Share

บทที่ 229

Author: จิ้งซิง
“แค่ก แค่ก มีความเป็นไปได้จริง”

เวินอวี้จือที่อยู่ด้านข้างซึ่งร่างกายอ่อนแอ ไอสองทีแล้วกล่าวอย่างเชื่องช้า

เวินฉางอวิ้นชะงักไป ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ใครจะใจกล้าบังอาจลักพาตัวน้องหก?”

หนำซ้ำยังมาลักพาตัวถึงในจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขา

อย่าว่าแต่ข้างนอก ต่อให้ทั่วทั้งเมืองหลวงก็คงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าทำเช่นนี้

เวินอวี้จือกล่าวเสียงเรียบ “ใครว่าไม่มีล่ะ เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังมีคนกล้านำกองทัพธงดำมาตรวจค้นจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเราเลยนี่”

คำกล่าวนี้แค่ฟังก็รู้ว่าเขาหมายถึงเป่ยเฉินหยวน

ทว่าเวินเฉวียนเซิ่งกลับส่ายหน้า

“ไม่น่าจะใช่เขา”

เวินอวี้จือยิ้มเย็น “แล้วท่านพ่อมั่นใจเพียงนั้นได้อย่างไรขอรับ?”

เวินเฉวียนเซิ่งเหลือบมองลูกชายที่ขี้โรคอ่อนแอคนนี้แวบหนึ่ง “เป่ยเฉินหยวนไม่เคยใช้วิธีลับหลังเช่นนี้ หากเขาอยากจับตัวเยวี่ยเอ๋อร์ คงมาจับตัวไปอย่างเปิดเผย เหมือนกับเมื่อครึ่งเดือนก่อนที่ตรวจค้นจวนเจิ้นกั๋วกง ยิ่งเหมือนกับก่อนหน้า ที่เปลี่ยนรับเป็นรุกไปปิดคดีในจวนจงหย่งโหว”

แม้เขาจะไม่ถูกกับเป่ยเฉินหยวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ทว่าเป็นอริกันมานานขนาดนี้ ก็ถือว่าพอเข้าใจวิธีการของอีกฝ่าย

ดังนั้นเวิ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (3)
goodnovel comment avatar
Mariem Alamadine
พี่น้องพวกนี้ ไม่รักน้องสาวตัวเองดันไปโอ๋แต่น้องนอกสมรส สมควรแล้วที่นางจะแค้น
goodnovel comment avatar
Achew
ห๊าาาาาา ทำไมไม่ตายเพราะยาพิษให้มันจบๆ คือโง่โคตรๆ
goodnovel comment avatar
พี่สาวตระกูลหลี่
พี่น้องปาด มาก มากแบบไม่ควรให้อภัย
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 230

    เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เพียงโกรธบิดาตัวเอง ยังโกรธเวินจื่อเยวี่ยด้วยเมื่อครู่ที่ไม่ได้ว่าเวินจื่อเยวี่ยตั้งแต่แรก เป็นเพราะน้องหกได้สั่งสอนเวินจื่อเยวี่ยไปแล้วแต่เมื่อเวินจื่อเยวี่ยกล่าวเช่นนี้ออกมา เวินฉางอวิ้นที่เดิมทียังโน้มน้าวทุกคนเป็นอย่างดีขมวดคิ้วทันใดเขาโต้แย้งอย่างไม่เห็นด้วย “น้องห้าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเรื่องนี้ไปเกี่ยวกับนางได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยกับเวินอวี้จือนึกไม่ถึงว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นถึงขั้นนี้แล้ว ที่ช่วยพูดแทนเวินซื่อ“พี่ใหญ่ ท่านต้องเข้าใจนะ เวินซื่อนางวางยาพิษควบคุมข้านะ!”เวินฉางอวิ้นถอนหายใจ “บางทีนางอาจจะควบคุมเจ้าจริง แต่พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ หากตอนแรกพวกเจ้าไม่ร่วมมือกันวางแผน ถ่อไปถึงอารามสุ่ยเยว่เพื่อวางยาน้องห้า คิดจะบังคับพาตัวนางกลับมา แล้วนางจะวางยาพิษเจ้าได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินดังนั้น เวินจื่อเยวี่ยกับเวินอวี้จือกลายเป็นใบ้ทันทีเพราะพวกเขาลืมตอนเริ่มต้นของเรื่องนี้เสียสนิทโดยเฉพาะเวินอวี้จือ จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังเกลียดชังเวินซื่อ เพราะนางทำให้เขากลายเป็นคนใบ้และคนพิการเกือบหนึ่งเดือนเต็มทั้งวัน เขาพูดไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้ความทรม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 231

    “ท่านพ่อพูดเช่นนี้ หมายความว่ามีหลักฐานอะไรบางอย่างแล้วหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “หลักฐานไม่มีหรอก แต่เจ้าหกได้ทำบางเรื่องก่อนที่จะหายตัวไป”“เรื่องอันใด?”เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือเอ่ยถามด้วยความสงสัยเวินเฉวียนเซิ่งหลับตาลง “นางให้สาวใช้ไปเรียกอันหลันซินมาที่จวน”ตอนแรกเวินเยวี่ยคิดว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แต่นางไม่รู้เลยว่า เดิมทีเซียงเหอนั้นเป็นคนที่เวินเฉวียนเซิ่งจัดหามาให้นางนางเรียกเซียงเหอไปพาอันหลันซินมา เวินเฉวียนเซิ่งจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน?“อันหลันซิน?”เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ยินชื่อนี้ เวินฉางอวิ้นสามพี่น้องในตอนแรกที่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ต่างตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเวินจื่อเยวี่ยเป็นคนแรกที่นึกขึ้นได้ เขาขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “คืออันหลันซินคนที่เคยผลักเวินซื่อตกน้ำอย่างนั้นหรือ?”“อืม เป็นนาง”สีหน้าของเวินฉางอวิ้นพลันเปลี่ยนไป สายตาฉายแววโกรธเกรี้ยว “น้องหกนางต้องการทำอะไร? เหตุใพดจึงต้องเรียกคนผู้นั้นมาที่จวน?”คราวนั้น อันหลันซินนั่นทำร้ายน้องห้าจนเกือบตายแล้ว!หากมิใช่เพราะว่ามีคนพบเห็นได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้น้องห้าอาจจะไม่อยู่บนโลก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 232

    เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่จู่ๆ นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ สีหน้าก็บึ้งตึงในทันที“นางกล้า!”“นางไม่มีทางทำเช่นนั้นหรอก!”ตรงกันข้ามกับความโกรธเกรี้ยวของเวินจื่อเยวี่ย คือความเชื่อมั่นที่เวินฉางอวิ้นมีต่อเวินซื่อเวินฉางอวิ้นโมโหราวกับไฟลุกโชน ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมแทนน้องสาว “ถึงแม้น้องห้าจะเคยก่อเรื่องวุ่นวาย และทำผิดพลาดไปบ้าง แต่นางไม่เคยหาเรื่องใครก่อน และยิ่งไม่เคยทำเรื่องเกินเลยแบบนี้!”“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่น้องห้าก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านมิใช่หรือ? ท่านพูดเช่นนี้ ไม่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับน้องห้าบ้างหรือ?”“ข้าตัดสินจากข้อเท็จจริง พูดเพียงแค่ความเป็นไปได้ ไม่ได้บอกว่าเป็นเช่นนั้นแน่นอน”เวินเฉวียนเซิ่งจิบชาที่ทิ้งไว้จนเย็นหนึ่งอึก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิมเวินฉางอวิ้นใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ตัดสินจากข้อเท็จจริง? สงสัยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ท่านเรียกว่าการตัดสินจากข้อเท็จจริงอย่างนั้นหรือ? ท่านพ่อ น้องห้าไม่ใช่นักโทษ!”จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดเวินฉางอวิ้นก็เข้าใจว่า เหตุใดน้องรองถึงได้ตัดสินใจอย่าง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 233

    เขาส่งคนไปตั้งสี่ห้าคน สี่ห้าคนสู้กับคนเดียว แต่กลับสู้ไม่ได้!ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งมั่นใจมากขึ้นเยวี่ยเอ๋อร์ต้องถูกเวินซื่อลักพาตัวไปอย่างแน่นอนเพราะถึงอย่างไรการป้องกันของจวนเจิ้นกั๋วกงนั้นไม่ธรรมดาสามารถลักลอบเข้าไปในเรือนของเวินเยวี่ยได้อย่างเงียบเชียบ ภายใต้การคุ้มกันอย่างแน่นหนาขององครักษ์ แล้วยังแอบพาตัวคนไปได้อีกนี่ต้องไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาอย่างแน่นอน“เพิ่มคน! ไปที่อารามสุ่ยเยว่ต่อ ต้องหาตัวคุณหนูหกให้พบ!”เวินเฉวียนเซิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงออกคำสั่งเช่นเดิม“ขอรับ!”ต่อมาในคืนที่สองอารามสุ่ยเยว่ก็ได้ต้อนรับองครักษ์ลับอีกกลุ่มหนึ่งครั้งนี้มีมากถึงสิบคนเดิมทีเวินเฉวียนเซิ่งคิดว่าครั้งนี้จะต้องสำเร็จแน่ๆแต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่า องครักษ์ลับทั้งสิบคน กลับพลาดอีกครั้ง!วันรุ่งขึ้น เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้รับข่าว สีหน้าของเขาก็ดูมืดมนจนน่ากลัว“นางทำได้อย่างไรกันแน่!”องครักษ์ลับที่มีฝีมือเช่นนี้ ถึงแม้จะอยู่ในบรรดาองครักษ์ลับที่ฝึกฝนโดยราชวงศ์ ก็ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นองครักษ์เงาอันดับต้นๆ ใน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 234

    “มือสังหารหรือ?”ฮ่องเต้น้อยทรงเต็มไปด้วยความสงสัย “เหตุใดจึงมีมือสังหารไปที่อารามสุ่ยเยว่เพื่อลอบสังหารท่าน? ใครเป็นคนส่งมา?”เวินซื่อก้มหน้าลง “อู๋โยวมิกล้าทูลเพคะ”“มิกล้าทูล?”ฮ่องเต้น้อยทรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย การที่ไม่กล้าทูลนั่นแสดงว่ารู้ว่าเป็นใครและในเมืองหลวงนี้จะมีสักกี่คนกันที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่กล้าเอ่ยถึง?ทันใดนั้น ฮ่องเต้น้อยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเนื่องด้วยเหตุการณ์ที่จินโจวก่อนหน้านี้ พิธีขอฝนเพียงครั้งเดียวก็บันดาลให้ฝนตกหนักในจินโจว ซึ่งไม่เคยตกมานานถึงสามเดือนไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรืออะไรก็ตาม แต่สรุปแล้ว ฝนก็ตกลงมาจริงๆเวลานี้ เวินซื่อซึ่งเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงผู้นี้ได้กลายเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงในใจของชาวเมืองจินโจวแล้วไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของนางจะโด่งดังไปทั่ว แม้แต่ฮ่องเต้น้อยผู้ประทานสมญานามให้เวินซื่อ ก็ยังได้รับเสียงชื่นชมจากราษฎรจำนวนมากทำให้ฮ่องเต้น้อยผู้เยาว์วัยและอ่อนประสบการณ์สามารถครองบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ไร้ผู้ต่อต้านและยังได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้นในราชสำนักแม้แต่เหล่าขุนนางที่เคยคัดค้านเรื่องนี้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 235

    ตอนนี้เป่ยเฉินหยวนโกรธมากเนื่องจากไปที่จินโจวกับเวินซื่อ ถึงได้รู้ว่ามีอันตรายอยู่รอบๆ ตัวนังหนูคนนี้มากมายเพียงใดดังนั้น วันนี้หลังจากที่ได้ยินจากฝ่าบาทว่าเวินซื่อถูกลอบสังหารอีกครั้ง ปฏิกิริยาแรกของเขาคือต้องเป็นฝีมือของคนจินโจวพวกนั้นแน่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ชื่อว่าจินซือถู อีกฝ่ายจะต้องกลับมาอีกแน่ๆดังนั้นเป่ยเฉินหยวนจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของเวินซื่อมาก“ไม่ได้โกหก!”เวินซื่อรีบอธิบาย “ข้าแค่ไม่อยากรบกวนท่าน...”“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นการรบกวนข้าหรือ?”เป่ยเฉินหยวนยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเขาก้มศีรษะเข้าไปใกล้ๆ ดวงตาเรียวยาวดุจหงส์จ้องมองเวินซื่อด้วยสายตาเป็นประกาย ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความจริงจังอย่างยิ่งเขาเอ่ยขึ้นทีละคำ “อู๋โยว ฟังให้ดี สำหรับข้าแล้ว เรื่องของท่านไม่เคยเป็นการรบกวนเลย”ทันใดนั้น เวินซื่อก็รู้สึกใจสั่นนางจ้องมองเป่ยเฉินหยวนที่อยู่ใกล้นางมากด้วยความตกตะลึงในชั่วขณะนั้น เวินซื่อดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างรางๆ “เพราะฉะนั้น ต่อไปอย่าปิดบังข้าอีกเลย ได้หรือไม่?”น้ำเสียงทุ้มต่ำไพเราะ แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและความเด็ดขาด ค่อยๆ กระตุ้นให้เวินซื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 236

    “ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าเป็นคนของใคร และไม่สนใจว่าพวกเจ้ามาเพราะเหตุใด คืนนี้ เมื่อพวกเจ้าก้าวเข้ามาในอารามสุ่ยเยว่แห่งนี้ ก็เป็นการเริ่มกำหนดวันตายของพวกเจ้าแล้ว”เป่ยเฉินหยวนปักกระบี่เล่มยาวไว้ข้างหน้า ก้มลงมองเหล่าองครักษ์ลับที่ถูกกดลงกับพื้นพวกเขาถูกค้นตัวจนหมด แม้กระทั่งฟันที่ซ่อนยาพิษไว้ ก็ถูกงัดออกมาทีละซี่จนหมด พวกเขาในตอนนี้ ก็เหมือนปลาที่อยู่บนเขียงสายตาเยือกเย็นของเป่ยเฉินหยวนมองไปยังพวกเขาหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง องครักษ์ลับคนสุดท้ายก็ถูกพามา“ตุบ!”จู๋เยวี่ยผู้มีบาดแผลจากดาบเพิ่มขึ้นบนร่างกาย ลากคนคนหนึ่งที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดออกมาอย่างช้าๆ แล้วโยนเขาไปข้างหน้าองครักษ์ลับทั้งหมดองครักษ์ลับของสกุลเวินต่างรู้จักคนผู้นี้ดี เพราะเขาคือซานเตา องครักษ์ลับคนสนิทที่อยู่ข้างกายเวินเฉวียนเซิ่งแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนไร้ประโยชน์เสียแล้ว“ดีมาก คราวนี้คนครบแล้ว”เป่ยเฉินหยวนกำกระบี่เล่มยาวที่อยู่ในมือแน่น ลุกขึ้นเดินไปอยู่ตรงหน้าของซานเตา“หน้าพระพุทธรูปไม่พึงเห็นเลือด หน้าอารามไม่พึงฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”เป่ยเฉินหยวนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลากตัวไป ฆ่าทิ้งที่จวนเจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 237

    “ไม่มีการเข้าใจผิด เป็นนางอย่างแน่นอน”เวินเฉวียนเซิ่งสีหน้าบูดบึ้งเขาไม่อาจอธิบายเหตุผลเหล่านั้นให้จงหย่งโหวฟังได้ จึงได้แต่ตอบอย่างหนักแน่นเช่นนี้จงหย่งโหวส่ายหน้า “ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับจวนจงหย่งโหวของเราอยู่แล้ว วันนี้ข้ามาเพราะฝ่าบาทมีรับสั่งให้มาเยี่ยมเยียนขุนนางอาวุโสที่ล้มป่วยกะทันหันอย่างท่าน”“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วง”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ช่วงนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีธุระมากมาย คงมิอาจรั้งท่านให้กินอาหารด้วยแล้ว”จงหย่งโหวได้ยินก็รู้ทันทีว่านี่เป็นการไล่แขกของอีกฝ่ายเขาเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรเขาก็ทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วส่วนจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่เกี่ยวกับจวนจงหย่งโหวของพวกเขาแล้วจงหย่งโหวคิดเช่นนี้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะกลับมาถึงจวนของตน ก็มีเสียงร้องไห้โหยหวนดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน“น้องเยวี่ยเอ๋อร์! ข้าจะไปหาน้องเยวี่ยเอ๋อร์!”ชุยเส้าเจ๋อร้องไห้โวยวายจะออกไปข้างนอกเวินหย่าลี่ด่าทอด้วยความโมโห “เจ้าจะออกไปทำอะไร?! ท่านพ่อของเจ้าก็ขังเจ้าไว้ในเรือนแล้ว ถ้าตอนนี

Pinakabagong kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status