หน้าหลัก / รักโบราณ / หมื่นฝันพันคะนึง / Chapter 7. อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว

แชร์

Chapter 7. อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 14:13:34

            “ท่านพี่เป็นอะไร”

            “ข้า...”

น้ำเสียงที่ได้ยินแหบแห้งจนน่าตกใจ

            “ท่านพี่ไม่สบายหรือ?”

หรูซื่อขยับตัวทำให้เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามี  แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที เห็นท่าทีของนางกลับมาเป็นเช่นเดิมหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง

            “ข้าแค่ตกใจ”

            “ตกใจ?”

            “เจ้าทำข้ากลัวเหลือเกิน”  เขากุมมือที่ยังแนบแก้มของเขาอยู่ “เจ้าฝันร้ายและข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้”

            “แค่ฝันร้าย” นางยิ้มเขินอาย นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้  “ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว”

            “เจ้าฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงร้องไห้จนดวงตาเปียกชุ่มเช่นนี้”

            หรูซื่อเพิ่งรู้ตัว นางดึงมือกลับมาใช้หลังมือเช็ดที่ใต้ตา รอยเปียกชื้นที่เหลืออยู่ยืนยันได้ว่านางร้องไห้

            “ข้าร้องไห้หรือ? แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าร้องไห้เรื่องอันใดกัน”

            “จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็ปวดใจเหลือเกิน”

            “ท่านพี่”  หัวใจนางเหมือนจะพองโตคับอก แม้ผู้อื่นเกรงกลัวสามีของนางมาก แต่เขาอ่อนโยนและห่วงใย ใส่ใจทุกเรื่องของนาง  แม้นางความจำเสื่อมก็ไม่เคยแสดงน่าทีรังเกียจ นางโชคดีมากที่มีเขาเป็นสามี

            “นี่ยามใดแล้ว สองสามวันมานี้กินยาที่ท่านหมอจัดให้ ข้าหลับๆ ตื่นๆ หลงวันคืน ไม่ได้ดูแลปรนนิบัติท่านพี่เลย”

            “ยามจื่อแล้ว เจ้านอนต่อเถิด”

            “ยามจื่อ? ท่านเพิ่งกลับมาหรือ?”  นางอดสำรวจเขาไม่ได้ ถึงจะย้ายมาอยู่เรือนเดียวกันแล้ว แต่งานของเขาทำให้นางยึดครองเตียงเพียงผู้เดียว

            “กลับมาได้สักพักแล้ว” เขาประคองนางพิงเสาเตียงแล้วเดินไปรินน้ำให้นางดื่ม

            “ทุกคืนท่านนอนที่ใด”

            “ห้องหนังสือ” เขารับถ้วยน้ำมาแล้วเดินไปวางที่เดิม “ข้ากลัวจะรบกวนเจ้า”

            “รบกวนหรือไม่อยากมาเจอหน้าข้ากันแน่”

นางถามเสียงแผ่วเจือออดอ้อนชวนให้คนฟังคันยุบยิบที่หัวใจ  ในห้องมีเพียงแสงจันทร์สาดส่อง แต่กระนั้นซุนหลวนคุนกลับมองนางขบริมฝีปากทั้งเขินอายและน้อยใจ

            “เจ้าคิดมากไปแล้ว”   เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอทำให้หรูซื่อยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขา

            “ท่านพี่หัวเราะเยาะข้า” นางแง่งอนทำเป็นไม่สนใจแล้วขยับตัวลงนอนหันหลังให้ “อยากไปนอนห้องหนังสือก็ไปเลย”

            “เจ้าไล่ข้า?”

            “ข้าหรือจะกล้าไล่ท่านแม่ทัพใหญ่เช่นท่านได้”  นางหันมาโต้เถียงทว่าใบหน้ากลับปะทะกับลมหายใจอุ่นร้อน  นางไม่รู้เลยว่าเขาเคลื่อนกายมาใกล้ตั้งแต่เมื่อใด แม้อยู่ในความมืด นางกลับเห็นประกายตาดุจเหยี่ยวจ้องจับเหยื่อได้ชัดเจน และแล้วพญาเหยี่ยวก็ฉกจูบนางอีกครั้ง เขาขบริมฝีปากล่างของนางเบา ๆ ให้นางเปิดปากแล้วกระซิบเสียงแหบพร่า

            “คราวนี้ยามถูกข้าจูบ เจ้าต้องหายใจทางจมูกนะ”

            “จะ...จูบ...”

            นี่เรียกจูบหรือ? ครั้งนั้นที่เขาทำนางเกือบขาดใจตายเพราะจูบหรือ?

            นางคิดถึงความรู้สึกครั้งก่อนก็ส่ายหน้าไปมา

            “ข้าจูบไม่เป็น ท่าน...ท่านพี่ทำข้าเกือบตาย”

            “ซื่อเอ๋อร์ ไม่มีผู้ใดตายเพราะจูบหรอก”  เขาขยับตัวคร่อมร่างอ่อนนุ่ม “หากแต่จะขาดใจถ้าไม่ได้จูบ”

            ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถ้อยคำของเขาผสานลมหายใจร้อนผ่าว  หรือร่างกายที่บดเบียดแนบชิด รวมทั้งกลิ่นอายบุรุษเพศ ทำให้สมองของนางคิดสิ่งใดไม่ออก ริมฝีปากของเขาประทับที่เปลือกตา แล้วตามด้วยปลายลิ้นตวัดที่เนียนแก้ม เขากลืนกินหยาดน้ำตาแล้วจึงประทับจูบอีกครั้ง ครั้งนี้นางไม่ได้หายใจทางปาก ทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่ดี ทำตามที่เขาสอน จึงทำให้การจุมพิตนี้ยาวนานกว่าครั้งแรก

            เรียวลิ้นคล่องแคล่วแทรกเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นของนางที่เงอะงะทำอะไรไม่ถูก เขาสอนนางให้ดื่มดำกับรสหวามไหวที่เกิดขึ้น และตัวเขาซึมซับความหวานจากโพรงปากสาว ร่างกายขยับเข้าหา มือใหญ่ค่อยๆ ปลดสายรัดเอวของนางออกด้วยเกรงกระต่ายจะตื่นตกใจ แต่เมื่อฝ่ามือของเขากอบกุมบัวคู่งามก็ทำเอาหญิงสาวสะท้านไหว เปล่งเสียงครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพียงพริบตาเสื้อผ้าของนางก็หลุดออกออกเหลือร่างกายเปลือยเปล่างดงาม มือเรียวยกขึ้นบิดทรวงอกทันทีที่รู้ตัว

            “อย่าปิด...ให้ข้ามองเจ้าเถิด”  เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความปรารถนา

            “ข้า...ข้าอาย...”

            “เช่นนั้นข้าเปลือยกายเหมือนเจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องอายเพียงคนเดียว”

ถ้อยคำหยอกล้อนี้ทำให้นางยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง ลืมไปว่าทำเช่นนี้แล้ว เขาสามารถมองเห็นดอกบัวตูมที่รอให้เขาเชยชม   เขาควรทำเรื่องราวเหล่านี้ตั้งแต่คืนเข้าหอ แต่ครานั้นนางอายุเพียงสิบสอง เขากลัวว่านางจะเกลียดชังเขาจึงได้แต่รอและรอ รอมาตลอดห้าปี เขาไม่เคยคิดว่าจะได้มีช่วงเวลาร่วมอภิรมย์เช่นนี้

            หรูซื่อจ้องมองชายเบื้องหน้า  ถึงอย่างไรเขาก็คนที่กราบไหว้ฟ้าดิน เป็นสามีของนาง

            หญิงสาวบอกกับตัวเองเช่นนั้นเพื่อลดความเขินอายที่มี และยอมรับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เขาบรรจงมอบให้อย่างอ่อนโยน ทุกจุดที่เขาสัมผัสก่อเกิดไอร้อนผ่าวแผ่กระจายไปทั่วร่าง โหยหาการเติมเต็มที่นางไม่รู้จัก

            “ซื่อเอ๋อร์ ขอข้าเถิดนะ”

            หรูซื่อไม่เข้าใจว่าเขา ‘ขอ’ สิ่งใด แล้วนางก็ต้องผวาเฮือกเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนดูดกลืนยอดปทุมถัน พาให้ร่างกายสั่นระริก เขากอบกุมแล้วบีบเคล้นทรวงอกนุ่มนิ่มในอุ้งมือ ใครเลยจะรู้ว่าภายในเสื้อผ้าเรียบง่ายที่นางสวมใส่จะซุกซ่อนเรือนร่างงดงามเย้ายวนถึงเพียงนี้  ปลายลิ้นตวัดเลียยอดอกจนเปียกชุ่ม ดูดดึงและขบกัดสลับกัน ทำให้หญิงสาวได้แต่เปล่งเสียงครางกระเส่าบิดกายเร่าอย่างไม่รู้ตัว

            ทุกจุดที่ริมฝีปากของเขาเคลื่อนผ่าน เกิดระลอกความรัญจวนไปทั่วร่าง เขานั่งคุกเข่าเบื้องหน้าแล้วแยกเรียวขาออก ก่อนที่นางดิ้นรนขัดขืนได้ทัน ลิ้นร้ายกาจของเขาก็แทรกเข้าไปในร่องรักที่เปียกชื้น

            “อย่า...”

นางร้องห้ามเสียงแผ่ว ส่วนที่น่าอายไม่เคยถูกแตะต้องกำลังเปิดเผยต่อหน้าเขา  ร่างกายบิดเร่าตอบสนองกับความเสียวซ่านที่ได้รับ นิ้วกร้านแทรกเข้าไปในร่องหลืบอ่อนนุ่ม กลิ่นกายนางหอมละมุ่น การเคลื่อนไหวของนิ้วแกร่งเร่งเร้าทำให้ดอกไม้สาวคายน้ำหวานออกมามาก แต่ยังไม่มากในความคิดของเขา นิ้วมือจึงเพิ่มอีกนิ้ว ร่องรักที่คับแน่นทำให้เขาต้องพยายามยับยั้งใจไม่ให้เร็วเกินไป  หรูซื่อสะบัดหน้าไปมา เส้นผมยาวสยาย นางไม่เคยรู้เลยว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะเป็นเสียงของนาง ร่างกายถูกไฟเสน่หาเผาไหม้ ความสุขสมที่ไม่รู้จักแผ่กระจายไปทั่วร่าง ปลายเท้าเกร็ง สะโพกกระตุกรับจังหวะการเคลื่อนไหวที่นิ้วร้ายปรนเปรอให้นาง

            นางหลุดเสียงหวีดร้องแล้วหอบหายใจถี่

            ซุนหลวนคุนถอนนิ้วทั้งสองนิ้วออกแล้วส่งมันเข้าปากตนเอง ดูดกลืนน้ำหวานจนเกลี้ยงแล้วจึงโน้มหน้าลงจุมพิตนางอีกครั้ง  สติของนางกระเจิดกระเจิงไม่อาจต่อต้านสิ่งใดได้  ความเป็นชายอันแข็งแกร่งคลอเคลียกลีบดอกไม้ที่สั่นระริก เรียวขาแยกออกเชื้อเชิญอย่างไม่รู้ตัว  มือแกร่งประคองสะโพกของหญิงสาว ดวงตายังคงจับจ้องสีหน้าของนาง เขาดุนดันแท่งหยกเข้าไปในร่องรักที่คับแคบ ค่อยๆ ดันเข้าไปที่ละน้อย

            หรูซื่อรับรู้ถึงร่างกายที่สั่นไหวเพราะการเคลื่อนไหวของเขา ริมฝีปากสีชาดเผยอส่งเสียงครางหวานอย่างรัญจวน  เขาขยับสะโพกเป็นจังหวะถอยออกแล้วดันกลับเข้าไป ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ความเสียดเสียวทำให้นางยกสะโพกขึ้นรับจังหวะกดลงของเขา แก่นกายอันใหญ่โตจึงผลุบเข้าไปได้สุดลำ

            “อ๊า...”  ร่างอรชรสั่นเทิ่มพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า

            ชายหนุ่มแหงนหน้าคำรามในลำคอ มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าการอยู่นิ่งๆ เพื่อให้นางปรับตัวรับกับแก่นกายได้นั้นมันทรมานเพียงใด เขาก้มหน้าลงเห็นดวงตาของฉ่ำวาวด้วยน้ำตา

            “เจ็บมากหรือไม่”

            นางเจ็บแต่ส่ายหน้าไปมา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หมื่นฝันพันคะนึง   Chapter 35.ตอนพิเศษ หลิวหรูซื่อ 2. (จบ)

    “เข้ามาคุยด้านในเถิด” เขาปล่อยมือจากไหล่ของนางแล้วเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน ทว่าสายตาของนางถูกตำรามากมายดึงดูดไว้จนหลงลืมว่ามี ‘สามี’ อยู่ใกล้ๆ “ข้าไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะชอบสะสมหนังสือมากขนาดนี้” ‘ท่านแม่ทัพ’ ภรรยาหมาดๆ สนใจแต่หนังสือมากมายเหล่านั้น จึงไม่ได้เห็นแววตาไม่พอใจของสามีหมาดๆ อย่างเขา ซุนหลวนคุน ลอบถอนหายใจ นางเพิ่งย่างเท้าเข้าบ้านมาเป็นคนสกุลซุน คงไม่คุ้นชินกับการเรียกขานนัก “อีกห้าวันข้าต้องออกเดินทางแล้ว” “เดินทาง? ท่านแม่ทัพจะไปไหนรึ” หลิวหรูซื่อหันมามองหน้า ‘สามี’ นางทำหน้างุนงงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องขบกรามเน้นเช่นนั้น“ได้ ข้าจะเตรียมตัว” “เจ้าไม่ต้องไป” น้ำเสียงของเขากระด้างขึ้นเล็กน้อย บอกตนเองว่าต้องให้ ‘เวลา’ นางมากกว่านี้ เขาจะโมโหนางไม่ได้เด็ดขาด “เหตุใดไม่ให้ข้าไป” นางเอียงคอถาม ท่าทางไร้เดียงสา “เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนมารดาข้าเถิด” เขากดน้ำเสียงไม่ให้หงุดหงิดจนเกินไป “นับจากนี้เจ้าเป็นนายหญิงของจวน ต้องรับภาระดูแลเรื่องน้อยใหญ่ในบ้านร่วมกับมารดาข้าแล

  • หมื่นฝันพันคะนึง   Chapter 34.ตอนพิเศษ หลิวหรูซื่อ 1.

    “แต่งงาน! น้องเล็กอายุแค่สิบเอ็ดจะให้แต่งงานแล้วหรือ?” “อีกสองเดือนน้องเล็กคนนี้ก็สิบสองแล้วเจ้าค่ะ” เสียงหวานใสดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างเล็กเดินเร็วๆ ยื่นมือมาหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาที่วางบนโต๊ะเข้าปากกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย “ซื่อเอ๋อร์ เจ้าแอบฟังพ่อกับพี่ๆ คุยกันอีกแล้วนะ”ราชครูหลิวถอนหายใจเบาๆ แต่กลับยิ้มเอ็นดูลูกสาวคนเดียวของสกุลหลิวไม่ได้ แม้นางเป็นหญิงแต่เฉลียวฉลาดแต่เด็ก หากไม่นับเรื่องวรยุทธแล้ว นางก็ไม่ด้อยกว่าบุรุษเลย “ซื่อเอ๋อร์ไม่ได้แอบฟังเสียหน่อย แต่เสียงพี่ๆกับท่านพ่อดังไปนอกห้องเอง” เด็กหญิงตัวน้อยไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ได้ยิน “แล้วเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร” บิดาเอ่ยถามพลางรินน้ำให้ลูกสาวอย่างเอาใจ “คนแซ่ซุนอยากแต่งข้าเป็นภรรยา ก็แต่งสิ ไม่เห็นต้องกังวลเลย” นางรับน้ำมาดื่มเล็กน้อยแล้วกินขนมต่อ มุมปากเลอะคราบขนมทำให้พี่ใหญ่หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดให้นาง “คนแซ่ซุนไม่มีอะไรเหมาะสมกับเจ้าเลยสักนิด” พี่ชายคนรองเอ่ยอย่างหงุดหงิด “แค่ทหารปลายแถวที่ถีบตนเองขึ้นมาจากดินโคลน” “ข้าเชื่อว่าคนแซ่ซุน

  • หมื่นฝันพันคะนึง   Chapter 33. ตอนพิเศษ ซุนหลวนคุน

    ความรู้สึกเจ็บปวดนี่มันคืออะไรกัน เป็นอีกเช้าที่ซุนหลวนคุนลืมตาตื่นแล้วพบว่า ดวงตาของตนมีน้ำตาเอ่อคลอ น่าอายเหลือเกิน เขาอายุสิบแปดแล้ว แต่ยังนอนละเมอร้องไห้อยู่อีก ที่สำคัญ เขาไม่เคยจำได้เลยว่าฝันถึงเรื่องใด ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นจะเหลือเพียงความเจ็บปวดบีบรัดหัวใจ ชายหนุ่มยันกายขึ้นนั่งบนเตียง เขาตื่นแต่เช้ามืดเพราะต้องฝึกเพลงยุทธ เขาเป็นทหารมาหลายปีไต่เต้าด้วยความสามารถ มือสองข้างเปื้อนเลือดคล้ายตัวเขามีกลิ่นอายของความตายโอบกอดอยู่ เขาถอนหายใจ จะทำอย่างไรได้ เขาเลือกเส้นทางนี้เอง แต่ก่อนนั้นครอบครัวของเขาเป็นเพียงชาวนายากจน เขาเป็นพี่ชายคนโตที่หนีออกจากบ้านเพื่อไปเป็นทหาร เขาฝึกหนักกว่าผู้อื่น ทำในสิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าเขากล้าทำ เมื่อฐานะของตนเองมั่นคงจึงได้เชิญบิดามารดารวมทั้งน้อง ๆ มาอยู่ด้วยกัน แต่บิดาอ่อนแอเจ็บป่วยเรื้อรังมานาน ย้ายมาอยู่กับเขาได้ไม่ปีเศษก็ตายจาก เขาไม่ได้สนใจลาภยศใด เขาเพียงหวังให้ครอบครัวของเขาหลุดพ้นความยากจน ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อหรือไม่มีเสื้อผ้าอบอุ่นใส่ในยามหนาวเหน็บ แต่กระนั้น เมื่อมาถึงจุดนี้

  • หมื่นฝันพันคะนึง   Chapter 32.หนังสือหย่าอะไรนั้น ถือว่าไม่เคยเขียนก็แล้วกัน.

    “แต่ท่านก็ยังส่งข้าไป ท่านเขียนหนังสือหย่าข้า” นางยื่นมือไปโอบกอดร่างแกร่งที่ยามนี้เต็มไปด้วยผ้าพันแผล แม้เลือดจะหยุดแล้วแต่บนผ้าพันแผลยังมีรอยเลือดให้เห็นอยู่ “เพราะข้ารักเจ้า” เขากอดนาง กดปลายจมูกกับเรือนผมอ่อนนุ่ม สูดดมกลิ่นอายที่คุ้นเคย “ข้าก็รักท่าน” นางเอ่ยที่ออกมา “แม้ข้าจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ข้ารู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่จะทำร้ายข้า ท่านพยายามปิดบังบางอย่างเพื่อปกป้องข้า ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาท่านเตรียมแผนการสำหรับครั้งนี้ไว้หมดแล้ว ท่านไม่ได้ไปเอ้อหยีร์ในนามของแม่ทัพพิทักษ์ประจิม ท่านไม่ต้องให้ผู้อื่นติดร่างแหไปด้วย ท่านเตรียมตัวไปตาย แต่ท่านลืมไปว่า ข้าคือหลิวหรูซื่อ คนที่ทำอาหารไม่เป็น แต่คัดลอกตำราพิชัยยุทธส่งให้ท่าน คนที่ตระเตรียมเสื้อผ้าให้ท่าน และเป็นสตรีใจแคบที่ไม่ยอมให้ท่านรับอนุ ซ้ำยังเอาแต่ใจตัวเอง แต่ข้าสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้ โดยที่ท่านไม่ต้องรับผิดใด ๆ และยังสามารถกลับเมืองหลวงไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวได้” “เจ้ามีแผนใด” แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าตัวเองจะรอดชีวิตกลับมา จึงทุ่มเทสุดเรี่ยวแรงเพื่อให้ครั้งนี้ทำสำเร็จ “

  • หมื่นฝันพันคะนึง   Chapter 31.ความจริง

    ม้าพุ่งทะยานฝ่าสายลมอันหนาวเหน็บพ้นเขตเอ้อหยีร์ ม้าของแม่ทัพหนุ่มรั้งท้าย แม้มีหยาดเลือดไหลเปื้อนใบหน้า ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งราวกับปาดเหงื่อ แต่หัวใจเขาพุ่งกลับไปที่ถึงค่ายทหารก่อนแล้วด้วยการเตรียมการของหรูซื่อ นางสั่งการผ่านรองแม่ทัพ เมื่อทหารห้าสิบนายกลับมาถึงค่ายทหารให้ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องใด การะจายคนทั้งห้าสิบพักตามกระโจมต่าง ๆ แม้จะตื่นเต้นยินดี แต่ต้องเก็บอาการไว้แต่กระนั้น หรูซื่อที่ห่อตัวเองด้วยเสื้อคลุมของสามียืนรอเขากลับมาที่หน้ากระโจมหลักเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกังวล สายตาของนางนับคนที่กลับมา แม้พวกเขาจะบาดเจ็บแต่ยังรักษาชีวิตมาได้ นางหวงฝูเห็นบุตรชายกลับมาปลอดภัยก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ นางรีบเข้าไปดูอาการบุตรชายทันที ม้าสองตัวควบขนาบคู่กันมา ดวงตาของหญิงสาวเพ่งมอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหัวใจไม่ให้เต้นเร็วเกินไปนัก แต่ก็บังคับได้ยากเย็น เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่เฝ้ารอเข้ามาใกล้น้ำตาที่กลั้นไว้ก็เอ่อคลอ ทว่าสองเท้ากลับเหมือนถูกตอกตรึงไม่สามารถขยับได้ ได้แต่ยืนมองเขาลงจากหลังม้าแล้วเดินตรงมาทางนาง “หรูซื่อ...” มีคำถามมากหมาย

  • หมื่นฝันพันคะนึง   Chapter 30.หนทางกลับบ้าน

    ‘อ่า...นี่คงเพราะซุนหลวนคุนบอกจางหยินเซ่อว่าความจำเสื่อมสินิ คนแซ่จางเลยแต่งเรื่องว่านางมอบผ้าเช็ดหน้าให้ และสามีของนางก็อยากได้บ้าง อันที่จริงนั้นเป็นผ้าปักฝีมือนางก็จริง แต่ที่มอบให้เพราะเขาสัญญาว่าจะพานางไปพบซุนหลวนคุนต่างหาก’หรูซื่อหยิบเสื้อคลุมตัวนั้นออกมาแล้วคลุมร่างของตน วูบหนึ่งนางรู้สึกเหมือนตกอยู่ในวงแขนของเขา กลิ่นอายที่คุ้นเคยดั่งวงแขนโอบกอดนางแนบแน่น ภาพความทรงจำต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามาดุจสายฝนสาดซัดจนกายหนาวสั่น แม้ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ปะติปะต่อกันนัก แต่สิ่งนี้ยืนยันได้ว่า นางไม่เคยคิดปันใจไปจากเขา แม้เขาจะละเลยไม่ใส่ใจนางเท่าที่ควร นางต้องได้ยินเขาสารภาพความจริงจากปากของเขาเอง. เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว กลางคืนคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว อากาศในหุบเขาเย็นเยียบ กระนั้นทหารกลับมีเหงื่อไหลโทรมกาย แต่พวกเขาก็ไม่อาจหยุดได้ ต้องรีบถอยกลับไปถึงเขตแดนของตน “หวงอี้ เจ้านำทหารที่เหลือล่วงหน้าไปก่อน” “ไม่ได้นะขอรับ ท่านแม่ทัพนำหน้าไปก่อน พวกข้าจะอยู่รั้งท้ายเอง” “พวกเจ้านั้นแหละเป็นตัวถ่วงข้า จึงรีบรุดหน้าไปให้เร็วที่สุด”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status