“พีชอย่าเข้าไป!!”
“ทำไมอะ?”
“เข้าไม่ได้”
ขายาวรีบสาวไว ๆ วิ่งเข้ามายืนกั้นหน้าบานประตูสีแดงเอาไว้ด้วยความตื่นตกใจราวกับคนพึ่งเห็นผีมา
ไอ้บ้าเอ๊ย! ตะโกนดังลั่นห้องขนาดนี้ ทำคนสวยดีกรีดาวมหาลัยก็ตกใจ ต้องหยุดชะงักไปด้วย
“มันคือห้องเก็บของ มันรกอะ”
ฮั่นแน่! ปากบอกไม่มีอะไร ใจเท่ากับมันมีแน่ ๆ ทรงนี้ ยิ่งเห็นท่าทางลนลาน สีหน้าซีดเผือดของไอ้ตี๋หวงบางอย่างในห้องนั้นมากแค่ไหน
ยิ่งกระตุ้นต่อมขี้เสือกของเธอได้เป็นอย่างดี พาให้ลูกพีชเกิดความสงสัย อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
“แปลกตรงไหน? ห้องเก็บของก็ต้องรกอยู่แล้วปะ?”
แค่ห้องที่มีบานประตูสีแดงสุดแสนจะธรรมดา ถึงขั้นทำให้ไอ้เนิร์ดคนนี้กล้าห้ามไม่ให้เธอเข้าไป ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเจอาร์ไม่เคยทำแบบนี้เลยสักครั้ง
เพราะฉะนั้นไอ้หน้าตี๋นี่กำลังมีพิรุธอย่างหนัก อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งประเทศมาห้ามกันท่าไหน ลูกพีชจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด
“เถอะนะพีช อย่าเข้าไปเลย เจย์ยังไม่ได้เก็บของอะ”
กายเรียวระหงยืนกอดอกนิ่ง ดวงตากลมโตสุดบ้องแบ๊วจ้องมองเขาที่กำลังทำตัวเลิ่กลั่ก โคตรจะมีพิรุธออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชัดเจนขนาดนี้เชื่อก็หมาแล้วเถอะ
“ใช่หรือเปล่าเจอาร์? ฮั่นแน่หวงแบบนี้ ห้องเชือด หรือเปล่าน๊า?”
นิ้วบางยกขึ้นชี้หน้า วินาทีนี้เธอคิดได้แค่เรื่องเดียวเท่านั้น ดูกูหมกมุ่นฉิบหาย ท่าจะรั่ว
แต่ใจดวงน้อยไม่วายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อเธอคิดว่ามันคือห้องที่หนุ่มตี๋ร่างทองเอาไว้แสดงบทรักสาย BDSM กับสาว ๆ ที่ควงมากินตับอยู่ที่นี่จริง ๆ
“ไม่ใช่ครับ”
“ไม่เชื่อ”
“แต่ถ้าให้ เชือดพีช ในนั้นก็ไม่แน่หรอก”
“เหอะ! อย่ามากลบเกลื่อน”
ใครจะไม่รู้ว่าไอ้ต้าวหน้าตี๋นี่ตั้งใจพูดแบบนั้น เพื่ออยากเบี่ยงเบนความสนใจของเธอออกจากห้องแห่งความลับต่างหาก
แต่ฝันไปเถอะกะเทยเลี้ยงมาขนาดนี้ นอกจากจะเป็นคนสวยแล้ว ยังเป็นคนขี้เสือกอีกด้วย มีที่ไหนลูกพีชจะยอมหยุดก่อนไม่ทราบ
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ”
“ฉันว่าใช่แน่ ๆ เจอาร์ ในนั้นคือห้องแดงเหมือนในหนังเรื่อง Fifty Shades of Grey ใช่ปะ?”
“ยังไม่หยุดแซวอีก ห้องเก็บของเฉย ๆ ครับพีช”
“ไม่จริงอะ ถ้าห้องเก็บของจะหวงทำไม นายไม่เคยหวงของกับฉันนะเจอาร์”
จะว่าแบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะที่ผ่านมาเขายอมเธอทุกอย่าง ไม่เคยมีความลับ ไม่เคยปิดบังอะไรเลย ยกเว้นความรู้สึกในใจเท่านั้นแหละ
“ทุกวันนี้นายมีความลับกับฉันเหรอไอ้เนิร์ด?”
“ไม่ใช่แบบนั้นพีช ในห้องนั้นฝุ่นเยอะ เดี๋ยวพีชเข้าไปภูมิแพ้กำเริบผื่นตามมาอีกนะ”
มีเหตุมีผลตามแบบฉบับของนายเนิร์ดเป๊ะ ๆ เพราะเขารู้ดีว่าเธอแพ้ฝุ่น เมื่อสัมผัสเยอะ ๆ ทีไร ผื่นขึ้นหน้าทุกที จึงเอามาเป็นข้ออ้างสินะ
“ก็ได้ ไม่ให้ดู ฉันไม่ดูก็ได้”
ไม่ให้ดูเธอก็ไม่อยากฝืน จึงค่อย ๆ ก้าวขาเดินถอยออกมาจากหน้าห้องแดงของนายเนิร์ด
ในขณะคนตัวโตกว่าพยายามเอาร่างกั้นบานประตูทางเข้า ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาที่ลูกพีชยอมเป็นคนดี ว่านอนสอนง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
เจอาร์จึงค่อย ๆ ขยับเท้าออกห่างจากบานประตู และก้าวขายาว ๆ เดินอ้อมมานั่งลงที่โซฟา
“ไม่ดูก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ เสือก มันไม่ใช่ยัยลูกพีชคนสวยจ้า!!”
“ไม่ได้พีช!!”
นึกตงิดใจแล้วเชียวว่ายัยหมากระเป๋าจะเป็นเด็กดีกับเขากี่โมงก่อน กูระแวงถูกฉิบหาย นิสัยไม่ยอมอะไรง่าย ๆ แบบนี้เป๊ะ
แถมเล่นใหญ่หลอกล่อให้เจอาร์ตายใจ หักลำวิ่งย้อนกลับมายังหน้าห้องเกียร์อีกครั้ง มันดื้อจัด จับตีก้นแรง ๆ สักทีดีไหมเนี่ย
“วะ ว้าย!!”
ปึก!!
“โอ๊ย!!”
มือน้อยคว้าได้ลูกบิดประตู กำลังจะหมุนเข้าไปได้แล้วเชียว แต่ตัวเธอดันปลิวออกห่าง ด้วยแรงมหาศาลจากคนตัวโตกว่า
ที่คว้าได้เอวบางลอยหวือกลับมา กระทั่งร่างทั้งคู่ไถลลงไปตกอยู่ที่พื้นดังสนั่น ล้มทับกันตามแบบฉบับหนังไทยเป๊ะ
แต่จะเป๊ะเกินไปไหนก่อน? เมื่อใบหน้าของเจ้าเนิร์ดมันกำลังซุกลงบนแพนตี้ลูกไม้ตัวน้อยกลางหว่างขาของเธอจัง ๆ ในท่าสุดสยิวจนเยี่ยวแทบเล็ด
กรี๊ดดด!!
เส้นเสียงแหลมของลูกพีชกรีดร้องดังลั่นห้อง ด้วยความตื่นตกใจสุดขีด ที่เขาเอาหน้ามาซุกกลางจุดสงวนของเธอเต็ม ๆ โว้ยสภาพ
“อีอ้วน!! นายมาดมเป้าฉันทำไม? ออกไปเลยนะ”
ปึก!!
“อ๊ะ!!”
ฝ่าเท้าเล็กถีบเข้ากลางยอดอกจนคนเนิร์ดหงายหลังออกห่าง ลูกพีชจึงรีบดีดตัวขึ้นจากพื้นด้วยท่าทางร้อนรนสุด ๆ
“ขอโทษพีช เจย์ไม่ได้ตั้งใจ”
ร่างบางยืนหนีบขาสองข้างเข้าหากันราวกับเป็ด หัวใจทั้งดวงของลูกพีชเต้นสั่นเครืออย่างรุนแรง
แต่นั่นไม่เท่ากับความกังวลหนัก และอับอายในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เมื่อเรียวหน้าสวยเริ่มแดงเปล่งปลั่งยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก พลางยืนบิดไปบิดมาอย่างเห็นได้ชัด
“ว่าแต่….มีกลิ่นไหมอะ? รอบเดือนพึ่งมา”
“ฮะ?”
ในคราแรกนึกว่าลูกพีชจะโมโหร้าย และดุด่าเขาที่พลาดล้มลงไปจุ๊บเป้าเธอจัง ๆ แต่ดูจากหน้าแดงแจ๋ และท่าทางเขินอายไม่กล้าสบตาเขาแล้ว
เจอาร์ก็รู้ซึ้งแล้วว่าทำไมยัยหมากระเป๋าตัวนี้ถึงฉีดน้ำหอมมาซะฟุ้งขนาดนั้น ที่ไหนได้เพราะลูกพีชเป็นรอบเดือนนี่เอง
“ไม่ได้กลิ่น จังหวะนั้นยังไม่ทันได้ดมเลยพีช”
“แน่ใจ?”
เสียงหวานถามย้ำอีกครั้ง สีหน้ายังคงเป็นกังวลหนัก ทั้งยังรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามากด้วย วันธรรมดาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่วันที่เธอเป็นรอบเดือนด้วยอยากจะบ้าตาย
“ไม่แน่ใจ”
“อ้าว!!”
ได้ยินคำตอบจากหนุ่มเนิร์ด ยิ่งทำให้จิตใจเธอกระวนกระวายหนักกว่าเก่า พาคนตัวเล็กเสียความมั่นใจไปเยอะกว่าเดิมอีกงานนี้ ปล่อยไก่สุด ๆ
“ถ้าพีชอยากรู้ ต้องลองให้เจย์ดมดูอีกรอบดิ”
“ไอ้บ้า!!”
น้ำเสียงงุ่นง่านตวาดดังสนั่น คนยิ่งอาย ๆ อยู่ด้วย จะมาดมอะไรอีกล่ะ
โดนตะคอกใส่ไปที คนเนิร์ดถึงกลับอมยิ้มกริ่มก้มหน้าแดงกดต่ำลงพื้นไวยิ่งกว่าจรวด
ครืดดด~
ยังไม่ทันนึกอะไรมือถือเครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงของเจอาร์ก็สั่นเครือขึ้นมาขัดจังหวะ นิ้วมือหนาจึงล้วงเข้าไปชอนไชเอาออกมาตรวจดู ถึงรู้ว่าเป็นเพื่อนที่คณะโทรตาม เรื่องโปรเจคจบ
“เจย์ต้องเข้าไปในมหาลัย โปรเจคถูกตีกลับมาแก้”
คุยสายอยู่ไม่นานไอ้ตี๋หน้าเนิร์ด ก็หันกลับมาแจ้งถึงวัตถุประสงค์ให้ลูกพีชทราบ
“งั้นฉันรออยู่...”
“ไม่ได้!! พีชต้องไปกับเจย์”
ว่าจบไม่รอให้เธอค้าน ร่างบางก็ปลิวออกจากคอนโดไปพร้อม ๆ กัน ยังไงซะเขาไม่มีวันปล่อยให้ยัยหมากระเป๋าอยู่ในนี้ และย่องเข้าห้องแดงได้แน่ ๆ
จบวันนี้กูจะไปหาประตูล็อกใส่รหัสมาติดแล้วไอ้สัตว์เอ๊ย! เมื่อมันมีหมาตัวเล็กชอบสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่อง
กระทั่งใช้เวลาไม่นานเกินสิบนาที ทั้งคู่ก็มาถึงสถานีรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเที่ยงวันเป๊ะ
“อ้าว? นึกว่าใคร ที่ไหนสาวสเปคหมากับหนุ่มหน้าเนิร์ดนี่เอง”
ยังไม่ทันรถไฟฟ้าจะมาเทียบชานชาลา เสียงคุ้นหูของใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นจากด้านหลังของทั้งคู่
ก่อนลูกพีชและเจอาร์จะหันกลับมา พบว่าเป็น คีตะ เพื่อนในรุ่นยืนล้วงกระเป๋าอยู่ก่อนแล้ว
“สเปคหมาบ้านพ่อมึงสิไอ้คีตะ”
“ก็มึงมันสเปคหมาจริง ๆ ไม่งั้นไอ้หมาตัวเท่าควายในงานเลี้ยงรุ่นจะกอดเอวเด้ามึงทำไม ฮ่า ๆ”
คีตะปากหมาไม่พอ ยังก้าวขาเข้ามาใกล้พลางยกไม้ยกมือขึ้นชี้หน้าของลูกพีชจัง ๆ ท่ามกลางผู้คนเดินผ่าน ต้องเหลียวหลังหันมามองด้วยความสงสัยว่าคนกำลังจะมีเรื่องอะไรกัน
“ไอ้…”
“พีช มันแค่คนปากหมา อย่าไปสนใจเลย”
“ใช่กูปากหมา แต่คงไม่ใช่หมาเน่าที่ไม่มีใครเอาแบบมึงหรอกไอ้เนิร์ด”
“แล้วมึงอะมีใครเอา กูเห็นแขวะคนอื่นไปเรื่อย เรื่อยจนมึงยังขึ้นปี 3 กับเขาไม่ได้เลย ตกแล้วตกอีก แบบนี้เขาไม่เรียกว่าปากหมาหรอก อย่างมึงเขาเรียกว่า ควาย”
คำพูดนิ่ง ๆ น้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีตวาดดังลั่น หรือโวยวายอะไรทั้งนั้น แต่แอบแฝงไปด้วยคำด่าตอกหน้าคีตะจนหัวร้อน
“ไอ้เจย์…”
“โทษนะคะ ช่วยหลบหน่อยค่ะรถไฟมาแล้ว”
ทว่ายังไม่ทันที่หมอนั่นจะตอบโต้หนุ่มเนิร์ดกลับมา ผู้โดยสารที่กำลังหนาแน่นในช่วงกลางวันก็เข้ามาแทรกจนดันร่างคีตะออกห่างจากทั้งคู่ได้สำเร็จ
“ไปเถอะพีช”
คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งทันที ครั้นก่อนนั้นเธอกำลังยืนอึ้งกับลีลาปากแซ่บของหนุ่มเนิร์ดหน้าตี๋ที่คุ้นเคย แต่ตอนนี้รู้สึกไม่คุ้นเคยยังไงไม่รู้แฮะ
เพราะแครักเตอร์ของเจอาร์คือคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ให้ได้ยินเลยสักครั้ง มึงเป็นใครวะ? คายเพื่อนกูออกมาเดี๋ยวนี้!!
“อ๊ะ!”
กระทั่งสติสตังวิ่งกลับมา เมื่อโดนฝ่ามือหนารวบตัวบางดันร่างเธอชิดมุมหนึ่งของตัวรถไฟ เพื่อออกห่างจากผู้คนที่กำลังทยอยเข้ามาจนเบียดเสียดกันแน่น
ความใกล้ชิดทำให้ลูกพีชรู้สึกประหม่า ยิ่งเจอาร์ก้มหน้าลงจ้องมองกันใกล้ ๆ อมยิ้มหน่อย ๆ กับจังหวะลมหายใจพ่นความร้อนออกมา
ทำให้กายสาวร้อนรน รู้สึกเสียวท้องน้อยวูบวาบ แก้มทั้งสองข้างแดงแจ๋อย่างชัดเจน ครั้นรู้แล้วว่าเขาแปลก และเปลี่ยนไป ไม่เหมือนไอ้ตี๋หน้าเนิร์ดคนที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว
1 สัปดาห์ผ่านไปหลังจากวันนั้นที่ลูกพีชพยายามร้องตามหลังของเจอาร์ออกมา ทว่าเขากลับไม่หยุดฟัง ก้าวขาเดินหนีออกจากห้องของเธอไปดื้อ ๆกระทั่งถึงตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ที่เราไม่เจอหน้ากันอีกเลย แม้ลูกพีชจะพยายามรวบรวมความกล้า ทำหน้าหนา ๆ เข้าไว้ ด้วยการทักไปหา เพื่อขอบคุณเรื่องช่วยดูแลกันในวันที่ไม่สบาย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ…“อ่านแล้วไม่ตอบด้วยนะ ไอ้ตี๋บ้าเอ๊ย ฉันไม่ง้อนายแล้วก็ได้”ในใจเกิดความสับสนหลาย ๆ อย่าง ยิ่งเห็นเขาไม่ตอบยิ่งทำให้ลูกพีชคิดไปต่าง ๆ นานา พาให้เธอไม่กล้าทักหาหนุ่มเนิร์ด อีก“หรืออาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเราใกล้ชิดกันมากเกินไปวะ?”คนตัวเล็กบ่นพึมพำ นั่งหน้ามุ้ยเข้าหากันเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกในใจ ไม่รู้ว่าแท้จริงเธอคิดแบบไหนกับเจอาร์กันแน่ ระหว่าง เพื่อน? หรือ คนรัก?แต่ถ้าคิดแบบเพื่อนกัน แล้วเพื่อนแบบไหน? พูดแล้วรู้สึกกระด้างปากตัวเองยังไงไม่รู้ เฮ้อ!“อีแคระ ทำไมวันนี้มึงหน้ามะระจังวะ”“อะไรคือหน้ามะระ?”“หน้าเละ หน้ายับไงอีดอก”“อีเดย์มึงอย่าไปแซวมัน ลูกสาวพึ่งหายจากไข้หวัดใหญ่มา”ไบร์กี้เห็นสีหน้าของน้องดูไม่ค่อยดีจึงอาจจะคิดว่าเป็นเพราะลูกพีชเมายาต
หลังจากพาลูกพีชไปโรงพยาบาล แพทย์ก็วินิจฉัยว่าเธอเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และจัดยาให้มาเป็นกระสอบ ปล่อยคนไข้กลับบ้านมาพักผ่อนตามสเต็ปส่วนคนป่วยทั้งโดนจิ้มจมูก ทั้งโดนเจาะที่ข้อพับแขนสองข้าง อีกทั้งฉีดยากระทั่งกลับคอนโดมานั่งซึมเป็นลูกหมาหน้าหงอยตัวน้อยตัวนิดน่าสงสาร ทำสองแก้มเคลือบไปด้วยหยดน้ำตาไหลพราก พากายบางสั่นเครือเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงนอน“หนาวอะ พะ พอแล้วเจย์ ไม่ต้องเช็ดตัวแล้ว”ผ้าชุบน้ำอุ่น ถูกวางลงที่กะละมังหลังจากเขาเห็นว่าร่างเล็กกำลังตัวสั่นด้วยความหนาวจากพิษไข้ จึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมลูกพีชเอาไว้ ด้วยความเป็นห่วง สุดจะทะนุถนอม“ขอกอดหน่อยสิ”แม้จะรู้ว่าลูกพีช ลูกนี้ไม่ดีต่อใจ แถมยังอันตรายกับเขาอีก ครั้นก่อนนั้นเธอวอนจะจับไข่กู แต่ตอนนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอนทว่าเพราะความสงสาร ความเป็นห่วง และความรู้สึกในใจที่มีมากกว่า เจอาร์จึงต้องยอมทำตามคำขอกอดของเธอในคราแรกเพียงแค่นอนกอดเขาเฉย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างมันเงียบสงบลง เจอาร์จึงคิดว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วจริง ๆ ร่างใหญ่ค่อย ๆ ขยับตัวออกห่าง หวังให้ลูกพีชสบายขึ้นหมับ!!“อ๊ะ!! พีช!!”แต่ที่ไหนได้ มือน้อยคว้ากอดเขาในคราแร
2 ชั่วโมงผ่านไปตลอดทั้งคืนลูกพีชไข้สูงมาก เรือนร่างหนาวสั่นยิ่งกว่าลูกนกตกน้ำ มาพร้อมกับอาการคัดแน่นจมูก และปวดศีรษะอย่างรุนแรงทำให้เจอาร์ต้องคอยอยู่ใกล้ ๆ ช่วยเช็ดตัวลดไข้ให้ทั้งเหงื่อไหลไคลย้อย เนื่องจากแอร์ไม่ได้เปิดกลัวคนตัวเล็กจะหนาวแต่ทุก ๆ อย่างที่ยอมทำให้เธอ มันออกมาจากความรู้สึกในใจของเขาล้วน ๆ และแน่นอนว่าเจอาร์ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนเลยสักครั้ง“เจอาร์”“ว่าไงครับ?”“มานอนเป็นเพื่อนหน่อย”ในคราแรกใจไม่ค่อยกล้า ทว่าพอเห็นคนตัวเล็กนอนซมเพราะพิษไข้ก็สงสาร จึงล้มตัวลงยังพื้นเตียงข้าง ๆ ร่างของเธอ“อือ เพลียร่างจัง”กระนั้นลูกพีชกลับรีบซุกเรียวหน้าสวยลงหัวไหล่ของเขา พร้อมกับอ้อมแขนเรียวยาวยื่นมากอดร่างใหญ่เอาไว้แน่นปล่อยให้ไออุ่นจากเจอาร์ และความร้อนจากกายของเธอได้โอบกอดเรือนร่างของเราเอาไว้ด้วยกัน“หนาวเข้าไปในกระดูกยังไงไม่รู้อะ”“ห่มผ้าแล้วนะ เอาอีกผืนไหม?”“ไม่เอา มันไม่อุ่นเลยสักนิด มันทรมานอะเจย์ ฮึก”น้ำเสียงไหวหวั่น ไปพร้อมกับร่างบางสั่นเครือ หยาดน้ำตาไหลพรากลงกระทบกับลานหัวไหล่ของเขา ทำให้เจอาร์สงสารลูกพีชจับใจนิ้วยาวจึงรีบซับน้ำตาให้ วันนี้เขาก็พึ่งเข้าใจความรู
“ฮ่า ๆ”เสียงขำขันดังลั่นที่ได้แกล้งน้องเล็ก ก่อนออเดย์จะชักมือออกจากการปิดกลีบปากนุ่มของลูกพีชด้วยความโคตรจะสะใจ สุด ๆ“พี่ ๆ เขาล้อเล่นกันเฉย ๆ นะเนิร์ด น้องอย่าไปฟังพวกบ้านี่เลย”ไบร์กี้รีบแก้ต่างให้น้องรัก เพราะเห็นทีว่าลูกพีชคงเอาชนะกะเทยสองคนนี้ไม่ได้ ตัวเองเป็นพี่ใหญ่จึงมีน้ำหนักมากกว่า“ครับ”คำตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ เข้าใจตรงกัน ตรงกันกับผีอะไรก่อน? แทนที่จะปฏิเสธช่วยกัน หนุ่มเนิร์ดหน้าใสได้เพียงแค่พยักหน้าให้คนพี่ ก่อนจะก้มลงจ้องมองหน้าจอมือถืออีกครั้งถามจริงจะนิ่งอีกนานไหม ลูกพีชก็อยากรู้ มันปฏิเสธคนเป็นหรือเปล่า หรือทำเป็นแค่กับเพื่อนตัวเองก่อนพ่อเอ๊ย“เห็นไหม? ไอ้ตี๋นั่นมันไม่เห็นปฏิเสธเหมือนมึงเลยอีแคระ เพราะมันไม่คิดกับมึงแค่เพื่อนไง”“โอ๊ยอยากจะบ้าตาย จะให้หนูพูดยังไงเนี่ยว่าเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ แม่”ทั้งสี่คนกระซิบกระซาบกันอยู่ปลายเตียง ก่อนจะค่อย ๆ เบือนหันไปมองไอ้เนิร์ดหน้าใสหัวใจสี่ดวงที่ยังคงนั่งดูการ์ตูนโดราเอมอนในมือถือ เหมือนเด็ก ๆทรงนี้ไม่ได้เป็นหรอกผัวอีแคระ ทรงนี้ได้เป็นลูกชายมากกว่า กูฟันธงเลย“หนูจะกลับแล้วนะ ถ้ายังแซวกันแบบนี้อะ”“เออกลับไปเลย อีช้างมึงพาอี
หลังจากอาสาจ่ายเงินค่าลิปสติกให้สาว หนุ่มเนิร์ดก็เดินตามลูกพีชออกมาจากร้าน ความเผลอไผลไปจูบเธอเมื่อครู่ พาให้เจอาร์ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแต่ก็ยังคงห่วงและเดินตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กเงียบๆ ไม่ยอมห่าง แม้ว่าต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันก็ตามไม่ต่างจากเธอ ใจดวงน้อยเอาแต่เต้นรัว ท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อร้อยตัวบินวนไปวนมา รู้สึกหวั่นไหวจนกายสาวสั่นเครือไปด้วยทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เพราะเจอาร์เป็นแค่เพื่อน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนที่เธอไว้ใจ และไม่กล้าแม้แต่จะคิดอะไรเกินเลยกับเขาด้วยซ้ำครืดดด~แต่ความคิดทั้งหมดที่กำลังโถมเข้ามา ถูกตีแตะกระจายไปครั้นมือถือเครื่องหรูในกระเป๋าสั่นเครืออย่างรุนแรง"ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วเหรอแม่ โอเคหนูจะไปแล้วตอนนี้เลย"สิ้นสายนั้นใบหน้าสวยค่อยๆ เบือนกลับมามองหน้าคนตัวสูงกว่า ด้วยท่าทางขัดเขิน ไม่กล้าแม้จะสบตาเขาด้วยซ้ำ"ฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว นายจะกลับเลยก็ได้นะแยกกันตรงนี้""เดี๋ยวเจย์ไปเป็นเพื่อน พีชจะได้ไม่เหงาไง"คนตัวเล็กยืนนิ่ง เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดี เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมกับเขาแล้ว"ไม่เป
“เฮ่ยลูกพีช พก ของเล่น มาด้วยเหรอ?”วายุเอ่ยปากแซว ทำลูกพีชตกใจ ส่งนิ้วเรียวยาวกวาดมือรวบของทุกอย่างที่อยู่บนพื้นใส่กระเป๋าด้วยความเร่งรีบจนตัวสั่น“ยังไม่ถึงวาเลนไทน์เลย พกกุหลาบสีน้ำเงินมาทำไมเนี่ย?”ทว่าดีหน่อยที่วายุ และเพทายเข้าใจว่ามันคือโมเดลของดอกไม้ จึงไม่มีใครสงสัยว่าเธอพกของเล่นผู้หญิงสุดโปรดปรานเหมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายติดกระเป๋ามาด้วย“มองอะไรอีอ้วน?”เว้นเสียแต่คนหน้าเนิร์ดเท่านั้นที่ยังคงกดตาคมคู่นั้นแน่นิ่ง พลางจ้องมองกันด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เจอ จึงทำให้สถานการณ์ตรงหน้ามันเริ่มตึงเครียดขึ้นมาดื้อ ๆราวกับว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับของเล่นชิ้นนั้น ทั้งที่ไม่มีใครรู้ความลับของเธอ นอกเสียจากพี่กะเทยทั้งสามที่เป็นคนชวนลูกพีชเข้าวงการของเล่นชิ้นโปรดนี้ด้วยตัวเอง“ลูกพีชชนะไอ้เจย์แล้ว ขอรางวัลเลย”แต่กระนั้นความสงสัยและความกระวนกระวายใจต้องชะงัก ครั้นเสียงของเพทายแทรกขึ้นกลางวงสนทนา เพื่อคะยั้นคะยอให้ลูกพีชรับรางวัลจากหนุ่มหน้าใส ด้วยการขอเข้าห้องเกียร์สีแดงดั่งที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม“ฉันอยากดูหนัง พาไปดูหน่อย”“อะ อ้าว?”ทว่าคำขอของเธอดันผิดคาด ทำให้เพทายแล