“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”
“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”
มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกัน
เขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดี
หญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”
คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน
“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”
“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”
สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไหนร้านที่เป็นความทรงจำที่ไม่เคยเลือนลาง
“จริงๆ ผมก็รู้จักร้านนี้ได้ไม่นานหรอกเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เอง ที่นี่ให้บรรยากาศเหมือนได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดผมก็เลยชอบมาบ่อยๆ จนกลายเป็นร้านประจำอีกร้านนึงเลยแหละ”
เมื่อต่างคนต่างให้เหตุผลและความชอบของตัวเองเสร็จแล้วก็พากันลงจากรถเดินเข้าร้านไปน่าแปลกที่ทั้งสองคนมักจะมีความชอบอะไรคล้ายๆ กันอยู่เสมอแล้วก็กลายเป็นว่าสองคนนั้นพูดคุยกันถูกคอต่างจากในตอนแรกที่ต่างคนต่างตั้งแง่ไส่กันโดยที่ไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาเหล่านั้นค่อยๆ เลือนลางจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันชอบนั่งที่โต๊ะนี้กับคุณปู่ค่ะ ทุกๆ อย่างที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยทั้งที่ฉันไม่ได้มานานมากแล้วขอบคุณนะคะ”
อรฤดีมองทุกอย่างด้วยแววตาเป็นประกายและรอยยิ้มอ่อนโยนราวกับกำลังทบทวนความสุขในอดีตที่เธอมองเห็นทับซ้อนอยู่ในตอนนี้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าที่ทำให้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
“ผมดีใจที่คุณชอบนะ”
สายตาคมลอบมองใบหน้าสวยตรงหน้าเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ชวนเธอพูดคุยอะไรเพราะต้องการให้เธอได้ซึมซับกับความทรงจำอันแสนสุขของเธอต่อไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ทำไมเพียงแค่เห็นภาพตรงหน้าเค้าก็รู้สึกสบายใจรู้สึกเหมือนข้างในที่มันขาดหายได้ถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลายวันผ่านไป
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแล้วนะลูก”
ฝ่ามือที่ แสน อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักและหวังดีจากคนเป็นแม่ลูบลงเบาๆ ที่หัวทุยของลูกสาวถึงแม้เธอจะดื้อไปบ้างและแม้ตอนนี้เองเธอก็ยังพยายามขัดขืนและไม่เต็มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ที่ตนเองและสามีได้หมั้นไว้เอาไว้นั้น แต่เพื่อแม่แล้ว เพื่อความสุขของแม่เธอก็ยังยอมทำตาม..คิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูจนบอกไม่ถูก
“อรยอมแต่งงานแล้วแม่ก็ต้องไปหาหมอตามที่หมอนัดทุกครั้งนะคะเข้าใจไหม”
“รู้จักต่อรองแม่ด้วยเหรอเด็กคนนี้โตมาแล้วเจ้าเล่ห์จริงๆ เลย”
“ก็แม่ดื้อนี่คะ แต่ยังไงอรก็รักแม่ที่สุดอยู่ดี”
ไม่ว่าจะโตแค่ไหนแต่หญิงสาวก็ยังสวมกอดแม่ของเธอเอาไว้ทั้งสองแขนแล้วก้มหน้าลงไปซุกไซ้สูดกลิ่นหอมที่เหมือนกับเป็นยาวิเศษทำให้เธอมีแรงฮึดสู้ต่อไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่อรแม่จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะลูก คนเราถ้าหากว่าเป็นคู่กันแล้วอยู่คนละฟากฟ้าก็มาเจอกันได้อยู่ดีแต่ถ้าหากไม่ใช่คู่กันต่อให้ยืนจับมือกันแน่นแค่ไหนสักวันก็มีเหตุให้จำเป็นต้องปล่อยมือเชื่อความรู้สึกของตัวเองเชื่อหัวใจของตัวเอง”
“แม่ขอให้ลูกได้พบกับความรักขอให้ลูกมีความสุขไปชั่วชีวิตจนวันสุดท้ายและอย่าลืมใช้หัวใจมองอย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งเข้าใจไหมลูก”
เสียงของคนเป็นแม่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรัก..เธอมีลูกสาวเพียงคนเดียวแน่นอนว่าสิ่งที่เธอเลือกให้นั้นต้องดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
สองมือเล็กๆ ของหญิงสาวที่ยังไม่พร้อมจะโตกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นในหัวก็คิดแย้งไปต่างๆ นาๆ กับคำพูดหวานหูของสิริวดี
“พรุ่งนี้ไม่มีธุระต้องไปไหนอรขอไปวัดนะคะแม่ อรอยากไปหาปู่”
“ได้สิ ให้แม่ไปด้วยไหม”
คุณแม่ยังสาวถามเสียงใสเพราะอรสนิทกับปู่มากตัวติดกันตลอด ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จนเติบโตมาแทบจะทุกช่วงชีวิตไม่ว่าตอนไหนที่หันมาก็จะมี คุณปู่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตก่อนที่คนเป็นปู่สัญญาว่าจะมาเป็นเทวดาคอยคุ้มครองเธออยู่ข้างกายไม่ห่าง
ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเธอก็มักจะหาเวลาไปเล่าเหตุการณ์ที่พบเจอให้กับเทวดาของเธอฟังอยู่เสมอ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่อร ไปคนเดียวได้ค่ะ ไม่ได้ไปหาคุณปู่นานแล้วอร ว่าจะอยู่นานนิดนึง”
“งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูกกำลังจะมีงานมงคลโบราณเค้าถือ”
“ได้เลยค่ะเดี๋ยวอรจะรีบกลับไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ไป..งั้นเข้านอนได้แล้ว ว่าที่เจ้าสาวแสนสวยของแม่”
สิริวดี ดึงผ้าห่มมาห่มให้กับดวงใจของเธอที่นอนอยู่บนเตียงมองเธอตาแป๋วด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับออกไปแยกย้ายกันพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น
“อรคิดถึงคุณปู่จังเลยค่ะถ้าคุณปู่อยู่ข้างๆ อรคุณปู่จะช่วยอรไหมคะอรยังไม่พร้อมเลย.. อรจะทำยังไงดีคะ”
ดวงตาคู่สวยเริ่มหม่นลงเรื่อยๆ เมื่อพูดถึงเรื่องที่เธอกำลังลำบากใจ นี่มันคือทั้งชีวิตของเธอที่มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ช่วงนี้อรไม่ค่อยได้มาหาเลยปู่เหงาไหมคะ อรจะมาให้บ่อยเหมือนเมื่อก่อนะคะ”
พูดไปสองมือก็จัดแจกันดอกไม้ไปทั้งที่พูดอยู่คนเดียวแต่ก็ทำเหมือนมีคนที่เธอกำลังพูดคุยอยู่ด้วยจริงๆ ทำเอาคนที่กำลังแอบมองอยู่เงียบๆ ถึงกับหัมมองซ้ายมองขวาด้วยความกังวล
“อื้อปู่จำได้ไหมคะวันเกิดอรเดือนหน้าแล้วน้าาอย่าลืมมาหาอรด้วยนะคะ”
“ถ้าคิดถึงกันขาดนั้นก็ตามไปอยู่ด้วยกันเลยสิ!”
“สวบบ! กรี้ดดดดด! ปล่อยนะ ๆ ปล่อยชั้น!!”
ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่จับกระสอบสวมศีรษะของเธอไว้ในทันทีแล้วมัดเชือกรอบตัวเธอไว้แน่นก่อนจะจับอุ้มยกขึ้นพาดบ่าแล้วรีบเดินดุ่มๆ ตรงไปขึ้นรถตู้ที่แอบจอดไว้
“กรี้ดดดดด! ช่วยด้วย! ช่วยด้วยยย !!”
อรฤดีพยายามร้องให้ดังที่สุดเผื่อว่าจะมีใครมาเห็นหรือได้ยิน .. ซึ่งก็จริง เพราะแม่ของเธอได้โทรให้ว่าที่ลูกเขยนั้นตามมาเพราะเป็นห่วงลูกสาว
เมื่อเห็นเขาก็รีบโทรแจ้งตำรวจแล้วจึงรีบเข้าไปช่วยว่าที่เจ้าสาวของเขาในทันที
“เห้ยหยุดนะเว้ย! ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!”
เสียงของจอมทัพที่ตะโกนพูดออกมาทำให้อรฤดีโล่งในขึ้นมาไม่น้อย
“คุณ! คุณช่วยชั้นด้วย! ชั้นกลัว! อั่กก!”
คนร้ายโยนเธอเข้าไปในรถตู้จนร่างเล็กกระแทกอย่างแรงจนจุกเจ็บจนแทบร้องไม่ออก ก่อนจะได้ยินเสียงต่อสู้กัน
“ผลั่วะๆ!” หมัดหนักๆ ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าของจอมทัพหลายทีจนเขาเซล้มลงไปกองกับพื้นถึงจะเคยเรียนฝึกวิชาป้องกันตัวมาบ้างแต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปนั่นถือว่าเป็นอุปสรรคไม่น้อยเลยทีเดียว .. แล้วสายตาคมก็หันมองรอบๆ ตัวเพื่อหาตัวช่วยก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากิ่งไม้ใกล้ๆ ฟาดกลับไปหลายทีจนครร้ายเลือดไหลอาบหน้า
“เสร่อดีนักงั้นมึงก็ตายก่อนเลยเป็นไง !”
คนร้ายที่ต้องเก็บงานให้ได้พูดออกมาด้วยความเดือดดาลงานนี้จะมีคำว่าพลาดไม่ได้เด็ดขาด ก่อนจะหยิบไม้ขึ้นมาบ้างแล้วฟาดใส่จอมทัพในทันที
ยิ่งได้ยินเสียงอรฤดีก็ยิ่งใจคอไม่ดี แล้วก็ยิ่งลนลานพยายามแก้มัดเชือกที่มือตัวเองไม่หยุด
“ผลั่วะ! .. ผลั่วะ !”
เสียงชายทั้งสองต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเลือดสีแดงฉาดอาบไปทั่วทั้งหัว ทั้ง คิ้ว ทั้งปาก และตามร่างกายไม่ได้ต่างกัน ก่อนที่คนร้ายจะล้วงหยิบมีกพกในกระเป๋ากางเกงออกมา
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!…
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน
”อ้าวสวัสดีครับเจอกันอีกแล้ว“เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูจากคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสองขาที่สาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอรฤดีด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าครั้งก่อนที่เจอ”วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ“ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆ ไปด้วยซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาของจอมทัพหรือใคร“อรมากับเพื่อนค่ะ”“ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นะ..””อย่าดีกว่าค่ะอรกำลังจะแต่งงานแล้วนะคะคงจะดูไม่ดี“”การแต่งงานปลอมๆ น่ะเหรอครับ“ทันทีที่เปรมพูดอย่างนั้นอรฤดีก็เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาทันทีเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะรู้ความจริง“คุณรู้ได้ยังไงคะ”“ผมรู้ได้ยังไงไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญคือผมช่วยคุณได้ถ้าหากคุณต้องการ”ชายหนุ่มตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกพบแต่เมื่อเห็นว่าเธอนั่งอยู่กับคนรักของน้องสาวตนเองในวันนั้นก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เธอเข้ามาเป็นบุคคลที่สามของชีวิตคู่คนอื่น แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากน้องสาวของตัวเองเขาก็มีแรงฮึดสู้ที่จะสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง แล้วตอนนี้เขาก็พร้อมลุยเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะดึงผู้หญิงคนนี้
หลายวันต่อมา “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ขวัญจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ยายอรทำตามที่คุณแม่พูดอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ”กรองขวัญจีบปากจีบคอพูดรับปากสิริวดีแม่ของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะในการรับหน้าที่พาอรฤดีไปเข้าคอร์สเจ้าสาวในวันนี้“ดีมากลูกถ้าเกิดว่ายายอรดื้อขึ้นมาโทรบอกแม่เลยนะ”“ได้เลยค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะขวัญจะดูแลอย่างดีเลยค่ะงั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”คนเป็นแม่โบกมือบ๊ายบายให้กับหญิงสาวทั้งสองที่รักปานดวงใจ เห็นลูกสาวของเธอมีเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันดีพร้อมให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้คนเป็นแม่แบบเธอก็นอนตายตาหลับ แต่ดูเหมือนว่าที่เจ้าสาวจะหน้างอไม่พอยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่อีกต่างหาก “ไม่เห็นจำเป็นเลยคอร์สเจ้าทรงเจ้าสาวอะไรมันจะทำให้สวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนกันเชียวก็แค่แผนการตลาดหาเงินเพิ่มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ”อรฤดีขึ้นมาบนรถคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกแล้วบ่นอุ๊บอิ๊บในทันที “จะบ้าเหรออรมันจำเป็นมากเลยนะ ไม่ว่าแกจะแต่งเล่นหรือแต่งจริงแต่งแล้วจะอยู่ทนหรือจะเลิกมันไม่สำคัญมันสำคัญตรงที่วันที่แกได้แต่งตัวแต่งหน้าแต่งชุดเจ้าสาวคนที่สวยที่สุดในงานก็คือแกทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่แก