Home / รักโบราณ / ห้วงฝันใต้แสงจันทรา / บทที่ 2.0 ภาพที่คุ้นเคย

Share

บทที่ 2.0 ภาพที่คุ้นเคย

last update Last Updated: 2024-11-26 10:00:14

เช้าวันต่อมา

“อาเซียง ตื่นได้แล้ว วันนี้มีเรียนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”

“อาเซียง ได้ยินไหมเนี่ย ตื่นได้แล้ว”

“อื้อ จิ่วเอ๋อร์ ข้ารู้แล้ว”

“หลิวลี่เซียง นี่เธอพูดว่าอะไรนะ” ไป๋เยว่ซินถามย้ำอีกครั้งและรู้สึกแปลกใจที่เพื่อนคนนี้นอนขี้เซา

“จิ่วเอ... เอ๋!” หลิวลี่เซียงรีบลืมตา

“ซินซินเหรอ” เธอจับหน้าไป๋เยว่ซินแล้วดึงแก้มเบา ๆ

“โอ๊ย! อาเซียง มาดึงแก้มกันทำไม”

“ซินซิน ฉันคิดถึงเธอจังเลย” หลิวลี่เซียงกอดเพื่อนรัก

เธอไม่คิดว่าวันนี้จะได้ตื่นจากฝันของหลี่เหลียนฮวา หลิวลี่เซียงใช้ชีวิตเป็นหลี่เหลียนฮวามาหลายปี ความรู้สึกทุกอย่าง เธอยังคงจำได้ดี

หวังว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงนะ เธอคิดในใจ

“อาเซียง แปดโมงครึ่งแล้ว เธอจะไปอาบน้ำแต่งตัวได้หรือยัง” ไป๋เยว่ซินเตือนเพื่อนอีกรอบ

“มีเรียนเหรอ วันนี้วันอะไร” เธอถามเพื่อนพลางกดมองดูมือถือ ก่อนหันไปดูตารางเรียน

“ซวยแล้ว ๆ คาบอาจารย์สุดโหด” เธอรีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วสูงก่อนปั่นจักรยานไปคณะ

พักเที่ยงหลิวลี่เซียงมีนัดทานข้าที่โรงอาหารพร้อมกันกับไป๋เยว่ซิน เธอมานั่งรอที่โต๊ะก่อนจะคิดถึงเรื่องราวในฝันที่ผ่านมา

ทำไมถึงได้ฝันเรื่องหลี่เหลียนฮวาอีกครั้งนะ แถมเข้าไปอยู่ในฝัน เล่นจริงเจ็บจริงไม่น้อย เหมือนจะผ่านมาห้าปีแล้วแต่ก็แค่หลับฝันไปหนึ่งคืนงั้นเองเหรอ หลิวลี่เซียงคิดทบทวนไปมาถึงความสมเหตุสมผลแต่ก็หาคำตอบไม่ได้

“อาเซียง สั่งข้าวแล้วยัง” ไป๋เยว่ซินถามตอนเดินมาที่โต๊ะ

“อื้อ เรียบร้อย กินเหมือนกันใช่ไหม”

“อื้อ”

ทั้งสองคนทานข้าวเที่ยงด้วยกันพลางพูดคุยเรื่องงานเทศกาลของมหาวิทยาลัย คณะต่าง ๆ จะมีร้านขายของเล็ก ๆ ในเทศกาลนี้ด้วย แต่แล้วจู่ ๆ ไป๋เยว่ซินถามเรื่องเมื่อตอนเช้า

“อาเซียง เมื่อเช้าเรียกชื่อใครนะ”

“อ่อ จิ่วเอ๋อร์ คนในฝันน่ะ เรื่องมันยาวมาก เอาไว้เลิกเรียนจะเล่าให้ฟังนะ” หลิวลี่เซียงตอบก่อนหันไปมองข้าง ๆ

เธอเห็นเหรินฮ่าวหรานกำลังนั่งกินแตงโมอยู่อย่างเอร็ดอร่อยก็นึกถึงเสี่ยวหานแล้วเผลอยิ้มออกมา

“อาเซียง มองฮ่าวหรานจนเขามองกลับมาแล้วไหมนั่น” ไป๋เยว่ซินสะกิดแขนเธอเบา ๆ

เหรินฮ่าวหรานรู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องเขาอยู่จึงหันมามอง เขาเห็นหลิวลี่เซียงยิ้มให้เขา

“เธอชอบนายคนนี้เหรอ มองตาไม่กระพริบแถมยิ้มให้เขาด้วย” ไป๋เยว่ซินแซวเพื่อนที่กำลังหน้าแดง

“เปล่านะ ซินซิน แค่นึกถึงใครบางคนเฉย ๆ เดี๋ยวเย็นนี้เล่าให้ฟัง”

“อื้อ” เธอพยักหน้า

หลังจากที่เรียนวิชาตอนบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิวลี่เซียงแวะไปที่ชมรมศิลปะ เพราะประธานชมรมนัดสมาชิกใหม่ทุกคนมาทำความรู้จักกับรุ่นพี่ แม้สมาชิกในชมรมจะมีไม่มากก็ตาม

เธอเดินเข้ามานั่งรออยู่ตรงมุมห้องชมรมและทำความรู้จักกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่ เหรินฮ่าวหรานและซือมู่เฉินก็เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย หลังจากที่แนะนำชมรมและสมาชิกชมรมเรียบร้อยแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ เหลือเพียงเหรินฮ่าวหรานที่เดินไปหยิบอุปกรณ์มาเตรียมวาดรูปสีน้ำมัน

“นี่ ฉันให้เธอ” เหรินฮ่าวหรานยื่นของในถุงผ้าให้เธอ

หลิวลี่เซียงรับมาแล้วเปิดดูของในถุงผ้า

“แตงโมเหรอ เป็นลูกเลยนี่นะ” หลิวลี่เซียงถามกลับ

“อื้อ เมื่อตอนกลางวันเธอมองฉัน ไม่ได้อยากกินแตงโมเหรอ”

“เอ่อ คือ... ใช่ ๆ ขอบคุณนะ” หลิวลี่เซียงไม่อยากอธิบายยืดยาวจึงรับของมาแล้วกล่าวขอบคุณเขา

หลังจากนำของมาให้เธอแล้ว เขาก็ไปนั่งที่ประจำใส่หูฟังเพลงแล้วเริ่มลงสีบนผืนผ้าใบ

หลิวลี่เซียงไม่กล้าอยู่กับเขาสองคนจึงขอตัวกลับหอพัก

----------------------------------------------------------------------

งานเทศกาลมหาวิทยาลัย

“อาเซียง ร้านขายของกินเต็มไปหมดเลย” ไป๋เยว่ซินตื่นเต้น

“อื้อ ไปดูตรงโน้นกันเถอะ ฉันอยากกินอันนั้นอ่ะ” หลิวลี่เซียงพาเธอเดินมาทางด้านซ้ายของงาน

เธอเอื้อมมือไปหยิบถังหูลู่ด้วยความอยากกิน แต่มีมืออีกข้างหนึ่งของใครบางคนกำลังเอื้อมมือจับถังหูลู่ไม้เดียวกัน

ในร้านมีตั้งหลายไม้ ทำไมต้องมาเลือกไม้เดียวกัน เธอจึงเงยหน้ามองเขา

“เหรินฮ่าวหราน!” เธออุทานตกใจ

“เธอเองเหรอ” เขาตอบเนิบ ๆ

“อันนี้นายเอาไปละกัน เดี๋ยวฉันเอาอันใหม่” หลิวลี่เซียงยื่นถังหูลู่ไม้นั้นให้เขา

ภาพเหตุการณ์ในวันที่หลี่เหลียนฮวาไปเที่ยวในตลาดและซื้อถังหูลู่ให้เสี่ยวหานผุดขึ้นมา เธอมองเห็นภาพหน้าของเสี่ยวหานบนใบหน้าของ เหรินฮ่าวหราน ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อยและทำให้เขาแปลกใจไปด้วย

“หลิวลี่เซียง เป็นอะไรไป” เขาถาม

“อ้อ เปล่า ไม่มีอะไร อันนี้ให้นายละกัน ฉันไปละ” เธอรีบยื่นให้เขาก่อนรีบเดินไปอีกทาง

“อ้าวอาเซียง ไม่กินละเหรอ” ไป๋เยว่ซินถามเพราะสงสัย

“อื้อ ๆ เอาไว้วันหลังก็ได้”

“งั้นไปตรงนั้น ฉันได้กลิ่นซาลาเปา” ไป๋เยว่ซินชวน

“ซินซิน ขอสองลูก หิวไม่ไหวแล้ว” หลิวลี่เซียงบอกเพื่อน

“อื้อ ถือไปเลยมั้ย” เธอยื่นให้เพื่อนก่อนจ่ายเงิน

เมื่อหันกลับมาหลิวลี่เซียงมองเห็นเหรินฮ่าวหรานอีกครั้งและกำลังเดินมาทางนี้

งานออกจะกว้างทำไมยังเดินมาทางเดียวกันอีกนะ หลิวลี่เซียงคิดในใจ

ด้านเหรินฮ่าวหรานที่เดินมาทางนี้มองเห็นเธอถือซาลาเปาสองมือก็เข้าใจว่าเธอคงชอบซาลาเปามาก เขายิ้มให้เธอเพื่อทักทายตามประสาแต่กลับทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมา ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเธอหน้าแดง หลิวลี่เซียงก็หันขวับไปอีกทางแล้วรีบเดินจนลืมไป๋เยว่ซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“อาเซียง เดี๋ยวก่อน” ไป๋เยว่ซินรีบเดินตาม

“ซินซิน โทษที รีบเดินไปหน่อย”

“รีบเดินหรือรีบหลบหน้าใคร เธอมีพิรุธนะ” ไป๋เยว่ซินแกล้งถามเพื่อน

“เปล่า ๆ แค่อยากรีบหาที่นั่งกินซาลาเปาเฉย ๆ เอ! ตรงนั้นซือมู่เฉินนี่” หลิวลี่เซียงชี้ไปที่ในงาน

ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ไป๋เยว่ซินรีบดึงแขนเธอเดินไปอีกทางจนแทบจะถึงประตู

“ซินซิน นี่เธอหลบหน้าซือมู่เฉินเหรอ” หลิวลี่เซียงถามกลับ

“จะว่าใช่ก็ใช่นั่นแหละ ยังไม่อยากเจอหน้าคนเจ้าชู้”

“เฮ้อ ไหน ๆ ก็เดินมาจนถึงทางออกแล้วกลับหอกันดีกว่า” เธอเก็บซาลาเปาใส่ถุงแล้วปั่นจักรยานกลับหอพร้อมกัน

------------------------------------------------------------------------

หลิวลี่เซียงแวะมาที่ชมรมศิลปะเพราะวันนี้รุ่นพี่จะสอนเทคนิคการวาดรูปด้วยสีน้ำมัน เธอมีแผนที่จะหัดวาดรูปจึงเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

“หลิวลี่เซียง ไปนั่งคู่กับเหรินฮ่าวหราน” รุ่นพี่คนหนึ่งบอกเธอ

หลิวลี่เซียงค่อย ๆ เดินมาหาเขาพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อทักทายเขา

เมื่อมองไปที่ผืนผ้า เธอเห็นเขาวาดรูปดอกโบตั๋นค้างไว้ แม้จะยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีก็ดูสวยงามมากทีเดียว

“เธอจะลองวาดรูปดอกโบตั๋นไหม” เขาถามเมื่อเห็นเธอสนใจภาพของเขา

“อื้อ” หลิวลี่เซียงตอบด้วยความดีใจ

เหรินฮ่าวหรานตั้งใจสอนเธอด้วยความใจเย็น หลังจากนั้นเธอจึงแวะมาที่ชมรมอีกสองสามวันเพื่อวาดรูปดอกโบตั๋นให้เสร็จ โดยมีเหรินฮ่าวหรานคอยสอนทุกขั้นตอน จนในที่สุดภาพวาดสีน้ำมันชิ้นแรกของเธอก็เสร็จเรียบร้อย

“ขอบคุณนะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยสอนเรื่องวาดภาพ

“อื้อ” เขาตอบสั้น ๆ

โบตั๋นในความทรงจำ หลิวลี่เซียงถือภาพดอกโบตั๋นกลับหอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ข้างหลังเธอเหรินฮ่าวหรานมองตามแล้วยิ้มมุมปาก จากนั้นเขากลับมานั่งวาดภาพเดิมที่ค้างไว้

ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ดวงจันทร์กลมโตเหมือนคืนนั้น หลิวลี่เซียงมานั่งชมจันทร์ที่ริมหน้าต่างเหมือนเช่นเคย เสียงขลุ่ยเพลงเดิมที่คุ้นเคยขับกล่อมให้เธอหลับใหลอย่างไม่รู้ตัว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.5 นิจนิรันดร์(ตอนจบ)

    หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านมาครบหนึ่งร้อยวัน เทพพิทักษ์กฎสั่งให้นำตัวเหรินฮ่าวหรานและหลิวลี่เซียงเข้ามาที่ท้องพระโรงเพื่อไต่สวนครั้งสุดท้าย หากดูจากภายนอกแล้ว หลิวลี่เซียงเหมือนกลับมาเป็นปกติ แต่เหล่าเทพเซียนทั้งหลายยังคงกังขาว่านางหายจากมนตร์ปีศาจแล้วหรือไม่ ส่วนเหรินฮ่าวหรานนั้น ร่างกายภายนอกดูไม่เป็นอันใดเพราะยาจากชิวฉือ แต่ภายในนั้นบอบช้ำเกินพรรณนา“เทพบุปผา ท่านยืนยันได้หรือไม่ว่าสติของท่านกลับมาเป็นเช่นเดิมแล้ว” เทพพิทักษ์กฎถามนางขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของเหล่าเทพเซียน“อื้ม” นางพยักหน้า สายตายังคงมองไปที่เหรินฮ่าวหรานด้วยความเป็นห่วง เวลานี้ไม่คิดสนใจผู้ใดนอกจากเขา“เรื่องของท่านกับเขา เหรินฮ่าวหรานเคยกล่าวว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้น ท่านยืนยันได้หรือไม่”“ข้ายืนยันได้ เขาไม่มีวันทำร้ายข้า ทั้งไม่จำเป็นต้องใช้มนตร์ปีศาจเพื่อให้ข้าหลงรักเขา ไม่ว่าจะอยู่ในชาติภพใด เขาจะคอยปกป้องข้า ไม่มีวันทอดทิ้ง” หลิวลี่เซียงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ท่านเพิ่งได้พบเจอเขา เหตุใดถึงเชื่อใจเขา” เทพวารีก

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.4 ผีเสื้อสีขาว

    “เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าคอยรักษานางจนครบหนึ่งร้อยวัน แล้วข้าจะไต่สวนเรื่องราวอีกครั้ง” เทพพิทักษ์กฎกล่าวโดยสรุปก่อนจะหันไปทางคนที่เหลือ“พวกเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอก ดินแดนเทพไม่อาจตัดสินความถูกผิดได้ ข้าส่งจะตัวพวกเจ้าไปที่แคว้นชิงชิว”ซือมู่เฉินยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเทพพิทักษ์กฎ ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง“หากข้าไม่ได้ทำความผิด ไม่ว่าผู้ใดก็ตัดสินข้าไม่ได้” ซือมู่เฉินเผยตราราชวงศ์เมืองฉางให้พวกเขาดู“องค์รัชทายาทเช่นนั้นหรือ” เทพองค์หนึ่งพูดขึ้น“พวกเจ้าอย่าทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์ไปเลย ข้ายืนยันว่าข้าและสหายบริสุทธิ์ใจ ระหว่างที่เหรินฮ่าวหรานรักษานาง พวกข้าจะออกตามหาคนต้นเหตุเพื่อมารับโทษให้ได้”“ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของจิ้งจอกเก้าหาง วาจาที่เอ่ยออกมาแล้วไม่สามารถบิดพลิ้วได้ มิเช่นนั้นจะถูกวาจาศักดิ์ย้อนกลับมาทิ่มแทงตนเอง รวมถึงนางด้วยใช่หรือไม่” เทพพิทักษ์กฎทวนเขาอีกครั้งถึงสิ่งที่เขาเดิมพันเอาไว้ขณะหันไปมองไป๋เยว่ซิน“ข้า

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.3 มิตรภาพผองเพื่อน

    เหรินฮ่าวหรานไม่รอช้าหยิบมีดขึ้นมากรีดลงที่ตรงหน้าอก พลันเลือดสีแดงฉานไหลริน เขารีบนำภาชนะรองมาให้หลิวลี่เซียงดื่มจนกว่านางจะดีขึ้น“พอแล้ว” ซือมู่เฉินห้ามปราม“แต่นาง...” เหรินฮ่าวหรานมองหลิวลี่เซียงด้วยสีหน้ากังวล“วันนี้พอเท่านี้ อีกครู่หนึ่งนางจะหาย”หลิวลี่เซียงมีท่าทีสงบลง สีตาของนางกลับมาเป็นเช่นเดิม สติที่หายไปเริ่มกลับมาจนแก้มของนางสีแดงระเรื่ออีกครั้ง นางรีบหันหลังหลบสายตาของเหรินฮ่าวหราน“เป็นอันว่า นางหายดีแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะเสี่ยวหราน เจ้าตามข้ามา เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซือมู่เฉินบอกเขาแล้วเดินออกจากห้องไปรอข้างนอก“เถอะน่า รีบตามไปเร็วเข้า เดี๋ยวข้าอยู่กับนางเอง” ไป๋เยว่ซินเห็นท่าทีของเขาก็รีบบอกให้คลายกังวล เหรินฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วตามออกไป“ซินซิน เมื่อครู่ข้าทำอันใดไปบ้าง” หลิวลี่เซียงหามาถามไป๋เยว่ซิน“อาเซียง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีท่าทางเช่นนี้ แต่เจ้าไม่ต้องคิดอันใดมากหรอก เจ้าเพิ่งจะโดนมนตร์ปีศาจจิ้งจอกมา”“ถ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.2 มนตร์ปีศาจจิ้งจอก

    เหรินฮ่าวหรานลงจากล่างเขาดินแดนเทพมาอยู่ในดินแดนมนุษย์ได้สามสี่วัน เขาใช้เวลาว่างคิดทบทวนเรื่องของตนเองกับหลิวลี่เซียง ระยะเวลาสองพันปีที่เขารอคอยนางมา หากคำตอบไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง เขาจะทำเช่นไรทว่าเรื่องหัวใจของตนเองนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดให้นานนัก ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ความฝันที่ผ่านมาแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนชาติภพที่เขาและนางต้องเผชิญร่วมกันในฐานะที่แตกต่างกันไป เหรินฮ่าวหรานตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่าคำตอบเป็นเช่นไร เขาจะยังคงรอนางอย่างที่เคยรอเสมอมา ความรักของเขาจะมอบให้นางแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เหรินฮ่าวหรานเริ่มยิ้มออก ใจที่เคยสับสนค่อยผ่อนคลายลงเหรินฮ่าวหรานเก็บของเตรียมจะออกจากโรงเตี๊ยม จู่ ๆ เขาก็เห็นผีเสื้อสีขาวบินมาจากทางหน้าต่างห้องผีเสื้อนำทาง ผู้ใดกำลังตามหาข้าอยู่หรือ เหรินฮ่าวหรานเอื้อมมือแตะที่ผีเสื้อตัวนั้นก่อนจะออกมายืนริมหน้าต่าง สายตาของเขาทอดมองไปยังเบื้องล่าง พลันได้พบเจอคนผู้หนึ่งยืนส่งยิ้มมาให้ก็ใจเต้นรัวหลิวลี่เซียง เขาไม่รอช้ากระโดดลงมาจากชั้นสองของโรงเต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.1 การรอคอยที่เนิ่นนาน

    ท้องฟ้าสีครามแต้มด้วยปุยเมฆขาว ๆ ในวันนี้ก็ยังคงเป็นดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา ฝูงปักษาสวรรค์ที่นานครั้งจะปรากฏตัวอวดโฉมต่างพากันโผบินไปยังตำหนักเทพเบื้องบนราวกับมีงานชุมนุมรื่นเริง ด้านล่างทางขึ้นเขาดินแดนเทพมีหอเซียนต่าง ๆ มากมายสำหรับเซียนที่คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเทพ มนุษย์ และเผ่าอื่น ๆ ในใต้หล้าริมทะเลสาบด้านหลัง มีเซียนหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าที่รับคำวิงวอนจากมนุษย์ส่งให้เหล่าเทพได้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในหอเซียนไปนั่งชื่นชมธรรมชาติที่เงียบสงบอย่างเช่นเคยหลิวลี่เซียง เจ้าอยู่ที่ใดกัน เซียนหนุ่มผู้นี้ถอนหายใจพลางมองไปยังเป็ดยวนยางคู่หนึ่งเป็ดยวนยางยังมีคู่แล้วเจ้าอยู่แห่งหนใด ความฝันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่ไม่มีเจ้าราวกับชีวิตมีบางสิ่งขาดหายไปความรำพึงรำพันของเขาเช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากได้พบนางในฝัน แต่ความฝันครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสองพันปีก่อน ครั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เกิดเป็นเซียนก็คอยแต่จะตามหานางทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะดินแดนเซียน ดินแดนมนุษย์ เผ่าอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เคยไปมาทั้งหมด หากแต่ไม่มีวี่แววจะได้พบกับนาง เหลือเพียงแต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.4 ห่วงหาอาวรณ์

    “เทียนเทียน” ถานลี่อิงร้องไห้เรียกเขา จิตใจของนางเริ่มสั่นไหวทีเล็กทีละน้อย ทำให้ผนึกที่อยู่ในตัวนางเกิดรอยร้าวใหญ่ขึ้น“ช้าก่อน” เสียงของต้วนจื่อเยี่ยนดังขึ้นพร้อมกับคนในพรรคฝนโลหิตราวห้าสิบคน“เพิ่งจะโผล่มาตอนนี้ เจ้านี่มันจอมฉวยโอกาส” หวังเหว่ยตวาดเขา“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ต้วนจื่อเยี่ยนตอกกลับ แล้วถามเหออี้เทียน“หลี่หงจวิ้นเล่า เจ้าฆ่าเขาหรือยัง”“...” เหออี้เทียนไม่ตอบอันใด เรี่ยวแรงของเขาเริ่มจะหมด ทั้งยังเจ็บปวดบาดแผลไปทั่วร่าง“ยังไม่ฆ่ามันสินะ” ต้วนจื่อเยี่ยนเห็นท่าทีของเหออี้เทียนก็พอเดาได้ เมื่อรู้ข่าวจากคนในพรรคว่าหาตัวหลี่หงจวิ้นไม่เจอ เขาก็รีบมาที่นี่ทันที“...” เหออี้เทียนยังคงนิ่งเงียบ“หรือว่าเจ้าโดนเสน่ห์มารของมันแล้ว เฮอะ เจ้าหลี่หงจวิ้นคิดจะเก็บของดีไว้กินผู้เดียว” หวังเหว่ยพูดออกมา“แล้วเจ้านั่นหายไปที่ใด ทำไมไม่มาชิงเหยื่อของตนกลับไป” พรรคหมอกทมิฬสงสัยมองไปรอบ ๆ ตัว“หม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status