หลังจากตกลงกันว่าจะซ่อมแซมบ้านให้มั่นคงแข็งแรงพอที่จะสามารถคุ้มฝนคุ้มหนาวได้แล้ว เช้าวันนี้แรงงานผู้ใหญ่นำโดยท่านปู่กับท่านลุงและท่านพ่อของหยางเสี้ยว ต่างมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขาเท่าไหร่ หยางเสี้ยวกับหยางเชวียนเองก็ตามไปด้วย เด็กชายทั้งสองเตรียมอุปกรณ์สำหรับขุดหน่อไม้ไปด้วย ท่านแม่กับท่านย่ารับหน้าที่ทำอาหาร ส่วนป้าสะใภ้อยู่ดูแลเป็ดไก่และหมูที่เลี้ยงเอาไว้ไม่ได้มาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย
นอกจากผู้ใหญ่แล้วเด็ก ๆ ทั้งสองบ้านก็ไปร่วมขุดหน่อไม้ด้วยเช่นเดียวกัน หยางเสียนเตรียมตะกร้าของตัวเอง โดยเขานำกระบอกน้ำดื่ม เสียมอันเล็กตามมาด้วย เจ้าเสี่ยวไป๋ที่ถูกจับใส่ตะกร้า หยางเสียนสะพายตะกร้าขึ้นหลัง แล้วบอกลาท่านแม่กับท่านย่าที่กำลังเตรียมอาหารเอาไว้รอพวกเขากลับมากิน หลังจากนั้นเด็กน้อยก็เดินตามหลังเหล่าบรรดาพี่น้องไปที่ป่าไผ่ด้วยใบหน้าเบิกบาน นานแล้วที่เด็กน้อยไม่ได้ตามพี่ชายเข้าป่าเลย เพราะพี่ชายมอบหมายหน้าที่ให้เขาอยู่ช่วยงานท่านแม่ที่บ้าน
สำหรับเสี่ยวไป๋วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่มันได้ออกจากบ้านกลับเข้าป่า ถึงแม้จะเป็นเพียงป่าไผ่ก็ตามที คนบ้านหยางทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางคือป่าไผ่ ที่มีต้นไผ่ขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่เต็มผืนป่า ป่าไผ่แห่งนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร เมื่อมาถึงเด็ก ๆ ก็จับคู่กันและเริ่มออกตามหาหน่อไม้ทันที
หยางเสี้ยวจับคู่กับหยางเสียน และหยางอิน รวมเสี่ยวไป๋ด้วยก็เป็นสามคนกับหนึ่งตัว หยางเชวียนกับหยางชิงสองพี่น้องจับคู่กัน หลังจากจับคู่กันเสร็จแล้ว เด็กทั้งห้าคนก็ตั้งหน้าตั้งตาหาหน่อไม้ทันที หยางเสี้ยวตั้งใจว่าจะขุดหน่อไม้ที่ยังไม่โผล่พ้นดินขึ้นมาให้ได้มากหน่อย เพราะหน่อไม้ที่อยู่ใต้ดินจะรสชาติหวานอร่อยกว่าหน่อไม้ที่โผล่ขึ้นมาแล้ว
“อาเชวียน พวกเจ้าอย่าได้พากันเดินไปไกลจนเกินไปล่ะ แล้วก็ดูแลน้อง ๆ ให้ดี อย่าให้เกิดอันตรายขึ้น เข้าใจหรือไม่” หยางเทา
“เข้าใจขอรับท่านพ่อ”
ทั้งสามคนมองตามแผ่นหลังของเด็ก ๆ ที่เดินแยกตัวออกไปเพื่อหาหน่อไม้
“เด็ก ๆ เริ่มโตขึ้นแล้ว แต่เจ้าสามบ้านข้ากลับไม่ชอบอยู่กับพี่น้องของตัวเอง แต่กลับชอบตามติดอาเสี้ยวเสียอย่างนั้น”
“ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะอาอินมีอายุเท่ากับอาเสียนของบ้านข้ามากกว่าเลยอยากเล่นด้วยกัน ส่วนอาเสี้ยวก็ต้องคอยดูแลน้องเท่านั้น”
“จริงอย่างที่น้องรองว่ามา จะว่าไปพวกเราผ่านความทุกข์ใจมาได้เพราะอาเสี้ยวเลยนะ ข้าไม่รู้ว่าหลานไปเจออะไรมาแต่ดูเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนไปแบบนี้ก็ดีแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนข้ากลัวว่าหลานจะโดนรังแกเข้าสักวันหนึ่ง”
“นั่นสิ พ่อก็เห็นด้วย ในตอนที่พวกเจ้าสองพี่น้องออกไปกับกลุ่มคนในหมู่บ้าน อาหารการกินของที่บ้านมีเนื้อกินไม่ขาดเลยเพราะอาเสี้ยวนะ พ่อเองยังรู้สึกละอายใจ ตัวเองเป็นปู่แท้ ๆ กลับทำได้แค่หาฟืนกับเกี่ยวหญ้าเลี้ยงหมู”
“พอท่านพ่อพูดมาแบบนี้ ข้าเองที่เป็นพ่อของอาเสี้ยวไม่ยิ่งละอายใจกว่าหรือขอรับ ข้ากับพี่ใหญ่ออกจากบ้านไป 6-7 วันกลับมาได้เงินมา 300 อิแปะ แต่อาเสี้ยวหาเงินเข้าบ้านทุกวัน วันละมากกว่า 100 อิแปะ เมื่อวานลูกก็จับปลาแล้วยังมีกระต่ายป่าอีก ให้ข้านำไปขาย ได้เงินมา 270 อิแปะ แล้วที่ข้าต้องออกจากบ้านบุกป่าฝ่าดงไปตั้ง 6-7 วัน แต่กลับหาเงินได้น้อยนิด พอเป็นแบบนี้แล้ว รู้สึกละอายใจมากขอรับ”
“เอาเถอะ ๆ มีลูกชายเก่งกาจขนาดนี้นับว่าสวรรค์อวยพรแล้ว ข้าเองก็จะเกาะขาหลานชายไปแบบนี้แหละ รีบ ๆ ตัดไม้กันเถอะ อย่าลืมว่าพวกเรายังต้องไปตัดต้นไม้บนเขาอีกนะ ในส่วนของคานต้องใช้ไม้อย่างดี ข้าว่านะน้องรอง เจ้าต่อเติมห้องเพิ่มให้อาเสี้ยวด้วยจะดีกว่า หลานข้าโตแล้ว ส่วนห้องนอนเดิมก็ทำเป็นห้องหนังสือไป ไหน ๆ อาเสี้ยวตั้งใจจะส่งน้องชายเรียนหนังสือ พวกเราก็ทำให้ได้เพียงเท่านี้ล่ะ”
“ข้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ขอรับ นอกจากนี้อาเสี้ยวยังต้องการสร้างห้องเก็บของขึ้นมาอีกห้อง เอาไว้เก็บอาหารโดยเฉพาะ”
“เช่นนั้นพวกเจ้าเร่งมือหน่อย ตัดไม้ไปให้มากหน่อย อาเสี้ยวเหมือนอยากจะทำรั้วใหม่ด้วย แต่พ่อกลัวว่าพวกเราสามคนจะทำไม่ไหวเอาน่ะสิ ท่านพ่อมีความคิดเห็นยังไงขอรับ” หยางเทาหันไปถามหยางไห่ที่ก้มหน้าก้มตาตัดไม้ไผ่
“ไม่น่าจะมีอะไรไม่ไหวนะ เจ้าใหญ่ พวกเราแค่ตัดไม้ไผ่ให้มากเท่านั้น ในส่วนของรั้ว อาเสี้ยวอธิบายให้ข้าฟังแล้ว เราแค่ขุดดินเป็นแนวยาวรอบบ้าน ขุดลึกลงไปประมาณ 5 ชุ่น จากนั้นใช้ไม้ไผ่ที่เราเสี้ยมปลายให้แหลมเอาไว้ด้านหนึ่งตอกลงไปในร่องดินที่ขุดเอาไว้หลังจากนั้นค่อยกลบดินอีกทีเท่านี้ก็เสร็จแล้ว แต่หลานอยากได้รั้วที่สูงหน่อย แต่พ่อว่าจะทำให้แข็งแรงหน่อย ค่อยว่ากันอีกทีจะทำยังไง ถ้าพวกลูกไม่วางใจกลัวว่าจะทำไม่ไหวค่อยกลับไปหารือกันอีกทีว่าจะหาใครมาช่วยได้บ้าง”
“ขอรับท่านพ่อ”
ในขณะที่เด็ก ๆ ยังคงตามหาหน่อไม้ด้วยความหวัง เมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยคิดที่จะกินหน่อไม้พวกนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะมันทั้งขมและไม่อร่อย แต่เมื่อไม่นานมานี้ หยางเสี้ยวกลับสามารถนำหน่อไม้มาทำอาหาร อาหารที่ทำจากหน่อไม้อร่อยมาก อร่อยเสียจนพวกเขาคิดไม่ถึงว่าหน่อไม้ที่พวกตนรังเกียจจะอร่อยได้ขนาดนี้ ทั้งหวานทั้งกรอบไม่ขมสักนิด โดยเฉพาะหยางเสียนชอบหน่อไม้ผัดไข่มาก ยังมีหน่อไม้เปรี้ยว ๆ ที่เรียกว่าหน่อไม้ดองผัดกับไก่ฟ้า ทุกคนที่ได้ชิมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก
“อ๊ะ ข้าเจอแล้ว ข้าเจอหน่อไม้แล้ว เร็วเข้าเสี่ยวไป๋มาช่วยกันขุดเร็วเข้า” หยางเสียน
“ข้าก็เจอแล้วเหมือนกัน” หยางอิน
“พวกเจ้าระวัง ค่อย ๆ ขุด อย่าทำให้ตัวเองบาดเจ็บเข้าล่ะ” หยางเสี้ยว
“ขอรับท่านพี่” หยางเสียนยิ้มตาหยี มีความสุขที่สุดสำหรับเขาแล้ว เดินตามหลังท่านพี่เท่ากับมีข้าวกิน
หยางเชวียนกับหยางชิงสองพี่น้องก็ขุดหน่อไม้ได้พอสมควร เด็กชายทั้งสองคนตั้งใจว่าจะขุดกลับไปให้มากหน่อย เอาไปทำหน่อไม้ตากแห้งเก็บเอาไว้กินในหน้าหนาว ตอนนี้ต้องเริ่มสะสมเสบียงเอาไว้เนิ่น ๆ จะดีกว่า พวกเขาเองก็ไม่อยากอดอยากอีกแล้ว หน้าหนาวคือความทุกข์ทรมานของชาวบ้านยากจนอย่างพวกเขาจริง ๆ ในเมื่อตอนนี้มีหนทางสะสมอาหารใครจะไม่ทำบ้าง ผักป่าที่เก็บมาในแต่ละวัน นำมาทำเป็นผักตากแห้งเก็บเอาไว้
หยางเสี้ยวยืนมองป่าไผ่ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ขนาดของต้นไผ่ใหญ่มากจริง ๆ ในใจคิดว่าป่าไผ่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ จะมีเห็ดเยื่อไผ่บ้างหรือเปล่า หรือว่าไม่ใช่ฤดูกาลของเห็ดเยื่อไผ่ แต่ไม่ใช่ว่าที่นี่แตกต่างจากโลกเดิมที่เคยอยู่หรอกหรือ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้ามีเห็ดเยื่อไผ่ก็ดี นอกจากจะเอาไปตากแห้งเก็บเอาไว้กินได้
เห็ดเยื่อไผ่นับว่าเป็นเห็ดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก นอกจากจะอร่อยแล้วยังสามารถใช้เป็นส่วนผสมของยาได้ เห็ดเยื่อไผ่ยังสามารถนำมาทำอาหาร ด้วยความเชื่อว่าสามารถลดไขมัน ลดความดันโลหิต บำรุงร่างกาย บรรเทาโรคที่เกี่ยวกับไต ตา ปอด ตับอักเสบ หวัด ช่วยระบบขับลม ลดความอ้วน จากการศึกษารวมทั้งมีรายงานระบุว่า นำมาเป็นส่วนผสมน้ำมันนวดแก้โรคเกาต์และรูมาติซึมได้ นี่คือสิ่งที่เขาได้ศึกษามาในตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในโลกเดิม
“มันจะมีอยู่หรือเปล่านะ เห็ดเยื่อไผ่เนี่ย ถ้ามีก็ดีไม่น้อย ใบไผ่เยอะขนาดนี้ ลองหาดูสักตั้งจะเป็นไรไป” หยางเสี้ยวได้แต่บ่นงึมงำกับตัวเอง
“บ๊อก บ๊อก บ๊อก” เสี่ยวไป๋ที่วิ่งเหยี่ยวไปตรงนั้นที ตรงนี้ที เพื่อสร้างอาณาเขตของตัวเอง ก็หยุดแล้วเห่าขึ้นใกล้ ๆ กับที่หยางเสี้ยวกำลังขุดหน่อไม้อยู่
“เสี่ยวไป๋ เจ้าเห่าอะไร เจออะไรเข้าอย่างนั้นหรือ ไหนให้ข้าดูสิ เสี่ยวไป๋ของเราเจอสมบัติอะไรเข้าให้แล้ว”
หยางเสี้ยวเดินมาหาเสี้ยวไป๋ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเห่าอยู่ เมื่อเด็กชายเดินเข้ามาถึงก็พบว่าสิ่งที่เสี่ยวไป๋เห่าอยู่ คล้ายกับสุ่มร่างแห มองอีกทีเหมือนกระโปรงผู้หญิงที่กำลังพลิ้วไหวตามลม นี่มันไม่ใช่เห็ดเยื่อไผ่ที่เขากำลังคิดถึงอยู่หรอกหรือ
“เสี่ยวไป๋ เจ้าเจอสมบัติเข้าให้แล้วล่ะ นี่มันของดีเลยนะ อร่อยด้วย โอ้ มีตั้งหลายดอกเลยนะ ขอบใจนะเสี่ยวไป๋ เอาไว้กลับไปแล้วจะทำของอร่อยให้เจ้ากิน” หยางเสี้ยวลูบหัวเสี่ยวไป๋ด้วยความเอ็นดู
หยางเสี้ยวเก็บเห็ดเยื่อไผ่และแยกส่วนบนสุดของเห็ดแยกไว้ต่างหาก ส่วนบนสุดหรือที่เรียกว่าหมวกดอกและส่วนนี้จะนำไปตากแห้งค่อยนำไปขาย เด็กชายไม่รู้ว่าคนที่นี่จะรู้จักเจ้าสิ่งนี้หรือเปล่า
เท่าที่ได้เรียนมา ส่วนบนสุดของเห็ดเยื่อไผ่ สามารถนำไปทำเป็นยาบำรุงเพศของม้าได้ ช่วยให้ม้าผสมพันธุ์ได้ดีขึ้น ส่วนที่เป็นเมือกนี้ เป็นแผ่นปลอกหุ้มอยู่ ด้านบนจะมีกลิ่นคาว และตรงนี้คือยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศอย่างดีที่สุด ส่วนใหญ่มักจะเอามาหมักหรือดองเหล้าทาน เมื่อเอาส่วนนี้ออกและส่วนของปลอกหุ้มออก ก็จะเหลือส่วนที่เป็นก้านและกระโปรงส่วนนี้สามารถนำไปทำอาหารได้
หยางเสี้ยวก้มหน้าก้มตาเก็บเห็ดเยื่อไผ่ด้วยความตั้งใจ อาจจะเพราะไม่ใช่หน้าฝน จำนวนเห็ดที่เกิดมายังมีไม่มาก หยางเสี้ยวเทหน่อไม้ออกจากตะกร้าของตัวเอง จากนั้นก็เรียกให้หยางเสียนมาหา เขาเอาหน่อไม้ใส่เข้าไปในตะกร้าของหยางเสียนกับหยางอิน ส่วนตะกร้าของตัวเองใส่เพียงเห็ดเยื่อไผ่ที่เก็บได้ ส่วนหมวกดอกที่แยกเอาไว้ เขาหาใบไม้ขนาดใหญ่เย็บเป็นกระทงใส่เอาไว้
“ท่านพี่ ท่านเก็บเจ้านี่ไปทำไม กลิ่นเหม็นมากเลย มันกินได้หรือขอรับ” หยางอินถามด้วยความสงสัย
“อันนี้กินไม่ได้ ส่วนที่กินได้คืออันนี้”
“กินไม่ได้แล้วท่านพี่จะเก็บไปทำไมขอรับ ทั้งกินไม่ได้แถมเหม็นมาก” หยางเสียน
“เอาไปขายน่ะสิ”
“อะไรนะ! ท่านพี่ล้อเล่นหรืออย่างไร ทั้งกินไม่ได้ทั้งเหม็นแล้วจะขายได้ยังไงขอรับ ใครเขาจะซื้อกัน” หยางเสียนทำปากยื่นหน้ามุ่ย หลังจากพูดจบเขาเริ่มไม่เข้าใจท่านพี่ขึ้นไปทุกวัน
“ร้านรับซื้อสมุนไพรต้องรับซื้อแน่นอน เพราะเอาไปทำยาให้ม้ากินยังไงล่ะ” ถึงจะไม่มั่นใจแต่หยางเสี้ยวยังตอบคำถามของน้องชาย
“ก็ได้ขอรับข้าเชื่อท่านพี่ เสี่ยวไป๋เจ้าเลิกฉี่รดต้นไผ่ได้แล้ว เราจะกลับกันแล้วนะ” หยางเสียนเดินเข้าไปอุ้มเจ้าเสี่ยวไป๋ที่กำลังมีความสุขในการขยายอาณาเขตของตัวเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“อาเสี้ยว พวกท่านพ่อจะกลับกันแล้ว นั่นอะไรน่ะ มันคืออะไรหรืออาเสี้ยว”
“ของดีน่ะสิ พี่ใหญ่เชวียนท่านช่วยแบ่งหน่อไม้ของอาอินกับอาเสียนไปหน่อย หน่อไม้ของข้าเอาให้เด็กสองคนนี้ไปแล้ว ข้ากลัวว่าจะแบกกลับกันไม่ไหว ตะกร้าของข้าเองก็ใส่เห็ดเยื่อไผ่จนเต็มแล้ว ตอนแรกข้าคิดว่าจะเอาตะกร้าของทั้งสองคนมาใส่เห็ดเยื่อไผ่แต่มันเล็กเกินไป ส่วนหน่อไม้ที่เหลือกองนี้เราคงทำได้แค่ซ่อนเอาไว้แล้วค่อยเอาตะกร้ามาขนกลับไป”
“ข้าว่าไม่ต้องกลับไปกลับมาให้เสียเวลา ท่านอารองไม่ใช่ว่าเอาตะกร้ามาด้วยหรือ เดี๋ยวข้าไปเอามาใส่หน่อไม้พวกนี้เอง”
“ตกลงขอรับ”
หยางเชวียนวิ่งไปเอาตะกร้ามาเก็บหน่อไม้ใส่เข้าไป หยางเสี้ยวด้านหลังสะพายตะกร้าหน่อไม้ ส่วนตะกร้าเห็ดเขาอุ้มเอาไว้ เด็กชายเดินอย่างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงบริเวณที่ท่านพ่อตัดไม้อยู่ หยางเทียนเห็นลูกชายเดินอย่างยากลำบากก็รีบมารับเอาตะกร้าเห็ดไปทันที
“นี่เก็บอะไรมาล่ะนี่ มันคืออะไรหรืออาเสี้ยว”
“เห็ดเยื่อไผ่ขอรับท่านพ่อ”
“อะไรนะ! เห็ดเยื่อไผ่เรอะ” ท่านปู่หยางไห่ร้องถามเสียงดัง
“ขอรับท่านปู่”