LOGINซื่อเว่ยต้าตี้ทำตามที่เขาบอก แล้วมองใบหน้าของฟางเฟย นับเลขในใจ เป็นอย่างที่กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงพูด เกาฟางเฟยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าแรกที่หญิงสาวเห็นคือซื่อเว้ยต้าตี้ ที่ยิ้มกว้างเทพเจ้าหนุ่มเข้ามากอดเธอเอาไว้ด้วยความดีใจ
“โอะ…โอ๊ย ๆ…ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าเจ็บ ข้าจะตายเพราะท่านนี่แหละ เบา ๆ หน่อย”
“ขอโทษ ข้าดีใจ เจ้าเจ็บหนักมาก รู้ไหมข้ากังวลมากแค่ไหน เมื่อเช้าท่านพ่อส่งเห็ดหลินจือมาให้ ข้าให้เจ้ากินไปหลายครั้งก็ยังนิ่งอยู่ รู้ไหมข้าเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ”
หญิงสาวจับมือของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้
“ข้ารู้ ท่านจะไม่ทิ้งข้า ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าท่าน กระเป๋าข้าอยู่ไหน”
"อยู่นี่เจ้าต้องการอะไรบอกข้า"
“ลูกอม อ้อ…น้ำตาลก้อน”
“ได้ ๆ ข้าแกะให้ นี่ข้าป้อน” แค่พอเข้าปาก ฝางเฟยก็รีบคายออกทันที
“เอาสีอื่น ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ นี่มันรสกาแฟ ข้าปากคอขมไปหมด ท่านยังจะให้กินรสกาแฟอีก เอาสีแดง”
“ได้ ๆ ก็ข้าไม่รู้ เจ้าขนเอามาซะเยอะเลย รสชาติไหนเป็นรสอะไรข้าจะรู้ได้อย่างไร”
กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงและมู่ตันก้มดูชายหญิงตรงหน้า ด้วยความสนใจ ในกระเป๋าของฟางเฟยนอกจากคันฉ่องทองแดงกับมีดสั้น ก็มีขนมน่าตาแปลกประหลาด กับก้อนน้ำตาลที่อยู่ในห่อกระดาษสีแปลก ๆ ที่พวกเขาไม่เคยเห็น
คุณหมอเข้ามาตรวจระดับความดันและการเต้นของหัวใจ และตรวจเช็กความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
“คุณเกาคะ วันนี้อาการน้องสาวคุณดีขึ้นมาก แปลกประหลาดจริง ๆ ทั้งอาการป่วยที่ผิดปกติก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“หมอจะบอกผิดปกติตั้งแต่เริ่มก็ได้ครับ ผมเองก็ไม่เข้าใจ เรากลับมาจากเซียงไฮ้ เธอก็ดูปกติดีทุกอย่าง คืนวันเกิดเรื่องนอนอยู่ดี ๆ ก็สำลักเลือดออกมา”
“ถ้าฉันไม่สนิทกับคุณ ฉันคงคิดว่าคุณโกหก เพราะอาการของน้องสาวคุณอย่างกับโดนรถชน แค่ไม่มีกระดูกส่วนไหนที่แตกหักเท่านั้นเอง”
เกาจางจิ้งยืนซองจดหมาย ให้กับแพทย์หญิงที่ดูแลฟางเฟย
“อะไรคะคุณเกา นี่เห็นฉันเป็นคนแบบไหน เวลาคุณโดนฟันโดยยิง ดึกดื่นแค่ไหนฉันก็ต้องไปรักษา ไม่เห็นเคยได้ค่ารักษาพิเศษเลย ทำไมครั้งนี้ถึงให้กันละคะ”
“คุณหมอลี่จู ที่ผมให้คุณ เพราะครั้งนี้คือความลับ อาการของฟางเฟยถ้ามีหมอคนอื่นรู้เรื่อง คงเห็นเธอเป็นหนูทดลอง ผมไม่ต้องการให้ใครรู้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องของตระกูลเกา หวังว่าคุณหมอจะเข้าใจ อ้อ…แล้วก็ ช่วงนี้หมอไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงนะ พอดีผมให้ลูกน้องตามดูแลหมอ 24 ชั่วโมง”
หมิงลี่จูถึงกับตาโต คิดถึงเหตุการณ์แปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อวาน เธอเหมือนถูกสะกดรอยตามทั้งที่ทำงานและที่บ้าน
“นี่นายต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ นายน้อยเกา นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นตระกูลเก่าแก่ แต่ไม่คิดว่ากับผู้หญิงคุณก็จะทำแบบนี้”
“คุณหมอ ผมแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้นเอง อย่างคิดมากซิ คุณเป็นคนสำคัญของผมนะ”
ลี่จูแค่เห็นสายตาออดอ้อนกับคำพูดหวาน ๆ ของจางจิ้ง เธอก็แทบจะลงไปนอนตายแทบเท้าเขาทันที เฝ้ารักษามาหลายปี เข้าออกบ้านสกุลเกาดึกดื่น หวังสักวัน เกาจางจิ้งจะหลงรักเธอ หรือโอกาสครั้งนี้จะมาถึง ลี่จูยอมรับซองของจางจิ้ง หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา
“จะดีกว่านี้ถ้าเราจะไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อ”
“ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณเก็บความลับได้สนิทที่สุด”
“เกาจางจิ้ง คุณจะหวานกับฉันบางได้ไหม ฉันดูแลคุณมาหลายปี คุณก็รู้ฉันเก็บความลับให้คุณได้ ทำไมยังต้องระแวงกันด้วย”
“โอเค คุณหมิงลี่จู ผมจะพาคุณไปทานข้าวสักมื้อ แต่ในวันที่ผมว่างนะ”
“เท่านี้แหละ เกาจางจิ้ง ฉันต้องการแค่นี้เอง ขอบคุณมากค่ะ”
ภายในห้องผู้ป่วย เกาจางจิ้ง นั่งมองร่างฟางเฟยที่ยังคงนอนนิ่งสงบ อุปกรณ์ที่เคยพ่วงระโยงระยาง ถูกถอดออกหมดแล้ว เหลือแต่น้ำเกลือที่ยังต้องให้อยู่ ทุกอย่างดีขึ้นเหลือแต่รอเธอตื่นขึ้นมาเท่านั้นเอง หมอหมิงลี่จูยื่นกล่องนมให้ชายหนุ่ม “นายน้อยเกา คุณมาเฝ้าเธอแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลย ตอนนี้ร่างกายเธอไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว อีกไม่นานเธอจะฟื้น คุณควรไปทำอย่างอื่นบ้างนะ” จางจิ้งรับกล่องนมจากคุณหมอลี่จูมาลงบนโต๊ะแพทย์หญิงหมิงลี่จู เข้ามาดูอาการเกาฟางเฟย เห็นชายหนุ่มที่เธอหลงรัก เอาแต่นั่งอยู่แบบนี้ รู้สึกขัดตา “งานของผมคือ ดูแลเธอ ฟางเฟยไม่ยอมตื่นเท่ากับยังไม่ดีขึ้น คุณเป็นหมอพูดตามอาการ สำหรับผมไม่ใช่ คุณมีวิธีทำให้เธอตื่นได้ไหม ถ้าทำได้นอกจากกินข้าวผมแถมดูหนังด้วยหนึ่งเรื่อง”“ยากจัง แต่ข้อเสนอน่าสนใจมาก ฉันอยากกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงกับคุณจะตายอยู่แล้ว แต่ถ้าไปสภาพนี้ก็ไม่ไหวนะ ฉันชอบเกาจางจิ้งที่ดูดุ ๆ เถื่อน ๆ เป็นแบบตอนนี้ ฉันหนีบหมอในโรงพยาบาลไปก็ได้ ส่วนอาการของน้องฟางเฟย เรื่องแบบนี้มันก็ต้องรอเวลา คุณจะให้ฉันทำให้เธอตื่น ฉันทำไม่ได้หรอก เกาจางจิ้งคุณลองคุยกับเธอสิ ถ้าเธอได้ยินเสียงคุณ เธอน่
“อะไรคือมาร ท่านก็ดูรูปงามดวงตาสีฟ้าอมเขียวก็มีเฉพาะเวลาโกรธ ก็ไม่น่าจะเห็นว่าเป็นมาร อะไรคือมาร”“ข้ามีทุกอย่างที่ดูเป็นเทพใช่รึไม่ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งสาวงาม ที่เจ้ายังไม่รู้” ซื่อเว่ยต้าตี้ทำหน้าดุแววตาเริ่มเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างน่าหวาดกลัว เขาค่อย ๆ เดินเข้าหาเธอจนประชิด ฟางเฟยถอยหลังจนไปติดราวระเบียง ที่กั้นระหว่างทางเดินกับสระบัว ซื่อเว่ยต้าตี้รีบโอบเอวดึงร่างบางมาชิดตัว “กลัวข้ารึไม่” ฟางเฟยกรีดร้องรีีบผลักเขาออก แต่ซื่อเว่ยต้าตี้กลับหัวเราะชอบใจ เทพรับใช้ที่เดินผ่าน เผลอตัวเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มหญิงสาวที่หยอกล้อกันถึงเนื้อถึงตัว“มองอันใด หรือพวกเจ้าอยากต้องโทษ”“มิบังอาจเจ้าค่ะ เพียงแต่มีผู้คนมากมายล่ำลือ ว่าหญิงมนุษย์ของท่านซื่อเว่ยต้าตี้งดงามนัก พวกข้าแค่อยากเห็นนาง แต่ไม่คิดว่าจะเห็นเอ่อ…อย่างอื่น” ซื่อเว่ยต้าตี้ดึงมือฟางเฟยมายืนต่อหน้าพวกนางกำนันสาวสวรรค์“เงยหน้าขึ้น เงยหน้าดูนางให้เต็มตาแล้วต่อไปจะได้ไม่ต้องมาแอบมองกันอีก” เทพรับใช่ค่อย ๆ เงยหน้าดูฟางเฟยซื่อเว่ยต้าตี้ฉวยโอกาส หอมแก้มหญิงสาวต่อหน้าธารกำนัน ทุกคนได้แน่อ้าปากค้าง รวมทั้งฟางเฟยที่ยืนตัวชาทำอะไรไม่ถูก ถึงเธอจ
“ลูกเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกคิดผิดมาตลอด แต่ตอนนี้เข้าใจหมดแล้ว ต่อจากนี้ลูกจะตั้งใจและไตร่ตรองให้มากขึ้น จะไม่ให้นางต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้อีก”“เกาฟางเฟย ต่อจากนี้เจ้าต้องฝึกตน ผู้ถือคันฉ่องไม่ใช่ทุกคนจะได้ทำหน้าที่พิเศษ ชะตาของเจ้ากับสวรรค์ผูกติดกัน ไม่ว่าในใจเจ้าต้องการคำตอบอะไร เจ้าก็หลีกหนีมันไม่พ้น”“ท่านเทพเจ้าฮั่นยุหวี่ ข้ามีคำถาม ท่านช่วยบอกได้หรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเกากับสวรรค์คืออะไร”องค์ฮั่นยุหวี่ มองใบหน้างดงามของฟางเฟย แล้วยิ้มละมุน“นานมาแล้ว บนพื้นดินแห้งแล้ง ผู้คนทุกข์ยากลำบากยากเข็ญ ความช่วยเหลือใด ๆ ก็เข้าไม่ถึง ตระกูลผู้นำทำพิธีบวงสรวงขอต่อฟ้าดิน ในเมื่อขอต่อคนไม่สำเร็จสวรรค์เท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งพิง มาถึงตรงนี้เจ้าคงสงสัย ผู้คนมากมายขอพร ทำไมพรที่สวรรค์ให้แก่มนุษย์จึงต่างกัน แน่นอนเพราะคนที่ทำพิธีขอในตอนนั้น มีความสำคัญต่อสวรรค์ พรของสกุลเกาจึงพิเศษกว่าใคร แต่ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย ในเวลานั้นสวรรค์เอง ก็เพิ่งจบสงครามการฟื้นฟูก็ต้องทำพรก็ต้องให้ การแลกเปลี่ยนจึงถูกกำหนดนับแต่นั้นมา ไม่ใช่ทายาทคันฉ่องทองแดงทุกคนจะต้องทำคุณทดแทน มีแค่บางคนเท่านั้นที่มี
ซื่อเว่ยต้าตี้ผู้แข็งแกร่งอุ้มฟางเฟยเดินมาตลอดทาง ตั้งแต่ตำหนักหอยาไท่ไป๋จิงซิง จนถึงตำหนักสวรรค์ที่ใหญ่โตวิจิตรงดงาม เขาวางฟางเฟยลงหน้าตำหนักใหญ่ เสียงทหารองครักค์สวรรค์กล่าวรายงาน เสียงดังก้องกังวานจนฟางเฟยรู้สึกขนลุก“องค์ชายซื่อเว่ยต้าตี้ เทพเจ้าดวงดาราห้วงเวหา ขอเข้าพบพระเจ้าขา”“เข้ามา” เสียงองค์ฮั่นยุหวี่ทรงอำนาจและบารมี ดังสะท้อนทั่วห้องโถงใหญ่ซื่อเว่ยต้าตี้ กระซิบกับฟางเฟย อย่างแผ่วเบา“เจ้ากำลังจะอยู่ต่อหน้า องค์ฮั่นยุหวี่ เดี๋ยวทำความเคารพตามข้านะ ไม่ใช่ทำเหมือนเวลาเจ้าอยู่หน้าศาลเจ้า นั่นมันธรรมเนียมที่มนุษย์คิดกันเอง” ฟางเฟยทำตาโตหันไปมองเขา แต่ซื่อเว่ยต้าตี้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงแล้ว นี่เขาเห็นเธอมาตลอดงั้นเหรอ ซื่อเว่ยต้าตี้รู้ได้อย่างไงว่าอยู่หน้าศาลเจ้าเธอทำความเคารพแบบไหน ฟางเฟยรีบเดินตามซื่อเว่ยต้าตี้เข้าไปด้านใน องค์ฮั่นยุหวี่ประมุขสวรรค์ ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราแบบที่เธอคิดหรือที่เห็นในหนังเลย องค์ฮั่นยุหวี่อยู่ในชุดสีขาว ที่มีเสื้อตัวนอกที่เป็นสีเหลืองนวลตา ตัดเย็บจากผ้าไหมเนื้อดีแต่เรียบง่าย นั่งคัดตำราอยู่หน้าโต๊ะไม้ที่วางติดพื้น ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่สุขุมเยือกเย
ฟางเฟยและทุกคนหันไปมองต้นเสียงที่มาถึง เทพธิดารูปโฉมงดงามนางหนึ่งพร้อมเทพธิดารับใช้ ใบหน้ายิ้มสดใสทอดสายตาไปที่ซือเว่ยต้าตี้ “นาน ๆ ทีท่านจะกลับมาแดนสวรรค์ ไม่คิดกลับตำหนักซื่อเว่ย ไปเข้าเฝ้าองค์ฮั่นยูหวี่ ก็จะกลับแดนห้วงเวหา ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนะ”“ข้ากำลังพานางไปเข้าเฝ้า แล้วจะกลับห้วงเวหา ไม่คิดจะพักที่นี่ ข้าทิ้งงานมาหลายวัน ข้าไม่อย่าต้องโทษมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น”“ช่างใจร้ายนัก ท่านไม่คิดถึงข้าบางเลยรึ แดนห้วงเวหาท่านก็ปิดผนึกเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าออกมิได้ ข้าไปหาหลายหน ทหารยามก็ปฏิเสธทุกครั้ง จะฝ่าผนึกพลังเวทย์ก็ทำมิได้ ท่านจะหลบหน้าข้าแบบนี้ตลอดไปเช่นนั้นรึ”เทพเจ้าหนุ่มทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด "ท่านเทพไท่ไป๋จิงซิง รบกวนจัดยาให้นางแล้วให้คนไปส่งให้ข้าด้วย” ซื่อเว่ยต้าตี้หยิบชิ้นเห็ดหลินจือ ส่งให้เทพผู้เฒ่าหนึ่งชิ้น เป็นสินน้ำใจ แล้วเขาก็รีบเดินมาประคองฟางเฟย เพื่อเดินออกจากห้องปรุงยา แต่ก็ถูกเทพธิดาบริวารของนางผู้มาเยือนขวางไว้“บังอาจ” ซื่อเว้ยต้าตี้ตวาดใส่พวกนาง “พวกเจ้าเป็นแค่สาวใช้ อย่ากำเริบกับข้า”พวกนางได้แต่ก้มศีรษะตัวสั้นด้วยความหวาดกลัว“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่
หมอลี่จู ส่งจูบให้จางจิ้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป จางจิ้งได้แต่ขำกับท่าทีของลี่จู เธอเป็นผู้หญิงน่ารักและใจดี เสียก็แต่เขาไม่ได้ชอบเธอ จางจิ้งเดินกลับไปยืนข้างเตียงของฟางเฟย แค่คืนกับวัน ตอนนี้สีหน้าของฟางเฟยดูดีขึ้นจริง ๆ หวังว่าเธอในอีกช่วงเวลาคงปลอดภัย จางจิ้งกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ ส่งพลังไปถึงฟางเฟย รีบกลับมานะพี่รออยู่เสียงหัวเราะเฮฮาดังออกมาจากห้องพักฟื้นบนแดนสวรรค์ เกาฟางเฟยเล่าเรื่องมากมายบนโลกมนุษย์ ณ เวลาปัจจุบันให้กับ ซื่อเว่ยต้าตี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง และมู่ตัน ฟัง ชายหนุ่มทั้งสองเล่นหมากไปดื่มน้ำชาไป และกินขนมปังกรอบที่เธอเอาติดตัวมา ฟังเรื่องต่าง ๆ ที่เธอเล่า ประหนึ่งฟังนิทานหลอกเด็ก เจ้าเด็กน้อยก็พลอยหัวเราะชอบใจไปด้วย“นี่อะไรกัน พวกเจ้าเป็นถึงเทพระดับสูง มานั่งจับกลุ่มส่งเสียงดังอะไรกัน พวกเจ้านะ พวกเจ้า เห็นสถานพยาบาลของข้าเป็นบ้านของพวกเจ้ากันรึไง”เทพไท่ไป๋จิงซิง ยืนเท้าเอวบ่นพวกเขา ซื่อเว่ยต้าตี้ถึงกับหัวเราะกับท่าทางของท่านเทพอาวุธโส“เกาฟางเฟย ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้ากับมู่ตันกลับก่อนดีกว่า ตาเฒ่าอารมณ์เสียแล้ว ข้าเพิ่งก่อเรื่องจากตำหนักสวรรค์มาหมาด ๆ จะมาโดนเรื่องนี้อีก ค







