“อ่าว มารอใครเหรอครับคุณอร”
เปรมที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นอรฤดีผู้กุมหัวใจของตนเองกำลังนั่งเหมือนรอใครอยู่ในร้านกาแฟจึงเดินแวะเข้ามาทักทายเพราะหลังจากที่เธอเข้าพิธีวิวาห์ไปเขาก็ไม่ได้เจอกับบเธออีกเลย
“อรรอเพื่อนอยู่ค่ะ คุณเปรมล่ะคะ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดีครับกำลังจะกลับถ้างั้นให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนนะครับ”
“อรว่า..เอ่อ..”
อรฤดีอ้ำอึ้งทำหน้าลำบากใจไม่น้อยเพราะตอนนี้เธอแต่งงานแล้วถึงจะไม่ได้เกิดจากความรักแต่ก็ไม่อยากให้มีข่าวลือเสียๆ หายๆ ออกไปในทางที่ไม่ดี
“ในฐานะเพื่อนน่ะครับ อีกอย่างผมมีอะไรจะคุยกับคุณอรด้วย”
เปรมรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรแต่การที่เธอมีท่าทีแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจชัดเจนถึงสิ่งที่ควรจะพูดออกไป
“ก็ได้ค่ะ”
“คุณอรดูเปลี่ยนไปนะครับ”
“เปลี่ยนไปยังไงเหรอคะ”
“ก็คุณดูมีความสุข.. ดูไม่เครียดเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก”
เพียงเขาพูดแค่นั้นใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่บ้าน…
“ผมดีใจด้วยนะครับที่คุณอรมีความสุข บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกผมตั้งใจจะแย่งคุณอรมาเป็นของผมให้ได้แต่เห็นอย่างนี้แบ้วผมคงต้องยอมแพ้แล้วสินะครับ”
“อรก็ยังไม่รู้อนาคตเลยค่ะ เพราะยังมี ..”
“น้องสาวผมใช่ไหมครับ”
“คุณอรไม่ต้องเป็นกังวลไปนะครับ ถ้าน้องสาวผมทำผิดผมจะไม่เข้าข้างอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณมากนะคะที่พูดกับอรตรงๆ”
เธอพูดแล้วยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยยิ้มแบบนั้นให้เขาได้เห็นมาทำเอาหัวใจเต้นแรงเสียจนอยากจะขอคืนคำขึ้นมาทันที
“อย่ายิ้มให้ผมแบบนั้นสิครับเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจคุณอรจะโทษผมไม่ได้นะ”
“คุณเปรมก็พูดไปค่ะ แต่ยังไมก็ขอบคุณนะคะ”
“ขอให้คุณอรมีความสุขกับชีวิตคู่มากๆ นะครับ ก่อนไปผมขอกอดอำลาความรู้สึกอกหักหน่อยได้ไหมครับ จากเพื่อนคนนึงก็ยังดี”
“ได้สิคะ”
เมื่อมองดูในแววตาคู่นั้นแล้วไม่มีความแอบแฝงใดๆ อรฤดีจึงตอบตกลงแล้วลุกขึ้นสวมกอดกับชายหนุ่มตรงหน้าในฐานะเพื่อนที่พึ่งคุยเปิดใจแต่นั่นกลับเป็นภาพที่จอมทัพเห็นเข้าเต็มตา ไม่รู้ทำไมความหงุดหงิด ความโมโหที่ไม่คิดว่าเกิดขึ้นก็แตกปะทุออกมาในทันที สองมือหมุนเลี้ยวพวงมาลัยรถหันกลับตรงไปที่บ้านทันที
ความคิดในหัวตีกันวุ่นวายเห็นเขาเป็นอะไรกันแน่ถึงจะแต่งงานกันแบบถูกบังคับแต่ก็ไม่ควรทำประเจิดประเจ้อกับคนอื่นขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง
สามวันที่อยู่กับเขาคงจะอัดอั้นตันใจมากล่ะสิถึงได้รีบแจ้นออกไปเจอกันแบบนั้นรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ถูกขี้หน้ากันแต่กลับทำลับหลังกันแบบนี้.. คอยดูเถอะกลับมาเมื่อไหร่เจอดีแน่ๆ
“เอี๊ยดดดด … เอี๊ยดดดดด”
“ว้ายยยย! ทำไมขับรถน่ากลัวอย่างนี้ล่ะคะคุณจอม!”
ด้วยความโมโหทำเอาจอมทัพแทบจะดรีฟเข้าบ้านทำเอาพี่ปลาตกใจร้องลั่นหัวใจจะวาย
ปั้งงง!!
เมื่อลงรถได้ก็ปิดประตูรถอย่างแรงแล้วรีบเดินเข้าบ้านไปไม่แม้จะตอบหรือพูดอะไรกับพี่ปลาเลยสักคำ
เขาเดินวนไปวนมาในห้องของตัวเองในหัวก็คิดไปต่างๆ นาๆ ทั้งที่คิดว่าเธอน่าจะรู้สึกเหมือนกันกับตัวเองแต่ภาพที่เห็นวันนี้มันทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาทันที
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาจนข้างในมันร้อนรนไปหมดถ้าบอกว่าไม่มีสิทธิ์..จะไม่มีได้ยังไงก็สิทธิ์ของคนเป็นสามีภรรยากันไง หึ !
เมื่อคิดได้อย่างนั้นชายหนุ่มก็เดินดุ่มๆ เขาไปที่ห้องของอรฤดีทันทีดูท่าอีกไม่นานเธอก็คงจะกลับมาแล้ว
.
.
.
“ไว้ใจได้จริงๆ เหรออร ไว้ใจได้แน่นะ ไม่ใช่ว่ามาดูต้นทางให้น้องสาวหรอกเหรอ”
กรองขวัญที่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่กล้าที่จะไว้ใจเปรมได้เลย เพราะเธอรู้จักทั้งน้องสาวและครอบครัวของผู้ชายคนนี้ดียังไงล่ะ
“อย่าคิดมากไปเลยน่า.. ไม่มีอะไรหรอกคุณเปรมเขาก็แค่มาแสดงความยินดีด้วยเฉยๆ เท่านั้นเอง”
“เออๆ ไม่มีก็ไม่มีแล้วเป็นไงมั่งอ่ะ ชีวิตหลังแต่งงานไหนรีวิวหน่อย เพื่อนอยากฟัง”
กรองขวัญนั่งท้าวคางตั้งใจฟังเพื่อนสนิทที่เขินจนหน้าแดงได้แต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร
“เห้ยๆ ทรงนี้อย่าบอกนะว่าฟีจเจอร์ริ่งกันแล้วอ่ะ”
“บ้าเหรอพูดเบาๆ สิเสียงดังจนคนได้ยินหมดแล้วมั้ง”
อรฤดีรีบปิดปากเพื่อนสนิทไว้ไม่ให้พูดอะไรอีกในทันที
“อื้ออ โอเคๆ “
“มีอะไรดีๆ เหรอ ดูเพื่อนเปลี่ยนไปนะเนี่ย ใช่ไหมๆ”
“ไม่รู้ ไม่มีอะไรหรอก เปลี่ยนที่ไหนไม่มีอะไรเปลี่ยนสักหน่อย”
“นี่ไงพิรุธเต็มไปหมดยอมรับมาซะดีๆ อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจไม่หย่าแล้วอ่ะ”
เพียงแค่มองตาก็รู้ใจไม่เสียแรงที่คบเป็นเพื่อนกันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ก็นั่นแหละมีดีเทลลึกๆ อีกตั้งหลายอย่างที่ยังไม่เคลียร์เลยนี่นา
“ไม่รู้สิ ..ไม่รู้เลยจริงๆ นะ “
รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปแล้วเหลือไว้เพียงความสับสนที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคใหญ่ของเธอ
“ไม่เป็นไรนะอร ไม่เป็นไร อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดถ้าตอนนี้มีความสุขก็แค่ซึมซับเอาไว้ ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตนะ “
กรองขวัญลูบหลังมือเพื่อนรักเบาๆ พร้อมกับพูดให้กำลังใจไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้หัวใจเพื่อนของเธอกำลังเอนเอียงไปทางผู้ชายคนนั้นแล้ว
“ขอบคุณนะขวัญ ใกล้ค่ำแล้วกลับบ้านก่อนดีกว่า”
“อื้อ เดี๋ยวว่างๆ จะเข้าไปเล่นด้วยนะ “
“โอเค เจอกันๆ “
เมื่อได้คุยกันเป็นเวลาพักใหญ่พอให้หายคิดถึงทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับโดยที่ก่อนกลับอรฤดีก็แวะซื้อเค้กนมสดเจ้าดังของโปรดเธอติดมือกลับไปฝากพี่ปลาและ…สามีของเธอด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้น..
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณอร”
“นี่ของฝากค่ะพี่ปลา ทำไมบ้างเงียบจังล่ะคะ แล้ว…”
“อยู่ในห้องค่ะ มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันนะคะ”
พี่ปลาพูดไว้แค่นั้นก่อนจะรับถุงขนมจากมือของเธอแล้วเดินหายเข้าครัวไปอรฤดีที่ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไรก็เดินเข้าห้องของตัวเองไปทันที
แกร่ก.. “คะ คุณเข้ามาในนี้ทำไม”
เธอเอ่ยถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โซฟาจ้องมองตัวเองตาไม่กระพริบ
“ทำไม..ผัวจะเข้าห้องเมียไม่ได้หรือไง จะรอให้ใครเข้ามาล่ะตีสองหน้าเก่งนักนี่หืม..ไม่เจอกันแค่สามวันทนไม่ไหวเลยหรือไง”
“พูดเรื่องบ้าบออะไรของคุณ”
“ใช่สิ ผมมันบ้าที่คิดไปเอง ผมมันโง่ที่โดนคุณหลอกสวมเขาเอาง่ายๆ มานี่ถ้าคุณอยากนักทำไมไม่บอกผมจะสนองให้”
“ไม่ ไม่นะ อย่านะ”
เขาลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอแล้วจับเธอโยนลงบนเตียงนุ่มอย่างแรงพร้อมกับฉุดยื้อถอดเสื้อผ้าของเธอออกโยนทิ้งไปอย่างง่ายดายริมฝีปากหนารีบประกบจูบเธอไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้องดังออกมาทั้งที่เธอพยายามขัดขืนสุดแรง… แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล
“อื้ออ อื้อออ”
“อ่าว มารอใครเหรอครับคุณอร” เปรมที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นอรฤดีผู้กุมหัวใจของตนเองกำลังนั่งเหมือนรอใครอยู่ในร้านกาแฟจึงเดินแวะเข้ามาทักทายเพราะหลังจากที่เธอเข้าพิธีวิวาห์ไปเขาก็ไม่ได้เจอกับบเธออีกเลย “อรรอเพื่อนอยู่ค่ะ คุณเปรมล่ะคะ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดีครับกำลังจะกลับถ้างั้นให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนนะครับ” “อรว่า..เอ่อ..”อรฤดีอ้ำอึ้งทำหน้าลำบากใจไม่น้อยเพราะตอนนี้เธอแต่งงานแล้วถึงจะไม่ได้เกิดจากความรักแต่ก็ไม่อยากให้มีข่าวลือเสียๆ หายๆ ออกไปในทางที่ไม่ดี “ในฐานะเพื่อนน่ะครับ อีกอย่างผมมีอะไรจะคุยกับคุณอรด้วย” เปรมรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรแต่การที่เธอมีท่าทีแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจชัดเจนถึงสิ่งที่ควรจะพูดออกไป“ก็ได้ค่ะ” “คุณอรดูเปลี่ยนไปนะครับ”“เปลี่ยนไปยังไงเหรอคะ”“ก็คุณดูมีความสุข.. ดูไม่เครียดเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” เพียงเขาพูดแค่นั้นใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่บ้าน…“ผมดีใจด้วยนะครับที่คุณอรมีความสุข บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกผมตั้งใจจะแย่งคุณอรมาเป็นของผมให้ได้แต่เห็นอย่างนี้แบ้วผมคงต้องยอมแพ้แล้วสินะครับ” “อรก็ยังไม่รู้อนาคต
ช่วงค่ำ ณ บาร์แห่งหนึ่ง … ที่เสียงเพลงดี บรรยากาศดี อาหารอร่อยไร้ที่ติ แต่หญิงสาวสวยที่กำลังจ้องมอง โทรศัพท์มือถือตรงหน้ากลับดูไม่ค่อยจะกลมกลืนกับบรรยากาศในตอนนี้สักเท่าไหร่ข้อความที่ถูกส่งไปยังคนรักของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าไม่แม้จะถูกเปิดอ่านหรือรับสายเพื่ออธิบายใดๆ มีเพียงความเงียบงั้นที่ชวนให้เธอคิดมากและอดระแวงไม่ได้จนต้องออกมาหาที่นั่งดื่มเพื่อหวังว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้เธอรู้สึกดี หรือลืมเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ ลงไปได้บ้างอึก อึก..เสียงเจ้าของลำคอสวยระหงจับแก้วไวน์สีสวยยกขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดพร้อมกับส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟเติมแก้วใหม่ให้ในทันที“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”เสียงทุต่ำที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่ยังพอจะมีสติหลงเหลืออยู่บ้างรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที“ฉันอยากอยู่คนเดียวอย่ามายุ่งได้ไหม”ลูกปัดกรอกตามองบนพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแต่นั่นดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ใส่ใจถือสาเธอเลยแม้แต่น้อย“ใจร้ายกับผมเสมอเลยนะครับ .. พูดดีๆ กับผมบ้างไม่ได้เหรอผมเป็นห่วงคุณนะ”แท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นใช่ใครที่ไหนสาเหตุที่เธอไม่อยากจะพูดดีด้วยกับเขานั่นก
“เริศค๊าาคุณนาย รับรองได้หลานเร็วๆ นี้แน่เลยค่ะ”พี่ปลารีบโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวให้กับเจ้านายฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งคนปลายสายที่ได้ยินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน“ดีมาก..ดีมากถ้าอย่างนั้นคอยสังเกตเอาไว้นะแล้วมารายงานฉันตลอดนะ”“ได้เลยค่ะคุณนายรับรองจะตามดูทุกฝีก้าวเลยค่ะ”“อันนั้นก็เกินไปแหมแกนี่นะ”“แหะ แหะ หยอกๆ ค่ะ คุณนายสบายใจได้เลยนะคะทางนี้ไว้ใจปลาได้เลยค่ะ”“ดีมากมันต้องยั่งงี้สิ” “อุ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนาย คุณอรลงมาแล้วค่ะ” “ได้ๆ ““สวัสดีค่ะคุณนาย “พี่ปลาวางทั้งสายจากเจ้านายและและวางสายยางรดน้ำต้นไม้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเดินเรียบๆ เคียงๆ แอบดูท่าทีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเงียบๆ “อ่าวตื่นแล้วเหรอคุณมาทานข้าวด้วยกันสิ”“ไม่อ่ะ ชั้นจะออกไปข้างนอก”อรฤดีพูดเสียงเรียบโดยไม่เดินมาเฉียดโต๊ะข้าวเลยด้วยซ้ำ “เสียใจด้วยนะคุณแม่ๆ ของพวกเราบอกว่าห้ามออกบ้านสามวัน..”“ห้ะ…” สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักแล้วหันมาส่งเสียงเป็นคำถามเหมือนกับชายหนุ่มที่ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด“ตามนั้นแหละคุณมานั่งสิ ถ้าขัดคำสั่งมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ “เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับ
ภายในห้องหอรอรักหลังจากที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกไปแล้วแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ลุกไปไหนเพราะต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก.. เพียงเพราะคิดถึงคำพูดที่สิริวดีพูดก่อนออกจากห้องไป .. โบราณเค้าถือว่าห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้าเพราะฉะนั้นรีบมีหลานให้แม่ไวเลยนะจ้ะเข้าใจไหม “คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนที่โซฟาเอง”จอมทัพรีบส่ายหัวสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งไปแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างเกร็งกันไปมากกว่านี้ “อะ อืม.. งั้นชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”อรฤดีรู้สึกกลืนน้ำลายลงคอลำบากเหลือเกินกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นแก้มนวลของเธอสุกแดงปลั่งจนแทบจะไม่เงยหน้ามามองคนตัวสูงเลยแต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย“คุณ..คือ”“หืม ว่าไงคุณทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”“คือ.. คุณ ช่วยปลดตะขอด้านหลังให้ชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเอื้อมไม่ถึง.. ““ได้สิ”เขาตอบรับง่ายๆ วางรีโมททีวีในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อรฤดีก็หันหลังให้อีกฝ่ายไม่รอช้าพร้อมกับรวบเก
กรองขวัญจับมือของเพื่อน สนิทเอาไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ เพื่อ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ถึงแม้จะรู้สถานการณ์ดีแต่หน้าที่ของเพื่อนก็คือให้กำลังใจสนับสนุนและยินดี“ขอบใจมากนะยิ้มแบบนี้สวยหรือเปล่า”อรฤดีรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะสื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสวยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร“สวยแต่จะสวยมากกว่านี้ถ้ายิ้มอีกนิดนึงคืนนี้แกเป็นเจ้าสาวสวยที่สุดในงานเป็นนางเอกนะเป็นนางฟ้า จำเอาไว้”“ทำไมเป็นหลายอย่างจังนี่ยังไม่ทันจะเป็นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วขอนอนก่อนได้ไหมอ่ะ”เสียงหัวเราะดังคิกคักจากสองสาวที่หยอกกันไปมารอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปแขกมากันมากมาย ภายในงาน ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูของดอกไม้นานาชนิดราวกับโลกเทพนิยายที่ถูกเนรมิตขึ้นภายในโรงแรมสุดหรู“ฉันดีใจจังเลยคุณในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันมีความสุขจนพูดไม่ถูกเลยค่ะ”สิริวดียกมือขึ้นปากน้ำตา แห่งความสุขเบาๆ อย่างน้อยๆ ก่อนตายจากโลกนี้ไปได้เห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นฝั่งเป็นฝาให้หมดห่วงได้นอนตายตาหลับเสียที“นั่นสิคุณผมเองก็ดีใจที่เห็นลูกมีวันนี้”คนเป็นสามีโอบกอดภรรยาสุดที่รักของเค้าไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเห
“ที่แม่แกพูดเป็นความจริง พ่อว่าแกต้องกลับไปทบทวนเรื่องของแกกับเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ แล้วก็ตัดสินใจให้เด็ดขาด ถึงแกจะให้อภัยไม่เอาเรื่องไม่เอาความแต่ทางบ้านหนูอร ยังไงเค้าก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะพ่อเตือนเอาไว้ก่อน”ตอนนี้สีหน้าของจอมทัพเหมือนกับกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบยังไงยังงั้นคิ้วหนาทั้งสองข้างของเค้าตอนนี้มันเหมือนกับถูกผูกโบว์รัดแน่นจนตึง “ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับแล้วผมจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”“อย่าให้มันนานนักล่ะไม่มีใครสมควรที่จะเสียเวลารอใครที่รู้ตัวช้าหรอกนะ แล้วที่สำคัญถ้าแกทำให้หนูอรเสียใจ และไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านแกเตรียมเก็บของออกจากบ้านไปได้เลย”ทัศนีย์กอดอกพูดมองลูกชายสุดหล่อของเธอด้วยหางตาไม่มีคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในพจนานุกรมของเธอถ้าทำไม่ดีทำไม่ถูก ก็มีแต่จะต้องรับผลของการกระทำนั้นด้วยตนเองอย่างไม่มีข้อแม้“โอ้โหขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณแม่ คุณแม่คนสวย”ท่าทางที่เคร่งเครียดของชายหนุ่มหายวับไปกับตาในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเตรียมเก็บของออกจากบ้าน ทำเอาหายเครียดเรื่องลูกปัดไปในทันทีแต่กลับมาเครียดเรื่องที่แม่ของตนเองพูดแทน“ไม่ต้องมาปากหวานแม่ไม่หลงกลคำพูดของคนเหลาะแหละหรอก