1 สัปดาห์ผ่านไป
หลังจากวันนั้นที่งานเลี้ยงรุ่น แม้จะนอนกล้วยแข็งแทบหักได้ทว่าเจอาร์ก็ยังปล่อยให้ยัยคนสวยนอนจับไข่กันจนหลับ
เอาดี ๆ กูก็งงกับตัวเองมากเหมือนกัน แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้ แต่ใจเต้นสั่นสะดีดสะดิ้งเข้าหาไอ้แม่ย้อย!
กระทั่งเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ยัยตัวแสบดันต่อสายโทรหาเขา เรื่องจะขอแวะมาพักกายที่คอนโดสักหน่อย เพื่อฆ่าเวลานั่งรอพี่สาวสองมาผ่าตัดทำนมที่โรงพยาบาลศัลยกรรมใกล้ ๆ
แล้วใครจะยอมวะ?
เพราะที่ผ่านมาเจอาร์เป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ๆ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนขึ้นมาได้ นอกจากผู้เป็นมารดา แต่ขนาดแม่ยังไล่ นับประสาอะไรกับยัยหมากระเป๋านั่นก่อน?
ทว่าคิดไปคิดมา และความสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ๆ จากการที่มารดาของทั้งคู่เป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่กายกันมานมนาน
แต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องรีบแจ้นไปเปิดประตู และยอมให้ลูกพีชขึ้นห้องง่าย ๆ นี่หว่า? ไอ้ห่าเอ๊ยโคตรงงกับใจตัวเองเลยจริง ๆ
“เชิญครับ เข้ามาก่อนสิ”
“ย้ายมาอยู่นานแล้วเหรอเจอาร์?”
น้ำเสียงใสแจ๋วเอื้อนเอ่ยถามคนตัวโตกว่า ครั้นเธอไม่เคยเข้ามาในเขตพื้นที่ของหนุ่มเนิร์ดหน้าใสเลยสักครั้ง
ทว่าเมื่อเห็นหน้าตาสดใสเปล่งประกายออร่าของลูกพีช เจอาร์ก็อดคิดถึงเรื่องราวในคืนวันเลี้ยงรุ่นไม่ได้
แต่เหตุไฉนยัยตัวแสบนี่กลับทำมึน ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรที่จับไข่กู ตกลงเรากำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหนกันวะ
“ตั้งแต่ปีหนึ่งอะ”
คำตอบนั้นพาลูกพีชนึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำเมื่อหลายปีก่อน ถึงสภาพความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขาที่มีแต่ปัญหามากมาย
จึงเป็นเหตุผลข้อหนึ่งละมั้ง ที่ทำให้เพื่อนเนิร์ดมีนิสัยนิ่งเงียบ พูดน้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครทั้งนั้น
ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม เพิ่มเติม คือ ไม่ใช่อีอ้วนคนเก่าที่ลูกพีชเคยรู้จักอีกแล้ว
เพราะเจอาร์โตเป็นหนุ่มตี๋ ผิวขาวใส สูงยาวใหญ่ ตาคม จมูกโด่ง ฟันเรียงตัวกันสวยตัดกับเรียวหน้าและริมฝีปากหยักได้รูป อย่างกับนายแบบจีนที่ลูกพีชเคยเห็นผ่าน ๆ ตามา
“ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาแค่ปีกว่า ๆ นายจะเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้นะ อีอ้วน”
“บูลี่เหรอพีช?”
“คงบูลี่ไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้นายไม่ใช่อีอ้วนของฉันอีกแล้ว”
ประโยคนั้นทำเจอาร์ชะงัก ไม่ใช่ของเธอแล้วเป็นของใครวะ? ทั้งที่เขาก็เป็นของลูกพีชมาโดยตลอด
ทว่าก็ทำได้เพียงเงียบ ก่อนจะส่งยิ้มจางๆ กลับมาให้ ในขณะคนตัวเล็กปุ๊กปิกเหมือนหมากระเป๋า เดินส่ายสะโพกโยกย้ายเข้ามาทรุดนั่งลงที่โซฟา
“ทำไมอยู่ ๆ นายถึงอยากเปลี่ยนตัวเองอะ?”
“คนเราโตขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนกันบ้างแหละ ขนาดพีชยังเปลี่ยนไปเลย”
“เปลี่ยนไปยังไง? ฉันสวยขึ้น นมใหญ่ ก้นบึ้มกว่าเมื่อก่อนมากใช่ไหมล่ะ?”
ว่าแต่ปากไม่พอ มือเรียวยังดันเต้าให้หน้าอกหน้าใจอวบฟูขึ้นใกล้ ๆ ใบหน้าของเขาอีก ไอ้ห่าวอนทำกล้วยแข็งนะแบบนี้อย่าหาทำ
แต่ก็นะ เจอาร์ก็เป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ทำอะไรออกมา น้อยครั้งที่เขาจะตอบโต้กัน ทำได้แค่ยิ้มกรุ้มกริ่มเท่านั้นเอง
“ไม่ตอบอะเจอาร์ อยากรู้ความคิดผู้ชายมองฉันยังไง?”
“ก็ดีครับ”
“แค่ดีเหรอ? ลงรายละเอียดมากกว่านี้ได้ไหมเจอาร์?”
“น่าเย*ด”
“ฮะ?”
“เปล่า ๆ หน้าเล็ก เรียวดีครับ”
เกือบฉิบหายแล้วไหมล่ะ หาคำกลบเกลื่อนความผิดแทบไม่ทันครั้นหลุดปากพูดออกไป
เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ ยัยหมากระเป๋านี่คงเอาตายแน่ ๆ
“เฮ้อ!! ไม่ได้เรื่องเลย”
เสียงหวานบ่นอุบอย่างนึกไม่พอใจ แต่ใครแคร์มิทราบ? เมื่อในสมองของคนหน้าเนิร์ด แอบคิดจินตนาการถึงท่วงท่าและจังหวะบทรักร้อนแรงบนเตียงกับเธอรอแล้ว
ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาคิดลามกกับเพื่อนตัวเอง เพื่อนใครนะ? ไม่ใช่เพื่อนกูแน่ ๆ แล้วหนึ่ง
นึกได้นิ้วยาวเร่งรีบถอดแว่นหนาออก ขยี้ตารัว ๆ เพื่อดึงสติกลับคืนมาอยู่กับปัจจุบัน
“ถอดแว่นแล้วหล่อนะเนี่ย ไหนๆ นายลองยืน กำมือขึ้นแล้วหมุน ๆ ชูมือขึ้นโบกไปมาดูสิ๊”
ประโยคเสียงออดอ้อนปนออกคำสั่ง ทำกูก็บ้าจี้ไปกับยัยนี่อีกต่างหาก สภาพ
เมื่อร่างใหญ่ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะรีบหมุนไปมาอย่างว่าง่ายราวกับลูกหมาวัยอนุบาลสุดเชื่อง
“นายไม่ต้องใส่แล้วแว่น ไม่หล่อเลย”
“ไม่เอาอะพีช เจย์ชอบใส่แว่นมากกว่า”
ว่าจบมือหนาเร่งคว้าดึงแว่นกลับคืนมา ทว่าคนตัวเล็กกว่ายึดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้เขา
ก่อนร่างสาวจะขยับตัวเข้ามาใกล้ พลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้น แล้วระบายยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างมีนัยบางอย่าง
ยิ่งลูกพีชทำแบบนี้หัวใจดวงโตกว่า เอาแต่เต้นสั่น รัว เร็ว แรง แซงทุกทางโค้ง ครั้นใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่ปลายจมูกกั้นเท่านั้นเอง
“ไม่แน่นะ ถ้าถอดแว่นเปลี่ยนลุคใหม่ ฉันอาจจะ…จับนายทำผัวก็ได้”
ได้ยินแบบนั้นทำคนเนิร์ดสตันไปทันที รั้งก้อนเนื้อกลางอกซ้ายเต้นกระหน่ำแรงกว่าเก่า แทบกระเด็นออกจากขั้วปอดมากองอยู่บนตักแทนแล้ว ไอ้ฉิบหาย!
“ฮ่า ๆ ล้อเล่น”
เสียงหัวเราะขำขันดังลั่นก่อนจะดึงสติของเจอาร์กลับคืนมา ค่อย ๆ ปรับสีหน้าให้มันเป็นปกติ เหมือนกับว่าไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของลูกพีชเลยสักนิด
ไม่คิดก็เหี้ยแล้ว! ทั้งที่ความจริงใจกูเต้นสั่นโครมครามราวกับวิ่งหนีกระสุนปืนอยู่ในสนามรบแล้วไอ้ห่า ขำแห้งสุด
“คงเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก เราเป็นเพื่อนกัน มาตั้งนานนี่เนาะ คิดแล้วขนลุกอะ”
เหอะ! ปากบอกว่าขนลุก ใครเอ่ยขนลุก กูครับที่ต้องขนลุก ยัยบ้านี่หลุดโลกมาก!
กล้าพูดมาได้ไงว่าเธอไม่คิดกับเขาเกินเพื่อน ไม่คิดเกินเพื่อนแล้วมาจับไข่กูนอนเนี่ยนะ? คือเพื่อนกันเขาทำงี้เหรอวะ? รู้สึกหงุดหงิด และแค้นใจนิด ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
“ว่าแต่นายก็ยังมีแก้มเยอะอยู่นะเนี่ย อีอ้วนเอ๊ย”
ว่าจบ นิ้วบางก็ยื่นมาบีบลงที่พวงแก้มของเขา ด้วยท่าทางมันเขี้ยวสุด ๆ
เนี่ย! ก็เป็นซะแบบนี้ไง ถึงไม่แน่ใจว่าควรต้องจัดการยังไงกับหมากระเป๋าตัวนี้ดี
เห็นแล้วหมั่นไส้ ใจจึงนึกอยากจะแกล้งยั่วเธอสักหน่อย สักหน่อยจริง ๆ ขอสักทีเถอะ
“ทำไมวันนี้พีชตัวหอมจัง?”
“หอมไหม? ฉันพึ่งลองน้ำหอมที่ซื้อมาใหม่”
คนเนิร์ดแว่นใส เร่งขยับตัวและโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ จงใจสูดดมข้าง ๆ พวงแก้มเนียนจนลูกพีชรู้สึกถึงลมร้อนที่พ่นออกมา
พาให้ร่างสาวรู้สึกแปลกประหลาดใจยังไงไม่รู้ เหมือนวันนั้นที่งานเลี้ยงรุ่นเป๊ะ
“หอม เจย์ชอบพีช เอ๊ย!! ไม่ใช่!! เจย์ชอบกลิ่นนี้ของพีช”
“ฮ่า ๆ”
เท่านั้นแหละเสียงหวานขำขันดังกลบเกลื่อนลั่นห้อง ที่เขาตั้งใจพูดประโยคนั้นผิด ๆ ถูก ๆ
ไหนใครพูดผิดไม่ทราบ กูตั้งใจพูดแบบนั้นเองต่างหาก
“ช่วงนี้พีชกินน้ำน้อยเหรอ? ดูปากแห้ง ๆ นะ”
“อ้าวเหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นทำให้ลูกพีชรู้สึกประหม่าหน่อย ๆ นิ้วบางจึงคว้าได้ลิปออยล์ออกมาจากกระเป๋า
“ช่วยไหม?”
“ได้ เอาสวย ๆ นะ ห้ามให้เลอะออกนอกปากด้วย”
ว่าจบเจอาร์ก็รีบโน้มตัวเข้าหา ก่อนจะยกเรียวขาทั้งสองข้างของเธอขึ้นพาดบนตักแกร่ง ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยเต้นสั่นหวั่นไหวกับการกระทำสุดเปลี่ยนไปของเขา
แต่เมื่อมองเห็นคนตรงหน้าถือแท่งลิปสติก จึงได้สติว่าเธอไม่ควรคิดกับเจอาร์แบบนั้น
เพราะเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด ลูกพีชจึงค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้
ทว่าความใกล้ชิด และกลิ่นกายใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ทำใจทั้งดวงของคนตัวโตกว่าเต้นสั่นรัว นัยน์ตาคมทั้งสองข้างโฟกัสที่เรียวปากอวบอิ่มของเธอนิ่ง
ให้ตายเถอะทำไมยัยหมาประเป๋านี่ถึงมีดาเมจรุนแรงถึงขนาดนี้วะ?
เมื่อกายสองกายแนบชิดสนิทสนมใกล้ กับจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นสั่นจนแทบบ้า มือนุ่มหนายกขึ้นสัมผัสลงยังกรอบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม
ทุก ๆ องศา และทุก ๆ ท่วงท่ามันช่างเป็นใจให้เขาอยากจูบเธอเสียเหลือเกิน
แต่อีกนิดเดียวเท่านั้น แค่ลิปสติกแท่งบางกั้นเอาไว้ กับสมองที่ยังคงยั้งความรู้สึกได้ทันก่อน
ซึ่งไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้ถึงความใกล้ชิดมากเกินไป จนได้กลิ่นตัวหอมอ่อน ๆ จากเขา กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นที่รู้เลยว่าเป็นใคร ไม่ต้องเดาอะไรทั้งนั้นก็ถูกต้องพันเปอร์เซ็นต์
ในจังหวะที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับกลิ่นตัวของเจอาร์ ลูกพีชต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ถึงไอร้อนรดใบหน้า
“เสร็จยัง?”
เสียงหวานจึงแทรกขึ้น ดึงสติว่าเขากำลังจะล้ำเส้นไป ทั้งที่กูอยากล้ำแทบตาย แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ นิ้วมือจึงสะบัดทาลิปออยล์ลงที่เรียวปากอวบอิ่มทันที
งั่ม!!
ความมันเขี้ยว และความรู้สึกมากมายในใจ คนเนิร์ดก้มต่ำกดฟันคมลงที่ลานไหล่กว้างของเธอ จังๆ เพื่อระบายความอัดอั้นจากเมื่อครู่ จนเป็นรอยแดง
“อ๊ะ!! นายกัดฉันทำไม?”
ก่อนคนตัวเล็กจะสะดุ้งตกใจ รีบผละร่างใหญ่ออกห่างพลางยกมือลูบลานหัวไหล่ของตัวเอง ในขณะที่มันกำลังเลอะไปด้วยคราบน้ำลายของเขา
“มันเขี้ยวว่ะ”
“เป็นหมาบ้าหรือยังไงเนี่ยเจอาร์?”
“ฮ่า ๆ”
“ยังจะมาขำอีก ไม่ขอโทษฉัน....”
ประโยคนั้นยังไม่ทันจบดี ทุกอย่างเงียบสงบลงทันใด ครั้นดวงตากลมบ้องแบ๊วคู่นั้นหันไปเจอกับ บานประตูสีแดงขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยเกียร์สีดำฉาบเอาไว้อย่างชัดเจน
“นั่นห้องอะไรอะ?”
“อย่า!! อย่าเข้าไป พีช!!”
1 สัปดาห์ผ่านไปหลังจากวันนั้นที่ลูกพีชพยายามร้องตามหลังของเจอาร์ออกมา ทว่าเขากลับไม่หยุดฟัง ก้าวขาเดินหนีออกจากห้องของเธอไปดื้อ ๆกระทั่งถึงตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ที่เราไม่เจอหน้ากันอีกเลย แม้ลูกพีชจะพยายามรวบรวมความกล้า ทำหน้าหนา ๆ เข้าไว้ ด้วยการทักไปหา เพื่อขอบคุณเรื่องช่วยดูแลกันในวันที่ไม่สบาย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ…“อ่านแล้วไม่ตอบด้วยนะ ไอ้ตี๋บ้าเอ๊ย ฉันไม่ง้อนายแล้วก็ได้”ในใจเกิดความสับสนหลาย ๆ อย่าง ยิ่งเห็นเขาไม่ตอบยิ่งทำให้ลูกพีชคิดไปต่าง ๆ นานา พาให้เธอไม่กล้าทักหาหนุ่มเนิร์ด อีก“หรืออาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเราใกล้ชิดกันมากเกินไปวะ?”คนตัวเล็กบ่นพึมพำ นั่งหน้ามุ้ยเข้าหากันเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกในใจ ไม่รู้ว่าแท้จริงเธอคิดแบบไหนกับเจอาร์กันแน่ ระหว่าง เพื่อน? หรือ คนรัก?แต่ถ้าคิดแบบเพื่อนกัน แล้วเพื่อนแบบไหน? พูดแล้วรู้สึกกระด้างปากตัวเองยังไงไม่รู้ เฮ้อ!“อีแคระ ทำไมวันนี้มึงหน้ามะระจังวะ”“อะไรคือหน้ามะระ?”“หน้าเละ หน้ายับไงอีดอก”“อีเดย์มึงอย่าไปแซวมัน ลูกสาวพึ่งหายจากไข้หวัดใหญ่มา”ไบร์กี้เห็นสีหน้าของน้องดูไม่ค่อยดีจึงอาจจะคิดว่าเป็นเพราะลูกพีชเมายาต
หลังจากพาลูกพีชไปโรงพยาบาล แพทย์ก็วินิจฉัยว่าเธอเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และจัดยาให้มาเป็นกระสอบ ปล่อยคนไข้กลับบ้านมาพักผ่อนตามสเต็ปส่วนคนป่วยทั้งโดนจิ้มจมูก ทั้งโดนเจาะที่ข้อพับแขนสองข้าง อีกทั้งฉีดยากระทั่งกลับคอนโดมานั่งซึมเป็นลูกหมาหน้าหงอยตัวน้อยตัวนิดน่าสงสาร ทำสองแก้มเคลือบไปด้วยหยดน้ำตาไหลพราก พากายบางสั่นเครือเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงนอน“หนาวอะ พะ พอแล้วเจย์ ไม่ต้องเช็ดตัวแล้ว”ผ้าชุบน้ำอุ่น ถูกวางลงที่กะละมังหลังจากเขาเห็นว่าร่างเล็กกำลังตัวสั่นด้วยความหนาวจากพิษไข้ จึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมลูกพีชเอาไว้ ด้วยความเป็นห่วง สุดจะทะนุถนอม“ขอกอดหน่อยสิ”แม้จะรู้ว่าลูกพีช ลูกนี้ไม่ดีต่อใจ แถมยังอันตรายกับเขาอีก ครั้นก่อนนั้นเธอวอนจะจับไข่กู แต่ตอนนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอนทว่าเพราะความสงสาร ความเป็นห่วง และความรู้สึกในใจที่มีมากกว่า เจอาร์จึงต้องยอมทำตามคำขอกอดของเธอในคราแรกเพียงแค่นอนกอดเขาเฉย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างมันเงียบสงบลง เจอาร์จึงคิดว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วจริง ๆ ร่างใหญ่ค่อย ๆ ขยับตัวออกห่าง หวังให้ลูกพีชสบายขึ้นหมับ!!“อ๊ะ!! พีช!!”แต่ที่ไหนได้ มือน้อยคว้ากอดเขาในคราแร
2 ชั่วโมงผ่านไปตลอดทั้งคืนลูกพีชไข้สูงมาก เรือนร่างหนาวสั่นยิ่งกว่าลูกนกตกน้ำ มาพร้อมกับอาการคัดแน่นจมูก และปวดศีรษะอย่างรุนแรงทำให้เจอาร์ต้องคอยอยู่ใกล้ ๆ ช่วยเช็ดตัวลดไข้ให้ทั้งเหงื่อไหลไคลย้อย เนื่องจากแอร์ไม่ได้เปิดกลัวคนตัวเล็กจะหนาวแต่ทุก ๆ อย่างที่ยอมทำให้เธอ มันออกมาจากความรู้สึกในใจของเขาล้วน ๆ และแน่นอนว่าเจอาร์ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนเลยสักครั้ง“เจอาร์”“ว่าไงครับ?”“มานอนเป็นเพื่อนหน่อย”ในคราแรกใจไม่ค่อยกล้า ทว่าพอเห็นคนตัวเล็กนอนซมเพราะพิษไข้ก็สงสาร จึงล้มตัวลงยังพื้นเตียงข้าง ๆ ร่างของเธอ“อือ เพลียร่างจัง”กระนั้นลูกพีชกลับรีบซุกเรียวหน้าสวยลงหัวไหล่ของเขา พร้อมกับอ้อมแขนเรียวยาวยื่นมากอดร่างใหญ่เอาไว้แน่นปล่อยให้ไออุ่นจากเจอาร์ และความร้อนจากกายของเธอได้โอบกอดเรือนร่างของเราเอาไว้ด้วยกัน“หนาวเข้าไปในกระดูกยังไงไม่รู้อะ”“ห่มผ้าแล้วนะ เอาอีกผืนไหม?”“ไม่เอา มันไม่อุ่นเลยสักนิด มันทรมานอะเจย์ ฮึก”น้ำเสียงไหวหวั่น ไปพร้อมกับร่างบางสั่นเครือ หยาดน้ำตาไหลพรากลงกระทบกับลานหัวไหล่ของเขา ทำให้เจอาร์สงสารลูกพีชจับใจนิ้วยาวจึงรีบซับน้ำตาให้ วันนี้เขาก็พึ่งเข้าใจความรู
“ฮ่า ๆ”เสียงขำขันดังลั่นที่ได้แกล้งน้องเล็ก ก่อนออเดย์จะชักมือออกจากการปิดกลีบปากนุ่มของลูกพีชด้วยความโคตรจะสะใจ สุด ๆ“พี่ ๆ เขาล้อเล่นกันเฉย ๆ นะเนิร์ด น้องอย่าไปฟังพวกบ้านี่เลย”ไบร์กี้รีบแก้ต่างให้น้องรัก เพราะเห็นทีว่าลูกพีชคงเอาชนะกะเทยสองคนนี้ไม่ได้ ตัวเองเป็นพี่ใหญ่จึงมีน้ำหนักมากกว่า“ครับ”คำตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ เข้าใจตรงกัน ตรงกันกับผีอะไรก่อน? แทนที่จะปฏิเสธช่วยกัน หนุ่มเนิร์ดหน้าใสได้เพียงแค่พยักหน้าให้คนพี่ ก่อนจะก้มลงจ้องมองหน้าจอมือถืออีกครั้งถามจริงจะนิ่งอีกนานไหม ลูกพีชก็อยากรู้ มันปฏิเสธคนเป็นหรือเปล่า หรือทำเป็นแค่กับเพื่อนตัวเองก่อนพ่อเอ๊ย“เห็นไหม? ไอ้ตี๋นั่นมันไม่เห็นปฏิเสธเหมือนมึงเลยอีแคระ เพราะมันไม่คิดกับมึงแค่เพื่อนไง”“โอ๊ยอยากจะบ้าตาย จะให้หนูพูดยังไงเนี่ยว่าเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ แม่”ทั้งสี่คนกระซิบกระซาบกันอยู่ปลายเตียง ก่อนจะค่อย ๆ เบือนหันไปมองไอ้เนิร์ดหน้าใสหัวใจสี่ดวงที่ยังคงนั่งดูการ์ตูนโดราเอมอนในมือถือ เหมือนเด็ก ๆทรงนี้ไม่ได้เป็นหรอกผัวอีแคระ ทรงนี้ได้เป็นลูกชายมากกว่า กูฟันธงเลย“หนูจะกลับแล้วนะ ถ้ายังแซวกันแบบนี้อะ”“เออกลับไปเลย อีช้างมึงพาอี
หลังจากอาสาจ่ายเงินค่าลิปสติกให้สาว หนุ่มเนิร์ดก็เดินตามลูกพีชออกมาจากร้าน ความเผลอไผลไปจูบเธอเมื่อครู่ พาให้เจอาร์ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแต่ก็ยังคงห่วงและเดินตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กเงียบๆ ไม่ยอมห่าง แม้ว่าต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันก็ตามไม่ต่างจากเธอ ใจดวงน้อยเอาแต่เต้นรัว ท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อร้อยตัวบินวนไปวนมา รู้สึกหวั่นไหวจนกายสาวสั่นเครือไปด้วยทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เพราะเจอาร์เป็นแค่เพื่อน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนที่เธอไว้ใจ และไม่กล้าแม้แต่จะคิดอะไรเกินเลยกับเขาด้วยซ้ำครืดดด~แต่ความคิดทั้งหมดที่กำลังโถมเข้ามา ถูกตีแตะกระจายไปครั้นมือถือเครื่องหรูในกระเป๋าสั่นเครืออย่างรุนแรง"ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วเหรอแม่ โอเคหนูจะไปแล้วตอนนี้เลย"สิ้นสายนั้นใบหน้าสวยค่อยๆ เบือนกลับมามองหน้าคนตัวสูงกว่า ด้วยท่าทางขัดเขิน ไม่กล้าแม้จะสบตาเขาด้วยซ้ำ"ฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว นายจะกลับเลยก็ได้นะแยกกันตรงนี้""เดี๋ยวเจย์ไปเป็นเพื่อน พีชจะได้ไม่เหงาไง"คนตัวเล็กยืนนิ่ง เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดี เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมกับเขาแล้ว"ไม่เป
“เฮ่ยลูกพีช พก ของเล่น มาด้วยเหรอ?”วายุเอ่ยปากแซว ทำลูกพีชตกใจ ส่งนิ้วเรียวยาวกวาดมือรวบของทุกอย่างที่อยู่บนพื้นใส่กระเป๋าด้วยความเร่งรีบจนตัวสั่น“ยังไม่ถึงวาเลนไทน์เลย พกกุหลาบสีน้ำเงินมาทำไมเนี่ย?”ทว่าดีหน่อยที่วายุ และเพทายเข้าใจว่ามันคือโมเดลของดอกไม้ จึงไม่มีใครสงสัยว่าเธอพกของเล่นผู้หญิงสุดโปรดปรานเหมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายติดกระเป๋ามาด้วย“มองอะไรอีอ้วน?”เว้นเสียแต่คนหน้าเนิร์ดเท่านั้นที่ยังคงกดตาคมคู่นั้นแน่นิ่ง พลางจ้องมองกันด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เจอ จึงทำให้สถานการณ์ตรงหน้ามันเริ่มตึงเครียดขึ้นมาดื้อ ๆราวกับว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับของเล่นชิ้นนั้น ทั้งที่ไม่มีใครรู้ความลับของเธอ นอกเสียจากพี่กะเทยทั้งสามที่เป็นคนชวนลูกพีชเข้าวงการของเล่นชิ้นโปรดนี้ด้วยตัวเอง“ลูกพีชชนะไอ้เจย์แล้ว ขอรางวัลเลย”แต่กระนั้นความสงสัยและความกระวนกระวายใจต้องชะงัก ครั้นเสียงของเพทายแทรกขึ้นกลางวงสนทนา เพื่อคะยั้นคะยอให้ลูกพีชรับรางวัลจากหนุ่มหน้าใส ด้วยการขอเข้าห้องเกียร์สีแดงดั่งที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม“ฉันอยากดูหนัง พาไปดูหน่อย”“อะ อ้าว?”ทว่าคำขอของเธอดันผิดคาด ทำให้เพทายแล