เข้าสู่ระบบ“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”
ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้
รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
สุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนบัดนี้ก็ไม่มีใครรู้
“เพราะเรื่องของพ่อเองเหรอที่เธอต้องทำร้ายฉันทำร้ายรุต ทั้งที่เธอไม่ได้รักเขาแต่แค่อยากเอาชนะฉันเท่านั้น” แพรสบตาอีกฝ่าย ทำให้คนเจ้าเล่ห์หัวเราะชอบใจ ก่อนลุกไปนั่งที่โซฟาตัวสวยในห้องราวกับเป็นบ้านของตัวเอง สายตาร้ายกาจตวัดมองคนที่เธอเกลียดชัง
“ทีแรกฉันก็ไม่คิดอะไรมากหรอกนะ แค่เพียงอยากเอาชนะเท่านั้น แต่พอได้ทำไปเรื่อย ๆ ก็ดันชอบเสียอย่างนั้นโดยเฉพาะกับคนที่ไม่เคยคิดจะหันมองฉันอย่างพี่รุต ทำให้ฉันอยากได้เขาขึ้นมาจนตัวสั่นเลยล่ะ”
ความไม่ปกติของน้องสาวที่เธอก็รู้ได้เผยออกมาจากปากเจ้าตัว
“คราวนี้เป็นอย่างไรล่ะ ดูซิเหมือนว่าเขาจะเชื่อฉันด้วยนะ ไหนว่ารักนักรักหนา มันช่างน่าขำจริง ๆ เลยนะว่ามั้ย” ศศิจีบปากจีบคอพูดอย่างเย้ยหยัน
แพรพรรณมองเห็นความอาฆาตพยาบาทในสายตาของศศิ ที่มันไม่เคยหายไปเลยสักครั้งในยามที่มองมาที่เธอ
เธอมองไปยังน้องสาวต่างแม่ด้วยความเหนื่อยล้า
“ถ้ามันเป็นความพอใจของเธอกับแม่ฉันก็จะทำให้ก็ได้”
แพรพรรณพูดออกมาอย่างยอมแพ้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ส่วนศศิเองก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาแพรพรรณเช่นกัน
ทั้งสองประจันหน้ากัน ศศิจันทร์พร้อมสู้รบกับพี่สาวนอกไส้ตลอดเวลา ไม่เหมือนแพรพรรณที่คอยหลบหลีกอยู่ตลอด
ซึ่งเวลานี้ก็ไม่ต่างจากครั้งอดีตนัก เพื่อความสงบสุขของตัวเองและลูกในท้อง เธอจึงต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้และต้องหนีจากคนพวกนี้ไปให้ไกลแสนไกล
“เพื่อชดเชยในสิ่งที่เธอและแม่ขาดหายไป ฉันยอมแล้ว ฉันไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป และไม่คิดจะเจอรุตอีกชั่วชีวิต เพื่อพิสูจน์ถึงความตั้งใจของฉัน ต่อไปเธอจะไม่เห็นใบหน้านี้”
ถ้อยคำถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้าเต็มที
“คิดได้แบบนั้นก็ดี นี่คงเป็นของขวัญที่แม่ฉันอยากได้ในรอบยี่สิบปี”
ใบหน้าหยิ่งผยองของน้องสาวเหยียดยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจ แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็พอใจกับของขวัญชิ้นนี้ไม่น้อย
“ไปให้ไกลแล้วอย่ากลับมาก็แล้วกัน ฉันอยากจะรู้นักว่าแกจะพิสูจน์ความจริงใจครั้งนี้ได้สักแค่ไหน หวังว่าแกจะหายไปเร็ว ๆ นี้นะ”
" อ่อ แล้วไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลพี่รุตเป็นอย่างดีเชียวล่ะ!"
ริมฝีปากสีแดงสดยังคงขยับไม่หยุดหย่อนนั่นคือคำสุดท้ายที่ศศิจันทร์ทิ้งเอาไว้หลังจากออกไปพ้นบ้านหลังนี้ แพรพรรณทิ้งตัวลงบนพื้นพรมอีกครั้ง เธอร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น
ตอนนี้ในบ้านไม่มีใครอยู่แล้ว แม้แต่สาวใช้ทุกคนปล่อยเธอทิ้งไว้ตามลำพัง
หลังจากที่ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่นานเธอก็พึงระลึกได้ว่า เธออยู่นี่ต่อไม่ได้แล้ว เธอเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าและฝังตัวอยู่ในห้องจนถึงตอนเย็น
เมื่อถึงเวลาอาหารเธอก็ลงมารับประทานอาหารอย่างเช่นปกติ มีเพียงป้าแป้นเท่านั้นที่เข้ามาพูดปลอบใจคอยเป็นเพื่อน และช่วยดูแลเธออย่างดีตลอดที่อยู่บ้านของวิศรุต
เมื่อศศิมาถึงบ้าน ความยินดีปรีดาแฝงอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว เธอเล่าเรื่องราวในวันนี้ให้มารดาฟัง ทั้งสองหัวเราะชอบใจในความโง่เง่าของวิศรุต ที่เชื่อคำพูดของเธอง่าย ๆ เพียงแค่สะกิดบาดแผลเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ลูกทำดีมากศศิ ต้องแบบนี้สิถึงจะเรียกได้ว่าเป็นลูกของแม่จริง ๆ”
รังรองยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม เป็นการฉลองล่วงหน้าเรื่องที่ได้ฝ่าฟันกันมานาน ในที่สุดลูกสาวของตัวเองก็ทำสำเร็จเสียที เธอกระหยิ่มในใจ
“ต่อไปนี้ลูกของแม่จะได้ยืนเคียงข้างกับคนที่ลูกรักจริง ๆ เสียทีสินะ" เธอหันไปยิ้มให้ลูกสาว แววตาเต็มไปด้วยความพอใจ
"พวกเราก็จะได้ไม่ต้องลำบาก แม่ก็เบื่อกับธุรกิจที่ง่อนแง่นของพ่อของลูกเต็มที แต่ถ้าลูกได้แต่งงานกับวิศรุตอย่างน้อยบริษัทก็จะคงอยู่ได้ ยังไงเสียทุกอย่างนี้ก็ต้องเป็นของลูก เรื่องอะไรจะให้นังแพรมันชุบมือเปิบไปได้ล่ะ มันน่าเสียดายจะตาย” รังรองหัวเราะออกมาอย่างสะใจ และเต็มไปด้วยความหวัง เพราะตอนนี้เธอไม่มีเงินจะอุ้มบริษัทของสามีได้อีกแล้ว เงินก้อนสุดท้ายก็ใช้ไปหมด
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูทิ้งบอมบ์เอาไว้ขนาดนั้นรับรองว่าความเกลียดชังจะไม่หายไปจากพี่รุตง่าย ๆ แน่ แต่ถ้าเขายังไม่เชื่ออีกแน่นอนว่าหนูจะทำให้เขาเชื่อให้ได้แล้วทีนี้ล่ะ เขาต้องเกลียดมันเข้าไส้ แน่ ๆ ค่ะ” เธอน้อมรับคำชมจากมารดา
" สะใจจริง ๆ เลยนะคะคุณแม่”
รังรองหันมามองลูกสาวยิ้มให้อย่างเห็นด้วย
“แน่นอนสิลูก ศศิจะได้เฉิดฉายในวงการได้อย่างเต็มที่ เป็นไฮโซภรรยานักธุรกิจอย่างวิศรุตโดยไม่ต้องอายใคร แล้วลูกก็จะได้เป็นผู้รับมรดกจากพ่อแค่เพียงคนเดียวอีกด้วย! โอ๊ย! ทำไมทุกอย่างมันถึงได้เข้าล็อกแบบนี้นะ ฟ้าดินช่างเป็นใจให้เราจริง ๆ!”
“จริงที่สุดค่ะคุณแม่” ศศิจันทร์ยกแก้วแชมเปญขึ้นชนเบา ๆ กับมารดา
“ในที่สุด เราสองคนก็ชนะมัน!”
“เชียร์ส!”
ศศิยกแก้วไวน์ตรงหน้ามารดา เพื่อเป็นการชนแก้วฉลอง ก่อนที่ริมฝีปากแดงฉานจะสัมผัสกับไวน์รสชาตินุ่มละมุนลิ้น
ทั้งสองคนยังคงฉลองกันอย่างไม่เบื่อ ความริษยาในจิตใจถูกเติมเต็มแล้วในวันนี้ เหลือแค่เพียงรอดูว่านังพี่สาวจะเดินทางออกไปจากกรุงเทพเมื่อไหร่เท่านั้น
ศศิจันทร์ยังไม่คิดที่จะหยุดทำร้ายความรู้สึกของพี่สาว เธอเองวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วและต้องทำให้ถึงที่สุดโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







