่างหาก”

เสี่ยวถิงกลืนน้ำลาย ฝ่ามือเย็นเฉียบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงรัว

คุณหนูของนาง…เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังมาจากนอกเรือน

ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเปิดออกแรง จนบานไม้แทบหลุด

หลินอวี้ซิงโผล่เข้ามา ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

ในมือกอดหอบกล่องอาหารหลายชั้นแน่น

เสียง โครม! ดังสนั่น

เมื่อกล่องอาหารถูกกระแทกใส่โต๊ะจนสะเทือน

นางตวาดออกมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“นี่! อาหารที่เจ้าสั่ง! ข้าไปหามาให้จนหมดแล้ว!

คราวนี้อย่าคิดเล่นลิ้นกับข้าอีกแม้แต่คำเดียว

รีบคายความจริงออกมา!

ไม่อย่างนั้น ข้าจะจับเจ้าลากไปตายตรงนี้เดี๋ยวนี้!” นางยืนกอดอก ถลึงตาใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

หลินเยว่ซินกลับเพียงยกยิ้มบางๆ สีหน้าโง่งมไร้พิษสง

“ข้าไหนเลยจะบังอาจหลอกพี่รองได้

คนโง่ต่ำต้อยอย่างข้า จะมีปัญญาตลบหลังคนเฉลียวฉลาดเช่นท่านได้หรือ”

นางยกมือลูบท้องแบนราบของตนเบาๆ น้ำเสียงอ่อนแรงสั่นพร่า แฝงแววอ้อนวอนน่าสมเพช

“เพียงแต่ตอนนี้ ข้าหิวจนลมหายใจแทบจะขาดอยู่แล้ว

หากไม่ยอมให้กินสักนิด ข้าอาจสิ้นใจไปต่อหน้าพี่รอง…

ท่านจะปล่อยให้ข้าตายเน่าไปตรงนี้จริงๆหรือ”

แววตาของหลินอวี้ซิงฉายแสงหงุดหงิดจนแทบปะทุก “กินๆ ไปเถอะ! อย่ามาร่ำไรให้ข้ารำคาญหู!”

เมื่อกล่องอาหารถูกเปิดออก กลิ่นหอมร้อนแรงตลบฟุ้งไปทั่วห้อง ทุกจานที่สั่งไว้ครบถ้วน ทั้งยังอุ่นร้อนเหมือนเพิ่งออกจากครัว อาหารหรูหราตระการตา ที่ต่างกับเศษซากเละเทะ ที่นางเคยถูกยัดใส่ปากราวกับสุนัขต่ำต้อย

หลินเยว่ซินไม่รอช้า คีบเกี๊ยวกุ้งใสเข้าปากทันที รสชาติสดใหม่หอมหวานแทรกความมัน กลืนลงคอช่างลื่นราวสวรรค์

เสี่ยวถิงรีบวุ่นวายจัดโต๊ะ มือไม้สั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก ระหว่างที่กิน นางก็เอ่ยปากแต่งคำลวง

ถ้อยคำที่กลั่นออกมาทั้งเนียนและราวกับความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ

“พี่อี้เฉิน เขาบอกข้าเอง… ว่าเหตุที่เขาเหยียบเข้ามาในจวน

ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่เพราะข้า แต่เพราะเขาอยากได้เห็นหน้า

‘พี่รอง’ อย่างชัดถนัดตา…”

คำพูดที่โปรยออกมาช้าๆ แฝงความโง่งม แต่แท้จริงกลับคมยิ่งกว่ามีดกรีดหัวใจ เกี๊ยวกุ้งใสเคี้ยวกรุบละลายในปาก ซี่โครงหมูตุ๋น เกาลัดชุ่มฉ่ำ หอมหวานละลายเป็นเนื้อเดียว รสชาติหรูหราอันคุ้นเคย… ยิ่งทำให้ริมฝีปากของนางยกยิ้มเหี้ยมเกรียมในใจ

รสชาติถูกปากเช่นนี้…ยิ่งเล่าก็ยิ่งลื่นไหล!

“แต่ว่า ทำไมเขาไม่เคยเอ่ยปากเลยล่ะ ทั้งที่โอกาสก็มีตั้งมากมายทำไมเขาไม่เคยพูดกับข้าเลย…

หรือว่าแท้จริงแล้ว คนที่เขารักมาตลอดก็คือข้า?” เสียงของหลินอวี้ซิงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น จนแทบกลั้นลมหายใจไม่อยู่

เฮอะ… ขนมถั่วแดงนี่หวานละมุนกำลังดี ไม่เลี่ยนสักนิด สมกับเป็นของเลิศรสที่คู่ควรกับข้า!

หลินเยว่ซินคีบขนมเข้าปาก ดวงตาเป็นประกายจางๆ ขณะโกหกอย่างนิ่มนวล

“เขาเคยบอกข้าว่า… แท้จริงแล้วเขาอยากสารภาพกับพี่รองทุกครั้งที่ได้พบ

แต่เพราะพี่ใหญ่เองก็มีใจต่อเขา… เขาจึงไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดได้ หากพูดไปก็เท่ากับทำลายสายใยระหว่างพี่น้อง

เขาเลยเก็บทุกอย่างไว้ในใจ…จนถึงตอนนี้”

ถ้อยคำนุ่มละมุนไหลลื่นออกมาพร้อมรสหวานของขนม กลายเป็น “คำโกหกหรูหรา” ที่รื่นหูไม่ต่างกับรสลิ้น

“จริงด้วย! ทุกครั้งที่ท่านพี่อี้เฉินมองข้า…

สายตานั้นมันราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนกลับลงไปทุกที… ที่แท้มันเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ!

โอ้ย !! ทำไมข้าถึงโง่เขลาขนาดนี้ ทำไมถึงไม่รู้เร็วกว่านี้!”

หลินอวี้ซิงถึงกับกระทืบเท้าดังปัง ใบหน้าทั้งแดงทั้งร้อนจากความเสียดายและโกรธขัดใจ

แต่หลินเยว่ซินกลับไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เพียงก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงรสชาติที่อยู่ในปากของนาง

“นี่! เจ้าอย่ามัวแต่กินสิ!

รีบบอกมาเถอะ ท่านพี่อี้เฉินพูดอะไรกับเจ้าอีกบ้าง!?”

เสียงของหลินอวี้ซิงรีบเร่งเต็มไปด้วยความกระหาย

ใบหน้าที่แดงจัดฉายแววของหญิงสาว ผู้กำลังจมดิ่งอยู่ในความรักจนเสียสิ้นสติ

แม้แต่เสี่ยวถิงที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ ‘คุณหนูรอง… ท่านนี่ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน’

หลินเยว่ซินวางตะเกียบลงชั่วครู่

แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ในลำคอ อยากได้คำหวานนักใช่ไหม?

หึ ได้สิ เรื่องแบบนี้ง่ายดายยิ่งนัก

สำหรับเธอ การโกหกให้คนเชื่อจนหมดใจ

ไม่ต่างอะไรกับการปลอกเปลือกผลไม้ ง่ายเสียจนแทบไม่ต้องลงแรง!

หลินอวี้ซิงยังไม่วายลังเล จึงจ้องเขม็งแล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง

“เดี๋ยวก่อน… หรือว่าเจ้า! กำลังคิดหลอกข้าอยู่รึ!”

แววตาของนางเต็มไปด้วยความระแวง

แม้จะใจร้อนและหลงเชื่ออะไรง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่คนเขลาจนไม่ทันเกมเสมอไป

หลินเยว่ซินเงยหน้าขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มโง่งม น้ำเสียงใสซื่อเหมือนเด็กไร้เดียงสา

“หลอกได้อย่างไรกันล่ะ เขาเป็นคนบอกข้าเอง…

วันนั้นตอนที่เขาส่งหนังสือหย่าให้ข้า เขาโมโหมาก

จนพูดออกมาตรงๆ ว่า ถึงข้าจะตายก็ไม่แต่งกับเจ้า!

เพราะคนที่เขาอยากแต่งด้วยมาตั้งแต่แรก

มีเพียงท่านพี่รอง… เท่านั้น!”

คำพูดพรั่งพรูออกมาอย่างราบรื่น

พอดีกับจังหวะที่นางคายก้างปลาออกมา เสียงแหลมเล็กของกระดูกปลากระทบจานดังกริ๊ก ราวกับตอกย้ำความแนบเนียน

หลินอวี้ซิงชะงักไปชั่วขณะ…

ในอกเริ่มก่อคลื่นสงสัยปนหวั่นใจ

ทำไมวันนี้นางถึงดูพูดจาฉะฉานเช่นนี้?

ไม่เหมือนคนโง่ที่เคยเห็นเลยสักนิด แต่พอหันกลับมามองอีกครั้ง ภาพที่เห็นกลับเป็นหญิงสาวผอมบาง ก้มหน้าก้มตากินซี่โครงหมูจนมือเปื้อนมันเงา หัวเราะโง่งมเหมือนเคย นางจึงสะบัดหัว ปัดความคิดบ้าๆ ออกไปทันที

“เป็นไปไม่ได้…ยังไงเจ้านี่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยันค่ำ!” เมื่อหลินอวี้ซิงเดินจากไป

เสี่ยวถิงที่ยืนมองอยู่ถึงกับตะลึงงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา

โอ้สวรรค์! คุณหนูของนาง ราวกับกลายเป็นคนละคนไปเลย!

เมื่อครู่…ทั้งที่เป็นการโกหกครั้งแรก

กลับพูดออกมาได้คล่องแคล่วราวกับชำนาญมานับพันครั้ง

ไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย ยังมีเล่ห์เหลี่ยมบิดพลิ้วตลบตะแลงอย่างแนบเนียน ทำให้คนอย่างคุณหนูรองเชื่อสนิทใจราวกับโดนสะกด!

เสี่ยวถิงถึงกับลอบนับถืออยู่ลึกๆในใจ

ความสามารถเช่นนี้ ช่างน่ากลัว และน่าทึ่งยิ่งนัก!

แต่หลินเยว่ซินเพียงปรายตามอง สีหน้าเรียบเฉยดั่งสายน้ำ

เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ยังจะยืนอึ้งอยู่อีกหรือ มากินข้าวได้แล้ว”

เสี่ยวถิงสะดุ้งโหยง รีบพยักหน้าหงึกๆ

“หากคุณหนูกินไม่หมด…เหลือไว้กินตอนเย็นก็ได้นะเจ้าคะ…”

ทว่าคำพูดยังไม่ทันจบ เสี่ยวถิงก็ต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

เมื่อเห็นใบหน้าของคุณหนูค่อยๆ แข็งเย็นลง

ดวงตาคมดุฉายแววเย็นเฉียบ

น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยแม้ราบเรียบ แต่กลับเย็นยะเยือกจนหัวใจสั่นสะท้าน “ไม่กินก็ไสหัวไป ข้าไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์”

เสี่ยวถิงหน้าถอดสี รีบคว้าชามมานั่งลง ก้มหน้ากินแทบไม่กล้าหายใจแรง บรรยากาศรอบกายอึดอัดจนแทบขาดอากาศหายใจ

จนกระทั่งเวลาผ่านไป ความเงียบสงบกลับคืนมา

นางถึงกล้าถอนหายใจออกเบาๆอย่างโล่งอก

‘พระเจ้า! ตั้งแต่เมื่อไร คุณหนูถึงได้มีรัศมีเย็นชา น่าเกรงขาม และน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้!’

หลินเยว่ซินเพียงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ริมฝีปากคลี่ยิ้มพึงใจอย่างเย็นเยียบ สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุด

คือคนที่ไม่เชื่อฟัง

เสี่ยวถิง… อาจอยู่ข้างกายนางมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็จริง

แต่ประสบการณ์ในอดีตชาติที่ถูกทรยศหักหลังมาสอนนางแล้ว

ว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่คู่ควรแก่ความไว้วางใจอีกต่อไป

แม้เสี่ยวถิงจะยังไม่เผยท่าทีอันน่าสงสัยในตอนนี้

แต่หลินเยว่ซินก็ยังไม่อาจไว้วางใจ นางตั้งใจจะทดสอบต่อไปอีกสักพักหนึ่ง

เพราะครั้งนี้… นางจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้ตัวเองถูกหักหลังซ้ำเป็นครั้งที่สอง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 186

    ในมือที่กำลังถือปิ่นทองอยู่ถึงกับสั่นจนเครื่องประดับสั่นไหวไปทั้งชิ้น หลินเยว่ซินมองนางผ่านกระจกเงา ก่อนจะกระตุกมุมปากอย่างอดรนทนไม่ได้ “เสี่ยวถิง เจ้าจะให้ข้าสวมเครื่องในตู้ทั้งหมดเลยไหม เอามาหมดเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเลือกแล้ว!” เสี่ยวถิงถึงกับหน้าเจื่อน ในมือนางยังถือปิ่นทองอยู่ ทำท่าทางจะลองปั

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 185

    สีหน้าเหม่อๆ มึนงงของนาง ทำเอาเขาถอนหายใจออกมายาวเหยียด รู้สึกจนปัญญาจะพูดอะไรต่อ ได้แต่เอ่ยถามซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงปลงใจ “เมื่อครู่ เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” “อ๋อ~ ไม่มีอะไรหรอก~” หลินเยว่ซินยิ้มกว้างอย่างไม่มีพิรุธ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไร แต่เอาเถอะ อย่างน้อย ผลลัพธ

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 184

    หนานกงเยี่ยนหลัวโดนด่าจนเงียบไปชั่วครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะมองนางด้วยสายตาไม่กะพริบ “ก็เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือ?” แววตาสีแดงชาดของเขาจับจ้องอยู่ที่นางราวกับจะอ่านทุกอารมณ์ ทุกคำโกหกในดวงตาคู่นั้นให้ทะลุ คำพูดจริงจังของเขาทำเอานางเดือดปุด “เจ้านี่มันหมูหรือเปล่า ข้าพูดอะไรเจ้าก็เชื่อหมดเ

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 183

    นางนิ่งค้างไปชั่วขณะ รู้สึกเพียงไอร้อนบางเบาไหลซึมจากปลายจมูก เพียงพริบตาเดียว ใบหน้างดงามก็ระเรื่อแดง ก่อนจะซีดเผือดลงราวสูญสิ้นโลหิต นางเบิกตารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากอกเสื้อ กดแนบจมูกอย่างร้อนรนทั้งตกใจ ทั้งอับอาย มือหนึ่งสั่นไหวเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นเพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหลยิ่งไปกว่านี้ เขายืนม

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 182

    ก็ล้วนถูกเจ้าตัวนี้ยัดลงท้องไปจนหมด นั่นแหละ จึงพอทำให้มันยอมน้อมรับเขาเป็นนาย จื่อจู่กิเลนม่วงสัตว์วิญญาณผู้หายากยิ่ง โดยปกตินั้นจัดว่ามีรสนิยมเรื่องอาหารสูงลิบ นิสัยก็กินจุกจิกอย่างหาใครเสมอเหมือนไม่ได้ จนบัดนี้ เขายังไม่เคยเห็นมันแตะต้องสิ่งใดนอกจากผลน้ำแข็งเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเห็นมัน

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 181

    ใครเลยจะคาดคิดว่าครั้งนี้ จะเป็นเพราะนาง เสียงฝีเท้าหนักแน่นสองคู่ กระแทกพื้นหินดังกังวานท่ามกลางความเงียบงัน ชายสองคนก้าวเข้ามาในลานด้วยสีหน้าเย็นชา ในมือถือเชือกเส้นหนา พวกเขาไม่แม้แต่จะชายตามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่มีคำพูด ไม่มีแม้แต่คำถาม เพียงเดินตรงเข้ามาอย่างเชี่ยวชาญ ราวกับการพันธนาการเช่นนี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status