กรองขวัญจับมือของเพื่อน สนิทเอาไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ เพื่อ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ถึงแม้จะรู้สถานการณ์ดีแต่หน้าที่ของเพื่อนก็คือให้กำลังใจสนับสนุนและยินดี
“ขอบใจมากนะยิ้มแบบนี้สวยหรือเปล่า”
อรฤดีรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะสื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสวยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“สวยแต่จะสวยมากกว่านี้ถ้ายิ้มอีกนิดนึงคืนนี้แกเป็นเจ้าสาวสวยที่สุดในงานเป็นนางเอกนะเป็นนางฟ้า จำเอาไว้”
“ทำไมเป็นหลายอย่างจังนี่ยังไม่ทันจะเป็นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วขอนอนก่อนได้ไหมอ่ะ”
เสียงหัวเราะดังคิกคักจากสองสาวที่หยอกกันไปมารอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปแขกมากันมากมาย ภายในงาน ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูของดอกไม้นานาชนิดราวกับโลกเทพนิยายที่ถูกเนรมิตขึ้นภายในโรงแรมสุดหรู
“ฉันดีใจจังเลยคุณในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันมีความสุขจนพูดไม่ถูกเลยค่ะ”
สิริวดียกมือขึ้นปากน้ำตา แห่งความสุขเบาๆ อย่างน้อยๆ ก่อนตายจากโลกนี้ไปได้เห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นฝั่งเป็นฝาให้หมดห่วงได้นอนตายตาหลับเสียที
“นั่นสิคุณผมเองก็ดีใจที่เห็นลูกมีวันนี้”
คนเป็นสามีโอบกอดภรรยาสุดที่รักของเค้าไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้น้อยลงทุกทีทุกที
“ออกไปได้แล้วค่ะน้องจอมออกไปเผยโฉมให้ทุกคนในงานได้เห็นว่าที่เจ้าบ่าวสุดหล่อได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับพี่หนูดี”
“ยินดีค่ะไปแล้วค่ะเจ้าสาวรออยู่ที่ห้องโน้นนะคะ”
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีอันเป็นมงคล พิธีแต่งงานก็เริ่มดำเนินไปโดยที่สายตาของเจ้าบ่าวป้ายแดงแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเขานั้นเอาแต่จ้องมองเจ้าสาวของตนเองเสียจนถูกเอ่ยแซวเป็นระยะ จนเจ้าสาวคนสวยหน้าแดงด้วยความเขินอายไปหลายต่อหลายครั้ง
พิธีการต่างๆ มากมายค่อยๆ ดำเนินการไปเรื่อยๆ เป็นที่อิ่มอกอิ่มใจของทั้งสองครอบครัวตามที่คาดหวังเอาไว้อย่างราบรื่น
มีผู้หลักผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาทั้งจากที่เป็นลูกค้าและที่เคารพนับถือต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง
..ก็แน่ล่ะสิ นี่มันงานแต่ของมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ในวงการของประเทศกำลังดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเชียวนะ..
ทั้งอาหารเครื่องดื่มและทุกๆ อย่างภายในงานจัดเต็มทำถึง..ต้องดีและดีที่สุดเท่านั้นจะให้เสียชื่อคุณนายทัศนีย์ไม่ได้ ลูกสะใภ้ถูกใจขนาดนี้ต้องไม่น้อยหน้าใครๆ จนได้ยินเสียงคำชมไม่ขาดปากทำเอาทัศนีย์ยิ้มแก้มปริตลอดทั้งงาน
“เหนื่อยไหมนั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”
เจ้าบ่าวสุดหล่อจูงมือเจ้าสาวแสนสวยของเขามานั่งที่โต๊ะโดยไม่ลืมที่จะหันไปหยิบกระดาษทิชชู่มาให้เธอซับเหงื่อที่มีให้เห็นลางๆ สายตาตามกรอบหน้าสวยก่อนจะเดินไปหาน้ำมาให้เธอดื่มแก้กระหายหลังจากที่ยืนร่วมพิธีอยู่นาน
ไม่ใช่แค่เธอเขาเองเป็นผู้ชายยังรู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งเพลียขนาดนี้แล้วเธอล่ะตัวเล็กๆ แถมชุดก็หนักจะขนาดไหน
“ขอบคุณค่ะ”
ปากกระจับเอ่ยขอบคุณพลางเช็ดเหงื่อของตัวเองไปพร้อมๆ กัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งสงบๆ นานก็มีคนเข้ามาแสดงความยินดีกับเธอมากมายแทบไม่ได้พัก ตั้งแต่เด็กจนโตถ้าไม่อยู่บ้านก็อยู่ประเทศนอกไม่เคยรู้เลยว่าพ่อและแม่ของเธอจะรู้จักคนมากมายขนาดนี้ …คงไม่ใช่พวกเนียนกินฟรีหรอกนะ..ใช่ไหม
ยินดีด้วยนะครับ
เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูเอ่ยดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่อรฤดีจะหันไปมอง
“อ้าวคุณเปรมของคุณมากๆ นะคะที่มาร่วมงาน”
“ผมต้องมาอยู่แล้ว แสดงความยินดีกับคุณอรด้วยนะครับ”
เปรมพูดแล้วก็หลบสายตาที่จ้องมาจากคนตรงหน้าเมื่อเขาเผลอจ้องมองเธอนานเกินไป กลัวว่าเธอจะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรและแสนจะอ่อนแอจากเขาคนนี้
เปรมเป็นคนเดียวของครอบครัวที่ร่วมงานในครั้งนี้ ลูกปัดน่ะเหรอไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอคงไม่มาเหยียบในงานแน่นอน ส่วนพ่อแม่ของทั้งสองพี่น้องตั้งแต่ผิดใจกับครอบครัวของจอมทัพในคราวก่อนก็ไม่มาเจอหน้ากันอีกเลย
“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”
จอมทัพเดินมาสะกิดที่แขนของเจ้าสาวที่แม้มองจากด้านหลังก็ยังสวยสง่าสดุดตาแต่ที่ดูจะสะดุดตาไปยิ่งกว่าก็คือ สายตาจากชายตรงหน้าไม่ต้องเดาเลยว่าผู้ชายคนนี้รู้สึกยังไงกับภรรยาหมาดๆ ของเขาทำเอาความรู้สึกตามสัญชาตญาณความเป็นเจ้าของเริ่มทำงานจนเดินดุ่มๆ มาประชิดตัวเธออย่างไวจนไม่ทันได้สังเกตุว่าใครที่เข้ามาแสดงความยินดีกับตัวเองบ้าง
“ขอบคุณค่ะ”
อรรับแก้วเครื่องดื่มจากเขามาดื่มเติมความสดชื่นให้กับร่างกายปล่อยให้สองหนุ่มได้ทักทายกัน ..
“หน้าตาดูไม่เหมือนคนที่ไม่เต็มใจแต่งงานเลยนะ”
เปรมเปิดประเด็นก่อนในทันทีเมื่อเห็นว่าจอมดูหวงก้างเหลือเกิน.. เกินกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันจะทำ
“สายตานั้นก็ดูไม่เหมือนคนที่มายินดีเลยนะ “
จอมพูดเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่อรฤดีได้ยินแบบนั้นก็หันไปสบตามองเปรมที่ยืนอยู่ตรงข้ามซึ่งเขาก็รีบมองไปที่อื่นไม่ยอมสบตาเธอตรงๆ ได้แต่คิดในใจว่าเพราะจอมทัพพูดอย่างนั้นต่อไปอรฤดีจะต้องไม่ไว้ใจเธอแน่ๆ ..
“พี่หนูดีเริ่มมองหาแล้วเราไปกันดีกว่า”
จอมทัพที่รู้สึกอึดอัดเต็มทนกับการต้องปั้นหน้าคุยกับผู้ชายตรงหน้าที่ทั้งสายตาและท่าทางนั้นชัดเจนเหลือเกินว่ากำลังหลงรักว่าที่เจ้าสาวของเขาอยู่ ไม่ผิดแน่นอน
“ไปสิคะ งั้นอรไปก่อนนะคะ”
“เชิญตามสบายครับ”
ใบหน้าสวยหันมาพูดด้วยรอยยิ้มกับคนแอบรักแล้วเดินควงแขนกันไปตามคำพูดที่กำชับไว้ของพี่หนูดีว่าขณะที่อยู่ภายในงานจะต้องเดินควงแขนและยิ้มให้กันตลอดเวลาเพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้นแม่ของทั้งสองฝ่ายแหกอกพี่หนูดีอย่างแน่นอน
จึงเป็นสิ่งที่ทั้งสองจะต้องยอมทำตามแม้จะรู้สึกขัดใจตัวเองมากขนาดไหนแต่ก็ไม่อยากที่จะให้ใครมาเดือดร้อนเพราะตนเองไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ทุกอย่าง ทุกพิธีการในค่ำคืนแห่งความสุขนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี เว่อร์วังสมใจอย่างที่ทัศนีย์ต้องการและไม่นานภาพของคู่บ่าวสาวและบรรดาแขกในงานก็ถูกอัพเดทลงในหน้าสื่อโซเชียลอย่างรวดเร็ว ..
“กรี้ดดดดดดด! กรี้ดดดดดดดด! ออกไป! ออกไปให้หมด! ไปให้พ้น! กรี้ดดดดดดด!!!”
“เป็นอะไรอีกล่ะป้า อาละวาดเป็นผีเจ้าเข้าทรงอีกแล้ว”
“อีนี่เดี๋ยวข้าตบปาก! อย่าพูดอย่างนี้อีกนะ เอ็งจะไปรู้อะไรก็วันนี้แฟนคุณหนูต้องไปแต่งงานกับคนอื่นน่ะสิถึงได้เป็นแบบนี้อีกแล้ว”
เสียงคนรับใช้ในบ้านที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากห้องของลูกปัดกระซิบกระซาบคุยกันถึงสาเหตุที่อยู่คุณหนูของพวกเขาก็กรี้ดขว้างปาสิ่งของจนอยู่ไม่ได้
“อีนังผู้หญิงชั้นต่ำ แกมันเลว อีหน้าด้าน ฮึก ฮึก ฮือออ อีเลวเพราะแกคนเดียว”
ลูกปัดทิ้งตัวทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นภาพของอรฤดีและจอมทัพเข้าพิธีวิวาห์ด้วยกัน มันเป็นภาพที่กรีดหัวใจของเธอให้เป็นแผลจนยากที่จะยอมรับได้เหลือเกิน ..
“ทำไมคะ ทำไมคะจอม ..ฮืออออ คุณจะหย่ากับมันจริงๆ ใช่ไหม คุณจะไม่รักมันใช่ไหมอ่ะ ฮึก ฮึก”
สองมือของเธอกำแน่นเมื่อคิดถึงคำพูดของคนรักที่เคยได้บอกกับเธอเอาไว้หยาดน้ำตามากมายไหลพลั่งพลูอาบแก้มใสเพื่อระบายความเจ็บปวดในหัวใจที่ไม่อาจจะบอกเล่าให้ใครฟังได้
ขณะที่เขากำลังยิ้มให้กับความสุขที่ดำเนินไปแต่เธอกลับแตกต่างทำได้เพียงร้องไห้และพยายามหลบหนีจากผู้คนที่จะไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอของเธอ มันยากเหลือเกินที่จะให้ทำใจยอมรับ มันเจ็บปวดจนเกินจะทนไหว..
มันนเป็นอย่างนี้นี่เอง.. มันรู้สึกอย่างนี้นี่เอง…
ยิ่งจมอยู่กับความคิดที่แสนจะเจ็บปวดมากเพียงใดหยาดหยดน้ำตาใสๆ ก็ยิ่งไหลริน เสียงสะอื้นดังน่าสงสารบ่งบอกชัดเจนถึงความเสียใจที่ไม่อาจเก็บกลั้นเอาไว้
ทั้งสายตาที่เหมือนไม่ได้โฟกัสที่เธอเหมือนเก่า น้ำเสียงที่ฟังดูแปลกไปอย่างชัดเจนและท่าทางที่เธอเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะยังรักษาคำพูดอยู่ไหม..
ไม่รู้ว่านานเพียงใด..รู้เพียงแค่ว่าเสียงสะอื้นเสียใจนั้นค่อยๆ เบาเงียบลงไปพร้อมกับความเหนื่อยอ่อนและเปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปิดหลับสนิทผล็อยหลับไป …
“อ่าว มารอใครเหรอครับคุณอร” เปรมที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นอรฤดีผู้กุมหัวใจของตนเองกำลังนั่งเหมือนรอใครอยู่ในร้านกาแฟจึงเดินแวะเข้ามาทักทายเพราะหลังจากที่เธอเข้าพิธีวิวาห์ไปเขาก็ไม่ได้เจอกับบเธออีกเลย “อรรอเพื่อนอยู่ค่ะ คุณเปรมล่ะคะ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดีครับกำลังจะกลับถ้างั้นให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนนะครับ” “อรว่า..เอ่อ..”อรฤดีอ้ำอึ้งทำหน้าลำบากใจไม่น้อยเพราะตอนนี้เธอแต่งงานแล้วถึงจะไม่ได้เกิดจากความรักแต่ก็ไม่อยากให้มีข่าวลือเสียๆ หายๆ ออกไปในทางที่ไม่ดี “ในฐานะเพื่อนน่ะครับ อีกอย่างผมมีอะไรจะคุยกับคุณอรด้วย” เปรมรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรแต่การที่เธอมีท่าทีแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจชัดเจนถึงสิ่งที่ควรจะพูดออกไป“ก็ได้ค่ะ” “คุณอรดูเปลี่ยนไปนะครับ”“เปลี่ยนไปยังไงเหรอคะ”“ก็คุณดูมีความสุข.. ดูไม่เครียดเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” เพียงเขาพูดแค่นั้นใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่บ้าน…“ผมดีใจด้วยนะครับที่คุณอรมีความสุข บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกผมตั้งใจจะแย่งคุณอรมาเป็นของผมให้ได้แต่เห็นอย่างนี้แบ้วผมคงต้องยอมแพ้แล้วสินะครับ” “อรก็ยังไม่รู้อนาคต
ช่วงค่ำ ณ บาร์แห่งหนึ่ง … ที่เสียงเพลงดี บรรยากาศดี อาหารอร่อยไร้ที่ติ แต่หญิงสาวสวยที่กำลังจ้องมอง โทรศัพท์มือถือตรงหน้ากลับดูไม่ค่อยจะกลมกลืนกับบรรยากาศในตอนนี้สักเท่าไหร่ข้อความที่ถูกส่งไปยังคนรักของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าไม่แม้จะถูกเปิดอ่านหรือรับสายเพื่ออธิบายใดๆ มีเพียงความเงียบงั้นที่ชวนให้เธอคิดมากและอดระแวงไม่ได้จนต้องออกมาหาที่นั่งดื่มเพื่อหวังว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้เธอรู้สึกดี หรือลืมเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ ลงไปได้บ้างอึก อึก..เสียงเจ้าของลำคอสวยระหงจับแก้วไวน์สีสวยยกขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดพร้อมกับส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟเติมแก้วใหม่ให้ในทันที“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”เสียงทุต่ำที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่ยังพอจะมีสติหลงเหลืออยู่บ้างรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที“ฉันอยากอยู่คนเดียวอย่ามายุ่งได้ไหม”ลูกปัดกรอกตามองบนพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแต่นั่นดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ใส่ใจถือสาเธอเลยแม้แต่น้อย“ใจร้ายกับผมเสมอเลยนะครับ .. พูดดีๆ กับผมบ้างไม่ได้เหรอผมเป็นห่วงคุณนะ”แท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นใช่ใครที่ไหนสาเหตุที่เธอไม่อยากจะพูดดีด้วยกับเขานั่นก
“เริศค๊าาคุณนาย รับรองได้หลานเร็วๆ นี้แน่เลยค่ะ”พี่ปลารีบโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวให้กับเจ้านายฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งคนปลายสายที่ได้ยินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน“ดีมาก..ดีมากถ้าอย่างนั้นคอยสังเกตเอาไว้นะแล้วมารายงานฉันตลอดนะ”“ได้เลยค่ะคุณนายรับรองจะตามดูทุกฝีก้าวเลยค่ะ”“อันนั้นก็เกินไปแหมแกนี่นะ”“แหะ แหะ หยอกๆ ค่ะ คุณนายสบายใจได้เลยนะคะทางนี้ไว้ใจปลาได้เลยค่ะ”“ดีมากมันต้องยั่งงี้สิ” “อุ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนาย คุณอรลงมาแล้วค่ะ” “ได้ๆ ““สวัสดีค่ะคุณนาย “พี่ปลาวางทั้งสายจากเจ้านายและและวางสายยางรดน้ำต้นไม้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเดินเรียบๆ เคียงๆ แอบดูท่าทีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเงียบๆ “อ่าวตื่นแล้วเหรอคุณมาทานข้าวด้วยกันสิ”“ไม่อ่ะ ชั้นจะออกไปข้างนอก”อรฤดีพูดเสียงเรียบโดยไม่เดินมาเฉียดโต๊ะข้าวเลยด้วยซ้ำ “เสียใจด้วยนะคุณแม่ๆ ของพวกเราบอกว่าห้ามออกบ้านสามวัน..”“ห้ะ…” สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักแล้วหันมาส่งเสียงเป็นคำถามเหมือนกับชายหนุ่มที่ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด“ตามนั้นแหละคุณมานั่งสิ ถ้าขัดคำสั่งมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ “เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับ
ภายในห้องหอรอรักหลังจากที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกไปแล้วแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ลุกไปไหนเพราะต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก.. เพียงเพราะคิดถึงคำพูดที่สิริวดีพูดก่อนออกจากห้องไป .. โบราณเค้าถือว่าห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้าเพราะฉะนั้นรีบมีหลานให้แม่ไวเลยนะจ้ะเข้าใจไหม “คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนที่โซฟาเอง”จอมทัพรีบส่ายหัวสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งไปแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างเกร็งกันไปมากกว่านี้ “อะ อืม.. งั้นชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”อรฤดีรู้สึกกลืนน้ำลายลงคอลำบากเหลือเกินกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นแก้มนวลของเธอสุกแดงปลั่งจนแทบจะไม่เงยหน้ามามองคนตัวสูงเลยแต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย“คุณ..คือ”“หืม ว่าไงคุณทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”“คือ.. คุณ ช่วยปลดตะขอด้านหลังให้ชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเอื้อมไม่ถึง.. ““ได้สิ”เขาตอบรับง่ายๆ วางรีโมททีวีในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อรฤดีก็หันหลังให้อีกฝ่ายไม่รอช้าพร้อมกับรวบเก
กรองขวัญจับมือของเพื่อน สนิทเอาไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ เพื่อ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ถึงแม้จะรู้สถานการณ์ดีแต่หน้าที่ของเพื่อนก็คือให้กำลังใจสนับสนุนและยินดี“ขอบใจมากนะยิ้มแบบนี้สวยหรือเปล่า”อรฤดีรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะสื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสวยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร“สวยแต่จะสวยมากกว่านี้ถ้ายิ้มอีกนิดนึงคืนนี้แกเป็นเจ้าสาวสวยที่สุดในงานเป็นนางเอกนะเป็นนางฟ้า จำเอาไว้”“ทำไมเป็นหลายอย่างจังนี่ยังไม่ทันจะเป็นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วขอนอนก่อนได้ไหมอ่ะ”เสียงหัวเราะดังคิกคักจากสองสาวที่หยอกกันไปมารอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปแขกมากันมากมาย ภายในงาน ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูของดอกไม้นานาชนิดราวกับโลกเทพนิยายที่ถูกเนรมิตขึ้นภายในโรงแรมสุดหรู“ฉันดีใจจังเลยคุณในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันมีความสุขจนพูดไม่ถูกเลยค่ะ”สิริวดียกมือขึ้นปากน้ำตา แห่งความสุขเบาๆ อย่างน้อยๆ ก่อนตายจากโลกนี้ไปได้เห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นฝั่งเป็นฝาให้หมดห่วงได้นอนตายตาหลับเสียที“นั่นสิคุณผมเองก็ดีใจที่เห็นลูกมีวันนี้”คนเป็นสามีโอบกอดภรรยาสุดที่รักของเค้าไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเห
“ที่แม่แกพูดเป็นความจริง พ่อว่าแกต้องกลับไปทบทวนเรื่องของแกกับเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ แล้วก็ตัดสินใจให้เด็ดขาด ถึงแกจะให้อภัยไม่เอาเรื่องไม่เอาความแต่ทางบ้านหนูอร ยังไงเค้าก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะพ่อเตือนเอาไว้ก่อน”ตอนนี้สีหน้าของจอมทัพเหมือนกับกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบยังไงยังงั้นคิ้วหนาทั้งสองข้างของเค้าตอนนี้มันเหมือนกับถูกผูกโบว์รัดแน่นจนตึง “ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับแล้วผมจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”“อย่าให้มันนานนักล่ะไม่มีใครสมควรที่จะเสียเวลารอใครที่รู้ตัวช้าหรอกนะ แล้วที่สำคัญถ้าแกทำให้หนูอรเสียใจ และไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านแกเตรียมเก็บของออกจากบ้านไปได้เลย”ทัศนีย์กอดอกพูดมองลูกชายสุดหล่อของเธอด้วยหางตาไม่มีคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในพจนานุกรมของเธอถ้าทำไม่ดีทำไม่ถูก ก็มีแต่จะต้องรับผลของการกระทำนั้นด้วยตนเองอย่างไม่มีข้อแม้“โอ้โหขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณแม่ คุณแม่คนสวย”ท่าทางที่เคร่งเครียดของชายหนุ่มหายวับไปกับตาในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเตรียมเก็บของออกจากบ้าน ทำเอาหายเครียดเรื่องลูกปัดไปในทันทีแต่กลับมาเครียดเรื่องที่แม่ของตนเองพูดแทน“ไม่ต้องมาปากหวานแม่ไม่หลงกลคำพูดของคนเหลาะแหละหรอก